เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 919 ใครเป็นคนทำ! + ตอนที่ 920 เขาเป็นคนทำ!
ตอนที่ 919 ใครเป็นคนทำ! + ตอนที่ 920 เขาเป็นคนทำ!
ตอนที่ 919 ใครเป็นคนทำ!
ระหว่างพูด เซียวอี้หานยังให้สัญญาณเฟิ่งจิ่วมองไปยังต้นไม้แห้งเหี่ยวรอบๆ พวกนั้น สีหน้าท่าทางมีความสนใจอยู่บางส่วน “เจ้าบรรลุขั้นอย่างไรกันแน่ นึกไม่ถึงว่าจะดูดซับพลังวิญญาณที่นี่ไปหมด หนำซ้ำแม้แต่พลังชีวิตในแถบนี้ยังถูกเจ้าตัดไป จิ๊ๆ การเคลื่อนไหวใหญ่โตไม่ธรรมดาจริงๆ”
ยามนี้เฟิ่งจิ่วถึงจะสังเกตต้นไม้รอบข้างบ้าง เมื่อเห็นต้นไม้แห้งตายพวกนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตาค้าง “ทะ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ข้าแค่ฝึกบำเพ็ญ ทำไมต้นไม้พวกนี้ถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว?”
เธอพูดไม่ออกเล็กน้อย ใจยิ่งรู้สึกผิด แถบนี้เดิมทีเป็นผืนป่าเขียวขจี แต่ตอนนี้ไม่เห็นใบไม้เขียวสักใบ หนำซ้ำต้นไม้พวกนั้นยังแห้งเหี่ยว กลิ่นอายพลังวิญญาณในอากาศน้อยลงเธอไม่ต้องพูดถึง แต่ทำไมพลังชีวิตของต้นไม้ถึงน้อยไปด้วย?
“เป็นอย่างไร? ข้าก็บอกว่าเจ้ามีปัญหาแล้วนี่? นี่เป็นถึงแดนลับของสำนักศึกษาสองดารา เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝึกบำเพ็ญ ความเคลื่อนไหวพวกนี้เกรงว่า…เฮ้อ”
เขาส่ายหน้าถอนหายใจ คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าแก้ไขได้ง่ายดายเพียงนั้น ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่ของสำนักศึกษาสองดารา หากพวกเขาเป็นนักเรียนสำนักศึกษาสองดารายังดี แต่กลับเป็นนักเรียนสำนักศึกษาหกดารา เป็นใครเห็นสถานที่ของตนเองถูกทำลายกลายเป็นเช่นนี้ก็ต้องโกรธเป็นฟืนไฟกันทั้งนั้น
“นี่ข้า…”
ในใจเธอเกิดความเกรงกลัว ยังเอ่ยไม่ทันจบก็เห็นหลายสิบร่างปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าทุกคน เฟิ่งจิ่วเห็นหลายสิบร่างนั้นก็ขนลุกซู่
“เฮือก! นะ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” เจ้าสำนักศึกษาสองดารามองต้นไม้แห้งรอบๆ รวมถึงกลิ่นอายพลังวิญญาณที่แห้งเหือด อดสูดลมหายใจมิได้ รู้สึกแต่ว่าเบื้องหน้าดำมืดและเชื่อไม่ลงเล็กน้อย
นอกจากรองเจ้าสำนักศึกษาสองดารา คนที่เข้ามายังมีผู้อาวุโสสองคนของพวกเขา รวมถึงรองเจ้าสำนักของแต่ละสำนักศึกษา ยามนี้ทุกคนเห็นสภาพด้านในนี้ แต่ละคนต่างตะลึงตาค้าง ยากจะเชื่อได้ลง
“กลิ่น กลิ่นอายพลังวิญญาณในนี้…นะ นี่…”
เมื่อทุกคนเห็นภาพในนี้ต่างพูดอะไรไม่ออก แม้พวกเขาเป็นคนสำนักศึกษาอื่น แต่ก็รู้ถึงความสำคัญของพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝึกบำเพ็ญ ยามนี้นักเรียนจากสำนักศึกษาต่างๆ เพิ่งเข้ามาแค่ครึ่งเดือน กลิ่นอายพลังวิญญาณในนี้ก็ไม่เหลือสักนิดแล้ว หนำซ้ำแม้แต่พลังชีวิตต้นไม้ยังสูญสิ้น ภาพเช่นนี้เหมือนผ่านภัยพิบัติมาก็ว่าได้ ถูกทำลายเสียจนทำให้รู้สึกว่าเหลือเชื่อ
