Advent of the Archmage - 365: เริ่มการต่อสู้ (2)
Chapter 365: เริ่มการต่อสู้ (2)
วู้ววววววว
เสียงแตรดังมาจากทางฝั่งเหนือของป้อมโอริด้า
ตูม, ตูม, ตูม มีเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง, และพื้นก็เริ่มสั่น ปีศาจยักษ์ยี่สิบตัวที่สูงกว่า 90 ฟุตเดินออกมาจากป่าทมิฬ
พวกมันไม่ได้แค่ตัวใหญ่เท่านั้น, แต่พวกมันยังมีกล้าม เป็นมัดๆด้วย พวกมันแต่ละตัวนั้นเป็นเหมือนกับภูเขา ก้อนเนื้อ พละกําลังของพวกมันน่าเกรงขาม และมีควัน สีแดงเข้มลอยฟุ้งออกมาจากร่างกายของพวกมันอย่างต่อเนื่ อง พวกมันมีดวงตาแค่ดวงเดียว, และลําแสงสีแดงยาวสิบ ฟุตก็พุ่งออกมาจากมัน
“มันคือปีศาจภูเขาตาเดียว!” มีใครบางคนตะโกนขึ้น
ปีศาจภูเขาตาเดียวเป็นปีศาจระดับสูง ชื่อของพวกมันมาจากร่างกายที่ใหญ่โตเหมือนกับภูเขา รูปร่างอันใหญ่โตนี้ ทําให้พวกมันมีพละกําลังอันน่าหวาดกลัว, และมันก็เหมี อนกับฝันร้ายเมื่อเห็นพวกมันโจมตีกําแพงเมือง!
ลิงค์อยู่ที่จตุรัสระหว่างหอคอยเวทมนตร์ทั้งสามแล้ว ในครั้งนี้, เขาไม่ได้กังวลอะไรอีก หน้าที่เพียงอย่างเดียวของเขา ก็คือการจับตาดูไอมอนส์ใช้เทคนิคระดับพระเจ้าของอสรพิษทมิฬ
“เข้าประจําตําแหน่ง!” ลิงค์ไม่ได้ใช้เวทย์ขยายเสียง; เขาใช้พลังมังกรของเขาในการตะโกน
เสียงของเขาดังเข้าหูนักเวทย์เลเวล 6 ทุกคน พวกเขาได้พักเอาแรงมาแล้ว ตอนนี้, พวกเขาลอยเข้าประจําตําแหน่งเหมือนที่เคยฝึกซ้อมมา
ลิงค์ยืนอยู่ที่จุดศูนย์กลางของผนึกเวทมนตร์แล้วตะโกน “เริ่มการรวบรวมมานา!”
นี่เป็นขั้นตอนการอุ่นเครื่องสําหรับผนึกเวทมนตร์ หลังจากนี้, วิญญาณสลาลมจะสามารถเปิดใช้ได้ทุกเวลา
ถ้าไอมอนส์อยากใช้เทคนิคระดับพระเจ้า, เขาก็น่าจะใช้มันในตอนที่เริ่มต่อสู้เลย เพราะวิธีนี้, เขาจะสามารถทําความเสียหายให้กับฝ่ายตรงข้ามได้มากที่สุดและลด ความสูญเสียของฝ่ายตัวเองได้มากที่สุด
ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทําไมเขาถึงต้องรีบ!
ฟึ่บ, ฟึ่บ, ฟึ่บ นักเวทย์ 70 คนหรือมากกว่าต่างก็เปล่งแสงออกมาด้วยมานาจากภายใน และในที่สุด, มานาก็ไหลเข้าสู่ศูนย์กลาง-ร่างกายของลิงค์
ร่างกายของลิงค์เปล่งรัศมีจ้าออกมาในทันที ร่างทั้งร่างของเขาเปล่งแสง, และเพลิงมานายาวเก้าฟุตก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา มีลําแสงยาวสามฟุตยิงออกมาจากดวงตาของ เขาด้วย
ในบรรยากาศรอบๆ, มีรูนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นและหายไปด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ วงแหวนแสงพุ่งออกมา เป็นระลอกเหมือนกับกระแสน้ำวนในทะเล, แล้วส่งเสียงฟูวออกมาด้วย ซึ่งออร่ามานาอันน่าหวาดกลัวก็แผ่ออกมาจากจุดนี้เช่นกัน
ตุบ, ตบ, ตุบ เสียงเท้าเดินพร้อมกันดังมาจากข้างนอกหอคอยเวทมนตร์ก่อนที่จะหยุดตรงกําแพง
มันคือคาร์โนส เขานําทหารสีขาวเงินมาล้อมรอบหอคอยเวทมนตร์แล้วตะโกน “หลังจากนี้, ให้ฆ่าทุกคนที่โผล่หัว เข้ามาที่หอคอยเวทมนตร์!”
