Advent of the Archmage - 450: มันคือภาพลวงตาอย่างงั้นหรอ?
Chapter
หุบเขามังกรในวงกตหมอก
พรึ่บพรึ่บ มังกรแดงได้แบกคน 2 คนออกมาจากวงกตหมอก
ในตอนที่พ้นจากวงกตหมอกทั้งสองก็ได้กระโดดลงจากหลังมังกรและเริ่มทำการวิ่งแข่งกันในเทือกเขาโคโรราโด้
หนึ่งในพวกเขาคือเงาดำที่พุ่งผ่านไปบนพื้นดินในขณะที่ถูกแสงสว่างบริสุทธิ์ที่ลอยอยู่เหนือพื้นดินประมาณ10ฟุตไล่ตาม
มีเสียงดังมาจากแสงสว่าง“ยูจิน ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ พวกมังกรนั้นอ่อนแอลงแล้ว และเจ้าก็วางแผนอะไรบางอย่างไว้ที่ทางเหนือใช่มั้ยหล่ะ?”
“ฮาลิโน่หยุดยุ่งเรื่องของข้าตลอดเวลาจะได้มั้ย! ข้าจะไปทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้ามอเฟียสที่กำลังมีอำนาจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ข้าเป็นคนมีความยับยั้งชั่งใจ เจ้าก็รู้นิ!”
“ยับยั้งชั่งใจอย่างงั้นหรอ?ใครกันที่เป็นคนทำให้เมืองเวรอนต้องถูกทำลายเมื่อ 200 ปีก่อน? ใครกันที่สร้างความวุ่นวายกับพวกเมอโฟร์กเมื่อ 130 ปีก่อน? แล้วก็เป็นเจ้าไม่ใช่หรอที่เป็นคนแพร่โรคระบาดที่เมืองแทนโรวเมื่อ 80 ปีก่อน? มาพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้กันดีกว่าไหม เจ้าเองไม่ใช่หรอ ที่เป็นคนสอนให้พวกดาร์กเอลฟ์รู้ถึงวิธีอัญเชิญอุปกรณ์ระดับพระเจ้าหน่ะ? ข้าดูออกนะในตอนที่เจ้าวางแผนอะไรบางอย่าง!”
ที่เบื้องหน้าเขาเงาสีดำหัวเราะอย่างรุนแรง “ฮาลิโน่ คำพูดของเจ้าไม่มีความหมายอะไรสำหรับข้าหรอก ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องไปสนใจกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เลย ความเป็นความตายของพวกมนุษย์เกี่ยวอะไรกับพวกเราหล่ะ? ตราบใดที่ยังมีภพให้อาศัยอยู่ ทุกคนก็ยังมีความสุขได้ เจ้าก็เห็นด้วยใช่มั้ยหล่ะ?”
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าคิดต่างหากหล่ะ!”เขาหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าได้รับพลังนี้มาจากภพฟิรุแมนเพื่อที่ข้าจะได้สามารถจัดการกับคนอย่างเจ้าได้!”
“เจ้าควรจะเลิกยุ่งกับเรื่องของคนอื่นซักทีนะ!”ยูจินตะโกนกลับไปด้วยความโกรธ เขายิ่งเร่งความเร็วขึ้นไปอีก
“ก็อยากอยู่นะแต่ธุระของเจ้ามันบังเอิญอยู่ในดินแดนของข้าไง!”
