เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 963 จะไม่เป็นอะไร + ตอนที่ 964 แพรป่วนฟ้า
ตอนที่ 963 จะไม่เป็นอะไร + ตอนที่ 964 แพรป่วนฟ้า
ตอนที่ 963 จะไม่เป็นอะไร
ผู้นำตระกูลเหอได้ยินดังนี้ก็ระรื่นในใจ รีบขานรับว่า “ได้ๆ ภูตหมอต้องการยาอะไร ข้าจะส่งคนไปนำมาเดี๋ยวนี้” พลางเดินออกไปพร้อมกัน
ต้วนเยี่ยที่ตามมาด้านหลังมองคนคนนั้นบนเตียง แอบคิดว่าป่วยกลายเป็นเช่นนี้ยังรักษาได้หรือ? ช่างเก่งกาจเสียจริง!
“หงเอ๋อร์ เจ้าได้ยินหรือไม่? ภูตหมอบอกว่าจะไม่เป็นอะไร เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร” เหอฮูหยินเช็ดน้ำตา อยู่ในห้องเป็นเพื่อนลูกชาย พลางร้องไห้อย่างสบายใจเพราะคำพูดของเฟิ่งจิ่ว
เหอหงเผยรอยยิ้มอ่อนแรง “ท่านแม่ ท่านอย่าร้องไห้เลย” เขารู้เรื่องของตัวเอง และรู้ว่าตนจะไม่รอด ส่วนภูตหมอท่านนี้ที่พ่อแม่เชิญมาก็ไม่เคยได้ยิน คำพูดของเขาข้ายังเชื่อแค่บางส่วน โดยเฉพาะเขาเป็นเด็กหนุ่มเช่นนั้นอีก คำพูดของเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าจะเชื่อถือได้อย่างไร?
แม้เป็นเช่นนี้ เขารู้ว่าในใจของพ่อแม่ทั้งห่วงหาและกังวลจึงได้แต่ร่วมมือตามไป ไม่ได้ทุกข์หรือสุขใจ เพราะเขาวางแผนที่แย่ที่สุดไว้แล้ว นั่นคือความตาย แม้ผลลัพธ์สุดท้ายคือความตายก็ไม่เป็นอะไร
แต่ในใจยังเป็นห่วงพ่อแม่และไม่วางใจสักเท่าไร ใต้ตักพวกเขามีเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว…
นึกถึงตรงนี้ น้ำตาตรงหางตาก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว หยดลงบนหมอนหนุนแล้วหายไปไร้ร่องรอย
เฟิ่งจิ่วสั่งยาให้เขาเสียก่อน ให้พวกเขาไปต้มมา ซ้ำยังไปรวบรวมซื้อยาตามบนใบสั่งมาด้วย ผู้นำตระกูลเหอไม่กล้าลีลา รีบสั่งคนใกล้ชิดไปต้มยา โดยคัดเลือกยาที่มีในจวนก่อน ส่วนยาที่ไม่มีก็ออกไปซื้อด้วยตัวเอง
ต้วนเยี่ยติดตามข้างกายเฟิ่งจิ่วตลอด เห็นว่าหลังจากอีกฝ่ายยุ่งวุ่นวายไปทั่วมากว่าครึ่งวันก็เดินไปพักผ่อนนอกเรือน จึงนั่งลงตรงโต๊ะและถามว่า “เจ้ามั่นใจว่ารักษาได้จริงหรือ ข้าว่าสภาพนั้นรักษาไม่ง่ายเลย!”
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยรักษาพิษลมกินกระดูก ยังรักษาได้ เพียงแต่เขาใช้เวลานานไป ค่อนข้างอาการสาหัส ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ในทันทีไม่ได้ แต่หลังจากกินยาจะรักษาชีวิตเขาไว้ ส่วนพิษไฟในร่างและร่างกายที่เสียหาย หากรักษาไปอย่างช้าๆ ก็จะดีขึ้น” เธอรินน้ำชาดื่มพลางพูดคุยกับเขา
ต้วนเยี่ยได้ยินเช่นนี้ มือหนึ่งเท้าใบหน้าอ่อนวัยพลางมองเฟิ่งจิ่วอย่างสงสัย “เจ้ามาจากแคว้นระดับแปดจริงหรือ?”
