Advent of the Archmage - 389: มีคนอยากเป็นพระเจ้า
Chapter 389: มีคนอยากเป็นพระเจ้า
ป่าในภูเขา
ในขณะที่ลิงค์กําลังใช้ความคิด ก็มีเสียงตึงดังขึ้นมา ดาบสั้นของโจรนัยน์ตาสีเลือดถูกสนามพลังขัดกระเด็นไป 1,000 ฟุต และในที่สุด มันก็ฝังเข้าไปในต้นไม้ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลิงค์ก็คลายเวทย์ยับยั้งให้โจร ด้วยเสียงฟุบ โจรก็ร่วงลงมากระแทกพื้น
ลิงค์ถอยออกมาสิบฟุตแล้วเก็บดาบของเขา การกระทําของเขานั้นมีผลกระทบที่รุนแรงแอบแฝงอยู่โจรเห็นภาพนี้ แล้วถอนหายใจออกมา เขาลุกขึ้นมาอย่างช้าๆแล้วถาม “แกอยากรู้อะไรหล่ะ?”
ลิงค์ไม่ได้ถามเรื่องปลอกคอทาสในทันที แต่เขาอธิบายสถานการณ์แทน “ฉันมีเพื่อนอยู่สองคน คนนึงเป็นลากูอีกคนเป็นคนแคระ มันเป็นเพราะอุบัติเหตุบางอย่าง พวกเขาก็เลยถูกสวมปลอกคอทาส ฉันอยากจะเอามันออกให้พวกเขา”
สีหน้าของฮอบบิทดูผ่อนคลายเล็กน้อยและความเป็นปรปักษ์ก็ลดลงไประดับนึ่ง เขาพูดเย้ยหยัน “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พวกอารากูใจดีพอที่จะเห็นว่าคนแคระกับ ลากูเป็นเพื่อน?”
ลิงค์ยิ้มอ่อนๆ “ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะเป็นเหมือนกับ คนขายเนื้อกระหายเลือดบัลล่าอันที่จริง ฉันไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องทาสด้วยซ้ำไป”
ฮอบบิทตกอยู่ในความเงียบ ถ้าคนอื่นพูดแบบนี้ เขาคงจะไม่เชื่อแต่ว่า เพื่อการลอบสังหารลิงค์นั้น เขาต้องเฝ้าดูชายคนนี้อยู่หลายวัน คนๆนี้ปฏิบัติกับทาสของเขาได้ดีจริงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถ้าเขาอยากจะทําลายปลอกคอทิ้ง
และที่สําคัญกว่านั้น ถ้าเขาไม่ตอบ เขาคงจะต้องตาย 24
พอคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็พูดออกมา “คนที่ช่วยพวกเราทําลายปลอกคอก็คือนักทํานายลากที่ชื่อเกียร์ซีมัวร์…อ้ะ.. อั้ก…อ้ากกก!”