“ช่างหัวมึงสิฮาลิโน่!” ยูจีนระเบิดความโกรธออกมา
ในสภามรกตพวกเขาสามารถปล่อยวางเรื่องความแตกต่างของพวกเขาเพื่อที่จะสร้างรูนผนึกรอยแยกมิติได้ แต่พอกลับออกมาข้างนอกสภา พวกเขาก็กลับมาเป็นคู่แข่ง 300 ปีอีกครั้ง
ในชั่วพริบตาพวกเขาก็หายเข้าไปในป่า
หลังจากผ่านไปซักพักมังกรแดงอีกตัวนึงก็ออกมาจากวงกต ในครั้งมีนักปราชญ์แห่งภูเขาฮิโรโตะนั่งอยู่บนหลังของมัน พอออกมาจากวงกตแล้ว เขาก็กระโดดลงจากหลังมังกร เขาลูบหัวของมันและพูดพร้อมกับถอนหายใจ “เจ้าหนู บอกราชินีของเจ้าด้วยนะว่าเลิกหัวแข็งและยอมตัดใจเรื่องต่อสู้กับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นได้แล้ว”
จากนั้นเขาก็วิ่งไปทางป่าและมุดลงไปในดิน
ไม่นานหลังจากนั้นไบรอันก็ออกมาจากวงกตหมอก เขามองกลับไปที่วงกตและหัวเราะออกมาดังลั่น “โถ่ลิงค์ การที่เจ้าได้เวทย์แปลงมังกรมาอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีก็ได้นะ ความหลงใหลในตัวราชินีมังกรแดงของเจ้าจะทำให้เจ้าพบกับจุดจบ”
และเขาเองก็ลูบหัวนักรบมังกรแดงที่บินมาส่งเขาเช่นกันเขาพูดพร้อมกับยิ้ม “เจ้าหนู หุบเขามังกรหมดหวังแล้วหล่ะ มาที่เกาะรุ่งอรุณกับข้าสิ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องเข้ากันได้ดีกับมังกรมรกตที่อยู่ที่นั่นแน่ๆ”
มังกรมรกตนั้นเป็นลูกหลานของผู้คนที่เคยออกมาจากหุบเขามังกรพร้อมกับพวกไฮเอลฟ์เมื่อ100 ปีที่แล้ว บรรพบุรุษบางคนของพวกเขาได้ตกหลุมรักกับไฮเอลฟ์ที่นั่น และบางคนก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ที่เกาะแห่งรุ่งอรุณ ในขณะที่บางส่วนได้รับความรักจากต้นไม้โลกและได้รับเวทมนตร์ของเอลฟ์มาเองตามธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม,ในตอนนี้ จำนวนของมังกรมรกตมีไม่ถึง 500 ตัวแล้ว
นักรบมังกรแดงรู้สึกลังเลเขาไตร่ตรองคำพูดของไฮเอลฟ์ สถานการณ์ในหุบเขามังกรเลวร้ายมากจริงๆ และมันก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอนาคตแล้ว
เมื่อสัมผัสได้ถึงความลังเลของมังกรไบรอันก็หัวเราะออกมาพร้อมพูดให้กำลังใจ “เจ้าหนุ่ม ด้วยพลังระดับเจ้า เจ้าจะได้รับการปรนนิบัติอย่างพระราชา สำหรับคนที่มีความสามารถอย่างเจ้า มันไม่มีทางอื่นแล้วนอกจากไปให้สูงขึ้น ยังไงหุบเขามังกรก็ถึงจุดจบอยู่ดี ดังนั้นเจ้าควรเริ่มมองหาทุ่งหญ้าสีเขียวที่ดีกว่าเดิมได้แล้วนะ?”