เฟิ่งจิ่วส่งเสียงหัวเราะเบาๆ “ทำไม? ไม่เชื่อหรือ”
“ใช่” เขาพยักหน้า “แคว้นระดับแปดเล็กๆ อย่างนั้น จะมีคนเช่นนี้ได้อย่างไร?” กลับเห็นว่าเฟิ่งจิ่วเพียงหัวเราะเบาๆ และไม่ปริปาก ด้วยเหตุนี้จึงไม่ถามอะไรมากอีก
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ผู้นำตระกูลเหอก็เร่งฝีเท้าเดินเข้ามาทั้งเหงื่อท่วมศีรษะ “ภูตหมอๆ ยาล้วนหามาครบแล้ว”
“หาเรือนเงียบๆ ให้ข้าด้วย ข้าจะผสมยาพวกนี้ออกมาให้ท่าน” เธอลุกขึ้นพลางเอ่ย
ผู้นำตระกูลเหอได้ยินเช่นนี้ ก็เร่งพาเธอไปยังเรือนที่เงียบสงบ สั่งคนไม่ให้รบกวน แม้แต่ต้วนเยี่ยยังอยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไป เฟิ่งจิ่วเข้าไปจนถึงช่วงเย็นถึงจะเดินออกมา
“นี่คือยาเม็ด วันละหนึ่งเม็ดก็เพียงพอ กินยานี้หมดจะไม่เป็นไรขอรับ” เฟิ่งจิ่วยื่นขวดใบหนึ่งให้ผู้นำตระกูลเหอ พร้อมกำชับว่า “นอกนั้นให้เขาดื่มยาที่ต้มไว้ครึ่งเดือนพอ จากนั้นค่อยเปลี่ยนเป็นยาอีกสูตรก็ได้แล้ว”
ผู้นำตระกูลเหอฟังแล้วตกใจ “คะ แค่นี้ก็ได้แล้ว? เช่นนี้ก็รักษาหายได้หรือ”
“ขอรับ กินให้หมดก็พอ” เธอมองๆ ท้องฟ้า ถามว่า “ผ่านไปสองสามชั่วยามแล้ว หลังจากลูกชายท่านดื่มยาที่ต้มไว้คงจะมีปฏิกิริยากระมัง?”
“มีๆ” เขารีบพยักหน้า “เป็นอย่างที่ภูตหมอบอก กินยาแล้วก็ท้องเสียตลอดเลย”
………………………………………………….
ตอนที่ 964 แพรป่วนฟ้า
“ขอรับ นี่เป็นเรื่องปกติ ในร่างเขามีพิษไฟ มีแต่ต้องใช้วิธีนี้ขับพิษ เอาละ เวลาก็เย็นย่ำ ข้าต้องไปแล้ว” เธอกล่าวจบก็มองไปทางต้วนเยี่ยข้างๆ กัน
ต้วนเยี่ยลุกขึ้นเดินมาข้างกายเธอ
ได้ยินเธอบอกจะไปแล้ว ผู้นำตระกูลเหอรีบเอ่ยว่า “ภูตหมอโปรดรอสักครู่” พูดจบถึงสั่งเสียงเบา ไม่นานนักพ่อบ้านก็ยกของสิ่งหนึ่งเข้ามาอย่างลนลาน
“ภูตหมอ นี่เป็นสมบัติที่ข้าได้มาโดยบังเอิญ เป็นน้ำใจเล็กน้อย ภูตหมอโปรดเก็บไว้ด้วย”
เดิมทีเฟิ่งจิ่วจะบอกว่าไม่ต้อง แต่หลังจากสายตาสบเข้ากับสิ่งของบนถาดที่เปิดผ้าแดงออก คิ้วก็ขยับเล็กน้อย ถามว่า “นี่คืออะไรขอรับ?”
