Advent of the Archmage - 402: นักเวทย์พเนจรลึกลับ
Chapter 402: นักเวทย์พเนจรลึกลับ
ที่จุดเชื่อมโยงตาข่ายเวทมนตร์
ลิงค์เห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่ยับบ้าจริงๆแต่ว่าเขาแค่ใช้ร่างกายของยับบ้าอยู่
ภายในเกม ความสามารถในการสับเปลี่ยนร่างกายแบบนี้มักจะพบในหมู่นักเวทย์พเนจรลึกลับที่อยู่ในช่วงแรกของเกม แต่ว่า ในช่วงครึ่งหลังของเกมนั้น มันมักจะเป็นสิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งที่มาจากความว่างเปล่า
คนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่พวกนักเวทย์พเนจรแน่ๆ บางทีเขาน่าจะมาจากความว่างเปล่า บางคนสามารถเดินทางข้ามมิติได้ ยังไงก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขานั้นแข็งแกร่งมาก อย่างน้อยก็อยู่ในระดับตํานาน
มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่เป็นแบบนั้น อย่างเช่น นักเวทย์พเนจร นักเดินทางข้ามมิติ นักเวทย์ดวงดาว และอื่นๆอีกมากมาย
พวกเขามักจะแข็งแกร่งและลึกลับมากๆ พวกเขาเลือกที่จะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางโลกและจะปรากฏตัวออกมาตามใจตัวเอง
ในตอนที่ชายผมสีแดงเพลิงที่อยู่ตรงหน้าเขาบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทําอันตราย แค่” สงสัย”เท่านั้น มันทําให้ลิงค์นึกถึง NPC คนนึงขึ้นมา
ภายในเกม NPC คนนี้มีชื่อว่าไอเซนิส เขาแต่งตั้งตัวเองให้เป็น “นักเวทย์พเนจร” ยังไงก็ตาม ในตอนนั้น เขาได้ใช้ร่างกายของเอลฟ์ และจะปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ต่างๆรอบฟิรุแมนตามความต้องการของตัวเอง
ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่สิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้ก็คือไม่มีใครในฟิรูแมนสามารถทําให้เขาบาดเจ็บได้
ในช่วงครึ่งหลังของเกม ในตอนที่จ้าวนรกโนโซม่าจุติมายังโลกด้วยตัวเอง และกลุ่มของผู้เล่นได้บุกไปยังป้อมปราการปีศาจ ไอเซนิสเองก็ไปที่ป้อมปราการหลังจากนั้น ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือโนโซม่าไม่ได้สนใจเขาเลย อิงจากนิสัยของโนโซม่าแล้ว เขาเลือกที่จะไม่สนใจไอเซนิสเพราะว่าเขาไม่สามารถทําอะไรไอเซนิสได้
สําหรับคนแปลกหน้า ไอเซนิสนั้นคงจะดูน่ากลัวมาก ยังไงก็ตาม เมื่อคุณได้ลองรู้จักกับเขาแล้ว เขาจะเริ่มทําตัวเหมือนกับเด็กมากขึ้นเรื่อยๆ อ้างอิงจากที่เขาพูด สิ่งที่ทําให้เขามีความสุขมากที่สุดก็คือการได้เห็นเรื่องน่าสนใจ ยังไงก็ตาม ไม่ว่าสิ่งที่พูดจะเป็นความจริงหรือว่าเป็นแค่ข้อแก้ตัวนั้นก็ไม่มีใครรู้ได้
เขาโด่งดังเพราะคําพูดที่ว่า “ไม่ต้องสนใจข้าหรอก ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทําอันตราย ข้าแค่สงสัยเท่านั้น”
ลิงค์ถาม “ขอโทษนะครับ คุณคือนักเวทย์พเนจรใช่ไหม?”