“ถ้างั้น…ข้าก็จะไม่ได้พบท่านราชินีแล้วหน่ะสิ”
“โถ่….เจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วนะแถมราชินีมังกรแดงก็ไม่ใช่แม่ของเจ้า เจ้าควรตัดสินใจเลือกทางเดินอนาคตของตัวเองได้แล้วนะ? นอกจากนี้ ดูสิว่าเธอได้นำอะไรมาให้กับหุบเขามังกร ข้าไม่คิดว่าเธอเป็นผู้นำที่ควรค่าแก่การติดตามหรอกนะ”
นักรบมังกรแดงลังเลอยู่นานจากนั้นเขาก็กัดปากตัวเองและเริ่มบินไปทางเกาะรุ่งอรุณ
บนหลังของเขาไบรอันมีสีหน้าพึงพอใจกับสมาชิกใหม่ของกองกำลังเกาะรุ่งอรุณ
…
ในหุบเขามังกร
ที่ด้านนอกกำแพงเมืองผู้อาวุโสมังกรแดงได้มารวมตัวกันเบื้องหน้าราชินีของพวกเขาเพื่ออธิบายถึงรายละเอียดการอพยพชาวเมือง
“พวกเราจะเข้าไปจัดการกับผู้ปกครองแห่งความว่างเปล่าในภพวิญญาณต่อให้มันดูเหมือนกับว่าจะไม่มีวี่แววที่จะเอาชนะมันได้ แต่อย่างน้อยพวกเราก็จะพยายามถ่วงเวลาให้ เพทตาลอง ข้าขอฝากให้เจ้าเป็นคนจัดการแผนอพยพนักรบกับประชาชนนะ”
“รับทราบขอรับ”เพทตาลองพยักหน้า เขาจ้องมาที่ลิงค์ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นเขาก็ห้ามใจตัวเองเอาไว้
ลิงค์รู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไรและได้โบกมือให้กับเขาอย่างสบายๆ “คุณไปเถอะ ผมจะปกป้องราชินีเอง”
สีหน้าของเพทตาลองดูโล่งใจขึ้นและเขาก็หันกลับไปเริ่มแผนอพยพของหุบเขามังกร
ลิงค์หันมาหาเกรเทล“เวลาไม่ค่อยมีแล้ว มันกำลังจะเริ่มเคลื่อนไหว พวกเราต้องลงมือเดี๋ยวนี้เลย”
”โอเค!”
จากสถานะของเขาในตอนนี้การเข้าไปในภพวิญญาณนั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับลิงค์อีกต่อไป เขาสามารถร่ายเวทย์แปลงวิญญาณได้อย่างง่ายดาย
พรึ่บในชั่วพริบตา สีของโลกที่อยู่ตรงหน้าเขาก็จางลงกลายเป็นสีขาวกับดำ พื้นที่รอบตัวเขาเต็มไปด้วยแสงสีแดง ซึ่งมันคือวิญญาณของพวกมังกรแดง
ในบรรดาแสงเหล่านี้แสงของราชินีมังกรแดงนั้นสว่างที่สุด มันสว่างมากจนสามารถย้อมท้องฟ้าสีเทาให้กลายเป็นสีแดงได้เลย
และต่อมาก็คือวิญญาณของลิงค์ซึ่งแสงของเขานั้นแตกต่างจากของคนอื่น มันไม่ได้มีสีแดงหรือสีดำ แต่ว่ามันโปร่งใสเหมือนกับน้ำ และมันก็มีความเข้มข้นสูงมาก จนเหมือนกับของแข็ง และมันยังดูไม่ค่อยโดดเด่นอีกด้วย
จากนั้นก็ยังมีแสงสีแดงของผู้อาวุโสมังกรแดงและการ์ดมังกรแดงอีกพวกเขาไม่ใช่นักเวทย์ระดับตำนาน ดังนั้นแสงของพวกเขาจึงอ่อนกว่ามาก เมื่อเทียบกับของราชินีมังกรแดงแล้ว แสงของพวกเขานั้นเหมือนกับดาวดวงเล็กๆที่อยู่ภายใต้เงาของพระอาทิตย์เลย มันบดบังพวกเขาจนแทบมองไม่เห็น..ไอรีนโนเวล
ณตอนนี้ เมืองที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาได้กลายเป็นนรกบนดิน แม้ว่าจะไม่มีหนวดอยู่ในภพวิญญาณ แต่มันก็เต็มไปด้วยหมอกหนา ซึ่งสามารถเห็นคนที่อยู่ข้างในนั้นได้ลางๆ วิญญาณพวกนี้พยายามจะหนีออกมาข้างนอก สัญชาติญาณแรกของพวกเขาคือการหนีออกมาจากหมอก แต่ว่าพวกเขาก็ถูกดึงกลับไปด้วยพลังความมืดบางอย่าง ทำให้พวกเขาไม่สามารถหนีออกมาได้
หลังจากที่ตกตะลึงกับภาพเหล่านี้ราชินีมังกรแดงก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “หมอกพวกนี้ต้องเป็นฝีมือของผู้ปกครองแห่งความว่างเปล่าแน่ๆ มันกำลังกลืนกินวิญญาณพวกนี้อยู่! วิญญาณของมันแข็งแกร่งมากเกินไป!”