หลังจากผ่านไปช่วงสั้นๆ, คาร์โนสก็พาพระสันตะปาปาอินนอสมาที่นี่ด้วยตัวเอง เขาพาบาทหลวงระดับสูงเข้ามาที่จตุรัส, และพวกเขาก็ยืนรอบหอคอยเวทมนตร์ จอกศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกนําออกมาเช่นกัน มันเป็นถ้วยเงินที่มีขนาดเล็กเท่ากับฝ่ามือ มันไม่ได้ดูน่าดึงดูด, แต่มันกลับครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าเหลือเชื่อเอาไว้
พระสันตะปาปาคุกเข่าลงกับพื้น เขายกจอกขึ้นฟ้าด้วยสองมือและสวดเสียงดังลั่น “โอม, พระผู้เมตตา, ได้โปรดช่วยประทานแสงอันเจิดจ้าของพระองค์ลงมาช่วยเหล่าข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยของพระองค์ต่อสู้กับความช่วยร้ายอันไร้ที่สิ้นสุดด้วย!”
นักบวชชั้นสูงทั้ง 12 คนเองก็คุกเข่าเป็นวงกลมล้อมรอบ พระสันตะปาปาเอาไว้และเริ่มสวดเช่นกัน ในขณะที่กําลังสวด, พวกเขาก็เติมพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในจอกศักดิ์สิ ทธิ์มันเริ่มเปล่งแสงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด, มันก็กลายเป็นเงาที่สร้างขึ้นจากแสง
ฟูว ด้วยเสียงอันนุ่มนวล, สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งขึ้นฟ้า ท้องฟ้าเคยถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดํา, แต่ตอนนี้, พลังสีทองอร่ามได้เจาะทะลุความมืดมิด แสงฉายลงมายังผืนดินและผสมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์
เมื่อมองจากที่ไกลๆ, มันดูเหมือนกับลําแสงสีทองที่เชื่อมต่อกับท้องฟ้าและผืนดิน ณ ตอนนี้, ทั้งป้อมโอริด้าถูกปกคลุมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
นักรบตะโกนก้อง, แสงศักดิ์สิทธิ์ได้มอบความกล้าอันไร้ที่สิ้นสุดให้กับพวกเขา
ตูม, ตูม, ตูม
ที่กําแพงเมือง, ปืนใหญ่เวทมนตร์เริ่มยิงออกไป, โจมตีในหลายทิศทางมีบอลแสงสายฟ้าสีม่วงหน้า, ลําแสงน้ำแข็งหมุนวนขนาดยักษ์, และอื่นๆ การโจมตีอันมากมายนี้ต่างก็พุ่งออกไปเป็นระยะมากกว่าหนึ่งไมล์, และโถมเข้าใส่กองทัพแห่งความมืดเพื่อสะกัดกั้นพวกมัน
ที่ทุ่งหญ้านอกป้อมปราการ, กองทัพแห่งความมืดกําลังเพิ่มจํานวนขึ้นเรื่อยๆ พวกมันแห่ออกมาจากปาทมิฬอย่างต่อเนื่อง; พวกมันดูเหมือนมีนับไม่ถ้วนเลย
หลังจากปีศาจภูเขาตาเดียว, ก็มีปีศาจแห่งความกลัวและปีศาจเพลิงโฟดอร์ ปีศาจปีกโหยหวนบินอยู่บนฟ้า และยังมีพวกปีศาจระดับสูงแบบนี้อีกกว่า 500 ตัว, และแต่ละตัวนั้นต่างก็มีเลเวลสูงกว่า 7 ส่วนปีศาจระดับต่ำที่ตามมาหลังจากนั้นไม่สามารถนับได้ พวกมันมีอย่างน้อย 50,000 ตัว
ดาร์คเอลฟ์เองก็แห่ออกมาเช่นกัน มีกลูและนักรบระดับสูงวิ่งออกมาจากปากว่า 50,000 ตัว
พลังชั่วร้ายของกองทัพแห่งความมืดมาร่วมตัวกัน, ก่อให้เกิดควันสีดําฟุ้งกระจายไปทั่ว
แสงศักดิ์สิทธิ์ของป้อมโอริด้าสามารถปัดเป่าความมืดได้ แทบจะทั้งหมด, แต่มันก็ไร้ประโยชน์เมื่อเจอกับควันนี้ แสงสว่างและความมืดกําลังประชันกันอยู่
ไอมอนส์และอสรพิษทมิฬโผล่ออกมาจากกลุ่มดาร์คเอลฟ์ เขารู้สึกว่ามานากําลังมาจากจุดสูงสุดของป้อมโอริด้าแล้วกระซิบกับลอนเดล, “ข้าจะเปิดใช้เทคนิคระดับพระเจ้าไปบอกโรแมนด์ให้เตรียมตัวใช้ดวงจันทร์แห่งการทําลายล้าง แล้วกําจัดกองกําลังที่พยายามหยุดข้าจากยอดเขาซะ!”
