A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด - ตอนที่ 57
“เอาล่ะ ทุกคน เรามาพักผ่อนกันก่อนเถอะ”
ทันทีที่พวกเขาเดินทางออกจากป่าได้สำเร็จ เลห์แมนก็ได้สั่งการให้ทุกคนพักผ่อน เนื่องจากแถวนี้มีแม่น้ำเล็ก ๆ อยู่ข้างหน้า พวกเขาจึงสามารถแวะพักเติมน้ำได้
เขาได้รวมกองกำลังของเขาเข้ากับกองกำลังของบารอนเพอร์แมน ด้วยจำนวนสมาชิกกว่าพันคน จึงทำให้ยากต่อการดูแลทั้งหมด เขาจึงแบ่งกันดูแลกับบารอนเพอร์แมน
นอกจากนี้ยังมีสมาชิกครอบครัวกับคนใช้ หากรวมพวกเขาทั้งหมดเข้าไป ทำให้มีคนอยู่ราว ๆ สามพันคนโดยประมาณ
ยิ่งคนเยอะก็จะทำให้เดินทางได้ช้า โชคยังดีที่ทางศาสนจักรกำลังยุ่งอยู่กับการควบคุมอาณาจักรแห่งแสง ทำให้พวกเขาไม่สนใจที่จะไล่ตามเลห์แมนและกลุ่มของเขา
ด้วยเหตุทำให้พวกเขาเดินทางอย่างปลอดภัยเป็นเวลากว่าสิบวันแล้ว ตอนนี้พวกเขาใกล้จะถึงพรมแดนของอาณาจักรแบล็กมูนแล้ว
ในรถม้า เมอร์ลินได้ลืมตาตื่นขึ้น ในรถม้าคันนี้มีเพียงแค่เขาเท่านั้น ส่วนเมซี่ส์กับมาดามหน้าอกใหญ่ได้ย้ายไปอยู่รถม้าของผู้หญิงของบารอนเพอร์แมน
ตอนนี้ร่างกายของเขากลับมาหายดีเป็นปกติแล้ว นอกจากนี้พลังจิตของเขาก็เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนพลังเวทย์ของคาถาแช่แข็งตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นมากพอที่เขาจะร่ายได้ถึง 7ครั้ง แล้ว
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีนั้นไม่ใช่พลังเวทย์ที่เพิ่มขึ้นแต่เป็นประสบการณ์ที่เขาได้ใช้การผสมผสานการโจมตีระหว่างสองคาถาเข้าด้วยกัน
หากตอนที่เขาต่อสู้กับเจสัน เขามีเพียงแค่คาถาเดียว ผลลัพธ์คงจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเขาจำเป็นจะต้องฝึกฝนมากกว่านี้ เพื่อจะสามารถร่ายสองคาถาพร้อมกันได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้เขาก็รู้สึกถึงจุดอ่อนของตัวเอง นั่นก็คือความเร็วของเขาที่ช้าเกินไป
ถ้าหากเขามีความเร็วที่มากกว่านี้ เขาคงสามารถหลบคาถาของเจสันได้ เนื่องจากเขาช้าเกินไปจึงจำเป็นต้องเลือกที่จะโดนโจมตีโดยตรงจนเขาเกือบจะถูกเจสันฆ่าตาย
ดังนั้นแล้วเขาจึงตัดสินใจเลือกคาถาที่สามเป็นคาถาที่เพิ่มความเร็วของเขา
เขาได้นึกถึงข้อความที่เขียนไว้ในตำราเวทมนต์ของชานชราอีธานได้มันได้เขียนไว้ว่า
ไม่มีคาถาไหนที่ดีหรือไม่ดี มีเพียงคาถาที่เหมาะสมสำหรับตัวของพ่อมดเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีคาถาเพิ่มความเร็วในตอนนี้ เขามีเพียงคาถาลมกรดเท่านั้นและมันก็ไม่ใช่คาถาเพิ่มความเร็วด้วย
สำหรับนักเวทย์ระดับเริ่มต้นอย่างเขา แค่คาถาลูกไฟก็เพียงพอที่จะใช้โจมตีแล้ว ถึงจะเพิ่มคาถาลมกรดเข้าไป ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่เพิ่มขึ้นมานัก
ดังนั้นเขาจึงต้องพักเรื่องคาถาที่สามไว้จนกว่าจะเจอคาถาที่ถูกใจ
เมอร์ลินได้ออกจากรถม้าและเดินไปที่แม่น้ำ เขาอยากจะเดินไปรอบ ๆ สักหน่อย
ที่แม่น้ำ เมอริลินได้เห็นเมซี่ส์พูดคุยกับหญิงสาวคนกนึ่ง เธอตัวสูง มีผมบลอนด์ยาวที่ถูกรวบไว้เป็นหางม้า เส้นผมของเธอพลิ้วไหวอย่างนุ่มนวล
