เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 967 หาโอกาสหนี + ตอนที่ 968 ต่างคนต่างมีดี
ตอนที่ 967 หาโอกาสหนี + ตอนที่ 968 ต่างคนต่างมีดี
ตอนที่ 967 หาโอกาสหนี
รถม้าเดินทางไปทั้งคืน กระทั่งเช้าตรู่วันต่อมา หนิงหลางตื่นมากลางรถม้าส่ายไปส่ายมา ทันทีที่ตื่นขึ้นก็นึกถึงคำพูดของพ่อแม่ ภายหลังตนเองยังสลบไป นึกถึงเรื่องหลังจากนั้นได้ร่างกายก็สะดุ้งขึ้นมาตามสัญชาตญาณแทบในทันใด แต่เพราะสะดุ้งโหยงโดยไม่ทันตั้งตัว ศีรษะจึงชนรถม้าเข้าจังๆ
“ตุบ!”
“ซี๊ดอ๊าก! เจ็บ!”
ระหว่างที่เสียงกระแทกรุนแรงดังลอยออกไป เสียงสูดลมกายใจและเสียงร้องเจ็บปวดยังตามมา มือหนึ่งกุมหน้าผาก เขามองหนุ่มน้อยชุดแดงที่สองแขนกอดอกหลับตาสงบจิตใจ ไฟโทสะก็ปะทุขึ้นมา
“เฟิ่งจิ่ว! ข้าบอกว่าไม่ไป ทำไมยังพาข้าออกมา? นึกไม่ถึงว่าจะไปรบเร้าให้พ่อแม่วางยาข้า? จะ จะ เจ้าต่ำช้าเกินไปแล้ว!” เขายื่นมือเจ้าอวบๆ ไปชี้เฟิ่งจิ่วพลางด่าลั่น
เฟิ่งจิ่วลืมตาขึ้นช้าๆ แววตาเย็นชามีความเยียบเย็น “หนิงหลาง”
เพียงแวบเดียวหนิงหลางก็ใจฝ่อ วางมือที่ชี้เขาลงโดยไม่ตั้งใจ แม้แต่สายตายังมีท่าทางหลบเลี่ยง ความโกรธที่เต็มท้องเปลี่ยนไปเป็นความน้อยใจ เบ้ปากนั่งลงและหันไปทางอื่นไม่มองเขา
“ข้าบอกว่าข้าไม่ไป ทำไมเจ้ายังพาข้าออกมา? ซ้ำยังใช้วิธีชั่วช้าเพียงนี้” เขากระซิบเสียงเบา กลับไม่กล้าชี้นิ้วด่าเฟิ่งจิ่วอีก
เมื่อต้วนเยี่ยที่คุมรถม้าข้างนอกได้ยินการเคลื่อนไหวข้างใน จิตใจก็สั่นไหวเล็กน้อย อยู่ด้วยกันนานเข้ายิ่งคิดว่ามองเฟิ่งจิ่วได้ไม่ทะลุปรุโปร่ง บางครั้งคิดว่าเขาเป็นกันเองมากๆ คล้ายจะว่าอย่างไรก็ได้หมด บางครั้งกลับคิดว่าเขานิสัยแปลกๆ เข้าหายากเกินไป ตอนนั้นใบหน้าเขาเย็นชา กลิ่นอายบนร่างยังน่ากลัวแปลกๆ
เขายังมาเป็นคนคุมรถม้าอย่างว่าง่ายภายใต้คำสั่งจากเฟิ่งจิ่ว ไม่ต้องพูดถึงเจ้าอ้วนหนิงหรอก
“ตั้งแต่เจ้าเริ่มออกจากประตูบ้าน จะต้องฟังคำพูดข้า ไม่มีอะไรก็อย่าหาเรื่องให้ข้า มิเช่นนั้นอย่าโทษว่าข้าจัดการเจ้า” เธอกำชับอย่างเย็นชา จากนั้นค่อยหลับตาลงไม่ไปสนใจเขาอีก
หนิงหลางอ้าปากสองสามครั้ง กลับไม่พูดอะไรออกมา มองเฟิ่งจิ่วที่หลับตาลงสงบจิตใจ ในใจแอบคิดว่า ‘เขาไม่อยากชวนเฟิ่งจิ่วทะเลาะแล้ว รอหาโอกาสหนีไป ไม่เชื่อว่าตนเองจะกลับไปบ้านไม่ได้’
นึกถึงข้อนี้ก็โอนอ่อนตาม นั่งข้างในพินิจมองรถม้าคันนี้ แล้วเปิดม่านรถออก เห็นบนร่างต้วนเยี่ยสวมเสื้อผ้าสีเทา ก็หัวเราะออกมาทันควัน “ต้วนเยี่ย เจ้าว่าที่ตนเองสวมนี้คืออะไร? องค์ชายผู้สง่างามสวมเสื้อผ้ากลายเป็นเช่นนี้ไม่กลัวคนหัวเราะเยาะ”
ต้วนเยี่ยบึ้งหน้าเด็กน้อยหันกลับไปมอง แล้วชำเลืองมองเฟิ่งจิ่วที่หลับตาสงบจิตใจ กล่าวว่า “เอ่ยถึงฐานะองค์ชายของข้าให้น้อยๆ หน่อย”
“ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้ว” เขาตบๆ บ่าต้วนเยี่ย มองๆ ไปข้างนอกและถามว่า “พวกเราจะไปไหน? นั่งรถม้ามาข้าเมื่อยตัวจะตายแล้ว เมื่อไหรจะไปพักผ่อนยังโรงเตี๊ยมได้เล่า?”
