A Stay-at-home Dad’s Restaurant In An Alternate World - ตอนที่ 114
แม็ก อเล็กซ์ ได้รับฉายาหลายอย่าง – นักฆ่ามังกร อัศวินกริฟฟิน แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ เนื่องจากเจ้าชายคนโตและคนรองนั้นมีความแข็งแกร่งพอๆกัน แม็ก อเล็กซ์จึงเกือบจะกำหนดทิศทางของสงครามได้ เขายังเด็กและค่อยๆกลายเป็นแกนนำของกองทัพของอาณาจักร ดังนั้นแม้แต่กษัตริย์ก็ยังต้องขอความเห็นของเขา
คนส่วนใหญ่คิดว่าแม็ก อเล็กซ์น่าจะไม่เข้าข้างเจ้าชายคนรอง ระหว่างกองทัพกับหอคอยนักเวทย์นั้นไม่ได้มีไมตรีให้แก่กัน กองทัพสนับสนุนเจ้าชายคนโตและแม้กระทั่งจอมพลก็สนับสนุนเขาอย่างมาก
ตอนนี้เจ้าชายคนโตมีโอกาสมากกว่าในการขึ้นครองบัลลังก์ พวกเขาคิดว่าอย่างนั้น
แม็กซ์ชี้ปากกาของเขาไปที่เจ้าชายคนรองจากนั้นก็เลื่อนมาที่เจ้าชายคนโต ที่จริงแม็ก อเล็กซ์ไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าข้างใครจนกระทั่งเหตุการณ์นั้น เขาพบว่าเจ้าชายคนรองนั้นเป็นคนที่อ่อนโยน ส่วนเจ้าชายคนโตนั้นก้าวร้าวและโง่เขลา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้เจ้าชายคนโตเป็นราชาองค์ต่อไป
หลังจากที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นสิ่งที่เจ้าชายคนโตทำนั้นทำให้แม็ก อเล็กซ์ผิดหวังจริงๆ เขาพยายามจะใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นั้นให้มากที่สุดและไม่มีใครสนใจเรื่องความปลอดภัยของแม็กซ์และลูกสาวของเขาเลยสักนิด เขาเป็นคนเลือดเย็นอย่างที่แม็กซ์คาดเอาไว้
ราชินีเอลฟ์น่าจะอยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมดนี้ ไม่งั้นคงจะไม่มีใครกล้าแยกเอมี่ออกจากเจ้าหญิงเอลฟ์ นอกจากนี้มันไม่มีใครที่สามารถออกคำสั่งกับนักเวทย์เอลฟ์ชั้นสูงพวกนั้นได้
สำหรับพวกปีศาจ พวกเขาน่าจะถูกจ้างให้ทำเรื่องสกปรกและรับโทษแทน เหตุการณ์นั้นทำให้พวกเขารวบรวมปีศาจทั้งหมดในเมืองโรดูมาสอบปากคำ จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ถูกเนรเทศออกจากอาณาจักรรอท หลังจากนั้นมนุษย์และปีศาจต่างก็แยกกันอยู่ ลอร์ดของปีศาจจะต้องโกรธมากแน่ๆ
เหตุผลที่แม็กซ์ไม่ตายหลังจากที่เส้นพลังทั้งหมดของเขาถูกทำลายคงเป็นเพราะเอมี่และเจ้าหญิงเอลฟ์ที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของราชินีเอลฟ์ ราชินีคงต้องยอมให้แม็กซ์มีชีวิตอยู่เพื่อต่อรองกับเธอ
ตอนนี้เธอน่าจะอยู่ที่ป่าแห่งสายลม ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่เธอน่าจะปลอดภัยเว้นซะแต่ว่าราชินีจะได้พบกับทายาทที่ดีกว่า แม็กซ์วาดวงกลมรอบ ‘เจ้าหญิงเอลฟ์’
แม้แต่นักรบที่แข็งแกร่งอย่างแม็ก อเล็กซ์ก็เกือบจะถูกฆ่าตายไปแล้ว ตอนนี้เขาย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ดังนั้นแม็กซ์จึงไม่สามารถบอกกับใครได้ว่าเขาเป็นใคร เขาจำเป็นต้องค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหญิงเอลฟ์ก่อนแล้วจึงจะตัดสินใจว่าเอมี่จะไปพบกับเธอได้หรือไม่
