A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด - ตอนที่ 99
สายน้ำที่ทอดยาวของแม่น้ำไลย์ มันได้ทอดตัวยาวจากต้นน้ำและได้พาดผ่านเมือนคอนซิออน แสงแดดได้สะท้อนผิวน้ำทําให้เกิดแสงอะระยิบระยับ
ในวันที่อากาศอบอุ่นเช่นนี้ ทําให้มีผู้คนจํานวนมากออกมาทํากิจกรรมอย่างครึกคักในช่วงเช้าตรู่ บางคนมาที่แม่น้ำไลย์เพื่อมาจับปลาซึ่งพวกมันค่อนข้างได้ราคาดี หากนําไปขายที่เมืองปรากาซ
นอกจากนี้ยังมีพวกพ่อค้าเร่ตะโกนขายสินค้าอันแปลกตาที่ไม่ค่อยได้พบเห็นในเมืองนี้
เนื่องจากเมืองคอนขออนค่อนข้างเจริญจึงทําให้เกิดกิจกรรมมากมายตั้งแต่เช้าตรู่จึงทําให้เกิดเสียงดัง มันทําให้เมืองดูคึกคักมีชีวิตชีวามาก
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ตั้งแต่ที่มีบารอนคนใหม่ได้รับการแต่งตั้งให้มาปกครองเมืองคอนซิออน มันก็มีอัศวินมากมายออกลาดตระเวนไปทั่วเมือง พวกอัศวินเหล่าจะคอยดูแลความสงบและลงโทษคนที่ฝ่าฝืนคําสั่งของเมือง หากพวกชาวบ้านไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบพวกเขาจะถูกจับกุมหรือไม่ถูกทุบตีจนปางตาย
แม้ว่าการกระทําของพวกอัศวินจะปาเถื่อนแต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับดีมาก ทําให้เมืองปลอดภัยมากขึ้น พวกพ่อค้าเร่ไม่กล้าเอารัดเอาเปรียบชาวเมืองแถมยังซื้อสินค้าของเมืองและเอาไปขายต่างเมืองมากขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้ทําให้เมืองคอนซิออนค่อย ๆ เจริญรุ่งเรืองกว่าแต่ก่อนมาก
รถม้าคันหนึ่งกําลังเข้าสู่เมืองคอนซิออนอย่างช้า ๆ ภายในรถม้าที่ชายหนุ่มผมสีดํา ตาสีฟ้า กําลังนั่งอยู่ในรถม้า เขาได้เปิดม่านออกเล็กน้อยและมองไปยังผู้คนที่อยู่ตามท้องถนน
“ดูเหมือนเมืองจะมีความเจริญกว่าเมื่อก่อน ท่านพ่อบริหารจัดการได้ที่จริง ๆ”
คนที่อยู่ในรถม้าคือเมอร์ลิน เขาเดินทางมาที่เมืองคอนซิออนเพื่อมาหาเลห์แมนและตรวจสอบเมืองไปในตัว เขาพบว่าเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองกว่าเมื่อก่อนมากซึ่งบ่งบอกได้ว่าการบริหารของเลห์แมนนั้นยอดเยี่ยมมากเพียงใด
“ท่านบารอน เรามาถึงปราสาทแล้วขอรับ” มอสส์กล่าวเบา ๆ ขณะที่รถม้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าปราสาทโบราณ
เมอร์ลินเดินออกมารถม้า เขาเงยหน้ามองดูปราสาทแห่งนี้ จริง ๆ ในเมืองคอนซิออนมีปราสาทมากมายแต่เลห์แมนได้เลือกปราสาทหลังนี้
เมื่อเขาเดินเข้าไปด้านในก็พบว่าที่นี่มีกลิ่นอายคล้ายปราสาทวิลสันในเมืองแบล็กวอเตอร์ เขาเดาว่าเลห์แมนคงสั่งให้คนรับใช้จัดการตกแต่งแบบนี้เพื่อทําให้เขาสามารถหวนนึกถึงวันเก่า ๆ ได้
“ท่านเมอร์ลิน?
