เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 971 ปล้นไปไม่เหลือ + ตอนที่ 972 แบกเจ้าอ้วนไปขายเสีย
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 971 ปล้นไปไม่เหลือ + ตอนที่ 972 แบกเจ้าอ้วนไปขายเสีย
ตอนที่ 971 ปล้นไปไม่เหลือ + ตอนที่ 972 แบกเจ้าอ้วนไปขายเสีย
ตอนที่ 971 ปล้นไปไม่เหลือ
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ ก็ยกมุมปากเล็กน้อยเผยรอยยิ้มออกมา “ทีหลังอย่าไปเล่นตรงกำแพง รู้หรือเปล่า?”
เด็กทั้งสองพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ สายตามองตรงยังขนมอบในมือของเธอ พร้อมกลืนน้ำลาย
“นี่ สิ่งนี้ให้พวกเจ้า” เธอเห็นมือของสองเด็กน้อยสกปรกมาก ด้วยเหตุนี้จึงไม่ยื่นให้ไปตรงๆ แต่วางขนมอบกลับใส่กล่อง แล้วยื่นขนมอบทั้งกล่องให้พวกเขา “เก็บกลับไปกินที่บ้านนะ”
เด็กทั้งสองคล้ายจะไม่กล้าเชื่อนิดหน่อย นิ่งมองคนปานเทพเซียนตรงหน้า เอ่ยถามด้วยเสียงเล็กๆ อย่างอดไม่ได้ “หะ ให้พวกเราหมดเลยหรือ?”
“อื้ม ให้พวกเจ้าหมดเลย” เธอวางขนมอบลงในมือทั้งสอง กล่าวว่า “กลับบ้านไปเสียเถอะ!”
เด็กทั้งสองเผยรอยยิ้มอย่างเริงร่า หลังจากรับไปก็เหมือนกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ จึงวิ่งไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะกล่าวขอบคุณ
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ถึงจะพาอสูรกลืนเมฆาไล่ตามคนพวกนั้นไป
ภายในบ้านดินคร่ำครึชายฉกรรจ์สองสามคนโยนหนิงหลางลงบนพื้น หนึ่งคนในนั้นหอบหายใจและเช็ดเหงื่อ เอ่ยว่า “เจ้าหนูนี่หนักอย่างกับหมู แบกเขาเดินมาตั้งนานเพียงนี้ ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว”
“เก็บของมีค่าบนตัวเขามาเร็วเข้า” อีกคนหนึ่งกล่าว พร้อมลงมือพลิกหาไปทั่วร่างของหนิงหลาง เก็บพวกหยกแขวนและผ้าคาดเอวทองบนตัวเขารวมถึงแหวนพวกนั้นที่สวมไว้บนนิ้วมือมาทั้งหมด แล้วทั้งสามก็แบ่งสิ่งของกันอยู่ข้างใน
“ข้าวของบนตัวเจ้าหนูนี่มีไม่น้อยเลย มาๆ ชิ้นนี้ให้เจ้า ชิ้นนี้เป็นของข้า เจ้านี้ก็ให้เจ้า…”
เฟิ่งจิ่วมองสามคนด้านในกำลังแบ่งของที่ขโมยมาได้ผ่านรอยแยกบนกำแพง ชำเลืองมองหนิงหลางที่หมดสติยังไม่ฟื้น แล้วส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“เก็บเสื้อผ้าบนตัวเจ้าหนูไปขายน่าจะได้ราคาไม่น้อย พวกเราถอดเสื้อผ้าของเขามา จากนั้นค่อยเอาเขาไปขายยังหาเงินได้อีกก้อน” หนึ่งคนในนั้นแนะนำ
“ไม่เลว วัสดุจากเสื้อผ้าชุดนี้มีราคายิ่ง หลังจากถอดมาก็สวมเสื้อผ้าให้เขา จากนั้นค่อยแบกไปขายโดยเร็ว” คนหนึ่งข้างๆ พยักหน้าคล้อยตาม
“อาศัยที่เวลายังค่ำ ตอนนี้ก็จับเขาใส่ถุงกระสอบแบกไปขาย พวกเราเดินไปตามถนนเล็กและตรอกเล็ก เช่นนี้จะไม่สะดุดตา” ระหว่างพูดทั้งสามคนก็หาถุงกระสอบมาใส่หนิงหลาง ก่อนจะแบกขึ้นบ่าคิดจะออกไป ทว่าเมื่อประตูบ้านเปิดออก กลับทำให้พวกเขาสามคนตกใจสะดุ้งเสียดื้อๆ
เพียงเห็นหนุ่มน้อยชุดแดงที่อุ้มสัตว์เลี้ยงสีขาวไว้ในอ้อมแขนยืนตรงหน้าประตูเก่าๆ รูปโฉมงดงาม กลิ่นอายชั่วร้าย ท่าทางสูงศักดิ์ เทียบกับบ้านดินทรุดโทรมกลายเป็นความแตกต่างที่เด่นชัด ราวกับเทพบุตรพลาดตกสวรรค์ มองอย่างไรก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ หรือชุมชนยากไร้เสื่อมโทรม
ทว่าหลังจากทั้งสามสะดุ้งตกใจก็ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วกราดมองเฟิ่งจิ่วด้วยใบหน้าดุร้ายน่ากลัวที่เคร่งเครียด ตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าเป็นใครกัน! มาทำอะไรที่นี่!”
