A Stay-at-home Dad’s Restaurant In An Alternate World - ตอนที่ 108
ยาเบะมิยะผงะไปในทันที เธอไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เธอมองดูเอมี่ที่กำลังเพลิดเพลินไปกับโร่วเจียหมัวด้วยสีหน้าแปลกๆเล็กน้อย
เอมี่ดูน่ารักมากในขณะที่กินอาหาร เธอถือโร่วเจียหมัวเอาไว้ในมือของเธอและเคี้ยวเร็วเหมือนกับกระรอกตัวน้อย มันมีน้ำเกรวี่เลอะอยู่ที่มุมปากของเธอ ใบหน้าของเธอมีความสุขและสดใสมากจนทำให้พนักงานเสิร์ฟสาวต้องกลืนน้ำลายหลายครั้ง
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่ารสชาติของโร่วเจียหมัวมันเป็นยังไง แต่เธอก็สามารถบอกได้จากกลิ่นหอมที่รุนแรงและการแสดงออกของเอมี่ว่ามันจะต้องอร่อยเหมือนกับข้าวผัดหยางโจวแน่ๆ
แม็กซ์มองยาเบะมิยะที่กำลังกลืนน้ำลายอยู่เงียบๆ จากนั้นก็มองโร่วเจียหมัวในมือของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลยที่ต้องนั่งดูเรากินอาหารอร่อยๆ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ตอนนี้เธอต้องรู้สึกหิวแน่ๆเพราะว่าเธอมาที่นี่เร็ว ตอนนี้เธออยากได้โร่วเจียหมัวมั้ย ? เธอสามารถกินอีกหนึ่งอันได้ตอนมื้อกลางวัน”
“ไม่ ไม่ ไม่ ขอบคุณค่ะหัวหน้า ฉันไม่หิวและเราก็ตกลงกันไว้แล้วด้วย” ยาเบะมิยะพูดยืนกรานและส่ายหัว จากนั้นเธอก็มองไปที่โร่วเจียหมัวในมือของแม็กซ์แล้วถามอย่างคาดหวังว่า “แต่ฉันขออาหารกลางวันเป็นเจ้านี่สองอันได้มั้ยคะ ?”
“ได้แน่นอน” แม็กซ์พยักหน้า มันน่าประทับใจมากที่เธอสามารถยับยั้งความอยากกินอาหารอร่อยๆและปฏิบัติตามกฎ แม็กซ์กลับไปกินอาหารของเขาและไม่พูดอะไรอีก
“เหมียว !!!” ลูกแมวที่อยู่ในอ้อมแขนของเอมี่ร้องโวยวายใส่แม็กซ์และแยกเขี้ยวให้เห็นฟันของมัน มันมองมาที่ข้าวผัดของแม็กซ์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา เห็นได้ชัดว่านมแกะไม่สามารถตอบสนองความอยากของมันได้อีกต่อไป
“พ่อคะ ลูกเป็ดขี้เหร่กินอะไรได้อีกมั้ย ?” เอมี่ถาม
ลูกแมวมองมาที่แม็กซ์ด้วยความคาดหวัง
แม็กซ์คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “มันยังอายุไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์เลย ทางที่ดีเราควรจะให้มันกินนมไปอีกสักหนึ่งหรือสองวัน” ลูกแมวแรกเกิดมีกระเพาะที่บอบบาง ถึงแม้ว่าลูกเป็ดขี้เหร่อาจจะไม่ใช่แมวปกติแต่ก็ยังเร็วเกินไปที่มันจะกินอะไรที่จะต้องเคี้ยว
“เหมียว เหมียว…” ลูกเป็ดขี้เหร่ร้องออกมาด้วยความหงุดหงิด มันเงยหน้าขึ้นมองเพดานและมีน้ำตาคลออยู่ในดวงตา