มีคุณหญิงที่สวมเครื่องประดับของขุนนางเดินออกมาจากเข้าข้างในตัวปราสาท เมอร์ลินได้โค้งคํานับเล็กน้อยและกล่าวว่า “ท่านพ่ออยู่ที่ไหนขอรับ พอดีผมอยากจะพบเขา”
เธอเป็นแม่ของเมซี่ส์ มาตามหน้าอกใหญ่ เนื่องจากเลห์แมนต้องจัดการอะไรหลาย ๆ อย่างในเมืองทําให้เขาตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ที่นี่และมาตามหน้าอกใหญ่ก็ตามมาดูแลเขาด้วย
“นายท่านอยู่สวนหลังปราสาท เขากําลังฝึกดาบอยู่ เดี๋ยวฉันจะพาท่านเมอร์ลินไปที่นั่น”
จากนั้นเมอร์สินได้เดินตามมาตามหน้าอกใหญ่ไปที่ด้านหลังของปราสาท
*ตูม!!*
เมื่อพวกเขามาถึงสวนหลังบ้าน เมอร์ลินรู้สึกได้ถึงความร้อนแรง เขารู้สึกราวกับตัวเองกําลังถูกเปลวไฟที่โกรธเกรี้ยวกลืนกิน ท่ามกลางเปลวไฟอันร้อนแรงมีชายร่างสูงที่ล่ำสันที่ดูน่ากลัวราวกับยักษา ออร่าที่เขาแผ่ออกมานั้นได้ทําให้มาดามหน้าอกใหญ่รู้สึกไม่สบายใจ เธอได้พูดอย่างจนปัญญาว่า
“นายท่านเป็นแบบนี้มาสองสามวันแล้ว ท่านเมอร์ลินช่วยเตือนเขาด้วยว่าอย่าหักโหมมากเกินไป”
เมอร์ลินพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาจ้องมองไปที่ร่างของเลห์แมน เมื่อเขาได้ออร่าที่ดุร้ายจากเลห์แมนก็ทําให้เขาเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาได้ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“นักดาบเพลิงระดับสาม! ท่านพ่อสามารถข้ามขีดจํากัดได้แล้ว” เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
“หืม?” จู่ ๆ เปลวไฟบนร่างของเลห์แมนได้หายไปทันที ออร่าที่ดุร้ายเมื่อกี้ได้หายไปในพริบตาราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่เขาคิดไปเองเท่านั้น
“ใช่แล้วเมอร์ลิน พ่อเพิ่งข้ามขีดจํากัดได้เมื่อสามวันก่อน” เลห์แมนกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
ก่อนหน้านี้เลห์แมนอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสอง มันอยู่ที่เวลาเท่านั้นที่เขาจะสามารถทะลวงไประดับสามได้แต่ที่มันได้ล่าช้าแบบนี้เนื่องจากเขาต้องเดินทางทําให้ไม่มีเวลาฝึกฝนมากนัก
เมื่อปัญหาต่าง ๆ ได้เกิดคลี่คลายแล้ว เขาจึงกลับมาฝึกฝนจึงทําให้เขาก้าวขึ้นสู่ระดับสามในตอนนี้
“ ยินดีด้วยขอรับ ท่านพ่อ”
เมอร์ลินรู้สึกมีความสุขจากส่วนลึกของหัวใจ ในตอนแรกเขาก็กังวลว่า หากตัวเขาต้องออกมาจากเมืองปรากาซและไปยังดินแดนมนต์ดํา แล้วใครจะปกป้องทุกคนในระหว่างที่เขาไม่อยู่