ทันใดนั้นเอง สีหน้าของยับบ้าก็ดูอ่อนลงและเขาก็หัวเราะออกมา “หืม ถึงเจ้าจะยังหนุ่ม แต่ก็รู้ดีมากเลยนี่ ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าข้าเป็นนักเวทย์พเนจร เรื่องมันก็ง่ายขึ้นเยอะ”
เจ้าตัวเล็กเดินไปรอบๆห้องและแนะนําตัว “ชื่อของข้าคือไอเซนิส เกรย์ อย่างที่เจ้าเห็น ข้าเป็นนักเวทย์พเนจร ข้ามาฟิรุแมนเพื่อช่างเถอะ เจ้าจะบอกว่าข้ามาที่นี่เพื่อดูการแสดงก็ได้”
“ดูการแสดงหรอครับ?” ลิงค์ถาม ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นไอเซนิส แต่ลิงค์ก็ยังคิดว่าคําตอบนั้นแปลกอยู่ดี
นี่เป็นเพราะว่า ภายในเกม ไอเซนิสจะปรากฏตัวออกมาก็ตอนครึ่งหลังที่โนโซม่าลงมาด้วยตัวเอง ยังไงก็ตาม ตอนนี้โนโซม่ายังไม่ได้มา แล้วการแสดงอันน่าตื่นเต้นอะไรกันหล่ะที่ไอเซนสมารอดู?
ไอเซนิสตื่นเต้นมากที่เขาได้เจอกับเพื่อนคุย เขากระโดดขึ้นลงไปมาพร้อมกับพูด “ใช่ ใช่! เจ้าคงจะรู้อยู่แล้วสินะว่ามีรอยแยกมิติเกิดขึ้นในฟิรุแมน ถูกมั้ย?”
ลิงค์พยักหน้า
ไอเซนสยิ้มออกมาและพูดต่อ “ในทะเลแห่งความว่างเปล่า มิติแต่ละแห่งก็เหมือนกับเรือ ตอนนี้เรือลํานี้มีรูรั่วอยู่ และสัตว์ร้ายตัวใหญ่ก็กําลังจ้องที่จะกลืนเรือลํานี้…ถ้าจะให้พูดง่ายๆ สัตว์ร้ายตัวนี้มีชื่อว่าเฟโกนี่ โรเซ็น เดอ โรแมน ดาลาสวิล หรือที่รู้จักกันในชื่อนักล่าสีเผือก แน่นอนว่าเขามีชื่ออื่นด้วย นั่นก็คือ เทพแห่งการทําลายล้าง”
ลิงค์รู้สึกหัวใจเต้นแรง เขาพยายามทําให้ตัวเองใจเย็นลงและถามคําถามต่อ “เขามาถึงที่นี่รียังครับ?”
ภายในเกม เทพแห่งการทําลายล้างได้ปรากฏตัวขึ้นมาแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ยังไงก็ตาม ในตอนนั้น ทั่วทั้งฟิรแมนต่างก็ยุ่งอยู่กับการจัดการกับโนโซม่าและไม่ได้สนใจเขามากนัก ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้ปรากฏตัวขึ้นในมุมเงียบๆของโลกและไม่ได้ก่อความวุ่นวายมากนัก
บางคนได้สันนิษฐานว่าเทพแห่งการทําลายล้างเป็นลาสบอสตัวต่อไปหลังจากลอร์ดโนโซม่า ยังไงก็ตาม ในเมื่อไอเซนิสมาที่นี่แล้ว นี่ก็หมายความว่าเทพแห่งการทําลายล้างคนนั้นจะมาที่นี่ก่อนเวลาด้วยรึเปล่านะ?
นี่ไม่ใช่ข่าวดีเลย
ไอเซนิสส่ายหัว “ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ได้เร็วขนาดนั้นหรอก เขาเป็นสัตว์ร้ายขนาดใหญ่และเคลื่อนที่ช้ามากๆ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเจ้าเล่ห์และขี้ระแวงมาก เขาจะต้องส่งคนมาสอดแนมเพื่อตรวจดูสถานการณ์ก่อนที่เขาจะลงมืออย่างแน่นอน นี่เป็นการไล่ล่าที่น่าตื่นเต้นมากๆจนข้าคิดว่ามันคุ้มค่ากับการมาดู”
ในตอนที่เขาพูดเรื่องนี้ ไอเซนิสก็มองไปที่ลิงค์อย่างสงสัย “ข้าไม่เข้าใจอยู่เรื่องนึ่ง เจ้าเองก็มีความสามารถในการเดินทางข้ามมิติ ถ้าเกิดว่าฟิรุแมนถูกทําลาย ทั้งหมดที่เจ้าทําก็แค่หนีไปยังมิติอื่นเท่านั้นเอง มีอะไรที่เจ้าต้องกลัวอีกหล่ะ?”