แม็กซ์ไม่ได้วางแผนที่จะมองหาปัญหาให้ตัวเองด้วยการตามหาเธอจนเขาได้เห็นใบหน้าเศร้าโศกของเอมี่ เขาอยากให้เธอมีความสุข
เรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้มีความสำคัญมาก เธอเคยถามแม็กซ์เกี่ยวกับแม่ของเธอครั้งหนึ่งตอนที่เธอยังเด็กแต่แม็กซ์ไม่ได้บอกอะไรกับเธอเลย เธอจึงไม่เคยถามอะไรอีกนับจากนั้น แม็กซ์คิดว่าเธอคงจะลืมเรื่องแม่ของเธอไปแล้วแต่เห็นได้ชัดว่าเขาผิด เธอแค่ซ่อนความปรารถนาเอาไว้ภายในหัวใจของเธอเท่านั้น
วันหยุดครั้งต่อไปฉันจะปลอมตัวไปที่สำนักงานนักสืบเพื่อถามข้อมูลเกี่ยวกับเอลฟ์ ฉันคิดว่าฉันต้องพยายามหาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าหญิงเอลฟ์อีกครั้ง แม็กซ์คิดและมองลงไปที่แผ่นกระดาษในมือของเขา เขาวางเป้าหมายไปที่ ‘หอคอยนักเวทย์’ ‘เจ้าชายคนโต’ ‘เจ้าชายคนรอง’ และ ‘ราชินีเอลฟ์’ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รีบร้อนที่จะล้างแค้นแทนแม็ก อเล็กซ์ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจถ้าหากว่ามันมีโอกาส เขายังจำได้ว่ามีคนแนะนำให้ฆ่าแม็ก อเล็กซ์และเอมี่ในคืนนั้น
ฉันไม่ได้สนใจเรื่องการเมือง แต่ถ้าเป็นฉันฉันจะสนับสนุนเจ้าชายคนที่สามที่หมกมุ่นอยู่กับงานไม้มากกว่าพี่ชายทั้งสองของเขาให้กลายเป็นราชา แม็กซ์เบ้ปากจากนั้นก็ฉีกกระดาษและจุดไฟเผามันด้วยไม้ขีดไฟแล้วมองดูพวกมันกลายเป็นเถ้าถ่านอยู่ในถังขยะ จากนั้นเขาเดินกลับเข้าไปในครัว
เครื่องปั่นอยู่ในที่ของมันแล้วและเตาอบเตาใหม่ก็เช่นเดียวกัน ห้องครัวใหญ่มากจนดูไม่แออัดถึงแม้ว่าจะมีอุปกรณ์ทำอาหารอยู่มากมายก็ตาม ถ้าที่นี่มีเครื่องมือที่เสียหายและไม่สามารถซ่อมได้เขาก็สามารถนำพวกมันไปทิ้งได้ตามต้องการ
แม็กซ์เปิดตู้เย็น ถั่วเหลืองและวัตถุดิบทั้งหมดที่เขาต้องการมีอยู่ข้างในแล้ว ระบบมีแรงจูงใจมากเมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร
แม็กซ์ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับราคาของวัตถุดิบ เขาจะขายพวกมันในราคาที่สูงกว่าเดิมมาก
เขาแช่ถั่วไว้ในชามใบใหญ่ เขาตั้งใจทำพุดดิ้งเต้าหู้สองถ้วยสำหรับเอมี่และตัวเขาเอง แต่หลังจากนั้นเขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเติมถั่วลงไปในน้ำ หลังจากนั้นเขาก็ปิดไฟแล้วขึ้นไปนอนที่ชั้นบน
ในห้องที่ดูเรียบง่ายแต่งดงาม ครัสซูกำลังวาดบางสิ่งบางอย่างบนแผ่นกระดาษอย่างตั้งใจโดยใช้แสงจากตะเกียงน้ำมัน
“ท่านครัสซู จริงมั้ยครับที่ท่านกำลังจะสร้างห้องเวทมนต์ในเมืองเคออสแห่งนี้ ?” ชายวัยกลางคนร่างผอมคนหนึ่งถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ มีสัญลักษณ์รูปหอคอยสีดำเล็กๆอยู่บนหน้าอกของเขา – หอคอยนักเวทย์