“ครับ, อาจารย์!” ลอนเดลโค้งคํานับ ในตอนที่เขายึดตัวตรง, น้ำตาก็ไหลนองลงมาเต็มหน้าของเขา เขารู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไอมอนส์แต่ก็เป็นช่วงเวลาสุดท้ายของเขาด้วย
หลังจากเทคนิคระดับพระเจ้า, ไอมอนส์จะไม่มีตัวตนในโลกนี้อีกต่อไป
ไอมอนส์ได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว พอมาถึงทุ่งหญ้า, เขาก็เปิดใช้เทคนิคระดับพระเจ้าของอสรพิษทมิฬอย่างแน่วแน่ -กลืนสายฟ้า!
กลืนสายฟ้า
เทคนิคระดับพระเจ้า
ผล: อสรพิษทมิฬจะอ้าปากของมันแล้วกลืนกินวิญญาณทั้งหมดในรัศมี 12 ไมล์
(หมายเหตุ: หลังจากที่เปิดใช้, แรงอัดของอสรพิษทมิฬจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว พลังของอุปกรณ์ระดับพระเจ้าชิ้นนี้จะลดลงไป 80 เปอร์เซนต์)
ด้วยการปรากฏของเทคนิคระดับพระเจ้า, โลกจะเปลี่ยนไป!
แสงศักดิ์สิทธิ์ที่กําลังต่อสู้กความมืด, ลําแสงสีทองที่เชี่อมต่อท้องฟ้ากับผืนดิน, ถูกพลังลึกลับปัดเปาออกไปอย่างรวดเร็ว!
เมฆสีดํากลับมาปกคลุมสนามรบอีกครั้ง สายฟ้าคะนองอยู่หลังเมฆในขณะที่เมฆเริ่มหมุน, ก่อให้เกิดวังวนขนาดยักษ์พลังกลืนกินวิญญาณอันน่ากลัวได้ปรากฏขึ้น
ภายใต้การควบคุมของไอมนอส์, กองทัพแห่งความมืดจึงปลอดภัย อย่างไรก็ตาม, เงาก็ได้ปรากฏขึ้นเหนือนักรบของป้อมโอริด้าในทันที หนึ่งในนั้นคือร่างกายจริงๆของพวกเขา; ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งคือวิญญาณที่กําลังถูกดึงออก
นักรบทุกคนต่างก็จับหัวของพวกเขาแน่น คนที่อ่อนแอพากันลงไปดิ้นทุรนทุรายกับพื้น, และร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ส่วนคนที่แข็งแกร่งต่างก็พากันกัดฟันต่อสู้กับควา มเจ็บปวดอันโหดร้ายนี้
ที่จุดสูงสุดของป้อมโอริด้า, ลิงค์ตะโกนออกมาในทันที “วิญญาณสลาลม, ปลดปล่อย!”
นักเวทย์ทุกคนต่างก็เริ่มอัดมานาใส่ลิงค์ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเขากําลังจะระเบิด ก่อนหน้านี้เขาคงไม่สามารถทนรับมันได้, แต่ตอนนี้, เขามีร่างกายที่ แข็งแกร่งแล้ว
“อ้ากกก!” ในขณะตะโกนก้อง, ลิงค์ใช้ราชามังกรพิโรธ และพลังอันน่าหวาดกลัวก็เริ่มแผ่ออกมา หลังจากที่มันผ่านดาบเวทมนตร์, มันก็พุ่งกลับไปบนฟ้า
ฟูว, ฟูว! ลําแสงสีน้ําเงินเข็มถูกยิงออกมาจากดาบในตอนแรก, มันเป็นลําแสง, แต่พอผ่านไป 100 ฟุต, มันก็ขยายแล้วเริ่มหมุน
ภายใต้การชี้นาของลิงค์, วังวนสีน้ําเงินได้หมุนในทิศทางตรงข้ามของวังวนแห่งความมืด!