ทุกคนรู้สึกได้ถึงพลังของมันอย่างชัดเจนหมอกสีดำที่อยู่ข้างหน้านั้นปกคลุมทั้งท้องฟ้าและพื้นดิน มันได้ปกคลุมแสงสว่างทั้งหมดของโลกนี้
พอได้มาเผชิญหน้ากับพลังจำนวนมหาศาลขนาดนี้ความลังเลก็เริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของแต่ละคน
ลิงค์ขมวดคิ้วในภพวิญญาณ ถ้าไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะได้ คนๆนั้นก็จะไม่สามารถดึงพลังทั้งหมดของตัวเองออกมาได้ และพวกเขาก็จะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ก่อนที่มันจะเริ่มด้วยซ้ำ”
เขาหันไปหาทุกคนและพูดออกมาเสียงดัง“ทุกคน ฟังนะ!”
ในตอนที่เขาได้รับความสนใจจากนักรบมังกรเขาก็พูดต่อ “ตั้งแต่ที่ฉันเป็นนักเวทย์มา ฉันก็ได้เห็นการต่อสู้มามากมาย ได้ต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งมาก็ไม่ใช่น้อย และฉันก็ไม่เคยรู้จักกับความพ่ายแพ้เลย ในครั้งนี้ ฉันจะทำให้มั่นใจว่าสถิติการชนะอย่างต่อเนื่องของฉันจะไม่ถูกทำลาย ตามฉันมาให้ดีๆ ฉันจะนำพาทุกคนไปสู่ชัยชนะเอง!”
น้ำเสียงของลิงค์นั้นทรงพลังแต่ว่ามันก็ไม่ได้ดังเกินไป ถึงแม้เขาจะพูดเกินจริงมากไปหน่อย แต่ก็ไม่มีใครสงสัยเขา พวกนักรบมังกรนั้นมีความมั่นใจเรื่องความสามารถในการต่อสู้ของลิงค์
มังกรแดงทุกคนมองมาที่ลิงค์แล้วพวกเขาก็ยกอาวุธของตัวเองขึ้นฟ้า จากนั้นก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน “มุ่งสู่ชัยชนะ!”
แสงที่ส่องออกมาจากร่างของพวกเขานั้นสว่างขึ้นและวิญญาณของพวกเขาก็มีความหนาแน่นขึ้น ความมั่นใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาก นี่คือสิ่งที่ลิงค์อยากจะเห็น
เขากวักมือเรียกพวกเขา“เคลื่อนพลได้!”
