A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด - ตอนที่ 61
ในรถม้า เมอร์ลินได้สำรวจโครงสร้างคาถาทั้งสองในจิตใต้สำนึกของเขา
เขาเห็นพลังเวทย์ที่สะสมอยู่ในคาถาลูกไฟอย่างเต็มเปี่ยม เขาได้คำนวณคร่าว ๆ ว่าเขาจะสามารถเสกลูกไฟได้ถึง 25ลูก
ตามที่ตำราเวทมนต์ของชายชราอีธานได้กล่าวไว้ว่า หากพลังเวทย์ที่สะสมอยู่ในโครงสร้างเวทมนต์ได้ถูกสะสมจนเออล้น ภายหลังจากการสะสมพลังเวทย์เป็นเวลานาน พ่อมดทั่วไปจะสามารถปลดปล่อยคาถานั้น ๆ ได้มากถึง 30ครั้ง
ถึงเมอร์ลินจะเพิ่งสร้างโครงสร้างเวทมนต์ได้ไม่นานแต่เขาก็สามารถบรรลุในสิ่งที่พ่อมดทั่วไปใช้เวลาหลายปีถึงจะทำได้
ส่วนคาถาแช่แข็ง มันสะสมพลังเวทย์ไม่เร็วไม่ช้าจนเกินไป เขาสามารถร่ายมันได้ 7หรือ8ครั้งแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามพลังจิตของเขานั้นเพิ่มช้าสวนทางกับพลังเวทย์มาก คงเป็นเพราะเขาอาศัยการทำสมาธิในระดับเริ่มต้นเท่านั้น พลังจิตเลยเพิ่มช้าขนาดนี้
ด้วยความเร็วประมาณนี้ เขาคาดการณ์ไว้ว่าอีกครึ่งปี เขาคงจะสามารถเพิ่มคาถาที่สามได้
เวลาเพียงครึ่งปีถือว่าไม่ช้าสำหรับพ่อมดทั่วไปแต่ไม่ใช่สำหรับเมอร์ลิน เขาใช้เวลาเพียงสองสามเดือนเปลี่ยนจากคนธรรรมดาให้กลายเป็นพ่อมดที่แข็งแกร่งได้ ดังนั้นเวลาตั้งครึ่งปีถือว่ามากเกินไปสำหรับเขา
นอกจากพลังจิตที่เพิ่มขึ้นช้าแล้ว เขายังพบปัญญาอีกประการหนึ่งนั่นคือการหาคาถาบทใหม่ เมอร์ลินได้มองข้ามคาถาลมกรดไป เขาคิดว่ามันไม่มีประโยชน์สำหรับเขา
เขาหวังว่าจะพบเจอเทคนิคการทำสมาธิอันยอดเยี่ยมกับคาถาระดับศูนย์ที่ใช้ได้ ในตอนที่เขาไปถึงอาณาจักรแบล็กมูน
เขาอยากจะไปให้ถึงที่นั่นไว ๆ เพราะที่นั่นเป็นดั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าพ่อมด ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาจะได้เจอของที่ต้องการที่นั่น
*กึก*
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงหยุดล่ะ” เมอร์ลินขมวดคิ้ว เขาเกือบจะล้มกับการหยุดกระทันหัน
เขาได้ผ้าม่านออกและมองไปข้างนอก
“คุณชายเมอร์ลิน ตอนนี้มีพวกโจรกำลังโจมตีพวกเรา” มอสส์กล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีวี่แววของความตื่นตระหนก
เมอร์ลินได้หันไปมองพวกโจร เขาเห็นว่าใบหน้าของพวกเขามีรอยสักแปลก ๆ สักอยู่ พวกเขาใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบ ๆ ส่วนอุปกรณ์ป้องกันก็ใส่แบบตามมีตามเกิด บ้างก็เก่าและชำรุด
ส่วนอาวุธของพวกเขาก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน ส่วนใหญ่พวกเขาใช้ท่อนไม้ในการต่อสู้
“นี่คือพวกโจรเหรอ?”