ลิงค์คิดอยู่พักนึงก่อนที่จะถามขึ้นมา “ผมได้ยินมาว่าท่านนักเวทย์พเนจรเป็นคนที่ฉลาดและมีความรู้มาก คุณรู้วิธีที่จะซ่อมรอยแตกพวกนี้รึเปล่า?”
ไอเซนิสมองมาที่ลิงค์และหัวเราะ “ซ่อมมันเหรอ? อย่างนี้นี่เอง! ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าพึ่งจะได้พลังมาสินะ ดังนั้นถึงแม้ว่าเจ้าจะมีพลัง แต่เจ้าก็ยังตัดพันธะจากโลกนี้ไม่ได้ แน่นอน ว่าข้ามีวิธีซ่อมมัน แต่ว่าทําไมข้าต้องทําอย่างนั้นล่ะ? เจ้าก็น่าจะรู้นะ ในตอนที่ข้าทําอย่างนั้น มันจะเป็นการไปยั่วโมโห เฟโกนี่ และเขาก็จะมาหาเรื่องข้าแทน”
ณ ตอนนี้ คนส่วนมากคงจะยอมแพ้และถอยไปแล้ว ยังไงก็ตาม ลิงค์รู้ได้จากประสบการณ์ของเขาภายในเกมว่าต้องจัดการกับเขายังไง ไอเซนิสมีประโยคที่ดังอีกประโยคนึงก็คือ “ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้”
ลิงค์ตอบ “แน่นอนว่า ผมไม่ขอให้คุณทําฟรีๆหรอก ผมได้ยินมาว่าในหมู่นักเวทย์พเนจรนั้น พวกคุณใช้ค่าเงินที่ชื่อว่า โจกุ ถ้าจะให้คุณช่วยพวกเราจะต้องจ่ายก็โจกุหรอครับ?”
ไอเซนิสมองมาที่ลิงค์ วัดขนาดตัวเขา และเขาก็ยังเดินวนรอบๆลิงค์อีกด้วย ลิงค์ยืนอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้ไอเซนิสทําตามที่เขาต้องการ
ไอเซนิสถอนหายใจ “โอเค ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจข้าจริงๆนะ ในความว่างเปล่า คนแบบเจ้าถือว่าไม่ธรรมดา ใช่ ตราบใดที่มีโจกุพอ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถซื้อได้ สิ่งที่เจ้าต้องการให้ข้าทํานั้นมีค่า 300 โจกุ”
ลิงค์พูดอย่างจนปัญญา “300 โจกุมันแพงไปหน่อยนะครับ ตอนนี้ผมจ่ายไม่ไหวหรอก”
ไอเซนิสกระโดดและพูดย้อน “ที่เจ้าจ่ายไม่ไหวมันก็แน่นอนอยู่! เจ้าจะไปจ่ายไหวได้ยังไงกัน? หลังจากผ่านมาหลายปี ข้าพึ่งหาเงินได้แค่ 500 โจกุเท่านั้นเอง ถ้าเจ้าสามารถจ่ายมันได้ นั่นก็คงจะต้องมีการช่วยเหลือจากปีศาจแล้วหล่ะ ไม่อย่างนั้น การแลกเปลี่ยนก็จะไม่เกิดขึ้น”
ลิงค์ไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้ เขายังคงต่อรอง “ผมได้ยินมาว่านักเวทย์พเนจรยอมรับการติดหนี้ ผมรับรองได้เลยว่าถ้าคุณช่วยผมในการซ่อมรอยแตก ผมจะจ่ายคุณคืนด้วยโจกุภายในเวลา 5 ปีของฟิรุแมน”
โจกุนั้นเป็นแร่ชนิดหนึ่งที่ไม่มีใครรู้วิธีใช้ ยังไงก็ตาม ไอเซนิสนั้นรักมันจนยอมตายแทนได้เลย มีหลายพื้นที่ในฟิรุแมนที่สามารถหาโจกุได้ ภายในเกม มีผู้เล่นมากมายที่ตั้งหน้าตั้งตารวบรวมโจกุด้วยความหวังที่ว่าพวกเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งบางอย่างกับไอเซนิสได้