“นี่คือแพรป่วนฟ้า เป็นสมบัติโบราณ บรรพบุรุษของข้าได้มาโดยบังเอิญ ถูกเก็บไว้ในตระกูลเหอมาตลอด” ผู้นำตระกูลกล่าวพลางมองเฟิ่งจิ่ว “ภูตหมอช่วยลูกชายเรา ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทน รู้ว่าภูตหมอชอบเสื้อผ้าสีแดงจึงนึกถึงสมบัติชิ้นนี้ในจวนของข้า วันนี้มอบให้ภูตหมอด้วยความนับถือ หวังว่าภูตหมอจะเก็บไว้”
แววตาเฟิ่งจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบมา แน่นอนว่าเธอรู้จักแพรป่วนฟ้า ในยุคปัจจุบันก็เป็นสมบัติในตำนาน ไม่นึกว่าในมิติเวลานี้จะมีของเช่นนี้อยู่จริงๆ แพรยาวเจ็ดฉื่อปั่นป่วน ดาบกระบี่ตัดไม่ขาด ป้องกันตัวได้ โจมตีได้ เหาะเหินได้ รัดศัตรูได้ ซ้ำยังเป็นผ้าคาดเอวและเชือกถักคล้องมือ พูดได้ว่าเป็นของล้ำค่าที่ไม่เลวเลยจริงๆ
“เช่นนั้น ข้าจะเก็บไว้ขอรับ” เธอเผยรอยยิ้มพลางเอ่ย
“ได้ๆ” ผู้นำตระกูลเหอพยักหน้าอย่างเบิกบาน ส่งพวกเขากลับออกไปด้วยตนเอง แพรป่วนฟ้าแม้เป็นสมบัติโบราณ ภายในจวนพวกเขากลับเผยให้เห็นต่อหน้าคนน้อยนัก คนในจวนยังไม่ได้ใช้และไม่กล้าใช้
หากกำลังและอำนาจไม่มั่นคง ใครจะกล้านำของล้ำค่าเช่นนั้นมาเผยต่อหน้าคนอื่น?
หลังจากขึ้นนั่งรถม้า ต้วนเยี่ยเห็นเฟิ่งจิ่วเล่นผ้าแพรแดงนามแพรป่วนฟ้าอยู่ตลอด ก็เบ้ปากโดยฉับพลัน “ผ้าแพรแดงนี้แค่มองก็รู้ว่าเป็นของใช้ผู้หญิง ไม่รู้จริงๆ ว่าล้ำค่าอะไรนัก”
“ผ้าแพรแดงนี้จริงๆ ไม่ใช่ว่าใครก็คู่ควรใช้ทั้งหมด ผู้หญิงไม่ช่างเลือก แต่ผู้ชายไม่กี่คนก็ชอบสิ่งนี้” เธอกล่าวจบก็เงยหน้ายิ้มหยีตา “แต่ข้าชอบสิ่งนี้พอดี”
“ยาสองสูตรกับยาขวดหนึ่ง จะรักษาคนคนนั้นได้หรือ? ข้าเห็นว่าขาสองข้างนั้นบวมเสียจนน่ากลัวไปหน่อย” ต้วนเยี่ยขมวดคิ้วเอ่ย ไม่เห็นว่าดีขึ้นด้วยตาตนเองจึงยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไร แต่สามีภรรยาตระกูลเหอกลับเห็นเฟิ่งจิ่วเป็นเทพเซียน เขาพูดอย่างไรก็เชื่ออย่างนั้น ช่างพิลึกจริงๆ
ยามกลับถึงจวนเจ้าเมือง ก็เห็นเจ้าอ้วนนั่งรออยู่ตรงประตู พวกเขามองเขาแล้วมองหน้ากัน ต้วนเยี่ยเข้าไปถามว่า “เจ้าอ้วนทำไมมานั่งตรงนี้?”
“อย่าเรียกข้าว่าเจ้าอ้วน ข้าชื่อหนิงหลาง” เขาถลึงมองต้วนเยี่ยอย่างไม่พอใจพร้อมเน้นย้ำอีกครั้ง จากนั้นค่อยมองยังเฟิ่งจิ่ว เผยสีหน้าเอาใจบางส่วน พลางหยีตายิ้มเอ่ยว่า “เฟิ่งจิ่ว ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า”
“อืม เข้าไปคุยกันเถอะ!”
เธอพยักหน้าและเดินไปข้างใน สองคนด้านหลังรีบตามเข้าไป ไม่มีใครสังเกตว่าตำแหน่งเจ้าบ้านและแขกเหมือนจะสลับกันเล็กน้อย แม้แต่ต้วนเยี่ยยังไม่รู้ว่าตนเองเห็นเฟิ่งจิ่วเป็นศูนย์กลางโดยไม่รู้ตัว ถึงได้ติดตามเขาไปด้วยสัญชาตญาณ
ภายในเรือน คนทั้งสามนั่งลงตรงโต๊ะ หนิงหลางเหล่มองเฟิ่งจิ่ว ก่อนอื่นก็ถามถึงสถานการณ์บ้านตระกูลเหอสักสองสามประโยค ลังเลสักพักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “เรื่องนั้น เฟิ่งจิ่ว! ข้าตั้งใจคิดมาแล้ว คิดว่าเทือกเขาอเวจีอันตรายเกินไป ข้าไม่ไปดีกว่า”
………………………………………………….