พอพูดไปได้ครึ่งนึง ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น! จู่ๆ ลิงค์ก็เห็นควันลอยออกมาจากลําคอของฮอบบิทคนนี้ ไม่กี่วินาทีต่อมา คอของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดําจากข้างใน ควันที่ออกมา จากตัวเขานั้นได้กลายเป็นสะเก็ดไฟความร้อนสูง
ลิงค์ได้กลิ่นบางอย่างไหม้ด้วย จากนั้น ฮอบบิทคนนี้ก็ถูกเผาต่อหน้าต่อตาเขา เขาถูกเผานานกว่าสิบนาที และในตอนที่ไฟดับ ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือเศษขี้เถ้าที่มีรูปร่างเหมือนคน
ลิงค์ย่อตัวลงด้วยความตกใจ เขาตรวจดูขี้เถ้าแล้วดมมันมีกลิ่นเผ็ดร้อนตีขึ้นจมูกเขา
เขาหลับตาลงแล้วสัมผัสถึงออร่า มีพลังที่ลึกลับและเบาบางมากๆอยู่ในขี้เถ้านี้
มันคือคําสาปเก็บเสียง คําสาปนี้ยากมาและต้องมีเลเวลอย่างน้อย 17 มันน่าจะเป็นฝีมือของนักทํานายเกียร์ซีมัวร์ที่ โจรคนนี้พูดถึงนะ นี่คือประสบการณ์ที่ลิงค์เคยเจอตอนที่อยู่ในเกมส์ เกมส์จําลองเวทย์นี้ออกมาได้ดีมากๆ
นี่มันแปลกจริงๆ
จากที่ฮอบบิทคนนี้พูด นักทํานายนั้นเป็นลาก ถ้าเขาไม่อยากถูกเปิดเผยตัว เขาแค่พูดออกมาก็ได้นี้ ทําไมเขาถึงต้องใช้คําสาปที่ทรงพลังขนาดนี้ด้วย
จากปฏิกิริยาของฮอบบิท ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้เรื่องคําสาปเลย ซึ่งหมายความว่านักทํานายคนนี้ไม่ได้เป็นความลับในหมู่ฮอบบิท และพวกเขาก็ไม่รู้เรื่องข้อห้ามด้วย คําสาปนี้คงจะถูกเปิดใช้แค่ตอนที่ข้อมูลถูกเปิดเผยกับอารากสินะ
กระบวนการนี้ก็น่าสนใจมากเหมือนกัน
ชายคนนี้ไม่ได้ฝ่าฝืนความลับอย่างเต็มที่ คําสาปเริ่มต้นขึ้นในตอนที่เขาเอ่ยชื่อ ถ้างั้นก็หมายความว่าชื่อนี้มีพลังพิเศษอยู่
พอคิดได้แบบนี้ ลิงค์ก็เอาคทาเพลิงพิโรธแห่งสวรรค์ออกมาเพื่อลองเขียนชื่อเขา เขาอยากจะดูว่าชื่อนี้เก็บเวทมนตร์พิเศษหรือสัญญาอะไรเอาไว้รึเปล่า แต่ในขณะที่เขากําลังจะเริ่ม เขาก็หยุดลง
ถ้าชื่อนี้เก็บพลังเอาไว้ อีกฝ่ายก็คงจะต้องแข็งแกร่งมากๆ ฉันต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อน
พอคิดได้ ลิงค์ก็กลับไปหานานะ เขากับนานะมีพันธะเวทมนตร์อยู่ ดังนั้นเขาจึงกลับไปหากลุ่มได้อย่างรวดเร็ว
“เป็นยังไงบ้าง?” มลด้าถามเธอกลับมาเป็นปกติโดยที่ ไม่มีอาการในอดีตแล้ว สีแดงบนใบหน้าของเธอก็เลือนหายไปและกลับมาเป็นสีขาวสดใส แถมเธอยังมองลิงค์อย่างปกติด้วย ไม่มีความแตกต่างเลย อย่างน้อย ลิงค์ก็มองไม่ออก
เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก สงบจิตใจของตัวเอง จากนั้นเขาก็ปล่อยเรื่องไร้สาระนั้นทิ้งไป “ฉันอาจจะรู้วิธีถอดปลอกคอแล้ว แต่มันอันตรายมากเลยนะ”
“หรอ ไหนลองว่ามาซิ” ริเอลก็รู้สึกสนใจเช่นกันพลังของเขากําลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขากําลังจะเข้าสู่เลเวล 9 แล้ว
ลิงค์เริ่มเล่าย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับฮอบบิททั้งสองคนในระหว่างที่เล่า เขาแทนชื่อของเกียร์ซีมัวร์ด้วย “เอลฟ์นัก ทํานาย” พอเล่าจบเขาก็พูดต่อ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านักทํานายคนนี้มีพลังแบบไหน มิลด้า เธอมีคําแนะนําอะไรไหม?
ขอบเขตเวทย์มนตร์ของเอลฟนั้นกว้างขวางมาก ลิงค์เชื่อว่ามิลด้าสามารถช่วยเหลือเขาได้
ซึ่งก็คาดไม่ถึง มิลด้าใจลอย พอได้ยินเสียงของเขา เธอก็สะดุ้งและถามด้วยความเขินอาย “โทษที เมื่อกี้เจ้าว่ายังไงนะ?”
