A Stay-at-home Dad’s Restaurant In An Alternate World - ตอนที่ 400
Chapter 400 : เขาคือวีรบุรุษ
ใบหน้าของวู้ดโรว์ซีดไปในทันทีเมื่อเขามองเห็นตราสัญลักษณ์ของแบรนลี่ เขาผงะถอยหลังไปสองสามก้าวและมีความกลัวปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
กลุ่มทหารเองก็หยุดเมื่อได้ยินแบบนั้น พวกเขามองดูแบรนลี่และตราของเขาด้วยความเกรงกลัวและเคารพในแววตา
นักเวทระดับ 7 สามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าสําหรับพวกเขานั่นก็คือเหตุการณ์นี้ได้รับการยกระดับให้กลายเป็นเหตุการณ์ระดับ 4 เหตุการณ์ระดับ 4 ของวิหารสีเทานับเป็นคดีที่ร้ายแรงมาก แม้แต่ปราสาทเจ้าเมืองก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์ทําอะไรนอกจากรอคําตัดสิน
ญาติของคนงานเหมืองทุกคนหันไปมองแบรนลี่ด้วยความขอบคุณและมีความสุขอยู่ในแววตาของพวกเขา
แม็กซ์เองก็มองแบรนลี่ด้วยรอยยิ้ม เขาดีใจที่ความพยายามของเขาไม่สูญเปล่า
“ท่านแบรนลี่ ท่านทําแบบนี้ไม่ได้! มันไม่เป็นไปตามกฏและข้อบังคับ ท่านตัดสินระดับของเหตุการณ์ผิด!” วู้ดโรว์พยายามอย่างสิ้นหวัง ถ้าคดีถูกตัดสินว่าเป็นเหตุการณ์ระดับ 4 โดยวิหารสีเทา แบบนั้นจะมีการสอบสวนอย่างละเอียดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ในกรณีนั้นไม่มีทางเลยที่เขาจะรอดไปได้
“วู้ดโรว์ อย่ามาสงสัยและพยายามบอกว่าฉันควรทํางานยังไง วิหารสีเทารับผิดชอบในการตัดสินระดับของเหตุการณ์ดังนั้นคุณไม่มีสิทธิ์พูด นอกจากนี้คดีนี้ยังเกี่ยวข้องกับคุณดังนั้นจนกว่าจะมีการตัดสินคุณจะถูกควบคุมตัวและไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน” แบรนลี่มองวู้ดโรว์ด้วยสีหน้าจริงจังแล้วสั่งให้ผู้สอบสวนสองคนจากวิหารสีเทาเข้าไปประกบวู้ดโรว์เอาไว้
“ผมเป็นคนของปราสาทเจ้าเมือง! ผมเป็นผู้ว่าการ! ท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะจํากัดเสรีภาพของผม! ผมจะไปที่ปราสาทเจ้าเมือง! ผมจะไปพบท่านเจ้าเมือง!” วู้ดโรว์พยายามดิ้น
“กรุณาให้ความร่วมมือกับการสอบสวนของเราไม่งั้นเราคงต้องพาคุณไปด้วยการบังคับ” ผู้สอบสวนทั้งสองวางมือลงบนไหล่ของเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
“นี่เป็นการใส่ร้าย! ฉันจะไม่ยอมรับเรื่องนี้! ฉันต้องการพบท่านเจ้าเมือง! ฉันต้อง…” วู้ดโรว์พยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของผู้สอบสวนทั้งสอง
“นายไม่จําเป็นต้องไปที่ปราสาทเจ้าเมือง ท่านเจ้าเมืองมอบสิทธิ์ในการตัดสินคดีนี้ให้กับวิหารสีเทา ถ้าข้อกล่าวหาถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงนายจะไม่มีทางรอด!” ในขณะนั้นเองเสียงกีบม้าที่กําลังวิ่งเหยาะ ๆ ก็ดังขึ้น บนหลังม้าคือดิคัสที่กําลังมองดูวู้ดโรว์ในขณะที่เขาพูด “วู้ดโรว์ นายทําให้ปราสาทเจ้าเมืองผิดหวังมาก”
วู้ดโรว์ทรุดลงไปกับพื้นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เหงื่อเย็นผุดออกมาจากทั่วไปหน้าของเขา ริมฝีปากของเขาสั่นในขณะที่เขาสายหัวอย่างรุนแรงและอ้อนวอน “ไม่นะ ท่านดิคัส ท่านเข้าใจผิดแล้ว! ได้โปรดบอกท่านเจ้าเมืองว่าผมเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเขาและภักดีต่อเขาเท่านั้น ”
“ท่านเจ้าเมืองไม่สนใจที่จะเป็นเจ้าของสุนัข” ดิคัสตัดบทเขาและลงจากหลังม้า หลังจากนั้นเขาก็พูดกับแบรนลี่ “ท่านแบรนลี่ ผมถูกส่งมาที่นี่โดยท่านเจ้าเมืองเพื่อช่วยวิหารสีเทาในการสืบสวนครั้งนี้”
“ได้เลย ฝากขอบคุณท่านเจ้าเมืองแทนฉันด้วย” แบรนลี่พยักหน้าในขณะที่เขาหันไปมองดิคัส จากนั้นเขาก็สํารวจดูญาติของผู้เสียชีวิตทุกคนแล้วประกาศว่า “ฉันขอสัญญากับพวกคุณ ทุกคนว่าวิหารสีเทาจะคืนความยุติธรรมให้กับพวกคุณ ในขณะที่ทําการสืบสวนเราอยากให้พวกคุณทุกคนพูดทุกอย่างตามความเป็นจริง เราจะไม่กล่าวโทษผู้บริสุทธิ์และจับกุมใคร ดังนั้นโปรดไว้ใจเรา”
ญาติของผู้เสียชีวิตทุกคนมองแบรนลี่ด้วยความลังเล
“ผมชื่ออีเบนนิเซอร์ อายุ 13 ปี สี่ปีที่แล้วพ่อแม่ของผมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการขุดเหมือง และทิ้งผมกับน้องสาวอายุ 2 ขวบไว้” เด็กชายที่เล่าเรื่องน้องสาวก้าวไปข้างหน้าเป็นคนแรก