อันที่จริงพวกเขาจำเฟิ่งจิ่วได้ เขากับเจ้าอ้วนนี้เป็นพวกเดียวกัน และนั่งรถม้าคันเดียวกันมา แต่ไม่นึกว่าเด็กหนุ่มชุดแดงคนนี้จะตามมาถึงที่นี่ เขาตามมาได้อย่างไร? ไม่นึกว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเขาตามมา
“พวกเจ้าคิดจะส่งเขาไปขายที่ไหน? ในเมืองนี้มีสถานที่ค้าขายคนด้วยหรือ?” เฟิ่งจิ่วยกมุมปากเผยรอยยิ้มชั่วร้าย คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาเผยความสนใจ
………………………………………………….
ตอนที่ 972 แบกเจ้าอ้วนไปขายเสีย
พวกเขาได้ยินคำพูดนี้ก็จ้องมองเฟิ่งจิ่วอย่างระวังตัว หนึ่งคนในนั้นกำหมัดพลันเหยียบก้าวเข้าไปเหวี่ยงหมัดโจมตี “ในเมื่อตามมา เช่นนั้นก็จัดการเจ้าไปด้วยเลย!”
ทว่าหมัดที่แฝงพลังลึกลับจู่โจมไป ยังไม่ทันแตะถึงเฟิ่งจิ่วก็โดนขาเธอถีบออกไป ร่างกายล้มถอยหลังไปชนสิ่งของในบ้านตกลงบนพื้นทันที อาจเพราะลุกไม่ได้ในทันที จึงนอนตัวตรงบนพื้นพลางถลึงตาไปสักพักหนึ่งถึงจะตะเกียดตะกายขึ้นมา
“เข้าไป!”
เสียงตะโกนลั่นเปล่งไป หนิงหลางที่เดิมทีโดนแบกไว้บนบ่าก็ถูกโยนลงพื้นทันควัน เสียงของหนักๆ ตกพื้นดังขึ้น สามคนล้อมโจมตีเฟิ่งจิ่วพร้อมๆ กัน ลงมืออย่างดุดัน พร้อมด้วยจิตสังหารเลือนราง
แต่พละกำลังทั้งสามคนสองคนในนั้นเป็นระดับสร้างรากฐานขั้นเริ่มต้น คนหนึ่งเป็นระดับสร้างรากฐานขั้นกลาง จัดการหนิงหลางยังได้ จะจัดการเฟิ่งจิ่วก็ไม่ต่างกันสักนิดเดียว
สามคนเพียงเห็นร่างแดงพุ่งผ่าน กลิ่นอายที่ทั้งแข็งแกร่งและรุนแรงพลันกระจายไปในบ้านดินหลังเล็ก กลิ่นอายผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทำให้พวกเขาสามคนหวาดกลัวในใจ สีหน้าไร้ซึ่งสีเลือด ความเร็วอันว่องไวของศัตรูถึงขั้นพวกเขายังทำไม่ได้แม้แต่จะต้านทานหรือต่อต้าน คิดจะหนีไปตามสัญชาตญาณ ประตูข้างหน้ากลับถูกหนุ่มน้อยชุดแดงขวางไว้อีกครั้ง
หนึ่งคนในนั้นลอยตัวพุ่งไปคิดจะหนีจากหน้าต่างด้านหลังที่เสียหาย แต่ไม่นึกว่าในขณะที่เขาพุ่งไปยังหน้าต่าง เสียงคำรามก็ดังขึ้น อสูรกลืนเมฆากระโจนไปทันที กัดลงบนน่องขาและลากเขากลับมาทันใด
“ซี๊ด! อ๊าก! ขาของข้า…”
