เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 949 เด็กอ้วนจ้ำม่ำ + ตอนที่ 950 หลอกล่อด้วยของล้ำค่า
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 949 เด็กอ้วนจ้ำม่ำ + ตอนที่ 950 หลอกล่อด้วยของล้ำค่า
ตอนที่ 949 เด็กอ้วนจ้ำม่ำ + ตอนที่ 950 หลอกล่อด้วยของล้ำค่า
ตอนที่ 949 เด็กอ้วนจ้ำม่ำ
“ตระกูลหนิงนี้ร่ำรวยเทียบเท่าแคว้นหนึ่ง มั่งคั่งเฉกเช่นหมูอ้วนมีมันเยิ้ม” เฟิ่งจิ่วค่อนข้างพูดอะไรไม่ออก เพิ่งเห็นคนตกแต่งบ้านจนเป็นเช่นนี้ครั้งแรก ประกายทองที่สะท้อนจากแสงอาทิตย์บนพื้นและกำแพงรวมถึงรัศมีหลากสี หากเธอเดาไม่ผิดคงเป็นทองกับหินผลึก มิเช่นนั้นก็ไม่น่าเปล่งแสงเช่นนั้นออกมา
ใช้ทองกับหินผลึกมาปูพื้นและผนังเพื่อตกแต่ง เดาว่าตระกูลหนิงคงไม่เสียดาย
“เงินของตระกูลหนิงเดิมทีก็มากมาย แทบพูดได้ว่ากุมเส้นเลือดเศรษฐกิจของแคว้นระดับสองไว้ มิเช่นนั้นเมืองหนิงคงไม่ได้เป็นเมืองที่รุ่งเรืองที่สุดในแคว้น” ต้วนเยี่ยกล่าวพลางยกน้ำชาขึ้นดื่ม น้ำชาในปากแผ่พลังวิญญาณเป็นระลอก ทำให้เขาเผยรอยยิ้มออกมา
“ชาวิญญาณที่มูลค่าเป็นหมื่นชั่ง แม้แต่ข้ายังหามาไม่ได้สักชั่ง ที่นี่กลับนำออกมารับรองแขกเหรื่อได้ตามใจชอบ หน้าใหญ่ใจโตตามคาด”
“เจ้าหน้าเด็ก ลมอะไรพัดเจ้ามา? นึกไม่ถึงว่าจะแจ้นมาหาข้าถึงเมืองหนิง มีธุระอะไร?”
เสียงหนึ่งลอยมา เฟิ่งจิ่วกับต้วนเยี่ยต่างเงยหน้ามองไป
เห็นหนุ่มน้อยอายุสิบหกสิบเจ็ดสาวก้าวเดินมาทางนี้ บนร่างสวมชุดไหมทองหรูหราแพรวพราว บนศีรษะสวมมงกุฎทองคำ ตรงเอวผูกผ้าคาดทอง สิ่งที่เห็นได้ทั่วร่างคือแสงทองวาววับ
แต่สิ่งที่ทำให้เฟิ่งจิ่วตะลึงอย่างอดไม่ไหวคือ เด็กหนุ่มคนนี้เตี้ยกว่าเธอกับต้วนเยี่ยตั้งครึ่งศีรษะ หนำซ้ำผิวขาวเจ้าเนื้อเหมือนเด็กอ้วนในรูปวาดปีใหม่ ที่คอห้อยสร้อยทองทรงกลม บนสิบนิ้วมือสวมแหวนไว้เก้านิ้ว หากไม่ใช่ทองก็เป็นหยก อีกทั้งข้อมือยังสวมกำไลสองอันที่ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร ตรงเอวมีลูกคิดทองขนาดเล็กประณีต เธอเห็นแล้วมุมปากกระตุก พูดไม่ออกยิ่ง
นี่แทบจะห้อยทองอะไรที่พกได้ไว้บนตัวหมดเลยกระมัง? ของพวกนั้นเขาไม่รู้สึกหนัก แต่เธอรู้สึกหนักแทน อีกอย่าง ภาพลักษณ์ของหนิงหลางทำลายความคาดหวังและจินตนาการของเธอจริงๆ
เดิมนึกว่าจะเป็นหนุ่มน้อยผู้สง่างาม ใครจะรู้ว่ากลับเป็นเด็กอ้วนจ้ำม่ำผิวขาวเจ้าเนื้อ และยังเป็นเด็กอ้วนที่ชื่นชอบเงินทองยิ่ง
“เจ้าอ้วน ไม่เจอกันตั้งนาน ข้าว่าเจ้าอ้วนขึ้นอีกแล้ว ดวงตาตี่กลายเป็นเส้นเดียวแล้ว จิ๊ๆ รสนิยมเจ้าไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ สิ่งของบนร่างทำให้ข้ามองแล้วตาลายไปหมด” ต้วนเยี่ยมองเขาพลางส่ายหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงสนิทสนม
“บอกแล้วอย่าเรียกข้าว่าเจ้าอ้วน ข้ามีชื่อแซ่ คือหนิงหลาง” เด็กหนุ่มจ้ำม่ำเอ่ยอย่างไม่พอใจ หลังจากเดินเข้ามาสายตาก็หยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่ว ดวงตาเล็กราวเส้นรอยแยกฉายประกายชาญฉลาด ถามอย่างสงสัยว่า “นี่ใครกัน?”
