A Stay-at-home Dad’s Restaurant In An Alternate World - ตอนที่ 86
Chapter 86 : หนูต้องการปกป้องพ่อของหนู
ไหล่ของซาเจราสสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในขณะที่เขาพยายามกลั้นเสียงหัวเราะของเขาเอาไว้ เขาปิดปากของตัวเองและพยายามปกปิดเสียงหัวเราะนั้น แต่มันก็ยังมีเสียงหัวเราะหลุดออกมาโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ
เขาอาจจะระเบิดขำออกมาแล้วถ้าหากว่าเขาไม่ได้รู้จักชายชรา
ลูกค้าที่อยู่ใกล้ๆต่างก็มองไปที่ปีศาจที่กำลังสนุกสนานและหัวเราะอย่างน่ากลัวอยู่ด้วยความหวาดกลัวและรีบเปลี่ยนที่นั่งให้อยู่ห่างจากซาเจราสทันที – ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องแบ่งโต๊ะกับคนแปลกหน้าก็ตาม
ถึงแม้ว่าครัสซูจะหน้าหนาขนาดไหนเขาก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมาเมื่อรู้สึกว่าถูกจ้องมอง ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อสลายความน่าอึดอัดใจนี้ แม็กซ์ก็เดินออกมาแล้ววางข้าวผัดลงตรงหน้าเขา “ข้าวผัดหยางโจวของคุณ” เขาพูดพร้อมกับยิ้ม
ตาของครัสซูเป็นประกายขึ้นมาในทันทีเมื่อเขาเห็นแม็กซ์ “แม็กซ์ นายคิดยังไงกับเอลฟ์ตัวน้อยที่น่าสนใจนี่” เขาถาม เขาใช้แม็กซ์เพื่อเบี่ยงเบนสายตาที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจของลูกค้าคนอื่นๆ นอกจากนี้เขายังสงสัยมากเกี่ยวกับของเล่นนี้
มันไม่ควรจะเป็นเวทมนต์เพราะว่าฉันไม่สามารถรู้สึกถึงมันรอบๆสิ่งนี้ได้ แต่ถ้ามันไม่ใช่เวทมนตร์แล้วมันร้องเพลงออกมาได้ยังไง ? เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง ครัสซูคิด
ลูกค้าคนอื่นๆเองก็ถูกกระตุ้นให้รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา พวกเขาต่างก็พากันมองไปที่แม็กซ์ด้วยความสงสัย เขาเป็นใครกันแน่ ? เขาไม่ได้เป็นแค่พ่อครัวเท่านั้นเหรอ ทำไมเขาถึงสามารถเสกของเล่นชั้นเยี่ยมแบบนี้ออกมาได้ เขาเป็นนักเวทย์ที่เก่งกาจจริงๆเหรอ ?
“นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ปกติ มันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายอย่างที่ยากเกินกว่าจะอธิบายอย่างละเอียด ฉันกลัวว่าคุณจะไม่เข้าใจ” แม็กซ์ตอบ
“คุณอาจพูดถูก” ครัสซูพูดและรู้สึกหมั่นไส้เล็กน้อย แต่เมื่อเขาอ้าปากเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรดี เขาพบว่าแม็กซ์อาจจะพูดถูก เขาเรียนรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์มาตลอดทั้งชีวิตดังนั้นเขาจึงรู้เกี่ยวกับเรื่องอื่นๆน้อยมาก
แม้แต่ทักษะทางสังคมของเขาก็แย่มาก ในฐานะนักเวทย์ที่ทรงพลังเขาควรมีอัจฉริยะมากมายมาต่อแถวอยู่หน้าประตูที่พักเพื่อขอให้เขารับเป็นลูกศิษย์ แต่ความเป็นจริงเขากลับต้องเดินทางมาไกลและใช้เวลานานเพื่อค้นหาลูกศิษย์ในวัยชรา
เรื่องที่แย่คือเขาถูกหัวเราะเยาะในขณะที่เขาพยายามจะขอตรวจสอบพรสวรรค์ของลูกสาวเจ้าของร้านอาหาร
เมื่อเห็นว่าชายชราไม่ได้ตั้งใจที่จะถามคำถามเพิ่มอีกแม็กซ์ก็เดินกลับไปที่ครัว เขาได้เตรียมทฤษฎีเชิงกลเอาไว้มากมายสำหรับคำถามของชายชรา ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นเพียงสิ่งที่เขาเรียนรู้ในมหาวิทยาลัย แต่มันก็ควรจะเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีและสร้างความประทับใจให้ทุกคนที่นี่ – เขาจบการศึกษามาจาก 1 ใน 20 มหาวิทยาลัยวิศวกรรมชั้นนำของโลก
เอมี่ยิ้มหวานให้กับแม็กซ์ เธอรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองพอสมควร
แม็กซ์มองมือที่มันเยิ้มของเขาและไม่ได้ลูบผมของเอมี่ เขายิ้มตอบกลับไปพร้อมกับส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชอบและเข้าไปในครัว
การตอบสนองของเอมี่นั้นไร้ที่ติ เธอทำทุกอย่างตามที่แม็กซ์สอนเธอ เธออาจจะทำให้ครัสซูรู้สึกสงสัยในตัวเอง
แฮร์ริสันมองไปที่แผ่นหลังของแม็กซ์ “ไม่ว่าจะเป็นนักเวทย์หรือไม่ได้เป็นแม็กซ์ก็น่าเหลือเชื่อ” เขาพูดแล้วกัดโร่วเจียหมัว ไขมันของเขากำลังสั่นไปทั่วทั้งตัว
