เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 947 หนิงหลางแห่งเมืองหนิง + ตอนที่ 948 จอมละโมบแห่งเมืองหนิง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 947 หนิงหลางแห่งเมืองหนิง + ตอนที่ 948 จอมละโมบแห่งเมืองหนิง
ตอนที่ 947 หนิงหลางแห่งเมืองหนิง + ตอนที่ 948 จอมละโมบแห่งเมืองหนิง
ตอนที่ 947 หนิงหลางแห่งเมืองหนิง
“อ๊าก!”
เสียงร้องหวาดกลัวที่เล็กแหลมทำลายซึ่งความเงียบในเวลานี้ เห็นแต่ชายที่บาดเจ็บตรงข้อมือกรีดร้องจะหนีไป แทบจะทันทีที่เสียงร้องชายคนนั้นดังขึ้น ผู้ฝึกตนที่หน้าท้องและไหล่บาดเจ็บก็หมุนตัวหมายจะหนีไปเช่นกัน
ทว่ายามเห็นสองร่างนั้น เฟิ่งจิ่วยกริมฝีปาก “คิดจะหนีหรือ? สายไปแล้ว” สิ้นเสียง ร่างสีแดงก็จู่โจมออกไป จัดการคนทั้งสองอย่างแทบจะไม่ยากเย็นสักนิด
ต้วนเยี่ยเห็นสองศพที่แน่นิ่งเพิ่มมาบนพื้นก็กลืนน้ำลาย จ้องมองเฟิ่งจิ่วด้วยสีหน้าตกใจและนับถือ “แข็งแกร่งนัก…”
ใช่ แข็งแกร่งยิ่ง! แกร่งมากกว่ากำลังของเขาเสียอีก!
ตลอดมาเขานึกว่ากำลังและฝีมือของตนเองมีคู่แข่งน้อยนักในรุ่นเดียวกัน ถึงอย่างไรเขาก็สังหารคนข้ามระดับได้ คนทั่วไปยังทำไม่ได้ถึงขั้นนี้ แต่วันนี้เห็นพละกำลังและฝีมือของเฟิ่งจิ่ว เขาไม่อุทานชื่นชมไม่ได้
แกร่งมากจริงๆ!
“เจ้าจะนิ่งอึ้งทำไม? รีบคว้าสิ่งของมีค่าบนตัวพวกเขาและหนีกันเร็ว!” เฟิ่งจิ่วที่นั่งยองลงควานหาสิ่งของจากศพข้างเท้าหันกลับไปตะโกนใส่ต้วนเยี่ย
“อ้อ ได้ๆ” ต้วนเยี่ยขานรับอย่างอึ้งๆ นั่งยองลงปล้นสิ่งของมีค่าบนร่างศพเหล่านั้นจนหมดเกลี้ยงตามสัญชาตญาณแทบจะทันที สุดท้ายก็นำของพวกนั้นไปเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่ว
“นี่ อยู่ตรงนี้หมดแล้ว ให้เจ้า” เขายกสิ่งของให้เฟิ่งจิ่วทั้งหมด สิ่งของพวกนี้แม้มีราคาอยู่บ้าง แต่ยังไม่เข้าตาเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาเกิดในราชวงศ์ ไม่ขาดเงินมาแต่ไหนแต่ไร
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขา ไม่พูดอะไรมาก หลังจากรับมาก็เก็บของเข้าห้วงมิติ “ไปๆๆ ประเดี๋ยวต้องมีคนมาอีกแน่ รีบไปกันเถอะ” กล่าวพลางโยนขนนกบินและพาอสูรกลืนเมฆากระโดดขึ้นไป
ต้วนเยี่ยเห็นเช่นนั้นก็เร่งเรียกพลัง กระโดดตามไปนั่งบนขนนกบิน เมื่อขนนกพาพวกเขาบินไปบนท้องฟ้า ผ่านไปสักพักหนึ่งเขาถึงจะถามว่า “เฟิ่งจิ่ว ทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งเพียงนั้น นั่นเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด นึกไม่ถึงว่าจะฆ่าเขาได้ในสามกระบวนท่า? วรยุทธ์เจ้าอยู่แค่หลอมแก่นพลังจริงหรือ?”