พลังทั้งสอง-หนึ่งมาจากนักเวทย์มนุษย์, และอีกหนึ่งจากอุปกรณ์ระดับพระเจ้า เริ่มต่อสู้กันในอากาศ
เปรี้ยง, เปรี้ยง! สายฟ้าปรากฏขึ้นระหว่างพลังทั้งสองนี้อย่างรุนแรง มีเสียงระเบิดและเสียงฟ้าร้องรุนแรงเกิดขึ้นมากมาย มันน่ากลัวมากๆ
อย่างไรก็ตาม, การต่อสู้กลางอากาศนี้ทวีความรุนแรงจนถึงขีดสุด จากนั้นพลังดึงดูดของอสรพิษทมิฬก็หายไปในที่สุด
“อ้า, ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก!”
“พวกเราปลอดภัยแล้ว!”
“เหล่านักเวทย์ช่วยพวกเราเอาไว้!”
นักรบส่งเสียงเชียร์ด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้งหลังจากที่รอดพ้นความตายมาได้
มีนักบวชระดับสูงอีกกลุ่มนึงบนกําแพงที่สองของป้อมโอริด้า ดยุคอาเบลยืนอยู่ตรงนั้นด้วย, เขามองดูวังวนสีน้ําเงินเข้มที่แผ่ขยายออกมาจากหอคอยเวทมนตร์ เขากําหมัดแน่นด้วยความรู้สึกฮึกเหิม
จากนั้นเขาก็ยกมือส่งสัญญาณ ทหารคนนึงที่อยู่ข้างเขา ยกธงสิงโตทองขึ้น อาเบลชักดาบด้วยการมองเหล่าทหารที่อยู่ข้างเขา, เขาก็ประกาศกร้าวออกมา “เหล่าสุภาพบุรุษทุกท่าน, อนาคตของอาณาจักรและความเป็นความตายของมนุษย์ชาติจะถูกตัดสินด้วยการต่อสู้นี้!”
“จงสู้! สู้ สู้ให้ถึงที่สุด!
เหล่านายพลพากันแผดเสียงดังลั่น, และเหล่าทหารก็ตะโกนตาม คนแคระและยับบ้าเองก็ตะโกนอย่างโกรธเคือง เทคนิคระดับพระเจ้าถูกยับยั้งแล้ว, และพลังของกองทัพแห่งแสงก็ถึงจุดขีดสุด!
แล้วเรื่องอสรพิษทมิฬหล่ะ? พวกเขาจะจัดการกับเทคนิคระดับพระเจ้ายังไง? พวกเขายังมีเหล่านักเวทย์ที่แข็งแกร่งและชาญฉลาดอยู่
กองทัพแห่งความมืดเริ่มพุ่งลงมาที่ทุ่งหญ้าชัดกัน
ไอมอนส์รู้สึกหวั่นเกรง ยิ่งกลืนสายฟ้าอยู่นานเท่าไหร่ พลังของมันก็ยิ่งถูกกฎของโลกยับยั้งเท่านั้น หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งนาที, มันคงจะถูกกําจัดออกจากฟิรุแมน
ตอนนี้, มันอยู่มา 15 วินาทีแล้ว เขามีเวลาอีกไม่มากนัก
“โรแมนด์! ดวงจันทร์แห่งการทําลายล้าง!” ไอมอนส์ตะโกนอย่างลุกลี้ลุกลน
ในตอนที่เขาพูด, แสงสีเงินก็พุ่งมาจากปาทมิฬ, ทําให้ทั้งป่าเงียบสงบ แสงมีความยาว 30 ฟุต, เหมือนกับซิลเวอร์มูนมันอาจจะดูช้า, แต่จริงๆแล้วมันพุ่งขึ้นมาด้วยความเร็วที่สูงมาก มันลอยขึ้นแล้วปะทะกับหอคอยเวทมนตร์ที่ยอดเขา
นี่คือเวทย์ระดับตํานาน, ดวงจันทร์แห่งการทําลายล้าง!