ข้างๆเธอ ริเอลหมดความอดทนขึ้นมาในทันที “เจ้าหญิง” เขาทําเสียงอึดอัด “ท่านเหม่อกับเรื่องที่สําคัญแบบนี้ได้ยังไง? ท่านกําลังคิดอะไรอยู่!?”
มิลด้ารู้สึกอาย และเธอก็หน้าแดงอีกครั้ง “ข้าขอโทษ” เธอพึมพําออกมา
“โอเค งั้นฉันจะพูดอีกรอบ” ลิงค์รู้เหตุผล ดูเหมือนว่าเรื่องเมื่อคืนจะส่งผลกับมิลด้าจริงๆ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจที่นอนใกล้ชิดกับมลด้าขนาดนั้น แล้วทําให้เกิดผลลัพธ์โง่ๆแบบนี้ออกมา ตอนนี้ มิตรภาพความเป็นเพื่อนของพวกเขา…มันน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก
ด้วยการสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ลิงค์ก็พูดซ้ำ
ครั้งนี้ มิลด้ากลับมาเป็นปกติแล้ว หลังจากที่ตั้งใจฟัง เธอก็ครุ่นคิดแล้วพูดออกมา “จากบันทึกลับของพวกเรา ชื่อนั้นมีพลังแอบแฝงอยู่ ซึ่งนี่มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่ก้าวเข้าสู่ระดับตํานานเลเวล 15 พลังของชื่อนั้นแตกต่างกันและ แบ่งออกเป็นสามประเภท มานา, วิญญาณ, และกฏ ซึ่งระดับตํานานเลเวล 15 นั้นสามารถเก็บได้แค่พลังมานาเท่านั้น และพอขึ้นไปถึงเลเวล 17 มันก็จะรวมวิญญาณเข้าไปด้วย และเมื่อถึงเลเวล 19 มันก็จะรวมกฎเข้าไป แล้วขั้นถัดจากนั้นก็จะเข้าสู่สภาพกึ่งเทพ”
นี่คือมรดกของเอลฟ์ พอได้ฟังรายละเอียดพวกนี้ ลิงค์ก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมาอย่างกระทันหัน มอเฟียส ผู้ไล่ตามแห่งความมืด ภายในเกมส์ ชายคนนี้ได้ไปถึงเลเวล 19 จริงๆในฐานะนักฆ่าเผ่ามนุษย์ แถมเขายังเข้าใจส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งพระเจ้าและเริ่มค้นหาทั่วทุกที่เพื่อกลายเป็นพระเจ้า
แม้ว่าเขามักจะไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนและไม่เคยทําอะไรที่ยิ่งใหญ่ แต่พอเขาไปถึงเลเวล 19 ตอนที่อยู่ในเกมส์ เขาก็สามารถรู้สึกถึงทุกคนในพิรุแมนที่พูดชื่อของเขาได้ ถ้าเขาถูก พูดถึงหลายๆครั้งในช่วงเวลานึ่ง เขาก็สามารถส่งความโชคร้ายไปให้ได้ด้วยซ้ำชื่อของเขาน่าจะมีพลังแห่งกฎอยู่
พอคิดถึงเรื่องนี้ ลิงค์ก็พูดขึ้นมา “ถ้างั้นพวกเรามาทดสอบกันเถอะว่าชื่อนี้มีพลังอะไรอยู่ นานะ พร้อมรียัง”
นานะพยักหน้า เธอเอามีดจุดแตกหักออกมา
มิลด้าไม่เข้าใจ “แล้วเจ้าจะทดสอบมันยังไงหล่ะ? เขาจะต้องรู้ตัวอย่างแน่นอนและอาจจะหาพวกเราเจอด้วยนะ”
ลิงค์ชี้คทาไปที่อากาศแล้วร่ายเวทย์วงมิติจากนั้น วงมิติก็เริ่มแปรปรวน จนในที่สุด มันก็เกิดเป็นโครงสร้างพิเศษ มันถูกอัดแน่นอย่างสมบูรณ์ด้วยตัวเชื่อมบางๆที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอก
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้ทําลายตัวเชื่อมนี้เลยนะ” ลิงค์พูดกับนานะ จากนั้นเขาก็พูดกับมิลด้า “มีดของนานะค่อนข้างพิเศษหน่ะ มันสามารถทําลายสิ่งลวงตาได้หลายอย่าง ฉันไม่สามารถอธิบายได้ แต่พวกเราจะปลอดภัย”
มีดจุดแตกหักสามารถทําลายวิญญาณของพระเจ้าได้ด้วยซ้ำไม่ว่านักทํานายคนนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็ไม่แข็งแกร่งไปกว่าพระเจ้าหรอก ลิงค์ไม่ได้กังวลเลยซักนิด
หลังจากที่มติบิดเบือนปรากฏขึ้น ลิงค์ก็เขียนชื่อ เกียร์ซีมัวร์ ในอากาศด้วยมานา
พอเขาเขียนเสร็จ หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัว มันรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนจับตามองเขาอยู่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง โครงสร้างมิติก็ถูกพลังแปลกๆรบกวน มันเริ่มคลายออกอย่าง ไม่สามารถควบคุมได้
“นานะ!” ลิงค์อุทานขึ้น
นานะฟันมีดลงมา ตัวเชื่อมถูกตัดด้วยเสียงฉึก อาการหัวใจสั่นหายไปในทันที พอมองไปทางมลด้ากับริเอล ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็ดูโล่งอกเหมือนกัน
“ข้ารู้สึกเหมือนกับยืนอยู่ริมหน้าผาและสามารถตกลงไปได้ทุกเมื่อเลย มันน่ากลัวมาก!” ริเอลแตะหน้าอกของเขา เขายังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่
มิลด้ากุมขมับของเธอ “พลังนี้มันแข็งแกร่งมากเลย มันไม่ได้แค่น่ากลัวอย่างเดียวนะ แต่มันสามารถทําลายโครงสร้างมิติได้ด้วย…”
คําตอบใกล้จะถูกเปิดเผยแล้ว
ลิงค์เป็นคนสร้างวงมิติและรู้สึกถึงมันได้อย่างลึกซึ้ง เขาพูดในสิ่งที่มีลด้าไม่ได้พูด “มันคือพลังแห่งกฎ ตัดสินจากเมื่อสักครู่นี้ นักทํานายคนนี้น่าจะมีเลเวล 19 นะ บางที่เขาอาจจะกําลังมองหา…วิธีการเป็นพระเจ้า!”
“มันเป็นไปได้ด้วยหรอ?” ริเอลเริ่มเล่นหนวดของเขาอีกครั้ง โลกนี้ดูอันตรายขึ้นเรื่อยๆ แค่เจอคนระดับตํานานได้ทุกที่ก็ว่าหนักแล้ว แต่ตอนนี้ ยังมีคนที่อยู่จุดสูงสุดอีก แล้ว สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆอย่างเขาจะทําอะไรได้หล่ะ?
มิลด้าเห็นด้วยกับลิงค์ “ความคิดของเจ้าน่าจะถูกแล้วหล่ะ ในอารากู ความเกลียดชังระหว่างลากู คนแคระ และ อารากมันสะสมมาหลายศตวรรษแล้วซึ่งตอนนี้ มันก็เหมือนกับภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ และเมื่อพลังถูกปล่อยออกมาสักครั้งนึงมันก็เพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้และผลักดันเลเวล 19 ให้เข้าสู่ระดับพระเจ้า”
เธอพูดในสิ่งที่ลิงค์กําลังคิดอยู่ เขาพูดต่อ “โจรนัยน์ตาสีเลือดเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น พวกเขาเป็นอาวุธชิ้นแรกของบุคคลระดับตํานานคนนี้!”