เมอร์ลินได้นึกถึงพวกโจรที่ถูกควบคุมโดยศาสนจักรที่บุกเข้ามาโจมตีดินแดนของเลห์แมนในตอนนั้น พวกเขาทั้งมีวินัยและเป็นระเบียบ ถูกฝึกมาอย่างดีและมีอุปกรณ์ที่ครบครัน
นี่คงเป็นข้อแตกต่างระหว่างโจรกับอัศวิน
เมอร์ลินมองเห็นโจรพวกนี้มีจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคน เขาเห็นว่าพวกโจรดูไม่หวาดกลัวอัศวินเลย เขามองเห็นในแววตาของพวกโจรนั้นเต็มไปด้วยความโลภ
เขามองสลับไปมาระหว่างพวกโจรกับพวกอัศวินด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ
“มอสส์เป็นไปได้มั้ยว่า พวกเราจะดูอ่อนแอมากเกินไป”
มอสส์ยังไม่ทันจะตอบ เลห์แมนได้สั่งการให้อัศวินเคลื่อนกำลังพลเปลี่ยนเป็นรูปขบวนโจมตี ตอนนี้พวกอัศวินก็รอแค่คำสั่งของเลห์แมนเท่านั้น หากเขาสั่งการเมื่อไหร่ พวกเขาก็พร้อมที่จะพุ่งไปข้างหน้าและฟาดฟันพวกโจรให้ขาดเป็นชิ้น ๆ
…
“ผู้บัญชาการแมนซ์ เราจะจัดการพวกโจรอย่างไรดี”
เจ้าหญิงเชอรีสมีสีหน้าเคร่งเครียดมาก เนื่องจากอยู่ ๆ ก็มีกลุ่มโจรปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา เธอคิดว่าน่าจะมีราว ๆ สองถึงสามพันคนได้
อย่างไรก็ตามแมนซ์กับไม่มีทีท่าที่เป็นกังวลเลย เขาพูดอย่างองอาจว่า
“ฝ่าบาท พวกมันเป็นแค่โจรกระจอกเท่านั้น แม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนมากกว่านี้แต่พวกเราอัศวินปักษาอัคคีก็สามารถจัดการได้อย่างสบาย ๆ”
เจ้าหญิงเชอรีสจึงพยักหน้า “ผู้บัญชาการแมนซ์นำอัศวินหกร้อยนายจัดการพวกโจรให้หมด”
ทันทีที่แมนซ์กับอัศวินได้รับพระบัญชา พวกเขาก็พุ่งออกไปข้างหน้าทันที
เมื่อเหล่าอัศวินกับกองโจรได้ปะทะกันก่อให้เกิดเสียงดังและกลุ่มลอยขึ้นมา
แมนซ์ได้นำอัศวินบุกเข้าโจมตี ร่างกายของเขาเปล่งแสงสีเหลืองออกมาในขณะที่เขากวัดแกว่งดาบใหญ่ ไม่มีโจรคนไหนสามารถต่อกรกับเขาได้ นั่นทำให้พวกโจรวิ่งหนีไปทันทีที่เห็นพลังที่เหนือชั้นของเขา
ในระหว่างที่กลุ่มโจรจำนวนหนึ่งวิ่งหนีไป จู่ ๆ ก็มีกลุ่มโจรจำนวนสิบกว่าคนบุกเข้ามาล้อมรอบเขา
พวกเขาสวมชุดเกราะอย่างดี ผิดกับกลุ่มโจรทั่วไป
ทางด้านแมนซ์ยังมีท่าทีที่สงบ เขามองผู้คนนับสิบนี้อย่างใจเย็น แม้พวกเขาจะบุกเข้ามาอย่างน่ากลัวแต่ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่คนธรรมดา เพราะว่าเขาไม่รู้สึกถึงออร่าของพลังงานธาตุจากร่างกายของพวกเขาเลย
“ตายซะ!!”
แมนซ์ได้ยกดาบใหญ่และเล็งไปที่โจรคนหนึ่งด้วยใบดาบที่ปกคลุมไปด้วยแสงสีเหลืองนวล
แม้ว่านักดาบปฐพีจะเชี่ยวชาญในการป้องกันแต่เนื่องจากตัวเขาเป็นนักดาธาตุระดับสามแล้วดังนั้นคนทั่วไปคงไม่สามารถรับการโจมตีของเขาได้
*แคว๊ง!*
ดาบใหญ่ของแมนซ์ได้ปะทะกับดาบเหล็กของโจรอย่างเต็มแรงจนทำให้ดาบใหญ่ได้หลุดออกจากมือของเขา
นั่นทำให้ดวงตาของแมนซ์เบิกกว้างพร้อมกับมือที่สั่นด้วยความชา
เขาไม่รู้สึกถึงพลังธาตุอะไรเลยแต่โจรตรงหน้าสามารถปัดป้องการโจมตีของเขาได้
“มันเป็นไปได้อย่างไรกัน”
ในขณะที่แมนซ์กำลังตกตะลึงอยู่นั้น กลุ่มโจรที่มีรอยสักบนใบหน้าได้เริ่มหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย
“ฮ่า ๆ ไม่มีอะไรที่เป็นไม่ได้ พวกเราจัดการมันซะ”
กลุ่มโจรได้เฮโลบุกเข้าใส่แมนซ์ พวกเขาระดมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง แม้พวกเขาจะไม่ใช่นักดาบธาตุแต่พละกำลังของพวกเขาไม่แพ้นักดาบธาตุระดับสองเลย
หากนี่มีแค่คนเดียว มันอาจจะเป็นพรสวรรค์ที่พิเศษแต่นี่มีมากกว่าหนึ่งโหล มันต้องไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน
นอกจากแมนซ์แล้ว ทางด้านอัศวินปักษาอัคคีก็พบเจอความยากลำบากไม่แพ้กัน แม้พวกเขาจะได้รับการฝึกฝนมากเป็นพิเศษและมีทีมเวิร์คที่ไม่ธรรมดาแต่มันก็ไม่อาจสู้กับคนที่มีพลังเทียบเท่านักดาบธาตุระดับหนึ่งหลายร้อยคนได้แน่นอน
ดังนั้นตอนนี้จึงทำให้สถานการณ์ของพวกเขาย่ำแย่มาก พวกเขสามารถถูกฆ่าตายได้ตลอดเวลา
เจ้าหญิงเชอรีสที่สังเกตการต่อสู้จากระยะไกล เธอชักสีหน้าที่กังวลและไม่สบายใจออกมา เธอเห็นผู้บัญชาการแมนซ์ที่กำลังจนมุม เธออดสงสัยไม่ได้ว่า คนที่แข็งแกร่งอย่างเขาทำไมถึงเอาชนะพวกโจรไม่ได้