“ไปถึงจะเรียกเจ้าแน่นอน” เขาคุมรถม้าเร่งความเร็ว
หนิงหลางเห็นเช่นนี้ก็ไม่ปริปากอีก หดกลับเข้ารถม้ามาจ้องมองเฟิ่งจิ่ว ในใจขบคิดอย่างรวดเร็ว
กระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วยาม พวกเขาเข้าไปยังเมืองหนึ่ง มาถึงด้านในต้วนเยี่ยหาโรงเตี๊ยมจอดรถม้า หลังจากกระโดดลงมาก่อนก็บอกสองคนในรถว่า “ถึงโรงเตี๊ยมแล้ว”
หนิงหลางกระโจนออกมาทันใด ร่างเจ้าเนื้อคล่องแคล่วนัก ลงจากรถม้าก็ยืดเหยียดเอว แล้วเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมก่อน “เถ้าแก่ ขอห้องชั้นดีสามห้อง”
ด้านหลังเฟิ่งจิ่วตามลงจากรถม้า เหลือบมองร่างอ้วนท้วนประกายทองวิบวับด้านใน แล้วเดินตามเข้าไป
………………………………………………….
ตอนที่ 968 ต่างคนต่างมีดี
หลังคนในโรงเตี๊ยมได้ยินเสียงยกสูงนั้นก็มองไปทางผู้มาใหม่
เพียงเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาก่อนเป็นหนุ่มน้อยเจ้าเนื้ออายุสิบห้าสิบหก สวมชุดผ้าแพรหรูหราประณีต แสงทองแวววาวเสียจนพวกเขาแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่สายตาแต่ละคนกลับจ้องตรงไปบนร่างเขา
มองไปเช่นนี้ เป็นแค่คุณชายตระกูลร่ำรวยที่มีเงิน
ขณะกำลังคิดก็เห็นหนุ่มน้อยชุดแดงเดินเข้ามาด้านหลัง สวมชุดแดงแพรวพราวดั่งไฟ รูปโฉมงดงาม ท่าทางโดดเด่นทำให้เบื้องหน้าสว่างไสว และละสายตาไปได้ กลางหว่างคิ้วหนุ่มน้อยปล่อยกลิ่นอายมั่นใจ แววตานิ่งสงบสดใสแอบแฝงความดุดัน ท่าทางใดๆ กระจายไปด้วยความซุกซนและเปิดเผย ความสูงศักดิ์และทรงเสน่ห์ผสมเข้าด้วยกัน เหมือนว่าดีคล้ายว่าร้าย สูงส่งหาใดเปรียบ
ส่วนเด็กหนุ่มข้างกายหนุ่มน้อยชุดแดงที่สวมชุดคนรับใช้สีเทาก็ปั้นใบหน้าอันอ่อนวัย ดูราวกับเด็กอายุสิบสองสิบสาม ใบหน้าเด็กน้อยนั้นงดงามโดดเด่นยิ่ง แม้เสื้อผ้าเรียบง่ายไม่สะดุดตากลับปกปิดท่าทางสูงศักดิ์บนร่างไม่ได้ คิดแล้ว ฐานะคงไม่ต่ำต้อย
ทุกคนในโรงเตี๊ยมเห็นสามคนนี้ก็รู้สึกแปลกๆ เป็นเด็กหนุ่มประหลาดสามคน
เด็กหนุ่มสามคนสามท่าทาง ไม่ว่าคนไหนๆ คุณชายนายน้อยตระกูลธรรมดาล้วนเทียบไม่ได้เลย ไม่รู้จริงๆ ว่าสามคนนี้มาจากไหน? ทำไมดูท่าทางพวกเขา ข้างกายยังไม่มีข้ารับใช้ติดตามหรือผู้แข็งแกร่งคอยคุ้มกัน?