หลังจากที่พวกเขากินอาหารเช้าเสร็จที่หน้าร้านก็มีผู้คนมาต่อแถวอยู่เรียบร้อยแล้ว
“ฉันหิวมาก เมื่อวานนี้ฉันไม่ได้กินอะไรเลย ฉันจะกินโร่วเจียหมัวสี่อันเป็นอาหารเช้าเลย !” แฮร์ริสันพพูดพร้อมกับยิ้ม
จอร์จเบะปากในขณะที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา “นายคิดว่าฉันจะเชื่อนายเหรอ ฉันเดาว่านายคงจะไปหาอาหารอย่างอื่นกินอยู่ดีแหละ” เขาพูด
แฮร์ริสันหัวเราะ “นายเดาถูก ! วันนี้ไม่มีเรียนแต่ทำไมพาเมอร์ไม่ตามมาด้วยล่ะ เขาชอบตามนายไปนู่นไปนี่อยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ”
“เขาบอกว่ามีเด็กคนหนึ่งมาเยี่ยมที่โรงเรียนของเขาเมื่อวานนี้และเธอก็เอาชนะเขาด้วยคณิตศาสตร์ได้ เขาเศร้าอยู่ตลอดทั้งเย็น เขารีบตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพื่อพยายามจำสูตรการคูณ เขาบอกว่าเขาจะไม่ออกไปข้างนอกจนกว่าเขาจะจำทุกอย่างได้ ดังนั้นฉันจะเอาอาหารกลับบ้านไปให้เขา”
ตาของแฮร์ริสันเบิกกว้าง “เธอเก่งกว่าอัจฉริยะคณิตศาสตร์ของเราอีกเหรอ ? และเธอไม่ใช่นักเรียนใช่มั้ย ? มันน่าสนใจมาก !” เขาหัวเราะ “ดูเหมือนว่ามันจะแย่มากสำหรับเขา บางทีนายควรจะซื้อโร่วเจียหมัวไปให้กำลังใจเขานะ”
จอร์จส่ายหัว “ฉันไม่คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีนะ ถ้ามิแรนด้าเห็นโร่วเจียหมัวเธอก็จะอยากจะกินมันอย่างแน่นอน พรุ่งนี้ฉันจะพาเขามากับฉันด้วย ฉันคิดว่าเขาคงจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว” จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดเสริมว่า “จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องแย่อะไร เขามักจะคิดว่าตัวเองเป็นนักเรียนที่ฉลาดที่สุดในชั้นเรียนของเขามาตลอด เขาเอาแต่เล่นกับพาเบอร์ทุกวันหลังเลิกเรียน ตอนนี้แรงบันดาลใจเล็กๆน้อยๆนี้ทำให้เขาเรียนหนักขึ้น”
แฮร์ริสันโบกมือของเขา “เด็กผู้ชายไม่เหมือนเด็กผู้หญิง ให้เขาเล่นไปเถอะ พรุ่งนี้ฉันว่าง ฉันจะพาพวกเขาไปที่ฟาร์มม้าของฉันแล้วแวะมากินอาหารที่นี่”
จอร์จพยักหน้า “เอาล่ะ ถ้างั้นพรุ่งนี้ฉันจะไม่ไปโรงตีเหล็ก เราจะแนะนำลูกชายของฉันกับลูกสาวของเจ้าของร้าน ฉันแน่ใจว่าพวกเขาจะชอบเธอ”
ชายคนหนึ่งมองผ่านหน้าต่างเข้าไปแล้วเห็นยาเบะมิยะ “ทำไมมีหญิงสาวอยู่ข้างในล่ะ เธอเป็นภรรยาของเจ้าของร้านใช่มั้ย ?”
“แม็กซ์หยุดหนึ่งวันเพื่อไปหาภรรยาเหรอ ?”