เลือดไหลออกมา กลิ่นอายแห่งความตายปกคลุม ทำให้พวกเขาสามคนหัวใจสั่นสะท้าน พร้อมมองหนุ่มน้อยชุดแดงที่สองแขนกอดอกยืนพิงข้างประตูอย่างเกรงกลัวและตื่นตระหนก
“พวกเราจะคืนสิ่งของกับคนให้เจ้า อย่าฆ่าพวกเรา อย่าฆ่าพวกเราเลย…” ทั้งสามหยิบสิ่งของบนตัวออกมาวางกองบนพื้นอย่างตื่นตกใจ ของจำพวกผ้าคาดเอวทองเอย แหวนหยกแหวนทองเอย หยกแขวนอะไรเอยล้วนวางกองไว้บนพื้น กลายเป็นข้าวของกองภูเขาเล็กๆ
เทียบกับเงินทองแล้ว สิ่งที่พวกเขาหวังยิ่งกว่าคือการอยู่รอด หากแม้แต่ชีวิตยังไม่เหลือ ต่อให้เงินมากมายก็เปล่าประโยชน์
“ไม่หนีรึ?” เฟิ่งจิ่วชายตามองพวกเขา น้ำเสียงเกียจคร้านมีกลิ่นอายเย็นเยียบ
“มะ ไม่หนี ไม่หนีแล้วขอรับ” สามคนรีบเอ่ย พลางมองไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้า หัวใจยังสั่นไหวอย่างหวาดหวั่น
อสูรกลืนเมฆาปล่อยขาคนคนนั้นไป หลังจากแยกเขี้ยวแหลมคมและส่งเสียงข่มขู่เบาๆ ถึงจะถอยกลับไปข้างกายเฟิ่งจิ่ว
“ข้าวของบนตัวเอาออกมาหมดแล้วหรือ?”
“มะ หมดเกลี้ยงแล้วขอรับ แม้แต่ของที่พวกเราได้มาก่อนหน้านี้ยังนำออกมา ไม่เหลือเลยจริงๆ” ทั้งสามรีบบอก เสื้อผ้าอะไรใดๆ ล้วนพลิกให้เขาดู เพื่อพิสูจน์ว่าไม่กล้าเก็บสิ่งของของเจ้าอ้วนนั่นไว้กับตัว
“เมื่อครู่พวกเจ้าบอกว่าจะพาเขาไปขาย? ในเมืองนี้มีที่ไหนค้าขายคนด้วยหรือ?” เธอเลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม
ทั้งสามได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นเทิ้ม “ไม่ๆๆ พวกเราไม่กล้าขายเขาหรอก ไม่กล้าขายขอรับ…”
“ข้าถามพวกเจ้า! ว่าค้าขายคนกันที่ไหน? คนที่ซื้อขายเป็นพวกใด? พูดมาให้ชัดเจนซิ”
เห็นว่าเขาไม่ได้จะต่อว่าพวกเขา ทั้งสามทำเป็นใจกล้าและบอกว่า “เป็นตลาดใต้ดินในเมืองขอรับ ที่นั่นมีตลาดค้าทาส เดิมทีพวกเราคิดจะขายเขาเพื่อหาเงินเล็กน้อย…”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ยกมุมปาก ยิ้มเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็นำเขาไปจัดการตามแผนเดิมที่พวกเจ้าคิดไว้เถอะ!”
สามคนนิ่งอึ้ง ถามว่า “มะ หมายความว่าอย่างไรขอรับ?”
เฟิ่งจิ่วชายตามองพวกเขา กล่าวว่า “ใช่ แบกเขาไปขายเลย”
………………………………………………….