นักเวทย์ทุกคนของสภาซิลเวอร์มูนได้มารวมตัวกันและผนึกกําลังของพวกเขาเพื่อสร้างการโจมตีอันน่าหวาดหวั่นนี้
ที่ยอดเขา, พระสันตะปาปาได้สูดหายใจเข้าลึกๆ “ท่านลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่” เขาพูดอย่างนุ่มนวล “ขอให้ความรุ่งโรจน์อยู่ชั่วนิรันดร์!”
พอพูดจบ, เขาก็ใส่พลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เขามีเข้าไปในจอกศักดิ์สิทธิ์
ร่างที่อ้วนท้วมของเขาผอมลงในทันที, เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ลมหายใจของเขาก็หายไปในทันทีเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะนักบวชทั้ง 12 คนคอยสนับสนุนเขา, เขาคงจะลงไปนอนกับพื้นแล้ว
ด้วยการระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์นี้, จอกศักดิ์สิทธิ์ก็กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
ซิลเวอร์มูนกําลังมาถึง, แต่ในระหว่างทาง, กําแพงแสงศักดิ์สิทธิ์รูปครึ่งวงกลมก็ปรากฏขึ้นอย่างกระทันหัน, ขวางซิลเวอร์มูนเอาไว้
พลังทั้งสองปะทะกันแล้วผสานเข้าด้วยกัน มีระเบิดสั่นสะเทือนเกิดขึ้น หลังจากที่ผ่านไปห้าวินาที, การเสริมพลังที่สร้างขึ้นด้วยชีวิตของพระสันตะปาปาก็หายไปซิลเวอร์มูน ทําไม่สําเร็จเช่นกันมันพุ่งมาได้อีก 30 ฟุตแล้วก็ระเบิดด้วย เสียงเปรี้ยง, เหมือนดอกไม้ไฟ
ในป่าทมิฬ, โรแมนด์ทรุดกับพื้น ใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อย, และเลือดก็กระอักออกมาจากจากริมฝีปากของเขา ข้างหลังเขา, นักเวทย์ของสภาซิลเวอร์มูนก็ดูเหนื่อยล้า เช่นกัน พวกเขาสูญเสียความสามารถในการร่ายเวทย์ไปชั่วคราว
“โธ่เว้ย!” ไอมอนส์เห็นวังวนสีน้ําเงินที่ยังอยู่บนท้องฟ้า หัวใจของเขาถูกบีบรัด, และสูญเสียความมั่นใจไป เขาทําได้แค่พยายามต่อไป
ตอนนี้, เขาสามารถหวังได้แค่ว่านักเวทย์ชาวมนุษย์จะพ่ายแพ้ไปต่อหน้าเขา ด้วยวิธีนี้, เทคนิคระดับ พระเจ้าของเขาก็จะยังสร้างความเสียหายกับกองทัพแห่งแสงได้ ต่อให้เขาไม่สามารถฆ่าได้ทุกคน, แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถลดความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาลงไปได้ครึ่งนึง
ปีศาจภูเขาตาเดียวได้มาถึงกําแพงเมืองแล้ว พวกเขาเริ่มทําลายกําแพงโอริด้าด้วยมือเปล่า
ตูม! ตูม! ตูม! นักรบชาวมนุษย์ที่มารวมตัวกันที่กําแพงตายด้วยแรงสั่นสะเทือน
ปีศาจก็ไม่ได้อยู่ในสภาพดีเช่นกัน มือปืนชาวยับบ้าและนักรบมังกรต่างก็เล็งไปที่พวกมันทุกตัว ลูกปืนสีดํามืดได้ยิงใส่ปีศาจภูเขาตาเดียวพวกนี้ มีหนึ่งตัวถูกฆ่าไปแล้ว
กําแพงเมืองตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย
ในป่าทมิฬ, เด็กสาวผมดําคนนึงได้เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมด เธอถอนหายใจแล้วส่ายหัว “พวกดาร์คเอลฟนมันฝากฝังอะไรไม่ได้เลยจริงๆ โนโย่, มันวุ่นวายมาพอแล้ว, ลอบเข้าไปฆ่าไอนักเวทย์นั้นซะ”
“ครับ, นายหญิง!” โนโย่หายไปอย่างกระทันหันแล้วปรากฏขึ้นในระยะที่ห่างออกไปเกือบ 1,000 ฟุตในทันที มันเหมือนกับการเทเลพอร์ท
“โนโย, เจ้ามีเวลาแค่ 30 วินาทีนะ” เสียงหวานเข้ามาในหูของโนโย่เหมือนกับการกระซิบเบาๆ