“ฉันไม่คิดงั้นนะ บางทีเธออาจจะเป็นพนักงานเสิร์ฟ ร้านอาหารยุ่งมากและแม็กซ์ก็จัดการทุกอย่างเองไม่ได้”
พวกเขาเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับหญิงสาวคนนั้นในขณะที่รอ ตอนนี้ไม่มีลูกค้าไปเคาะประตูของแม็กซ์อีกแล้วยกเว้นลูกค้าใหม่ พวกเขารู้ว่าแม็กซ์จะไม่เปิดจนกว่าจะถึงเวลาเปิดทำการ ไม่มีใครกล้าเตะประตูเพราะสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาต้องการคือการถูกแบน
ซาเจราสต้องจ่ายค่าเก้าอี้เป็นเงิน 10 เหรียญทองดังนั้นประตูไม้ที่สวยงามขนาดนี้จะต้องมีราคาหลายสิบเหรียญทองแน่ๆ
“ลูกค้ามาแล้ว ฉันควรเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามามั้ย ?” ยาเบะมิยะถามในขณะที่เธอมองไปที่แถวยาวด้านนอกและเตรียมที่จะยืนขึ้น
แม็กซ์ส่ายหัว “ไม่ล่ะ อย่าเพิ่งเปิดประตู เราเปิดทำการตอน 7:30 น.” เขาพลิกเมนูบนโต๊ะแล้วดันมันไปให้ยาเบะมิยะดู “นี่คือกฎของเรา ลองดูสิ เธอสามารถเตือนพวกเขาได้เมื่อพวกเขาทำผิดกฎ ถ้าพวกเขาไม่ฟังเธอก็แค่บอกฉัน”
ยาเบะมิยะถูกทำให้แปลกใจอีกครั้ง อย่าเพิ่งเปิดประตูเหรอ ? เธอเคยเห็นคนรออยู่ข้างนอกโรงเตี๊ยมคนทอดปลาและร้านอาหารอีกหลายแห่งบนลานเอเดนในช่วงเวลาอาหารเย็นแต่เธอไม่เคยเห็นคนมารอแบบนี้เลยในตอนเช้า
แต่ถึงอย่างนั้นเจ้านายของเธอก็ยังไม่ปล่อยให้ลูกค้าเหล่านั้นเข้ามาจนกว่าจะถึงเวลาเปิดทำการ ! เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้ถามคำถามโง่ๆอีก จากนั้นเธอก็มองไปที่เมนู เธอเห็นกฎสี่ข้อเป็นตัวหนังสือสีทอง 1. ห้ามตะโกนเสียงดังภายในร้าน…
เธอเริ่มประหลาดใจเมื่ออ่านกฎ
เท่าที่เธอเคยเห็นมาร้านอาหารมักจะให้ความสำคัญกับลูกค้าก่อนเสมอ ร้านอาหารจะพยายามตอบสนองความต้องการที่ไม่มีเหตุผลของลูกค้าเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตามแม็กซ์ได้แสดงให้เธอเห็นถึงร้านอาหารที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง มันเป็นร้านอาหารที่ทุกคนเท่าเทียมกัน
ที่นี่ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกคนที่มากินแต่พวกเขาจะถูกขอให้ออกไปถ้าพวกเขาไม่ปฏิบัติตามกฎ เธอไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อนและตอนนี้เธอต้องปฏิบัติตามกฎพวกนี้
“มิยะเก็บโต๊ะทีนะ ฉันจะเปิดประตู งานของเธอเริ่มแล้ว” แม็กซ์พูดกับยาเบะมิยะหลังจากที่เขากินโร่วเจียหมัวเสร็จและยิ้ม เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเปิดประตูให้กับลูกค้า “ติ๊ง !”
พวกเขายิ้มและทักทายแม็กซ์พร้อมกับบ่นเกี่ยวกับวันหยุดเมื่อวานนี้
“สวัสดีตอนเช้าแม็กซ์” ครัสซูพูดพร้อมกับเดินเข้ามา เมื่อวานและวันก่อนเขาไม่ได้มาที่นี่ เขาเล็มเคราบางส่วนของเขาออกและมันก็สั้นลง
แม็กซ์พยักหน้า “อรุณสวัสดิ์” เขาหรี่ตามองครัสซู เขายังไม่ยอมแพ้
ใบหน้าของเอมี่สว่างขึ้นมาเมื่อเธอเห็นครัสซู “คุณปู่เคราครึ่ง คุณบอกว่าคุณจะซื้อของกินให้หนู หนูรู้แล้วว่าหนูอยากกินอะไร !”