เสียงที่อ่อนเยาว์ของเขาได้รับการต้อนรับด้วยความเงียบสงบในขณะที่ทุกคนฟังเรื่องราวของเขาอย่างตั้งใจ
ในตอนแรกทุกคนรู้สึกโมโหก่อนที่สีหน้าของพวกเขาจะเปลี่ยนไปเป็นความเห็นอกเห็นใจเมื่อพวกเขามองไปที่เด็กชาย
“ผมรู้สึกราวกับว่าเธอยังคงมองมาที่ผมและขอให้ผมจับผีเสื้อให้เธอ..” เด็กชายเงยหน้าขึ้น และกับผีเสื้อตัวน้อยที่กระพือปีกอยู่เหนือหัวของเขา เขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือออกไป
ผีเสื้อบินวนเป็นวงกลมรอบตัวเขาแล้วแกะอยู่ที่ปลายนิ้วของเขาครู่หนึ่งก่อนที่จะกางปีกและบินออกไปบนท้องฟ้า
“ไม่ต้องห่วงนะเด็กน้อย ความตายของน้องสาวของเธอจะไม่สูญเปล่า” แบรนลี่กําหมัดแน่น และพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ในขณะที่เขาพูด “คนต่อไป”
ชายชราก้าวไปข้างหน้าและเริ่มเล่าเรื่องของเขา “ฉันชื่อแฮโรลด์ อายุ 65 ปี เมื่อสี่ปีก่อนลูกชายของฉัน…”
คําพูดที่เศร้าสลดของเขากระแทกหัวใจของทุกคนอย่างหนักหน่วงและทําให้พวกเขารู้สึกอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก
“พวกเขากําลังโกหก! พวกเขากําลัง…” ยิ่งนานไปใบหน้าของวัดโรว์ก็ยิ่งซีดลงไปเรื่อย ๆ เขาพ ยายามที่จะลุกขึ้นมาและทักท้วง
“เงียบ!” แบรนลี่คํารามด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนที่จะออกคําสั่ง “จับเขาและทหารทุกคนของเขาไปที่คุกบาสเทียเพื่อทําการสอบสวนเพิ่มเติม ดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตให้เหมาะสมแล้วเรียกพวกเขาไปที่ละคนเพื่อบันทึกเรื่องราวของพวกเขาเป็นหลักฐาน เราต้องทวงความยุติธรรมให้กับพวกเขา!”
“ครับ!” คนจากวิหารสีเทาตอบรับพร้อมกันก่อนที่จะมัดตัววู้ดโรว์ไว้ ทหารทุกคนของเขาถูกปลดอาวุธและต้อนไปราวกับฝูงสัตว์
“ไอ้สารเลวเอ๊ย!” ดิคัสกําหมัดแน่นด้วยความโกรธ
“เขาฆ่าหลานชายของฉันและคนอีกหลายคน! คุณไม่ได้พูดว่าวิหารสีเทาของคุณจะจับตัวคนผิดเหรอ? จับตัวเขาไว้สิ!” วู้ดโรว์ที่ถูกมัดไว้ด้วยเชือกพยายามตะโกนจนสุดปอด
“มันยังไม่ได้รับการยืนยันว่าแม็กซ์ฆ่าหลานชายของนายจริงมั้ย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะทําเขาก็ควรจะได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษที่ช่วยจัดการกับขยะในเมืองเคออส เขาควรได้รับเสียงปรบมือ และรางวัลเช่นเดียวกับที่นายควรถูกขังอยู่ในคุก”
ก่อนหน้านี้ดิคัสไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าแม็กซ์และเอมี่เองก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย “คุณแม็กซ์ ทําไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“เราเจอกันอีกแล้วนะครับคุณดิคัส” แม็กซ์เองก็แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเขา “ผมมาที่นี่กับเอมี่ เพื่อเชิญเพื่อนของเธอให้มาร่วมงานปาร์ตี้อาหารกลางวันของเรา ทําให้เราพบกับคนเลวพวกนี้และนํามาสู่เหตุการณ์นี้”
ดิคัสมองแม็กซ์ด้วยสีหน้าจริงจังแล้วพูดว่า “เป็นความผิดของทางปราสาทเจ้าเมืองเราเองครับที่ละเลยและทําให้เกิดเหคุการณ์แบบนี้ขึ้น ในขณะเดียวกันเราก็ต้องขอบคุณที่คุณช่วยปกป้องพลเมืองที่อยู่ที่นี่และเปิดโปงวู้ดโรว์ มั่นใจได้เลยครับว่าเราจะทําการสอบสวนอย่างละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้กระทําผิดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบ”
“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น ปราสาทเจ้าเมืองควรจะตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างจริงจัง ถ้ากฎหมายไม่ถูกบังคับใช้กับคนทุกคนการมีอยู่ของมันก็คงจะไร้ประโยชน์” แม็กซ์มองเข้าไปในดวงตาของดิคัสพร้อมกับแสดงสีหน้าจริงจัง
“ผมจะรายงานเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าเมืองทราบครับ” ดิคัสพยักหน้า
“นี่เป็นไปได้ยังไง…เขาไม่ได้เป็นแค่เจ้าของร้านอาหารเหรอ?” วู้ดโรว์มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาที่ไร้วิญญาณก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่สองคนจากวิหารสีเทาลากออกไป