“ใครให้เจ้าเรียกข้าว่าเจ้าหน้าเด็ก? ข้าจะไม่ตอบกลับเจ้าได้หรือ?” ต้วนเยี่ยแค่นเสียงหยัน ชายตามองเขาพลางเอ่ย จากนั้นถึงแนะนำตัวให้ทั้งสอง “เขาคือเฟิ่งจิ่ว สหายข้า”
กล่าวจบยังบอกเฟิ่งจิ่วว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าเคยเจอเจ้าอ้วนนี่หรือยัง?”
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้า มองเด็กอ้วนจ้ำม่ำผิวขาวเจ้าเนื้อตรงหน้า และเผยรอยยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “เพิ่งเจอกันครั้งแรก”
หากบอกว่าเขาไม่มีรสนิยม กลับไม่รู้สึกว่าไร้รสนิยมเช่นนั้น อาจเพราะรูปร่างอ้วนท้วนน่ารักผิวขาวของเด็กอ้วน แม้เสื้อคลุมจะมีดิ้นทองหรูหรา เส้นผมรวบด้วยมงกุฎทอรวมถึงรัดผ้าคาดเอวทอง แสงทองแวววาวทั่วร่าง ก็ยังคงไม่ทำให้รู้สึกว่าไม่มีรสนิยม ตรงกันข้าม บนร่างมีกลิ่นอายมั่งคั่งของคนรวยทรงอำนาจอยู่
“เฟิ่งจิ่ว?” ดวงตาตี่เล็กจ้องมองเฟิ่งจิ่ว เนิ่นนานถึงจะถามว่า “พวกเจ้ามาหาข้ามีธุระอะไร?”
………………………………………………….
ตอนที่ 950 หลอกล่อด้วยของล้ำค่า
“พวกเรา…” ต้วนเยี่ยเพิ่งเอ่ยปาก ก็โดนเฟิ่งจิ่วตัดบท
“รู้จักเทือกเขาอเวจีหรือไม่?” เธอมองเขา ยิ้มกล่าวว่า “พวกเราจะชวนเจ้าเข้าไปด้วยกัน เจ้าสนใจหรือไม่?”
“เทือกเขาอเวจี?” หนิงหลางมองพวกเขา แล้วส่ายหน้า กล่าวทันทีว่า “ไม่สนใจ”
“ที่นั่นมีของล้ำค่ามากมาย หินวิญญาณหินผลึก” เธอมองเขา หยีตายิ้มพลางเอ่ย
“ข้ารู้แค่ว่าที่นั่นอันตรายนัก เข้าไปเดาว่าคงไม่ได้ออกมา” เขาโบกๆ ฝ่ามือเจ้าเนื้อ “อีกอย่างข้ายุ่งมาก ช่วงนี้ทำบัญชี ไม่มีเวลาออกไปไหน”
“เล่ากันว่ายาทิพย์มีอายุของที่นั่นขายได้ราคาเทียมฟ้า เจ้าไม่คิดจะไปจริงหรือ นอกจากผลึกอสูรพวกนั้น ภายในเทือกเขาอเวจียังมีอัญมณีสวยงามหลากหลายอย่าง”
ฟังมาถึงตรงนี้ แววตาหนิงหลางสั่นไหว เขาเหลือบมองเฟิ่งจิ่ว ลังเลสักพัก แต่ยังคงส่ายหน้า “ข้าไม่ไป มันอันตรายเกินไป”
“ต้นน้ำลำธารวิญญาณในเทือกเขาอเวจีเต็มไปด้วยไข่มุกทอง ปลายน้ำมากด้วยไข่มุกดำ สิ่งล้ำค่าสองอย่างนี้มีแค่ในลำธารวิญญาณของเทือกเขาอเวจีเท่านั้น ส่วนที่อื่นๆ เกรงว่าแม้แต่แปดจักรวรรดิเบื้องบนยังไม่มีแหล่งเลย”