นอกจากนี้ใบหน้าของเธอดึงดูดเมอร์ลินอย่างมาก แม้เขาจะมองจากระยะไกล เขาก็ยังมองเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน มันเป็นความงามที่เหนือคำบรรยายหรือจะเรียกว่าไร้ที่ติก็ได้
หญิงสาวทีดูงดงามราวกับตุ๊กตาดินเผาที่ไร้ตำหนิใด ๆ ความสวยของเธอ แม้แต่จีอาก็ยังเทียบไม่ได้
เมซี่ส์ที่รู้สึกถึงการจ้องมองของเมอร์ลิน หญิงสาวคนนั้นก็รู้สึกได้เช่นกัน เธอได้หันมาทักทายเมอร์ลินเล็กน้อย ก่อนจะเดินที่รถม้ากับเมซี่ส์
“แอวริลสินะ มันก็ไม่เลวนะที่จะมีคู่หมั้นที่สวยอย่างนี้…”
เมอร์ลินเดาว่าหญิงสาวคนนั้นน่าจะเป็นแอวริลที่เป็นคู่หมั้นของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินได้เห็น ‘คู่หมั้น’ ของเขาด้วยตาของตัวเอง
อย่างน้อย ๆ เธอก็เป็นผู้หญิงที่สวยมาก
จู่ ๆ เลห์แมนก็เดินเข้ามาหาเมอร์ลินจากระยะไหล เขาเหลือบไปมองเมซี่ส์กับแอวริล เขาก็ยิ้มออกมาเบา ๆ และพูดว่า
“เมอร์ลิน ลูกกับแอวริลก็โตพอที่จะแต่งงานกันได้แล้วนะ ไว้พวกเราตั้งรกรากได้ที่อาณาจักรแบล็กมูนได้เมื่อไหร่ บารอนเพอร์แมนกับพ่อจะจัดงานแต่งงานให้ลูก”
เมอร์ลินยิ้ม “ท่านพ่อ ผมว่าเราไม่ควรรีบ…”
อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของเมอร์ลินได้จางหายทันที เขาได้หันไปมองด้านหลังและพูดว่า
“ท่านพ่อมีอัศวินกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเรา”
ไม่ใช่แค่เมอร์ลินที่รู้ตัว ทุกคนก็รู้ตัวเช่นกัน นั่นทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาทันที พวกเขาจ้องมองไปที่เสียงม้าที่อยู่ทางป่าด้านหลังที่กำลังดังใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ
“ทุกคนตั้งแถว!! เตรียมตัวต่อสู้!!!”
เลห์แมนชักดาบของเขาออกมา เขาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับบารอนเพอร์แมน ส่วนอัศวินคนอื่น ๆ ก็ตั้งขบวนเตรียมป้องกัน
เหล่าผู้หญิงกับคนรับใช้ต่างกลับไปที่รถม้าด้วยความตื่นกลัว พวกเขายื่นหน้าออกมามองด้วยความระมัดระวัง
เมอร์ลินก็ได้ก้าวเดินออกมาข้างหน้าเช่นกัน เขาได้กล่าวขึ้นมาว่า
“ท่านพ่อ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง ผมจะไปดูว่าพวกเราจะพบเจอเป็นใคร”
เลห์แมนรู้ว่าเมอร์ลินหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว นอกจากนี้เขายังเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่ง เขารู้ว่าเมอร์ลินจะไม่เป็นอะไรแต่เขาก็อดที่จะเตือนเมอร์ลินไม่ได้
“เมอร์ลิน หากพวกเขาเป็นพวกศาสนจักร ลูกอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามนะเนื่องจากพวกเขามีจำนวนมากกว่า ลูกรับมือพวกด้วยตัวคนเดียวไม่ไหวหรอก”
เมอร์ลินพยักหน้า เขาเห้นด้วยกับคำเตือนของเลห์แมน
ตอนนี้เขาเป็นเพียงนักเวทย์ระดับเริ่มต้นเท่านั้น เขายังห่างไกลจากนักเวทย์ที่สามารถทำลายป้อมปราการได้เพียงโบกมืออีกมาก
“ท่านพ่อ โปรดมั่นใจ ผมจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม”
เมอร์ลินกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปในป่าทึบอย่างระมัดระวัง