“ใช่แล้วล่ะ อาเธอร์ พรุ่งนี้เช้านายต้องกลับไปที่เมืองโรดูและขอให้พวกเขาเอาทุกสิ่งที่ฉันต้องการมา อย่าลืมของที่ฉันเขียนเอาไว้ เอาพวกมันทั้งหมดมาให้ฉันแล้วอย่าทำให้เสียหายนะ” ครัสซูพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา เขาหยุดครู่หนึ่งแล้ววางปากกาของเขาลงก่อนที่จะหันไปหาอาเธอร์และพูดอย่างจริงจัง “แล้วบอกไอ้แก่ชอบผายลมพวกนั้นด้วยว่าถ้ามีของหายไปหนึ่งชิ้นฉันจะทำลายหนึ่งชั้น ถ้ามีของหายไป 36 ชิ้น ฉันจะทำลายหอคอยนักเวทย์ทั้งหมด”
“ครับผม !” อาเธอร์ตอบรับอย่างรวดเร็ว ชายชรากลับไปวาดรูปอีกครั้ง เขาตามรับใช้ครัสซูมาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว บางทีอาจจะมีบางคนที่จำนักเวทย์ผมขาวคนนี้ได้ เขาเป็นคนเดียวที่ต่อสู้กับมังกรได้ในการต่อสู้ระยะประชิด – แล้วยังชนะด้วย
ครัสซูเข้ามาอยู่ในหอคอยตั้งแต่อายุ 18 ตอนนี้เขามีอายุมากกว่า 120 ปีแล้ว ปู่ของอาเธอร์ทำหน้าที่รับใช้เขา จากนั้นก็พ่อของเขา ตอนนี้เป็นเขาที่กำลังรับใช้ครัสซูอยู่ เขาเคยได้ยินเรื่องราวของชายชราในระหว่างที่เขาเติบโตขึ้น เขารู้ว่าชายชราชอบอาศัยอยู่บนชั้น 18 ไม่ใช่เพราะเขาเป็นนักเวทย์ลำดับที่ 18 ในหอคอย แต่เป็นเพราะเขาชอบเลข 18 เขาสามารถอยู่บนชั้น 36 ได้ถ้าเขาต้องการ
เมื่อ 100 ปีที่แล้วเขาไม่ได้มีชื่อเสียงด้อยไปกว่าอเล็กซ์เมื่อหลายปีก่อน ชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของหอคอยนักเวทย์นั้นเป็นเพราะเขา
แต่เขาไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไปแล้ว เราเดินทางมาไกลและพยายามหาลูกศิษย์ให้กับเขา ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการใช้เวลาที่เหลือในชีวิตของเขาที่นี่ อาเธอร์คิดและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน
“เตรียมรถม้าให้ฉันในตอนเช้า ฉันจะไปที่ร้านอาหารมามี่ นายออกไปได้แล้ว” ครัสซูพูด
“เข้าใจแล้วครับท่านครัสซู” อาเธอร์ตอบ เขาเดินออกไปอย่างเงียบๆ
ชายชรานั่งอยู่คนเดียวและใช้เวลาวาดรูปอยู่นานหลังจากที่คนรับใช้ของเขาออกไปแล้ว เขาวางปากกาลงและมองดูภาพวาดการออกแบบห้องเวทมนต์บนกระดาษ รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าแก่ชราของเขา เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปที่หน้าต่าง บนท้องฟ้ามีดวงดาวหลายดวงที่ส่องแสงผ่านก้อนเมฆมา เขาถอนหายใจ “อิลิน่าบอกว่าเธอจะมีลูกสาวและจะให้เธอเป็นลูกศิษย์ของฉัน” เขาพึมพำกับตัวเอง “เธอต้องการให้ฉันสร้างห้องเวทมนต์ที่สวยงามและสอนเวทมนต์ที่ทรงพลังที่สุดให้กับเธอ แต่ฉันกลัวว่าฉันจะแก่เกินไปที่จะรอไหว โชคดีที่ฉันได้พบกับสาวน้อยที่มีความสามารถ แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอจะชอบห้องเวทมนต์นี้หรือไม่…”