“เห็นด้วย” จอร์จผงกหัว ไขมันของเขาก็กำลังสั่นอยู่เช่นเดียวกัน “ฉันสงสัยว่าแม็กซ์จะขายมันรึเปล่า พาเมอร์คงจะมีความสุขถ้าได้เห็นมัน” เขาพึมพำในขณะที่มองไปที่กล่องเพลงที่อยู่ห่างออกไป
ลูกค้าคนอื่นๆต่างก็มองดูคนอ้วนทั้งสองคนที่ไขมันกำลังสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แม็กซ์เป็นคนที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ
ซาเจราสพยายามกลั้นเสียงหัวเราะของเขาเอาไว้ ตอนนี้เขารู้สึกหิวมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะตะโกนใส่เจ้าของร้านและขู่ว่าจะทำลายร้านอาหาร แต่วันนี้เขากลับนั่งรออย่างอดทน
ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่นักเวทย์ระดับ 10 ก็ยังถูกที่นี่ดึงดูดเอาไว้ เขาอาจจะไม่พอใจแต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรนักถ้าเทียบกับปัญหาใหญ่ๆที่เขาเคยเจอมาตลอดการเดินทาง 50 ปีในทวีปนี้ เขาค่อนข้างมีเหตุมีผลตามความเป็นจริงแล้ว
เมื่อลูกค้าคนอื่นๆเพลิดเพลินไปกับอาหารของตัวเองและหยุดให้ความสนใจเขา ครัสซูก็ตักข้าวผัดเข้าปากและมองไปที่เอมี่ที่กำลังลูบหัวลูกแมวอยู่พร้อมกับมองไปที่เอลฟ์ตัวน้อยในกล่องเพลง เขาเริ่มวางแผนอีกครั้ง
หลังจากที่เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งครัสซูก็มองไปที่เอมี่และยิ้ม “สาวน้อย สิ่งที่เราเพิ่งพูดกันไปนั้นไม่สำคัญเลย สิ่งที่สำคัญก็คือเมื่อถึงวันที่มีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะเกิดจากพระเจ้า การกระทำของมนุษย์หรือว่าอะไรก็ตาม ในตอนนั้นคนที่ทรงพลังจะสามารถปกป้องตัวเองและคนที่พวกเขารักได้ ฉันคนนึงล่ะที่เป็นคนมีพลัง หนูไม่ต้องการที่จะเรียนรู้เวทมนต์เพื่อปกป้องคนที่หนูรักเหรอ ?”
เอมี่คิดอยู่ครู่หนึ่งและหันไปมองแม็กซ์ที่อยู่ในห้องครัว “หนูต้องการปกป้องพ่อของหนู” เธอพูดด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
“เหมียว…” ลูกเป็ดขี้เหร่ร้องออกมาในขณะที่มันเงยหน้าขึ้น มันพยายามเตือนเอมี่ว่ามันเองก็มีตัวตนอยู่ด้วย
“แกไม่ได้รวมอยู่ด้วย” เอมี่พูดแล้วก้มหัวลงเล็กน้อย
“เหมียว เหมียว…” ลูกแมวร้องออกมาเบาๆราวกับว่ามันกำลังได้รับบาดเจ็บ
“ใช่แล้ว” ครัสซูพูดพร้อมกับยิ้ม “ถ้าหนูต้องการปกป้องใครซักคนหนูจะต้องมีพลังเป็นของตัวเอง และหนูจะมีมันถ้าหนูเรียนรู้จากฉัน” เขาพยายามทำให้ตัวเองดูเหมือนอาจารย์ที่ใจดีและไว้ใจได้
ถึงแม้ว่าเขาจะเคยพูดคำที่คล้ายกันไปเมื่อวานนี้และได้รับการปฏิเสธจากแม็กซ์โดยตรงแต่เขาต้องการทำให้แน่ใจว่าเอมี่มีพรสวรรค์หรือไม่มี ถ้าหากว่าเธอมีความสามารถและเหมาะสมที่จะเป็นลูกศิษย์ของเขาเขาก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสนองความต้องการของแม็กซ์ เขาจะตายในอีกไม่กี่ปีนี้ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสนใจเกี่ยวกับมัน
เอมี่พยักหน้า “หนูคิดว่าคุณพูดถูก” แต่ก่อนที่ครัสซูจะยิ้มได้เอมี่ก็พูดเสริมอีกว่า “แต่คุณปู่เคราขาว คุณไม่สามารถเดินดีๆได้ คุณไม่สามารถปกป้องตัวเองและต้องการสอนให้หนูปกป้องพ่อของหนู ปกป้องเขาจากใคร เด็กอย่างหนูเหรอ ?”
“เอิ่ม…” สีหน้าของครัสซูแปลกไปอีกครั้ง เกิดอะไรขึ้นข้างในหัวของเธอ ? ทำไมเธอถึงไม่ชอบเด็กคนอื่นๆ ?
นอกจากนี้มันดูเหมือนว่าฉันจะปกป้องพ่อของเธอได้จากเด็กๆเท่านั้นเหรอ ?! ครัสซูเลิกคิ้ว
เขาต่อสู้กับออร์คเมื่อเขามีอายุเพียงแค่ 18 ปี เขาใช้ไม้เท้าของเขาทุบลงไปบนหัวของมังกรยักษ์ตอนที่เขาอายุ 24 มันเป็นมังกรเขียวที่อ่อนแอ แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่จุดสูงสุดของชีวิตเขาแล้วและเขาจะไม่ทำร้ายเด็ก
“ถ้าหนูไม่เชื่อฉันหนูสามารถใช้เวทมนต์กับฉันได้ ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้และไม่ขยับไปไหน” ครัสซูพูดอย่างมั่นใจและตบหน้าอกของตัวเอง