เขานำทางไปพร้อมกับราชินีมังกรแดงที่อยู่ข้างๆเขาและพวกมังกรแดงก็ตามหลังพวกเขา
ไม่นานนักพวกเขาก็มาอยู่หน้าหมอกสีดำลิงค์ยื่นมือเข้าไปข้างในและสัมผัสได้ถึงพลังที่อยู่ภายใน “พลังค่อนข้างเบาบาง มันผสมไปด้วยออร่าแห่งความว่างเปล่า มันอาจจะเป็นอันตรายสำหรับวิญญาณคนธรรมดา แต่ไม่ใช่สำหรับพวกเรา ทุกคน นี่เป็นแค่ออร่าวิญญาณของผู้ปกครองแห่งความว่างเปล่า ร่างจริงของมันอยู่ภายในหมอกนี้”
พอพูดจบลิงค์ก็ก้าวเข้าไปในหมอก และคนอื่นๆก็ตามเขาไป
ในตอนที่เข้าไปในหมอกทัศนวิสัยของพวกเขาก็แย่ลงในทันที ระยะการมองเห็นของพวกเขามีไม่ถึง 30 ฟุต ทิศทองรอบๆนั้นไม่มีอย่างอื่นเลยนอกความความมืด และในบางครั้ง ก็จะมีวิญญาณของประชาชนปรากฏขึ้นภายในหมอก ทุกอย่างดูเหลือเชื่อมาก
ในภพวิญญาณเวทมนตร์จะอ่อนแอลงมาก ลิงค์จับดาบเวทมนตร์ของเขาแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ราชินีมังกรแดงเองก็มีดาบกับโล่เหมือนกัน ซึ่งมันให้ความรู้สึกเหมือนนักรบหญิงที่แข็งแกร่ง
หลังจากเดินเข้าไปในเมืองได้100 ฟุต หมอกก็หนาขึ้นอีก และทัศนวิสัยของพวกเขาก็ลดลงเหลือ 2 ฟุต ณ จุดนี้ลิงค์มองเห็นแค่ราชินีมังกรแดงที่อยู่ข้างๆเขาและนักรบมังกรแดงไม่กี่คนที่อยู่ข้างหลังเขา แต่ถึงยังไง, เขาก็ยังสัมผัสการมีอยู่ของคนอื่นได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรต้องกังวล
ทันใดนั้นเองลิงค์ก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวตรงหน้าเขาและเขาก็ดึงดาบออกมาอย่างรวดเร็ว
เงาสีดำได้โฉบเข้ามาหาเขาซึ่งมันถูกป้องกันเอาไว้ด้วยดาบ ด้วยเสียงฉึบ วัตถุปริศนาก็ถูกผ่าครึ่งอย่างรวดเร็วด้วยดาบราชามังกรพิโรธ ลิงค์ยื่นมือออกไปและคว้าส่วนนึงที่ถูกตัดออกมาได้
ในตอนที่เขาจับมันมือของเขาก็เย็นวาบขึ้นมาทันที สิ่งที่เหมือนงูพุ่งเข้ามาที่มือของเขาและเริ่มพันรอบๆข้อมือ
ลิงค์สังเกตุดูแล้วเห็นว่ามันคือสายสีดำโปร่งแสงที่หนาพอๆ กับข้อมือของเขา ดูเหมือนว่ามันจะมีคุณสมบัติเหมือนกับหนวดสีดำในภพกายภาพ สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือสิ่งที่เหมือนกับสายนี้เป็นตัวของมันเอง มันไม่เหมือนกับหนวดที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้ปกครองแห่งความว่างเปล่า และหนวดนี้ก็ยังอ่อนแอมากเลยด้วย มันน่าจะมีเลเวลประมาณ 6 ในภพกายภาพ
นี่ทำให้ลิงค์ตกตะลึงเพราะมันหมายความว่าผู้ปกครองแห่งความว่างเปล่านั้นได้เริ่มทำการแบ่งตัวแล้ว เขาตะโกนกลับไปในทันที “ระวังการลอบโจมตี!”