เมื่อหนิงหลางฟังถึงไข่มุกทองและไข่มุกดำก็กลืนน้ำลายทันควัน ในดวงตาเผยประกาย รอบนี้เขาไม่ปฏิเสธในทันที แต่ก้มหน้าเล่นนิ้วมือ ไม่รู้กำลังคิดอะไร
“นอกจากนี้…”
“หยุดๆๆ เจ้าไม่ต้องพูดแล้วๆ เล่าเสียจนข้ารับไม่ไหวแล้ว รู้แก่ใจว่าข้าชอบของเกี่ยวกับเงินพวกนี้เป็นที่สุด ยังพูดไปเรื่อยๆ อีก”
หนิงหลางตัดบทคำพูดเฟิ่งจิ่ว สองมือลูบๆ หน้าตนเอง ถามว่า “เจ้าว่ามาตรงๆ เถอะ! ทำไมต้องชวนข้าไปด้วย? พละกำลังของข้าไม่ได้แข็งแกร่ง หนำซ้ำข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างมากสุดที่ไหนมีของล้ำค่าข้าจะไปหาที่นั่น สิ่งที่ข้าหาได้ก็จะไม่ให้พวกเจ้าด้วย แล้วทำไมพวกเจ้าถึงชวนข้าไปล่ะ? ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเจ้าเลยกระมัง?”
กล่าวจบ เสียงก็ชะงักไปก่อนส่ายหน้า “ไม่ถูกต้อง ทั้งสองฝ่ายล้วนไม่ได้ประโยชน์ เพราะพลังพวกเราไม่แข็งแกร่ง เข้าไปไม่ถึงด้านในก็อาจถูกสัตว์ร้ายลากไปแล้ว หรืออาจเจอคนชิงทรัพย์ปล้นสมบัติไปข้างใน ถึงกับมีความเป็นไปได้ว่าแม้แต่สมบัติยังไม่ทันแตะก็ตายเสียแล้ว ยิ่งคิดยิ่งไม่คุ้ม!”
เฟิ่งจิ่วยกริมฝีปาก เผยรอยยิ้มออกมา “ไหนเลยจะมีเรื่องที่ไม่เสี่ยงก็หาเงินได้? หากอยากได้ก็ต้องจ่ายไป ข้าถึงถามว่าเจ้าจะไปหรือไม่ไป?”
“ข้าต้องคิดเสียหน่อย ต้องไปปรึกษาท่านพ่อ บอกจะไปก็ไปได้เลยเสียที่ไหน?” เขากล่าวพลางลูบๆ ศีรษะ จากนั้นเอ่ยว่า “เช่นนี้แล้วกัน! คืนนี้พวกเจ้าพักที่บ้านข้าก่อน พรุ่งนี้ข้าจะให้คำตอบ”
“ได้สิ”
เธอพยักหน้า ในใจคิดอุบายไว้ตั้งแต่แรกแล้ว หากเขารับปากจะไปเองนั่นคือดีที่สุด หากไม่ตกลง เหอะๆ เธอก็มัดตัวพาไปเสียเลย อย่างไรเสียปล่อยให้ฝึกวิชาข้างในหนึ่งปี ไม่ว่าวรยุทธ์ของพวกเขาจะบรรลุขั้นอะไรหรือไม่ ถึงเวลาผ่านไปหนึ่งปีก็ยกคืนให้สำนักศึกษาสองดาราเป็นพอ
ต้วนเยี่ยข้างๆ ไม่พูดอะไร เพียงนั่งกินของว่างดื่มชา ฟังสองคนคุยกันตรงนั้น
“เช่นนั้นข้าจะพาพวกเจ้าไปพักผ่อนก่อน คืนนี้ข้าจะเลี้ยงต้อนรับพวกเจ้า เชิญพวกเจ้ากินอาหารรสเลิศพิเศษเฉพาะที่ขึ้นชื่อที่สุดในท้องถิ่นเรา และถือโอกาสแนะนำท่านพ่อให้พวกเจ้ารู้จักเลย” เขามองคนทั้งสองพลางบอก หลังจากสายตามองผ่านร่างต้วนเยี่ย ก็หยุดมองวนไปมาบนตัวเฟิ่งจิ่วพลางคาดเดาตัวตนของเธอ
………………………………………………….