A Stay-at-home Dad’s Restaurant In An Alternate World - ตอนที่ 83
Chapter 83 : ฉันเอาเก้าอี้ของตัวเองมาด้วย
แถวยาวๆนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
มุมนี้ของลานเอเดนมีแต่ร้านค้าที่ไม่เป็นที่นิยม เช่น ร้านขายน้ำยาเวทย์ ร้านตีเหล็ก เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่มีใครมาที่นี่นอกซะจากว่าพวกเขาจะมาเดินเล่น
ผู้คนไม่เคยเห็นแถวรอหน้าร้านค้าหรือว่าร้านอาหารไหนที่ยาวแบบนี้มาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกทึ่ง ร้านอาหารขนาดใหญ่และสีหน้าคาดหวังทำให้พวกเขาอยากรู้อยากเห็น
มันขายอะไร ? ทำไมเจ้าของร้านถึงมีลูกค้ามากมายมารออยู่ข้างนอก ? พวกเขาสงสัย
สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือลูกค้าเหล่านี้ต่างก็รอคอยกันอยู่เงียบๆ คนที่รู้จักกันก็อาจจะพูดคุยกันเบาๆ สิ่งนี้แตกต่างจากร้านอาหารอื่นๆมาก พวกเขาไม่ได้รู้สึกกระสับกระส่ายและใจร้อนเลย
บรรยากาศและสีหน้าคาดหวังของพวกเขาทำให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมารู้สึกสนใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้ามาต่อแถวแต่พวกเขาบางส่วนก็หยุดยืนดู พวกเขาต้องการค้นหาว่าร้านอาหารนี้มีอะไรดี
แม็กซ์ตกใจกับแถวยาวๆนี้มาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าลูกค้าจะมากันเร็วขนาดนี้
นอกจากนี้แถวยาวๆนี้ยังดึงดูดผู้ชมได้อีกมากกว่า 20 คน เขาไม่มั่นใจว่าคนพวกนี้จะกลายเป็นลูกค้าของเขาทั้งหมดมั้ย แต่มันก็มีโอกาสสูงมากที่บางคนอาจจะลอง
“โอ้ ในที่สุด แม็กซฺ ฉันรอมาครึ่งชั่วโมงแล้ว” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่หัวแถวบ่นถึงแม้ว่าดวงตาของเขาจะเปล่งประกายไปด้วยความยินดี
“เราจะเปิดร้านตามเวลาที่เขียนเอาไว้บนป้ายนี้ คุณมาตอนไหนก็ได้ถ้ามันสะดวกกับคุณ เข้ามาเถอะ” แม็กซ์พูดด้วยรอยยิ้มแล้วเปิดประตูค้างไว้และไม่มีสีหน้าขอโทษแม้แต่น้อย
เขาจะไม่อะลุ่มอล่วยเรื่องเวลาเปิดร้านเด็ดขาด เขาต้องการเวลาที่เพียงพอสำหรับการพักผ่อนและเตรียมตัว ยิ่งไปกว่านั้นถ้ากฎนี้ถูกทำลายเขาจะต้องเปิดร้านก่อนเวลาและปิดร้านช้าแบบนี้ไปเรื่อยๆ นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการ เขาไม่ต้องการที่จะสูญเสียวันหยุดของเขา
ชายหนุ่มผงกหัว “ฉันรู้มันเป็นกฎ ฉันขอโร่วเจียหมัวสองอันนะ” เขาพูดพร้อมกับเดินเข้ามาในร้าน
เขาเห็นว่าแม็กซ์และเอมี่กำลังกินอาหารอยู่ข้างในและรู้สึกว่าแม็กซ์ไม่มีเหตุผลพอสมควรเมื่อเขาไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไป
ต้องพูดว่าเขายกโทษให้แม็กซ์เพราะว่าอาหารอร่อย ยังไงซะเขาก็ไม่มีทางได้กินอาหารที่อร่อยมากขนาดนี้จากร้านอาหารอื่นๆถึงแม้ว่าเขาจะใช้เวลารอทั้งวันก็ตาม
ครัสซูเดินมาที่ประตูแล้วยิ้ม “แม็กซ์ นายคิดยังไงกับ – ”
“กรุณาเข้ามาและสั่งอาหารของคุณก่อน คุณคงไม่ต้องการให้คนที่อยู่ข้างหลังคุณต้องรอนานเกินไปใช่มั้ย ?” แม็กซ์ขัดจังหวะด้วยรอยยิ้มไร้ที่ติและข้อแก้ตัวที่สมบูรณ์แบบ
“ไม่แน่นอน” ครัสซูไม่มีทางเลือกนอกจากกลืนคำพูดของเขาลงไปและเดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปข้างในพร้อมกับไม้เท้าในมือ เมื่อเขามองเห็นเอมี่ที่กำลังเล่นอยู่กับลูกแมวของเธอที่เคาน์เตอร์ดวงตาของเขาก็สดใสขึ้นมาอีกครั้ง เขารีบเดินไปที่โต๊ะใกล้เคาน์เตอร์และนั่งลง “สวัสดีตอนเย็นสาวน้อย” เขาพูดกับเอมี่และยิ้ม
เอมี่เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ครัสซู “สวัสดีคุณปู่เคราขาว” เธอมองไปที่ไม้เท้าของเขาที่มีไพลินประดับอยู่ด้านบน “นั่นเป็นไม้เท้าเวทมนต์รึเปล่า ? สิ่งที่นักเวทย์ทุกคนต้องมี ?” เธอถามอย่างสงสัย
