เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 959 ยกสาวงามให้ไปเถอะ + ตอนที่ 960 ไม่ต้องคืน
ตอนที่ 959 ยกสาวงามให้ไปเถอะ + ตอนที่ 960 ไม่ต้องคืน
ตอนที่ 959 ยกสาวงามให้ไปเถอะ
ต้วนเยี่ยที่นั่งข้างๆ เห็นสายตาทุกคนล้วนหยุดมองเฟิ่งจิ่ว ก็มองเขาด้วยความแปลกใจ ถามว่า “เจ้าเป็นภูตหมอจริงๆ หรือ ทักษะการแพทย์เก่งกาจมาก?” ระหว่างทางมานี้ตนเพียงเห็นว่าฝีมือฆ่าคนของเขาว่องไวนัก กลับไม่รู้ว่าช่วยคนได้ด้วย?
ภูตหมอ? เขาเคยได้ยินเรื่องคนคนนี้ บอกกันว่าเป็นคนหนึ่งที่เก่งกาจยิ่ง แต่สิ่งที่เก่งกาจไม่ใช่ความคล่องแคล่วของเขา แต่เป็นยารักษาและยาอายุวัฒนะ นางสนมของแคว้นระดับหนึ่งกินยาบำรุงโฉมอะไรสักอย่างถึงได้เป็นที่โปรดปรานอีกครั้ง เรื่องนี้ลือกันอึกทึกครึกโครมในแคว้นฉลองชัย ต่างเรียกร้องต้องการยาบำรุงโฉมของภูตหมอกันทั้งนั้น
หนำซ้ำยังเหมือนว่าเสด็จพ่อจะส่งคนออกไปสืบถามตามหาเบาะแสของภูตหมอเช่นกัน
เขานึกถึงรูปพรรณของภูตหมอในข่าวลือ หันมองเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ มองหนุ่มน้อยชุดแดงรูปโฉมงดงามท่าทางชั่วร้ายข้างกาย หากพวกเขาไม่บอกก็ไม่ทันคิด พอพูดคราวนี้ก็คล้ายคลึงอยู่บางส่วนจริงๆ
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองต้วนเยี่ยข้างกาย ไม่ตอบคำถามของเขา แต่มองสามีภรรยาแซ่เหอคู่นั้น “ลูกชายของพวกท่านเป็นโรคอะไร? หมอคนก่อนหน้านี้บอกว่าอย่างไรบ้าง?”
สามีภรรยาได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ รีบบอกว่า “พวกเราเชิญหมอไม่น้อยมาตรวจถึงบ้าน ล้วนพูดเหมือนๆ กันว่าเป็นพิษลมกินกระดูก พวกเราก็ไม่รู้ว่าพิษลมกินกระดูกนี้มาได้อย่างไร รู้แค่หมอพวกนั้นบอกว่ากระดูกข้อสะโพกตาย เพราะเป็นมานานแล้ว อาการนับวันยิ่งแย่ลง สองวันก่อนมีหมอคนหนึ่งเข้าไปดู บอกว่าหากอยากรอดชีวิตต้องตัดขาทั้งสองทิ้งเสีย แต่…แต่ลูกชายเราไม่ยอม”
เหอฮูหยินเล่าถึงตรงนี้ก็เช็ดๆ น้ำตา “เขายังอายุน้อย หากขาดสองขาไปภายหน้าจะดีได้อย่างไร? พวกเราได้ยินว่าทักษะการแพทย์ของภูตหมอยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้จึงส่งคนไปสอบถามข่าวคราวเสียทั่ว ไม่นึกว่าเมื่อวานจะรู้ข่าวจากคุณชายตระกูลหนิงว่าภูตหมออยู่ที่จวนท่านเจ้าเมือง ถึงได้เข้ามาขอร้องภูตหมอให้ช่วยลูกชายพวกเราโดยเฉพาะ”
“พิษลมกินกระดูก?” เฟิ่งจิ่วพึมพำเบาๆ “นี่ไม่ใช่อาการกระดูกข้อสะโพกตายธรรมดา พิษลมกินกระดูกจะเริ่มกัดกร่อนกระดูก ถ้าพิษไฟลุกลามไปถึงอวัยวะภายในก็ช่วยไม่ทันแล้ว”
“ภูตหมอ ท่านมีวิธีช่วยแน่นอนใช่หรือไม่? ท่านต้องช่วยลูกชายเรานะ ขอท่านช่วยลูกชายเราด้วย จะจ่ายราคาเท่าไรก็ได้ทั้งนั้น แม้ต้องการชีวิตของข้ายังได้” ผู้นำตระกูลเหออ้อนวอน