“ใช่สิ! ไม่อยู่ระดับหลอมแก่นพลังจะเป็นกำเนิดวิญญาณหรือไร? ส่วนฝีมือล้วนฝึกฝนมา ฝีมือเจ้าก็ไม่เลว ตั้งใจฝึกเสียหน่อยอนาคตจะเป็นมีดที่คมกริบ”
เขามองหนุ่มน้อยชุดแดงข้างกาย สายตาหยุดลงบนอสูรน้อยนามกลืนเมฆา “เหมือนมันจะร้ายกาจมากเช่นกัน” ไม่ทันไรยังเสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “แต่ไม่มากไปกว่าสิงโตไฟของข้าหรอก”
กลืนเมฆาน้อยชำเลืองมองเขา คำรามครั้งหนึ่ง ก่อนจะหมอบลงพักผ่อนข้างกายเฟิ่งจิ่ว ชัดเจนว่าไม่คิดจะสนใจคำพูดของเขา
เฟิ่งจิ่วที่ได้ยินคำพูดเขาหัวเราะเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร สายลมแผ่วเบาพัดเส้นผมขึ้นมา เธอหรี่ตาอย่างสบายๆ มองภูเขาแม่น้ำไกลโพ้นและเมฆขาวฟ้าคราม…
สองวันผ่านไป เฟิ่งจิ่วกับต้วนเยี่ยมาถึงแคว้นระดับสองอีกแคว้นหนึ่ง และไปยังเมืองรุ่งเรืองแห่งหนึ่งที่เลื่องชื่อภายในแคว้นแห่งนี้
“เมืองหนิง?”
ต้วนเยี่ยมองตัวอักษรบนประตูเมือง แล้วมองเฟิ่งจิ่วข้างกาย ถามอย่างสงสัยว่า “คนที่สองที่เจ้าตามหาอยู่ในเมืองหนิงหรือ คนคนนี้มีอะไรพิเศษกันแน่? ทำไมต้องรอนแรมตั้งไกลมาหาคนที่นี่? เขาเป็นเพื่อนเจ้า หรือว่าญาติเจ้า?”
เฟิ่งจิ่วยกริมฝีปากเผยรอยยิ้มออกมา “เขาน่ะ เจ้าเองก็รู้จัก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ต้วนเยี่ยดวงตาวาววับ จ้องมองอักษรเมืองหนิง ผ่านไปเนิ่นนาน ภายในหัวก็มีความคิดหนึ่งวาบผ่าน เขาถามอย่างตกใจเล็กน้อยว่า “หนิงหลาง? จอมละโมบตระกูลหนิงนั่น?”
………………………………………………….
ตอนที่ 948 จอมละโมบแห่งเมืองหนิง
“อืม เป็นจอมละโมบคนนั้นแหละ” รอยยิ้มตรงริมฝีปากเธอกดลึกขึ้น
หนิงหลาง ลูกชายคนเดียวของเจ้าเมืองหนิง เสพติดเงินทองเป็นชีวิต ตระหนี่เป็นที่สุด นอกจากเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ วิธีหาเงินของเขาก็ไม่ธรรมดา เล่ากันว่าตอนพิธีเสี่ยงทายครบรอบหนึ่งปีเขาจับได้ลูกคิดทองคำ รวมถึงทองหยวนเป่าสองก้อน ตอนอายุห้าขวบก็รู้จักหาเงินแล้ว แปดขวบเริ่มช่วยพ่อวางแผนอยู่หลังม่าน พูดได้ว่า ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหนิงนี้จะขาดหนิงหลางผู้เสพติดเงินทองไปไม่ได้
“เจ้าคิดจะให้จอมละโมบนั่นไปเทือกเขาอเวจี? ไม่ต้องคิดเลย วันๆ เขาสนใจแค่ว่าจะหาเงินอย่างไร คงไม่สนใจจะไปเทือกเขาอเวจีหรอก” ต้วนเยี่ยโบกๆ มือพลางเอ่ย ไม่นึกว่าเฟิ่งจิ่วมาที่นี่เพื่อตามหาจอมละโมบคนนั้น
“ได้อย่างไรเล่า? ภายในเทือกเขาอเวจีมีของล้ำค่าไม่น้อย ขอแค่เขาชอบเงินทอง ก็จะไม่ปฏิเสธคำเชิญของพวกเรา” แววตาเธอขยับไหวเล็กน้อย ในดวงตามีแววยิ้มบางๆ