“เขาเป็นใครกัน?” ริเอลถาม “อาราก? เอลฟ์? หรือว่าคนแคระ?”
“เขาต้องเป็นอารากูอย่างแน่นอน” ลิงค์กับมิลด้าพูดพร้อมกัน จากนั้นพวกเขาก็สบตากันแล้วยิ้มอย่างรู้กัน
ในโลกนี้, อารากูครอบครองความรู้และอํานาจเอาไว้อย่างเด็ดขาดมีแค่พวกเขาเท่านั้นที่สามารถไปถึงจุดสูงสุ ดของเลเวล 19 ได้
ริเอลตกใจ “พวกเจ้ามั่นใจนะ? มีอารากูคนนึงตั้งใจทําให้เอลฟ์กับฮอบบิทต่อต้านเผ่าพันธุ์ของตัวเองอย่างงั้นหรอ? เขาไม่รู้รึไงว่านี่จะทําลายเผ่าพันธุ์ของเขา? โอ้ พระเจ้า!”
มิลด้าส่ายหัว “ต่อหน้าความเป็นนิรันดร์ เผ่าพันธุ์ก็เป็นแค่โซ่ตรวนที่สามารถตัดทิ้งได้ถูกเมื่อ”
“เผ่าพันธุ์ก็เป็นแค่เปลอันนึง นายอยู่ในเปลนี้ไปตลอดไม่ได้หรอกนะ” ลิงค์อธิบาย
อารากูใกล้จะเกิดการปฏิวัติแล้ว พวกเขาอยู่ในช่วงที่สะเก็ดไฟกําลังปะทุพอดี
ริเอลดูสลด “สรุปแล้วคือพวกเราไม่มีทางทําลายไอปลอกคอบ้านี้แล้วสินะ?”
คนที่สามารถปลดมันได้มีเลเวล 19 และพวกเขาก็กลาย เป็นศัตรูกับโจรนัยน์ตาสีเลือดแล้ว การที่พวกเขาไปขอให้นักทํานายคนนี้ถอดปลอกคอให้นั้นก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย
ลิงค์ยิ้ม “เอาจริงๆ ยังมีความหวังอยู่เยอะเลยนะ”
“ยังไงหล่ะ? เขาเป็นคนไม่ดีนะ” ริเอลส่ายหัวอย่างหงุดหงิด เขาไม่เชื่อลิงค์เลย
ลิงค์เก็บคทาแล้วอธิบาย “น่าจะมีโบสถ์ปรากฏขึ้นในเร็วๆนี้ และหลังจากนั้น ก็จะมีแท่นบูชากับนักบวช กลุ่มแรกปรากฏขึ้น ซึ่งนักบวชพวกนี้อาจจะไม่รู้จักเวทย์รักษาแต่พวกเขาก็น่าจะรู้วิธีปลอดปลอกคอและปลดปล่อยทาสนะ”
ทาสทุกคนที่ได้รับอิสระจะกลายเป็นผู้ศรัทธาของโบสถ์นี้ พวกเขาจะกลายเป็นนักรบของโบสถ์และจะเริ่มการสังหารหมู่อารากูภายใต้แรงกระตุ้นจากความเกลียดชังที่เก็บมา หลายศตวรรษ
โบสถ์นั้นไม่เพียงแค่มอบอิสระให้พวกเขาเท่านั้น แต่มันยังมอบพลังกับความรู้ให้พวกเขาด้วย และเมื่อเวลามาถึง ทาสก็จะกลายเป็นกองกําลังที่ไม่สามารถมองข้ามได้อีก
เมื่อถึงตอนนั้น อารากู่จะตกอยู่ในความโกลาหล พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากมันและตามหานักบวชมาปลดปลอกคอให้ได้
“แล้วพวกเราควรทํายังไงดีหล่ะ?”
“หาที่ซ่อนซักที่นึ่งแล้วให้ความสําคัญกับการเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง และในช่วงหนึ่งปีครึ่งนับจากนี้ พวกเราก็น่าจะสามารถออกจากโลกนี้ได้นะ”