“ใช่ และมันไม่ใช่ไม้เท้าเวทมนต์ธรรมดานะ นอกจากจะใช้มันเสกเวทมนตร์ออกมาได้แล้วมันยังสามารถใช้โจมตีศัตรูของฉันได้อีกด้วย ฉันเคยใช้มันตีหัวมังกรมาแล้วด้วยนะ” ครัสซูตอบพร้อมกับยิ้มพร้อมกับค่อยๆขยับมือไปตามไม้เท้าของเขาอย่างอ่อนโยน ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงตัวเองเมื่อก่อน เมื่อเขายังเด็กความบ้าระห่ำของเขาทำให้เขาได้รับฉายาว่า ‘นักเวทย์ผู้บ้าคลั่ง’ แต่ชื่อเสียงนี้ดูเหมือนว่าจะจางหายไปจนหมดแล้ว
“มันดีสำหรับคุณ” เอมี่พูดอย่างเฉยชาในขณะที่เธอมองไปที่ไพลิน เห็นได้ชัดว่าเธอสนใจอัญมณีที่เปล่งประกายออกมา
ครัสซูตั้งใจที่จะคุยโม้เกี่ยวกับอดีตของเขาแต่ความเฉยเมยของเอมี่ก็ทำให้เขารู้สึกท้อแท้ เขายิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วนและหยุดพูดไป
อย่างน้อยเขาก็มีโอกาสได้พูดคุยกับเอมี่ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อน สาวน้อยคนนี้ต้องมีสิ่งที่สนใจมากมายแน่ๆและฉันก็แค่ต้องหาคนที่จะมาเกลี้ยกล่อมให้เธอยอมไปกับฉัน เขาหันกลับมาและเห็นแม็กซ์กำลังเดินเข้ามา “แม็กซ์ฉันต้องการข้าวผัดหยางโจวสองจาน เสิร์ฟพวกมันแยกกันนะ”
แม็กซ์พยักหน้า “ได้เลย รอสักครู่นะ” เขาตอบรับและเดินกลับเข้าไปในครัว ฉันเพิ่งสอนเอมี่ให้รู้จักการรับมือกับการหลอกลวงเมื่อตอนเที่ยงและตอนนี้ครัสซูผู้ชั่วร้ายคนนี้ก็ต้องการหลอกให้เธอกลายเป็นลูกศิษย์ของเขา ฉันสามารถใช้เขาเพื่อประเมินผลการสอนของฉันได้ ถ้าฉันมองข้ามบางอย่างไปฉันจะสอนมันให้เอมี่รู้ในคืนนี้
ลูกค้าต่างก็ทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆและร้านก็ยังไม่เต็ม นี่คือประโยชน์ของร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มีโต๊ะ 16 โต๊ะและแต่ละโต๊ะสามารถนั่งได้ 4 คน ดังนั้นมันจึงสามารถรองรับลูกค้าได้มากถึง 64 คนในเวลาเดียวกัน
มีลูกค้าหลายคนที่นั่งอยู่คนเดียว มีน้อยคนที่จะแบ่งโต๊ะกับคนแปลกหน้า พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากแบ่งโต๊ะกับคนอื่นเมื่อมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
ผู้คนจำนวนมากตามเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าอาหารมีเพียงแค่สองอย่างและมีราคาแพงพวกเขาส่วนใหญ่ก็จะส่ายหัวและเดินออกไป
เจ้าของร้านนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ใครคนหนึ่งคิด 600 เหรียญทองแดงสำหรับข้าวผัดหยางโจวหนึ่งจาน ? หลายคนต้องทำงานตั้งหลายวันเพื่อให้ได้เงินจำนวนนี้
หลายๆคนที่พอมีต่างก็ยังรออยู่แต่ก็ไม่ได้สั่งในทันที พวกเขาวางแผนที่จะรอดูอาหารก่อน
เสียงของผู้ชายดังขึ้น “แม็กซ์ ฉันเอาเก้าอี้ของตัวเองมาด้วย ฉันเข้าไปได้มั้ย ?” ประตูถูกผลักเปิดและปีศาจก็ยื่นหัวของเขาเข้ามา
ลูกค้าบางคนสะดุ้งและบางคนก็มองเขาด้วยความตกใจ ปีศาจลาวาเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของความอารมณ์ร้อนและขี้หงุดหงิด
“หัวล้านใหญ่อย่าเสียงดัง ไม่งั้นหนูจะจุดไฟเผาคุณ” เอมี่พูดอย่างเฉยเมยเมื่อเธอมองไปที่ซาเจราส เธอไม่ต้องการให้เขาทำให้ลูกค้าคนอื่นกลัว
ซาเจราสยิ้มออกมาอย่างขอโทษในทันที เขาจำลูกไฟเล็กๆของเธอได้ดี วันนี้เขาได้เงินมา 9 เหรียญทองจากการทำภารกิจ เขาไม่อยากก่อเรื่องเพราะว่าเขาต้องการกินโร่วเจียหมัวที่นี่ ดังนั้นเขาจึงลดเสียงของเขาลง “แม็กซ์…”
ปีศาจลาวาเป็นเหมือนกับลูกแกะน้อยเมื่อเข้ามาในร้านอาหารของเขา แม็กซ์รู้สึกว่าเขาอยากจะหัวเราะออกมา ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะเอาเก้าอี้มาเอง บางทีเขาอาจจะตกใจเล็กน้อยกับราคาเก้าอี้ 10 เหรียญทอง เขาเดินไปที่ประตูห้องครัวและพยักหน้า “ไม่มีปัญหา เข้ามาเลย”
ซาเจราสเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมกับเก้าอี้เหล็กและนั่งลงใกล้ๆประตู เขาเปิดปากของเขาเพื่อสั่งอาหารแต่เมื่อสายตาของเขามองไปเห็นครัสซูมันก็ทำให้เขาสำลักคำพูดของเขาในทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้าง นั่นไม่ใช่…