คนเป็นพ่อเป็นแม่ พวกเขายอมจ่ายเพื่อลูกชายโดยไม่มีข้อแม้ ต่อให้เป็นชีวิตก็ตาม
“เขาได้ชีวิตเจ้าไปจะมีประโยชน์อะไร ข้าจะบอกเจ้าให้ เขาชอบผู้หญิง โดยเฉพาะคนสวยๆ เจ้ายกอะไรให้เขาล้วนไม่เท่ายกสาวงามให้”
เสียงต้วนเยี่ยดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทุกคนได้ยินแล้วอึ้งไป แต่ละคนมองเฟิ่งจิ่วด้วยสีหน้าพิกล
ภูตหมอชอบสาวงาม? จริงหรือ? หากเป็นเช่นนี้จริงก็ง่ายมาก
ดังนั้นในใจแต่ละคนจึงคิดกันแล้วว่า ท่ามกลางลูกสาวในตระกูลพวกเขามีคนไหนถึงวัยเหมาะสม ไม่ก็ผู้หญิงพวกนั้นที่เลี้ยงไว้รับใช้มีใครเหมาะสมบ้าง?
เฟิ่งจิ่วได้ยินต้วนเยี่ยเอ่ยเช่นนั้นออกมาอย่างไม่คาดคิดก็ถลึงมองเขา “อย่าพูดจาซี้ซั้ว” เจ้าหน้าอ่อนนี่ บอกว่าเธอชอบสาวงามเป็นที่สุดอะไรกัน? ตนเองเป็นหญิงจะชอบผู้หญิงไปทำไม? ยิ่งไปกว่านั้น เขามองจากตรงไหนว่าเธอชอบผู้หญิง?
ต้วนเยี่ยแค่นเสียงหยัน กล่าวว่า “ข้าพูดซี้ซั้วเสียที่ไหน? ระหว่างทางมานี้ ทุกครั้งที่เห็นว่ามีสาวงามสายตาเจ้าจะจ้องมองนางตลอด มองตั้งแต่ต้นทางไปสุดทาง ข้าไม่ได้พูดมั่วเสียหน่อย”
………………………………………………….
ตอนที่ 960 ไม่ต้องคืน
เธอได้ยินคำพูดนี้ มุมปากก็กระตุก “นั่นเป็นการชื่นชมอย่างบริสุทธิ์ใจ”
“สายตาที่ผู้ชายมองผู้หญิงจะไม่ชื่นชมอย่างบริสุทธิ์ใจ ล้วนเป็นการชื่นชมที่มีตัณหา” ต้วนเยี่ยแสดงออกว่า ‘ข้ารู้น่า’ และไม่เชื่อคำพูดของเฟิ่งจิ่วเลย
เฟิ่งจิ่วคร้านจะพูดมากความ มองไปยังสามีภรรยาแซ่เหอแล้วเอ่ยว่า “เช่นนี้แล้วกัน! พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปดูที่จวนของท่านว่าอาการเป็นอย่างไร ต้องว่ากันตามอาการของโรค”
เดิมทีคิดว่าพรุ่งนี้รอได้คำตอบจากหนิงหลางแล้ว ไม่ว่าตกลงหรือไม่เธอล้วนต้องพาตัวไป แต่เจอคำร้องขอการรักษาเช่นนี้ เป็นอย่างฮูหยินเหอว่าหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ เห็นลูกชายตนเองกำลังทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวดที่ตายไปได้ทุกเมื่อกลับไม่มีปัญญาช่วยเหลือ เทียบกับความต้องการชีวิตตนเองยังทำให้พวกเขายอมรับยากยิ่งกว่า
เธอคนนี้แม้บอกว่าเย็นชากลับยังเห็นอกเห็นใจ คอยปกป้องคนสำคัญ และไม่หวังให้คนที่ตนเองเฝ้ารักและถนอมถูกทำร้าย สำหรับคนพวกนั้นที่คิดฆ่าและต้องการชีวิต เธอจะโหดเหี้ยมไร้เมตตา
แต่สำหรับความรู้สึกระหว่างพ่อแม่ลูกที่ทุ่มเทอย่างเสียสละและไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้ เธอกลับไม่สนใจใยดีไม่ได้ ไม่เจอก็เป็นเรื่องหนึ่ง หากเจอและเข้ามาร้องขอ ช่วยได้ก็ช่วยไปเถอะ! อย่างไรเสียเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่ลงแรงเล็กน้อยสำหรับเธอ กลับเป็นโอกาสรอดครั้งเดียวสำหรับคนอื่น
