A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด - ตอนที่ 68
*หวู่ม!!!*
ลมบ้าหมูหมุนปรากฏขึ้นมาจากอากาศอันเบาบาง ฝุ่นและก้อนกรวดได้ถูกดูดและหมุนวนในพายุ
คีนมองไปเบื้องหน้าอย่างดีใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาร่ายเวทมนต์
จากนั้นลมบ้าหมูได้กระจายออก แม้มันจะสลายไปแต่มันก็ไม่สามารถลดทอนความตื่นเต้นของเขาได้
ตอนนี้เขายังควบคุมได้ไม่คล่องมือ หากเขาฝึกไปเรื่อย ๆ พลังของมันต้องดีขึ้นกว่านี้แน่นอน
“ไม่เลว ๆ ตอนนี้เธอมีเธอสามารถร่ายคาถาลมกรดได้แล้วและตอนนี้เธอเป็นนักเวทย์ระดับเริ่มต้นเรียบร้อยแล้ว เธอต้องมั่นเพิ่มพลังจิตอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะสามารถฝึกคาถาอื่น ๆ ได้มากขึ้น มันจะยิ่งทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น”
เมอร์ลินกล่าวอย่างเรียบ ๆ เขาได้ใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ๆ ในการสอนคีนถึงความรู้ทั่วไปของนักเวทย์ จากนั้นเขาก็ช่วยคีนสร้างโครงสร้างเวทมนต์ในจิตใต้สำนึกได้สำเร็จ
“เอาล่ะ ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้ว” เมอร์ลินกล่าวออกมา ภายหลังจากที่เห็นว่าคีนพอจะควบคุมคาถาลมกรดได้แล้ว
ตอนนี้ข้อตกลงที่พวกเขาได้ทำไว้ได้สมบูรณ์แล้วและทั้งสองฝ่ายก็ได้รับประโยชน์อย่างมาก
คีนได้มองเมอร์ลินอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
“ผมจะให้ส่งคนไปคุ้มกันท่านระหว่างทางที่ไปอาณาจักรแบล็กมูน พวกโจรกลุ่มอื่นจะหนีไปทันทีที่ได้สัญลักษณ์กองโจรพายุของเรา”
เมอร์ลินพยักหน้าตอบรับ แม้ว่าเขาจะสามารถจัดการพวกโจรเหล่านั้นได้แต่การที่ต้องพบเจอพวกโจรที่มาระรานตลอดการเดินทางมันจะเหนื่อยล้ามากเกินไป หากหลีกเลี่ยงพวกโจรได้เขาก็ยินดีที่จะทำอย่างนั้น
จากนั้นเมอร์ลินก็ได้นั่งรถม้าออกไปจากหุบเขาโดยมีโจรที่สวมชุดเกราะ 20คน นำทางไปข้างหน้า
…
“ท่านพ่อ ท่านพี่เมอร์ลินจะไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ”
ตอนนี้เมซี่ส์กำลังฝึกฝนวิชาดาบอยู่ เธอหยุดพักและถามเลห์แมนด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่เมืองแบล็กวอเตอร์ นั่นทำให้เธอรู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นอ่อนแอมากเพียงใด ดังนั้นเธอจึงหมั่นฝึกฝนทุกครั้งที่เธอมีเวลาว่าง
แต่ยิ่งเธอฝึกซ้อมมากเท่าไหร่ พลังธาตุไฟก็ยิ่งถูกดูดซึมเข้าสู้ร่างกายน้อยลง
ทางด้านเลห์แมนเขาก็สังเกตเห็นถึงเรื่องนี้เหมือนแต่เขายังไม่สามารถสอนเมซี่ส์ในตอนนี้ ไว้หลังจากที่พวกเขาลงหลักปักฐานที่อาณาจักรแบล็กมูนได้เมื่อไหร่ เขาจะสอนเมซี่ส์ในวิธีการที่ถูกต้อง
“วิลสัน เมอร์ลินจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?” บารอนเพอร์แมนเดินเข้ามาถามอย่างกังวล
สีหน้าของเลห์แมนยังคงนิ่งสงบ เขาได้ตอบอย่างใจเย็นว่า “เราทำได้แค่เชื่อใจเขาและรออย่างอดทนเท่านั้น แต่หากพรุ่งนี้เมอร์ลินยังไม่กลับมาล่ะก็…”
ก่อนที่เลห์แมนจะพูดจบ จู่ ๆ อัศวินที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังได้รีบเข้ามารายงานเลห์แมน
“ท่านบารอนครับ คุณชายเมอร์ลินกลับมาแล้วครับ”
เลห์แมนได้หันไปมองทิศทางที่อัศวินวิ่งมา เขาเริ่มมองเห็นมอสส์ที่ขับม้ามาพร้อมกับโจรอีก 20คน ตามหลัง
ทันทีที่เมอร์ลินลงมาจากรถม้า เลห์แมนได้ตรงไปหาเมอร์ลินก่อนใครเพื่อนทันที
เขาได้มองไปที่กลุ่มโจรและถามเบา ๆ ว่า
“เมอร์ลิน พวกโจรมาทำอะไรที่นี่”
เมอร์ลินไม่ตอบตรง ๆ เขาพูดเบา ๆ ว่า “ท่านพ่อไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลังนะครับ”
จากนั้นเขาก็ไปหาแพรตต์และสั่งให้แพรตต์และอัศวินคนอื่นล้อมรถม้าไว้เพื่อกันไม่ให้เข้ามาข้างใน จากนั้นเขาและเลห์แมนได้เข้าไปในรถม้า
ภายในรถม้า เลห์แมนดูเคร่งเครียดมาก เขาคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญมากถึงขนาดต้องสั่งคนให้ล้อมรถม้าแบบนี้