เจ้าของโรงเตี๊ยมเพียงเห็นทั้งสามเข้ามา เขาที่อ่านคนมานับไม่ถ้วนรู้ว่าสามท่านนี้ไม่คุณชายจากตระกูลทั่วไป ด้วยเหตุนี้จึงเข้าไปอย่างกระตือรือร้น รับรองด้วยตนเอง “เหอะๆๆ คุณชายทั้งสามท่านเชิญไปชั้นบน ข้างบนยังมีห้องขอรับ”
หนิงหลางเชิดคางเล็กน้อยพลางมือไพล่หลัง สาวก้าวเดินไปยังชั้นบน เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ วางท่าทางเช่นเศรษฐี เดินไปพลางกำชับเจ้าของโรงเตี๊ยมว่า “ต้องการห้องเงียบๆ หน่อย วิสัยทัศน์ต้องดี ฟูกบนเตียงในห้องเพิ่มอีกสองชั้น ห้องราคาแพงหน่อยไม่เป็นไร สิ่งสำคัญที่สุดคือข้าต้องพักสบายๆ”
“ขอรับๆ”
เจ้าของโรงเตี๊ยมตามไปข้างๆ พลางขานรับทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากพาพวกเขามาถึงห้องชั้นบน ก็บอกว่า “สามห้องทางนี้ไม่อยู่ด้วยกัน ตั้งเดี่ยวใกล้ๆ ทางนี้พอดี ด้านหลังยังมีทะเลสาบ วิสัยทัศน์ดียิ่ง เชิญสามท่านพักก่อนเลยขอรับ” เจ้าของโรงเตี๊ยมกล่าว แล้วหมุนตัวออกไปข้างนอก กำชับเสี่ยวเอ้อร์เพิ่มฟูกในห้องพวกเขาอีกสองชั้น ส่งน้ำชาของว่างไปให้ ถึงจะถอยออกไป
“เฟิ่งจิ่ว ต้วนเยี่ย คืนนี้พวกเจ้าพักผ่อนที่นี่แหละ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปกัน! วางใจได้ มีข้าอยู่การเดินทางครั้งนี้จะกิน นอน หรือใช้ข้าหนิงหลางเหมาหมด” เขาเชิดคางเล็กน้อยตบๆ อกพลางเอ่ย
หลังเฟิ่งจิ่วกับต้วนเยี่ยมองเขาแวบหนึ่ง ก็แยกย้ายกลับห้องพักผ่อน มาถึงในห้องเฟิ่งจิ่วเรียกอสูรกลืนเมฆาในห้วงมิติออกมา ลูบๆ หัวมันและสั่งว่า “แอบจับตาดูเจ้าเด็กอ้วนด้วย”
“กรร” อสูรกลืนเมฆาคำรามเบาๆ มาเฝ้าถึงตรงประตู หากหนิงหลางไปไหน อยู่ตรงนี้จะรู้สึกได้
หลังทั้งสามสั่งอาหารกินเรียบร้อยก็ให้คนเตรียมน้ำอาบ จากนั้นค่อยแยกย้ายกลับห้องพักผ่อน โดยเฉพาะต้วนเยี่ย ตั้งแต่เมื่อวานก็คุมเร่งรถม้าไม่มีเวลาพัก ครั้งนี้ล้มลงเตียงไม่ทันไรก็หลับไปแล้ว
ส่วนเฟิ่งจิ่วก็นั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญ อสูรกลืนเมฆาที่หมอบตรงประตูสังเกตการณ์เคลื่อนไหวด้านนอก
มีเพียงหนิงหลางเข้าห้องไปไม่นาน ก็เปิดประตูเดินออกมาเงียบๆ…
………………………………………………….