แต่ตอนนี้เลห์แมนได้เป็นนักดาบธาตุระดับสามแล้ว นอกจากนี้เขายังมีความแข็งแกร่งจากกระบวนท่าลึกลับด้วย ด้วยแข็งแกร่งของเลห์แมนในตอนนี้ แม้แต่นักดาบธาตุระดับสี่ก็ยังยากที่จะสู้เขาได้
เท่านี้เมอร์ลินก็สามารถออกจากเมืองนี้ได้อย่างสบายใจแล้ว เขาจึงเป็ตปากพูดออกมาว่า
“ท่านพ่อขอรับ ผมมีเรื่องจากปรึกษาท่านพ่อ”
เลห์แมนได้เห็นสีหน้าที่จริงจังของเมอร์ลิน เขาก็ได้พยักหน้าเบา ๆ และพาไปที่ห้องทํางานของเขา
“มีอะไรจะพูดกับพ่อเหรอเมอร์ลิน” เลห์แมนถาม
เมอร์ลินรู้สึกลังเลเล็กน้อยแต่พอเขาทําใจได้แล้ว เขาก็ได้หันไปหาเลห์แมนด้วยท่าทีที่มุ่งมั่น “ ท่านพ่อขอรับ ผมอยากจะออกจากเมืองปรากายไปสักพักเพื่อเข้าร่วมกับองค์กรนักเวทย์”
เลห์แมนได้มองกลับมาที่เมอร์ลินด้วยท่าทางที่ซับซ้อน เขาได้เงียบไปพักใหญ่
เมื่อความเงียบได้ผ่านพ้นไปเลห์แมนก็ถอนหายใจออกมา “ข้ารู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึง เมอร์ลิน ลูกคือความภาคภูมิใจของพ่อและยังเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลวิลสัน ลูกควรจะอยู่ในโลกที่ กว้างใหญ่ ไม่ใช่อยู่เคียงข้างพ่อ…”
เมอร์ลินลูกยืนขึ้นและถามอย่างรวดเร็วว่า “ท่านพ่อเห็นด้วยหรือขอรับ?”
หากเลห์แมนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขาจะจัดแจงเตรียมตัวออกไปตอนนี้เลย เขาจะไปยังเทือกเขาเคอร์ริชและค้นหาที่ตั้งของดินแดนมนต์ดําให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามเลห์แมนได้ยกมือปรามเมอร์ลินอย่างกะทันหัน เมอร์ลินถึงกับชะงักเล็กน้อย จากนั้นเลห์แมนได้พูดว่า
“พอเข้าใจว่าลูกต้องการแสวงหาความแข็งแกร่งในโลกอันกว้างใหญ่นี้ แน่นอนพ่อเห็นด้วยกับเรื่องนี้แต่ลูกมีปัญหาบางอย่างที่ลูกต้องสะสาง อะแฮ่ม พอดีพ่อพอจะรู้เรื่องของลูกกับเจ้าหญิงเชอรีส เรื่องนั้นมันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่แต่ลูกอย่าลืมแอวริลที่เป็นคู่หมั้นของลูกด้วยนะ”
หลังจากนั้นเลห์แมนก็เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มแปลก ๆ และพูดต่อว่า “พ่อเลยจะจัดงานแต่งงานให้พวกลูกทั้งสามคนอย่างรวดเร็วและจนกว่าที่คนใดคนหนึ่งจะให้กําเนิดทายาทที่สามารถสืบทอดตระกูลวิลสันได้ ลูกจะสามารถออกเดินทางไปค้นหาสิ่งที่ลูกต้องการได้”
“นี่มัน” เมอร์ลิ่นตะลึง
เขาไม่คิดว่าเลห์แมนจะรู้ว่าเขาจะจากไป ดังนั้นเขาจึงเตรียม “แผนการที่ดี” เพื่อให้แน่ใจวาตระกูลวิลสันจะมีทายาทสืบเชื้อสายต่อไป
สําหรับพวกขุนนางแล้ว สิ่งที่สําคัญที่สุดของพวกเขาคือการสืบเชื้อสายของวงศ์ตระกูล