แน่นอนว่าไอเซนิสนั้นมีอุปกรณ์อยู่มากมาย หากโชคดีคนๆนั้นอาจจะได้อุปกรณ์ระดับตํานานเลยก็ได้ ไม่น่าแปลกเลยที่ทําไมผู้เล่นถึงยินดีที่จะแลกเปลี่ยนสิ่งของกับเขา
หลังจากได้ยินสิ่งที่ลิงค์พูด ไอเซนิสก็ส่ายหน้า “ถึงเจ้าจะพูดอย่างนั้น แต่ว่าพวกเราพึ่งจะเจอกันเองนะ ข้าจะไปเชื่อได้ยังไงว่าเจ้าจะรักษาคําพูด?” ไอเซนิสยังได้ชี้นิ้วของเขาออกมาเพื่อเป็นการเน้นย้ำอีกด้วย
“ผมขอสาบานภายใต้ชื่อของเทพแห่งแสง” ลิงค์พูด
“ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ เทพแห่งแสงขี้โกงจะตาย การใช้ชื่อของเขาก็เหมือนกับการเอามือเปล่าออกมาแล้วบอกข้าว่ามันมีทองอยู่นั่นแหล่ะ มันใช้ไม่ได้หรอกนะ” ไอเซนิสปฏิเสธ พร้อมกับส่ายหัวของเขา
คําตอบนี้อยู่ในการคาดการณ์ของลิงค์อยู่แล้ว เพราะภายในเกม ไอเซนิสเองก็ได้ตอบกลับมาด้วยลักษณะคล้ายๆแบบนี้
ลิงค์พูดต่อ “ผม..”
ยังไงก็ตาม โดยที่ไม่ได้รอลิงค์พูดต่อ ไอเซนิสก็ตัดบทเขา “โอเค โอเค เจ้าหนุ่ม ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าแล้ว แต่ถึงยังไง ธุรกิจก็คือธุรกิจ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ข้าจะเชื่อใจเจ้าทั้งๆที่พวกเราเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก แต่ถึงอย่างนั้น หากพิจารณาจากความสนุกที่ข้าได้รับจากการที่พวกเราได้พูดคุยกันในครั้งนี้ ข้าจะให้ของขวัญกับเจ้า”
ไอเซนิสหยิบเศษหินที่มีขนาดเท่านิ้วโป้งออกมาหินนั้นไม่ ได้ดูพิเศษเลย มันดูเหมือนกับหินทั่วๆไปที่หยิบขึ้นมาจากพื้น ยังไงก็ตาม ลิงค์รู้ว่านี่มันคือนามบัตรของนักเวทย์พเนจรไอเซนิส
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้ทําธุรกิจด้วยกัน แต่ข้าก็จะจดจําการพบกันครั้งนี้เอาไว้ ถ้าเกิดว่าในอนาคตเจ้าเจอโจกุเข้า เจ้าสามารถใช้มันเรียกข้ามาได้ แค่ตะโกนชื่อของข้าออกมาก็พอ ถ้าเกิดว่าไม่มีอะไรผิดคาด ข้าจะกลับมาที่ฟิรูแมนในอีก 20 ปีข้างหน้า เอาหล่ะ…ตอนนี้พลังของข้าก็ฟื้นฟูเต็มที่แล้ว ข้าจะไปแล้วนะ ลาก่อนเจ้าหนุ่ม”
ยับบ้าโบกมือให้กับลิงค์ และหลังจากนั้น ร่างของเขาก็หายไป มันหายไปเหมือนกับหมอก และด้วยการหายไปของเขา ออร่าแห่งความว่างเปล่าที่อยู่ในตาข่ายเวทมนตร์ก็หายตามไปด้วย
เขาหายไปได้ยังไงกัน? นั่นมันทักษะแบบไหนกันนะ? ลิงค์มีคําถามค้างคาใจอยู่หลายข้อ
ภายในเกม ลิงค์ไม่ได้สนใจมันมากนัก ยังไงซะ ไอเซนิสก็เป็นบุคคลที่เต็มไปด้วยปริศนา แม้ว่าตอนนี้เขาจะเรียนเวทมนตร์มาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังสับสนอยู่ดี
