A Stay-at-home Dad’s Restaurant In An Alternate World - ตอนที่ 126
โมไบกำหมัดแน่นในขณะที่เขาเงยหน้ามองมังกร ความโกรธแค้นครุกรุ่นอยู่ในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามันไม่ใช่มังกรจริงๆ เขาจึงละสายตาจากท้องฟ้าแล้วมองลงมาด้านล่างและรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่พบว่าอูเรี่ยนยืนอยู่ตรงนั้น
เขาอาศัยอยู่ที่นี่มานานหลายสิบปี เขารู้ดีว่าอูเรี่ยนย้ายมาที่นี่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เขามักจะซื้อน้ำยาฟื้นพลังระดับกลางจากอูเรี่ยนและพวกเขาก็รู้จักกันพอสมควรถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากนัก
อย่างไรก็ตามเขาสันนิษฐานว่าอย่างมากอูเรี่ยนก็เป็นแค่นักเวทย์ระดับ 5 เพราะว่ายาของเขามีราคาถูกและไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ
ชัดเจนว่าเขาประเมินอูเรี่ยนต่ำเกินไป เขาไม่สามารถเผชิญหน้าและต่อสู้กับมังกรน้ำแข็งนี้ได้ อย่างน้อยเขาก็เป็นนักเวทย์ระดับ 9
เขากำหมัดของเขาแน่นขึ้น ฉันจะฆ่ามังกรแดงนั่นได้ยังไงถ้าฉันไม่สามารถใช้เวทมนต์ได้ ? ฉันต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อสร้างระเบิด เขาหันไปมองแม็กซ์และเอมี่และไม่รู้ว่าทำไมอูเรี่ยนและครัสซูถึงต่อสู้กัน
ไม่ไกลจากฝูงชน ซาเจราสกำลังเดินมาที่ร้านอาหารพร้อมกับปีศาจลาวาอีกสองคน เขาหยุดเดินอย่างกะทันหันและมองไปทางร้านอาหาร
“มีอะไรผิดปกติเหรอครับหัวหน้า ?” หนึ่งในสองคนนั้นถามซาเจราส เขามีรูปร่างสูงและผอม
“ฉันหวังว่านายจะไม่ลืมว่าจะต้องทำยังไงเมื่อเราไปถึงร้านอาหาร ? อย่าก่อเรื่อง” ซาเจราสพูดโดยไม่หันหน้ากลับมามอง
“คุณไม่ได้บอกว่าเจ้าของร้านนั่นเป็นมนุษย์เหรอ ?” ปีศาจรูปร่างอ้วนเตี้ยถาม “มนุษย์มีอะไรน่ากลัว ? พวกเขากลัวเรา เราทำอะไรก็ได้ที่เราต้องการในร้านอาหารของเขา” เขาหัวเราะและไม่ได้เอาคำพูดของซาเจราสมาใส่ใจ
ซาเจราสเขกหัวของเขาด้วยหมัด “ไอ้โง่” เขาพูดพร้อมกับยิ้ม “ดูนั่นสิว่ามันคืออะไร ? เวทย์ลูกไฟของลูกสาวเจ้าร้านจะเผานายเป็นเถ้าถ่าน”
ปีศาจร่างเตี้ยกุมหัวด้วยความเจ็บ เขามองไปและเห็นมัน ดวงตาของเขาเบิกกว้างในทันทีแล้วกระโดดไปหลบอยู่หลังซาเจราสด้วยความกลัว “นั่นคือมังกรเหรอ ? มันมาที่นี่ทำไม ?”
“ ร้านอาหารนี้ได้รับการคุ้มครองจากมังกรตัวนี้เหรอ ?” ปีศาจร่างสูงถามขึ้นอย่างตื่นตระหนกแต่ก็อยากรู้อยากเห็น เขาขยับเข้าไปใกล้ซาเจราสให้มากขึ้น
“เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่มังกรจริงๆ แต่ร้านอาหารนี้ได้รับการปกป้องด้วยเวทมนต์ที่ทรงพลังมากกว่ามังกร ดังนั้นแม้แต่ฉันก็ไม่สามารถช่วยพวกนายได้ถ้าหากพวกนายสร้างปัญหา” ซาเจราสเตือนแล้วมองไปที่ครัสซูด้วยความกลัวจากระยะไกล
เขารู้สึกหวาดกลัวชายชราตั้งแต่ที่เขาเห็นชายชราเอาชนะมังกรได้ด้วยไม้เท้าของเขาที่นอกเมืองโรดู เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับความสามารถของแม็ก อเล็กซ์ แต่เขาได้เห็นพลังของครัสซูด้วยตาของตัวเอง
ปีศาจทั้งสองคนมองไปที่ครัสซู “คุณหมายถึงนักเวทย์ที่มีหนวดเคราสีขาวคนนั้นน่ะเหรอ ?” จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่มังกร “ฉันคิดว่าเขาน่าจะถูกมังกรกิน”
ซาเจราสเบ้ปาก “ฉันไม่คิดอย่างงั้น”
…
“มีหิมะตกอยู่ตรงโน้น ! และมีมังกรสีขาวอยู่บนท้องฟ้าด้วย !”
“ฉันเองก็เห็นเหมือนกัน มันมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเหรอ ? ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้ร้านอาหารนั่นยุ่งมากหรอกเหรอ ?”
“ใช่ พวกเขามีอาหารแค่สองอย่างและมีราคาถูกที่สุดคือ 300 เหรียญทองแดง คนโง่พวกนี้รีบมาเข้าแถวในตอนเช้าตรู่และยินดีมอบเงินให้กับเจ้าของร้านคนนั้น”
“ฉันหวังว่ามังกรจะทำลายร้านอาหารเป็นชิ้นๆ รายได้ร้านอาหารของฉันลดลงมาก ฉันเห็นลูกค้าประจำของฉันไปเข้าแถวที่หน้าประตูร้านนั้นเมื่อวานนี้”
“มาเร็ว ไปดูกันเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นมังกร !”
บางคนในลานเอเดนสังเกตเห็นหิมะและมังกรและเริ่มพูดคุยกัน เจ้าของร้านอาหารหลายคนพูดถึงแม็กซ์ด้วยน้ำเสียงอิจฉา มังกรนั้นดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมากเพราะว่ามังกรเป็นเผ่าพันธุ์ที่พบเห็นได้ยากแม้แต่ในเมืองเคออส พวกเขามักจะกลายร่างเป็นมนุษย์เสมอก่อนที่จะเข้าเมือง
…
อีกฟากหนึ่งของลานเอเดนมีชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบสีเทาคนหนึ่งกำลังมองไปทางร้านอาหารมามี่ “นักเวทย์สองคนกำลังสู้กัน !” เขาพูดกับชายหนุ่มในชุดแบบเดียวกัน “พวกเขาทั้งคู่มีระดับมากกว่า 8 ! เหตุการณ์ระดับ 5 ! รายงานไปที่วิหาร ! นายสองคนมากับฉัน เราจะอพยพคนออกไปและพยายามช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิต !” จากนั้นเขาก็วิ่งไปที่ร้านอาหาร
“ครับผม !” ชายหนุ่มตอบรับและวิ่งออกไปได้สองสามก้าวก่อนที่เขาจะเจอกับชายผู้มั่งคั่งในชุดหรูหราคนหนึ่งบนหลังม้า เขาดึงชายคนนั้นลงมาจากหลังม้าแล้วโยนตราของเขาไปให้จากนั้นก็เหวี่ยงตัวขึ้นไปบนอานแล้วพูดว่า “นี่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของวิหารสีเทา ฉันต้องการม้าของนาย มาที่วิหารสีเทาเพื่อรับม้าของนายในภายหลังพร้อมกับตรานั่น”
ชายที่สวมชุดหรูหราคนนั้นผงะไป ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนของวิหารสีเทาต้องขอยืมม้า ? ก่อนหน้านี้เขาวางแผนว่าจะอวดม้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่ด้วยการขี่ไปรอบๆแต่ตอนนี้เขาทำได้แค่มองดูตราในมือและสาปแช่งก่อนที่จะเดินไปที่วิหารสีเทา
…
“พุดดิ้งเต้าหู้เป็นเมนูใหม่ของเราแต่เรายังไม่ได้เริ่มขาย นักเวทย์ทั้งสองนั้นมีธุระกับฉันดังนั้นเราจึงให้พวกเขาลองกินเมนูใหม่ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพวกเขาจะต่อสู้กันเพราะเรื่องรสชาติของมัน” แม็กซ์อธิบายด้วยรอยยิ้มในขณะที่มองดูกลุ่มคนที่อยากรู้อยากเห็น เขาไม่ยอมพลาดโอกาสและโฆษณาพุดดิ้งเต้าหู้ของเขา
ใบหน้าของคนฟังทุกคนดูแปลกประหลาด พวกเขากำลังต่อสู้กันเพราะรสชาติของเมนูใหม่ !
รสชาติของอาหารจานนี้จะต้องโดดเด่นและอร่อยมากแน่ๆ พรอลคิด “แม็กซ์ ตอนเช้านี้นายจะขายเมนูใหม่มั้ย ?” เขาถามอย่างคาดหวัง
คนอื่นๆต่างก็มองมาที่แม็กซ์ด้วยเช่นกัน เมนูนี้จะต้องอร่อยมากแน่ๆเพราะว่ามันสามารถทำให้นักเวทย์ที่ทรงพลังสองคนต่อสู้เพื่อมันได้