มีเพียงกวนเหล่ารองเจ้าสำนักศึกษาหกดารา หลังจากเข้ามาเห็นภาพในนี้ อย่างแรกก็มองไปทางนักเรียนสำนักศึกษาหกดารารอบๆ ดวงตามองผ่านนักเรียนหลายคนที่นี่ สายตามองผ่านไป เมื่อหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่วที่กำลังรู้สึกผิด ก็สูดลมหายใจเบาๆ โดยพลัน ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
หากบอกว่าในนี้ใครมีความสามารถทำลายล้างผลาญ แน่นอนว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฟิ่งจิ่ว โดยเฉพาะยามนี้นางยังเผยความเสียใจและรู้สึกผิดออกมาบางส่วน ครั้นเห็นท่าทางเช่นนี้ตรงหน้า เขาอยากจะตะโกนว่าสวรรค์
เป็นฝีมือนางจริงๆ หรือ? นางทำอะไรในนี้กันแน่? ไม่นึกว่าจะรีดกลิ่นอายพลังวิญญาณที่อบอวลในนี้จนแห้ง? แม้แต่พลังชีวิตในแถบนี้ยังถูกทำลาย? หะ หากนี่เป็นฝีมือนางจริง จะอธิบายกับพวกเจ้าสำนักศึกษาสองดาราอย่างไรดี?
“ใคร! ใครเป็นคนทำ? พวกนี้เป็นฝีมือใครกันแน่?”
เจ้าสำนักศึกษาสองดาราแผดเสียงอย่างโกรธเคือง สายตาดุร้ายแฝงด้วยแรงกดดันของผู้แข็งแกร่ง เพียงเปล่งเสียงตะโกนเกรี้ยวกราด กลิ่นอายพลังวิญญาณแต่ละวงที่เห็นได้ด้วยตาเปล่ายังกวัดแกว่งตามออกไป
………………………………………………….
ตอนที่ 920 เขาเป็นคนทำ!
“เขา! เขาเป็นคนทำ!”
“ใช่ขอรับ เป็นเขานั่นแหละ เขาเป็นคนทำ!”
“เป็นนักเรียนสำนักศึกษาหกดาราคนนี้ ฝีมือเจ้าเด็กนามเฟิ่งจิ่วคนนี้ขอรับ!”
แต่ละเสียงที่มีการกล่าวโทษและความขุ่นเคืองดังมา สายตาโกรธเคืองของนักเรียนแต่ละคนถลึงมองเฟิ่งจิ่ว มือแต่ละคู่ชี้ไปทางฝ่ายตรงข้าม สำหรับพวกเขา เฟิ่งจิ่วคนนี้กลายเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแล้ว พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิ่งจิ่ว เช่นนั้นต้องให้พวกเจ้าสำนักมาจัดการ!
เขาตัดพลังชีวิตของต้นไม้ในนี้ไปหมด ซ้ำยังรีดกลิ่นอายพลังวิญญาณจนเกือบแห้ง และยังแย่งกลิ่นอายพลังวิญญาณไปจากพวกเขา ทำให้ช่วงนี้พวกเขาฝึกบำเพ็ญไม่ได้ หากปล่อยเขาไปเช่นนี้ก็ยากเกินกว่าจะขจัดโทสะในใจพวกเขา
เฟิ่งจิ่วฟังคำกล่าวโทษจากทุกคนแล้วขนหัวลุก โดยเฉพาะเมื่อพวกผู้อาวุโสกับเจ้าสำนักศึกษาสองดารา หรือแม้แต่รองเจ้าสำนักอื่นๆ ต่างมองมาทางเธออย่างตกตะลึงและประหลาดใจ เธอยิ่งรู้สึกผิดเป็นที่สุด
ไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นเพราะเธอจริงๆ ภายในแดนลับนี้ถึงกลายเป็นเช่นนี้ ข้อนี้ไม่ยอมรับไม่ได้ ถึงแม้เธอไม่ได้ตั้งใจก็ตาม…
เอ่อ อันที่จริงไม่นึกว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นเช่นนี้ และเธอก็ไม่นึกว่าแค่ดูดซับก็แทบรีดเค้นกลิ่นอายพลังวิญญาณในนี้จนแห้ง แม้แต่พลังชีวิตของต้นไม้พวกนี้ยังไม่เว้น แต่ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแม้แต่พลังชีวิตของต้นไม้พวกนั้นยังโดนดูดจนแห้ง ข้อนี้ช่างน่าฉงนจริงๆ
“ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง?”