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เจอกับสิ่งที่ไม่เข้าใจ แม้กระทั่งตอนที่เขาต่อสู้กับอุปกรณ์ระดับพระเจ้า อสรพิษทมิฬ หรือตอนที่สตรีแห่งความจริงได้ยื่นข้อมูลสูตรให้กับเขา เขาก็ยังสามารถทําความเข้าใจมันได้
ลิงค์จ้องมองจุดที่ไอเซนิสหายไป แล้วถอนหายใจออกมา เขาคิดว่าโลกนั้นกว้างใหญ่ และความว่างเปล่าก็ไม่มีที่สิ้นสุด มันยังมีปริศนาอีกมากมายที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย
ออร่าแห่งความว่างเปล่าได้หายไป และบ่อมานาภายในจุดเชื่อมโยงนั้นก็กลับมาสงบเหมือนเดิม ลิงค์หันกลับไปทางที่เขาทิ้งกรีนกับแลนนี่ไว้ ที่ตรงนั้น เขาสังเกตเห็นว่ามีปีศาจระดับต่ำอยู่ไกลๆ พวกมันยังไม่เจอแท่นที่กรีนกับแลนนี่อยู่
ลิงค์เดินไปหาพวกมัน แล้วก็ฆ่าพวกมันด้วยดาบก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนแท่น เขาเห็นว่ากรีนกําลังยุ่งอยู่กับหินปูนในระหว่างที่เขายุ่งอยู่กับรูน เขาก็ทําการสลักไปด้วย เมื่อเห็นว่าลิงค์มาแล้ว กรีนก็ถามคําถามโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “เป็นยังไงบ้าง?”
“มันกลับมาเป็นปกติแล้ว มีนักเวทย์พเนจรปรากฏตัวขึ้นพวกเราคุยกันอยู่แปปนึง แต่ว่าตอนนี้เขาไปแล้ว”
กรีนตกตะลึง มือของเขาสั่น ในฐานะที่เป็นนักเวทย์ระดับสูง แน่นอนว่าเขารู้ถึงตัวตนของนักเวทย์พเนจรเมื่อเห็นว่าลิงค์กลับมาอย่างปลอดภัย เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ขอบคุณพระเจ้า โชคดีจริงๆที่เจ้าไม่ได้เจอคนที่ชั่วร้าย ขอบคุณพระเจ้า”
กรีนไม่ได้ถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักเวทย์พเนจร เพราะยังไงซะ ระดับของนักเวทย์พเนจรก็แตกต่ากับเขามากๆ ในส่วนของลิงค์ เขาเข้าสู่ระดับตํานานแล้ว พวกเขาจึงสามารถพูดคุยด้วยกันได้ ในขณะที่ กรีนนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะยืนอยู่ใกล้นักเวทย์พเนจรด้วยซ้ำ
แลนนี่ถามด้วยความสงสัย “นักเวทย์พเนจรคืออะไรหรอ?”
กรีนถอนหายใจ “เขาคือคนที่มาจากความว่างเปล่า พวกเขามีชื่ออยู่มากมาย และนักเวทย์พเนจรก็เป็นแค่ชื่อนึงเท่านั้น และแม้แต่เทพแห่งแสงเองก็เป็นนักเวทย์พเนจรเหมือนกัน”
แลนนี่พูดไม่ออก
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง กรีนก็สร้างหินรูนสําเร็จ เขายืนขึ้น
“เสร็จแล้วหล่ะ ด้วยสิ่งนี้ พวกเราสามารถใช้ตาข่ายเวทมนตร์ในการส่งข้อความเข้าไปในเมืองได้ ไปกันเถอะมาสเตอร์ลิงค์”