ต้วนเยี่ยเห็นเฟิ่งจิ่วไม่เชื่อก็ไม่ได้ว่าอะไร “รอไปเจอเขาเจ้าจะรู้เอง เขาคนนั้นน่ะ จะว่าอย่างไรดี! เขาจะไม่ปล่อยโอกาสหาเงินใดๆ ไป แต่ขณะเดียวกันเขาก็หวงแหนชีวิตนัก อย่างที่เขาเคยพูดไว้ ได้เงินมาแล้วก็ต้องใช้เสพสุข ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะทำเรื่องอันตราย จะได้ไม่โยนชีวิตทิ้งไปโดยไม่ระวัง คนตายแล้วใช้เงินไม่ได้ น่าเวทนาเกินไปแล้ว”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็หัวเราะเบาๆ “ช่างเป็นคนที่น่าสนใจนัก ไปกันเถอะ!” เธอก้าวเดินไปข้างหน้า ส่วนกลืนเมฆาตามไปข้างเท้าเธอ
ต้วนเยี่ยเห็นดังนั้น ใบหน้าเด็กน้อยฉายความจนใจบางส่วน จากนั้นเดินตามไปด้านใน
“ในเมื่อจะตามหาเขา เช่นนั้นก็ไปเยี่ยมที่จวนเจ้าเมืองเลยเถอะ! เขาอาจจะอยู่ที่บ้าน” ต้วนเยี่ยกล่าวแล้วก็หาคนมาถามทาง ก่อนมุ่งไปยังจวนเจ้าเมืองพร้อมกับเฟิ่งจิ่ว
“เจ้าเป็นใคร?” ทหารอารักขาของจวนเจ้าเมืองขวางทั้งสองไว้พลางถาม
“ข้าต้องการพบนายน้อยของพวกเจ้า พวกเจ้าเข้าไปรายงานที บอกว่าต้วนเยี่ยมาหาเขา” ต้วนเยี่ยที่มีหน้าเด็กน้อยยืนเอามือไพล่หลัง สวมชุดคลุมสีม่วง ท่าทางสูงส่งเป็นธรรมชาติ
ทหารอารักขาสองสามคนนั้นเห็นแล้วก็มองหน้ากัน บอกว่า “โปรดรอสักครู่” คนหนึ่งเข้าไปรายงานอย่างรวดเร็ว
ภายในจวนเจ้าเมือง ในห้องหนังสือ หนุ่มน้อยคนหนึ่งที่กำลังคิดบัญชีเคาะลูกคิดคำนวณเสียงดัง ยามนี้ เสียงข้ารับใช้ก็ดังมาจากนอกประตู
“คุณชาย มีสองคนมาด้านนอก หนึ่งในนั้นบอกว่าชื่อต้วนเยี่ย มาหาคุณชายขอรับ”
“ต้วนเยี่ย?” เด็กหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตาคิดบัญชีชะงักเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ “ทำไมเขาวิ่งแจ้นมาถึงที่นี่?”
“คุณชายต้องการพบหรือจะให้พวกเขากลับไปขอรับ?” ข้ารับใช้ด้านนอกเอ่ยถาม
“เชิญพวกเขาเข้าไปห้องโถงหน้า เดี๋ยวข้าเข้าไป”
“ขอรับ” ข้ารับใช้ขานรับ ก่อนจะออกไปรายงาน
ด้านนอก เฟิ่งจิ่วกับต้วนเยี่ยสองคนได้รับเชิญเข้าจวนเจ้าเมืองและพาไปยังห้องโถงหน้า คนนำทางเป็นชายชราผู้หนึ่ง ตามที่เขาแนะนำตนเองคือเป็นพ่อบ้านของตระกูลหนิง
“เหอะๆๆ คุณชายทั้งสองเชิญดื่มชาก่อน กินของว่างสักหน่อย ประเดี๋ยวคุณชายจะเข้ามาขอรับ” ชายชรากล่าวพลางหัวเราะร่า หลังจากสั่งคนยกน้ำชาและเตรียมของว่างมา ก็ถอยออกไปคอยด้านนอกห้องโถง
เฟิ่งจิ่วพินิจมองจวนตระกูลหนิง ส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างอดไม่ได้ “เหลืองอร่ามแวววาวตั้งแต่ด้านในไปถึงด้านนอก มองอย่างไรก็มีแต่คำว่าหรูหรา ช่างเป็นคนร่ำรวยเสียจริง!”
ข้างในนี้เริ่มตั้งแต่เข้าประตูเมืองมา ไม่ว่าเป็นพื้นดินหรืออิฐบนกำแพงล้อมรอบ สิ่งก่อสร้างพวกศาลาพลับพลา แทบจะพูดได้ว่าส่องแสงสีทองอร่ามตาไปหมด และหรูหราเป็นที่สุด วังหลวงของราชวงศ์ยังเทียบกับที่นี่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
………………………………………………….