เมื่อสายตาสองผู้อาวุโสกับเจ้าสำนักศึกษาสองดาราหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่ว แวบเดียวก็มองระดับพลังออก และต้องแอบตกใจอย่างอดไม่ได้ เหตุใดในหมู่นักเรียนถึงมีผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง? หนำซ้ำนักเรียนยังอายุน้อยเช่นนี้อีก ดูท่าทางจะอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปด
รองเจ้าสำนักศึกษาหกดาราได้ยินคำพูดนี้ก็ตกใจ รีบร้อนมองทางเฟิ่งจิ่ว มองครานี้ถึงพบว่านางทะลวงขั้นกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแล้วจริงๆ จึงอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง คนอื่นไม่รู้ แต่เขารู้ว่าเมื่อปีก่อนนางเพิ่งบรรลุกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน รอบนี้น่าจะยังไม่ถึงหนึ่งปีเลยกระมัง? นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังเสียแล้ว?
อยู่ในนี้เป็นเวลาสั้นๆ สิบห้าวัน? เฮือก! มิน่านางถึงรีดกลิ่นอายพลังวิญญาณในนี้จนแห้ง ทว่าการดูดซับเหนี่ยวนำพลังวิญญาณของคนคนหนึ่งก็มีขีดจำกัด แล้วนางรีดกลิ่นอายพลังวิญญาณในนี้จนแห้งหมด แม้แต่พลังชีวิตในต้นไม้พวกนั้นก็ยังไม่เว้นได้อย่างไร?
“เรื่องนั้น ข้าไม่ได้ตั้งใจ แค่ฝึกบำเพ็ญอยู่ในนี้และบรรลุขั้นโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นพอออกมาดูก็กลายเป็นเช่นนี้แล้ว จริงๆ นะขอรับ ข้าไม่นึกว่าจะเป็นเช่นนี้จริงๆ” เฟิ่งจิ่วกล่าวอย่างร้อนรน สีหน้าอักอ่วน เจือด้วยความรู้สึกเสียใจ
“ฝึกบำเพ็ญไปก็บรรลุขั้นแล้ว?”
สีหน้าโกรธเกรี้ยวของเจ้าสำนักศึกษาสองดาราเปลี่ยนเป็นประหลาดเพราะคำพูดเฟิ่งจิ่ว “เจ้าจะบอกว่าตนเองฝึกบำเพ็ญอยู่ในนี้ จากนั้นก็ข้ามจากผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานไปถึงระดับหลอมแก่นพลังภายในเวลาสั้นๆ สิบห้าวันนี้หรือ”
ภายใต้สายตาโกรธเคืองแต่ละคู่จากพวกเขา เธอขานรับอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ใช่ ใช่ขอรับ! ท่านเจ้าสำนัก ท่านต้องเชื่อข้านะ ข้าไม่นึกจริงๆ ว่าจะเป็นเช่นนี้ จริงๆ นะขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจรีดพลังวิญญาณในนี้จนแห้ง ข้าได้ยินว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณในนี้จะรวมกันต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงไม่กังวล…”
ทุกคนจ้องมองหนุ่มน้อยที่มีสีหน้าขออภัย เพียงรู้สึกว่าเหลือเชื่อเป็นที่สุด เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีคนหนึ่ง กลายเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังเช่นนี้หรือ?
………………………………………………….