สามีภรรยาแซ่เหอได้ยินเช่นนี้ก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง เร่งกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณภูตหมอมาก ประเดี๋ยวพวกเราจะกลับไปบอกข่าวลูกชาย พรุ่งนี้จะมารับภูตหมอไปบ้านเราแน่นอน”
สองคนมีสีหน้าท่าทางตื่นเต้น หลังจากขอบคุณเป็นพันครั้งหมื่นครั้งก็กลับบ้านไปก่อน คิดจะบอกข่าวนี้แก่ลูกชายตนเอง
คนอื่นๆ เห็นทั้งสองออกไป มีคนเอ่ยปากว่า “ภูตหมอ พวกเรา…” ยังเอ่ยไม่ทันจบก็โดนตัดบท
“เชิญทุกท่านกลับไปเสียเถอะ! ไม่ว่ายารักษาหรือยาอายุวัฒนะช่วงนี้ข้าก็ไม่ได้ปรุงกลั่น และไม่มีอะไรขายให้พวกท่านได้ หนำซ้ำยาอายุวัฒนะหรือยารักษาแค่ใช้ประมูล จะไม่ค้าขายกันส่วนตัว”
เฟิ่งจิ่วลุกขึ้นมาปัดๆ ชุดคลุม บอกเจ้าเมืองกับฮูหยินว่า “คืนนี้มืดค่ำแล้ว ข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน” กล่าวจบก็ประสานมือคารวะเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวจากไป
ต้วนเยี่ยเห็นเช่นนี้ก็ลุกขึ้นมา เดินไปข้างกายหนิงหลาง พร้อมยื่นแขนไปโอบไหล่ของเขา “เจ้าอ้วน ไปๆ พวกเราไม่เจอกันตั้งนาน คืนนี้ต้องคุยกันเสียหน่อย”
กล่าวจบก็ลากตัวคนไปทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เจ้าเมืองกับฮูหยินเห็นเช่นนี้ก็มองหน้ากัน จากนั้นค่อยบอกคนอื่นๆ ว่า “ทุกท่าน หนึ่งแสนเหรียญทองที่ลูกชายข้าเก็บมาจากพวกท่าน ข้าจะถอนคืนให้ทุกท่านเอง เรื่องนี้เขาทำโดยคิดไม่รอบคอบจริงๆ ช่างเสียมารยาทนัก ขออภัยทุกท่านอีกครั้งไว้ ณ ที่นี้ หวังว่าทุกท่านเป็นผู้ใหญ่จะยกโทษให้และไม่ถือสาหาความลูกชายข้า”
“ท่านเจ้าเมืองหนิงกล่าวเกินไป เหรียญทองหนึ่งแสนไม่ต้องคืนหรอก คืนนี้พวกเราได้พบภูตหมอ แม้ร้องขอยาไม่ได้จ่ายเงินไปก็ยังคุ้มค่า” หนึ่งคนในนั้นกล่าว แล้วลุกขึ้นประสานมือคารวะ ยิ้มเอ่ยว่า “ข้าขอลาไปก่อน วันหน้าจะมาเยี่ยมอีก”
“ถูกต้อง หนึ่งแสนเหรียญทองนี้ไม่ต้องคืน ไม่ใช่เงินมากมายอะไร ว่ากันตามนี้เถอะ! พวกเราก็ขอตัวลาเช่นกัน” คนอื่นๆ ลุกขึ้นยืน ต่างพากันยิ้มเอ่ย
คนตรงนี้ล้วนไม่ใช่คนโง่ มองออกแน่นอนว่าภูตหมอกับเจ้าเมืองหนิงเหมือนจะมีไมตรีต่อกันบ้าง ในจุดนี้พวกเขาเพียงอยากผูกมิตร ไม่คิดจะสร้างความประทับใจอะไรแย่ๆ ให้ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับตระกูลพวกเขา เงินหนึ่งแสนเหรียญทองก็ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไรจริงๆ
………………………………………………….