“เมอร์ลิน เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” เลห์แมนที่มีท่าทีสงบมาโดยตลอดแต่พอได้เห็นท่าทีแปลก ๆ ของเมอร์ลินก็ทำให้ท่าทีของเขาได้เปลี่ยนไป
เมอร์ลินได้หยิบรูปแกะสลักสามชิ้นออกมาแล้ววางไว้ตรงหน้าเลห์แมน จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงเบาว่า
“ท่านพ่อไม่สงสัยเหรอหรือว่าทำไมพวกโจรถึงได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่พวกเป็นแค่คนธรรมดาแต่สามารถต่อสู้กับท่านพ่อหรือพวกอัศวินได้อย่างสูสีได้”
จริง ๆ เลห์แมนก็สงสัยเรื่องมาสักพักแล้วแต่เขาไม่สามารถหาสาเหตุได้ แต่พอเมอร์ลินได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็ได้มองไปที่รูปแกะสลัก ความคิดหนึ่งก็ได้แวบขึ้นมาในหัวของเขาทันที
“เป็นเพราะรูปแกะสลักพวกนี้งั้นเหรอ?” เลห์แมนถามอย่างสับสน เขาหยิบมันขึ้นมาอันหนึ่งแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรจากมันเลย
“ท่านพ่อ คนทั่วไปไม่สามารถค้นพบความลับของรูปแกะสลักเหล่านี้ได้ มีเพียงคนที่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะล่วงรู้ถึงความลับนี้ได้
รูปปั้นพวกนี้ได้บรรจุกระบวนท่าแปลก ๆ เอาไว้ หากฝึกฝนกระบวนท่าเหล่านั้น มันจะช่วยเพิ่มพลังกายให้เทียบเท่านักดาบธาตุได้!”
ทันทีที่เมอร์ลินกล่าว สีหน้าของเลห์แมนก็เปลี่ยนไปทันที เขาไปมองไปที่รูปแกะสลักราวกับพวกมันเป็นของล้ำค่า
มันสามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้แข็งแกร่งเทียบเท่านักดาบธาตุได้ หากใครล่วงรู้ความลับนี้จะต้องเกิดความโกลาหลแน่นอน
“รูปแกะสลักพวกนี้เป็นของกลุ่มโจรงั้นเหรอ?” เลห์แมนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
เมอร์ลินพยักหน้าตอบรับ “ใช่แล้ว ผมได้แลกเปลี่ยนพวกมันกับโครงสร้างเวทมนต์ที่ผมมี นี่เป็นข้อตกลงของผมกับคีน หัวหน้ากองโจร
ส่วนพวกโจรที่ตามผมมา พวกนั้นมาทำหน้าที่จัดการพวกโจรกลุ่มเล็ก ๆ ช่วยให้พวกเราเดินทางอย่างราบรื่นจนกว่าจะถึงอาณาจักรแบล็กมูน”
เลห์แมนได้นั่งพิงที่นั่ง เขาเหม่อลอยโดยไม่พูดอะไร แม้ว้าเขาจะพบเจอสิ่งประหลาดมากมายในชีวิตแต่นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอเรื่องน่ามหัศจรรย์เช่นนี้
นักดาบธาตุเป็นดั่งกำลังหลักของอาณาจักร การฝึกนักดาบธาตุนั้นไม่ใชเรื่องง่าย นอกจากการฝึกที่ยากลำบากแล้วนักดาบธาตุจำเป็นต้องมีพรสวรรค์ที่เกิดตัวมาต้องแต่เกิด ไม่อย่างนั้นแล้วคนเหล่านั้นก็ไม่สามารถเป็นนักดาบธาตุได้
แต่ด้วยการฝึกกระบวนท่าจากรูปแกะสลัก พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเลย ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังธาตุใด ๆ และใช้เวลาเพียงไม่นาน เท่านี้ก็สามารถได้กองกำลังที่พละกำลังมหาศาลแล้ว
หากกระบวนท่าเหล่านั้นได้ถูกส่งออกไปอย่างแพร่หลาย พวกนักดาบธาตุจะหมดความหมายทันที นี่อาจเป็นการพลิกโฉมทั้งทวีปเลยก็ว่าได้
ด้วยเหตุจึงไม่แปลกเลยที่เมอร์ลินจะระมัดระวังในการพูดเรื่องนี้เป็นพิเศษ
“เมอร์ลิน ลูกนำรูปแกะสลักเหล่านี้ติดตัวไว้ อย่าส่งต่อมันให้ใครและอย่าพูดถึงมันอีกเป็นอันขาด” เลห์แมนกล่าวออกมาหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่
เมอร์ลินยิ้มจาง ๆ พร้อมกับพยักหน้าอย่างเรียบ ๆ “ท่านพ่อโปรดไว้วางใจ ผมทราบดีถึงความสำคัญของมัน ด้วยเหตุนี้ผมจึงตั้งให้ส่งกระบวนท่าทั้งสี่ให้กับท่านพ่อ ไว้หลังจากที่พวกเราถึงอาณาจักรแบล็กมูนเมื่อไหร่ ท่านพ่อสามารถเลือกใครก็ได้ที่ท่านพ่อไว้ใจรับกระบวนท่าเหล่านี้ไป”
เมอร์ลินหวังให้เลห์แมนเชี่ยวชาญกระบวนท่าทั้งสี่นี้ไว้ ด้วยพรสวรรค์ของเขา มันจะทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในระดับที่ใครก็ไม่อาจะหยุดยั้งเขาได้
ด้วยสิ่งนี้มันจะทำให้ตระกูลวิลสันปลอดภัย แม้เขาจะจากตระกูลไปแล้วก็ตาม