ในเวลาเดียวกันกับที่นักรบข้างหลังได้ยินเสียงตะโกนพวกเขาเองก็ถูกลอบโจมตีเช่นกัน แต่ว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย ศัตรูไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก
ด้วยความที่ทัศนวิสัยแคบลงไปมากพวกเขาจึงเสียเปรียบในเรื่องการถูกลอบโจมตี ในตอนนี้ ลิงค์ได้เปิดใช้งาน สายตาแห่งความจริงของนักฆ่า
ในตอนที่สายตาแห่งความจริงถูกเปิดใช้ทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็สว่างขึ้น หมอกดำกว่าครึ่งได้หายไป และทัศนวิสัยของลิงค์ก็เพิ่มขึ้นเป็น 300 ฟุตในทันที
ตอนนี้พวกเขาอยู่ใกล้กับทางเข้าเมืองถนนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นเป็นเส้นตรง พร้อมกับมีบ้านอยู่ทั้งสองฝั่ง ลิงค์เห็นหนวดโปร่งใสอยู่ทุกที่ มันว่ายอยู่ในอากาศเหมือนกับปลา และบนท้องฟ้าก็มีเมฆหมอกอันมืดมิด
“ตรงนั้นจะต้องเป็นสถานที่ที่ร่างจริงของผู้ปกครองแห่งความว่างเปล่าอยู่แน่ๆซิลเวอร์สตาร์เองก็น่าจะอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน”
“เร็วเข้ารีบตามมาเร็ว!” ลิงค์ตะโกนกลับไป และพวกนักรบก็กลับไปตั้งแถวตามแบบที่พวกเขาเดินตามในตอนแรก
พวกนักรบน่าจะมองสภาพรอบตัวไม่ค่อยเห็นพวกเขาทำได้แค่เชื่อมั่นในความรู้สึกและทำตามการชี้นำของฉัน แถมความรู้สึกของพวกเขาก็จะได้รับผลกระทบจากอารมณ์ได้ง่ายด้วย ลิงค์คิด ฉันจะต้องคอยส่งเสียงเรื่อยๆเพื่อให้พวกเขาได้ยินฉันตลอดเวลา
และด้วยเหตุนั้นเองลิงค์จึงประกาศให้พวกกลุ่มที่อยู่ด้านหลังฟังสถานที่ที่พวกเขาผ่านในตอนที่พวกเขาเดินทาง เขาอธิบายถึงรายละเอียดทุกอย่าง รวมไปถึงสภาพของถนนไปจนถึงหนวดที่ลอยอยู่ในอากาศ
ซึ่งวิธีนี้ส่งผลอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้ว่าหมอกดำจะบดบังทัศนวิสัยของพวกเขา แต่นักรบมังกรแดงก็ยังสามารถเดินอย่างเป็นระเบียบได้ และในตอนที่พวกเขาถูกหนวดโปร่งแสงลอบโจมตี พวกเขาก็จะสามารถจัดการกับพวกมันได้โดยที่ไม่มีปัญหามากนัก
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงกลุ่มของพวกเขาก็เดินทางไปได้ไกลกว่า 500 ฟุต และพวกเขาก็เข้าไปใกล้เมฆแห่งความมืดมากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนั้นเอง ลิงค์ก็ได้ยินเสียงอันอ่อนแอ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย…”
ลิงค์ตัวสั่นไปพักนึงแต่เขารู้ว่าที่นี่คือภพวิญญาณ เขากลัวว่ามันอาจจะเป็นภาพลวงตา จากนั้นเขาก็พูดกับราชินีมังกรแดงที่อยู่ข้างๆ “คุณได้ยินเสียงไหม? มีคนร้องขอความช่วยเหลือ”
เกรเทลเงี่ยหูฟังจากนั้นเธอก็ส่ายหัว “ข้าไม่ได้ยินอะไรเลยนะ”
“หรือว่ามันอาจจะเป็นภาพลวงตา?”ลิงค์เพิ่มเสียงขึ้นมา เรียกให้ทุกคนหยุด และเขาก็ลองฟังอีกครั้ง
“ข้าอยู่นี่!ลิงค์ ข้าอยู่ตรงนี้ ช่วยข้าด้วย!”
เขาได้ยินเสียงอีกครั้งและมันก็ชัดเจนกว่าครั้งแรก ลิงค์หันไปมองเกรเทล ที่กำลังมองมาที่ลิงค์พร้อมกับถามด้วยเสียงเบาๆ “เจ้าได้ยินอีกแล้วเหรอ?”
ลิงค์พยักหน้า
เกรเทลขมวดคิ้วเธอตั้งใจฟังอีกครั้งแต่เธอก็ยังคงส่ายหัว” ข้าก็ยังไม่ได้ยินอะไรอยู่ดี”
จากนั้นลิงค์ก็ลองถามนักรบที่อยู่ข้างหลังเขาและพวกเขาทุกคนก็ให้คำตอบแบบเดียวกันหมด
เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือนี้