Advent of the Archmage - 490: พวกเราต้องการพลังมากกว่านี้
Chapter
“เวลาคือคำสั่งมิติสูงสุดที่เคลื่อนไหวได้แค่ทางเดียวการทำให้มันวุ่นวายนั้นจะเป็นอันตรายต่อโครงสร้างมิติ”
นี่คือประโยคแรกที่เขียนเอาไว้ในคำนำของหนังสือเวทมนตร์เล่มนี้แล้วมันก็เป็นเพียงประโยคเดียวที่ลิงค์เข้าใจ, ส่วนหน้าที่เหลือนั้นเต็มไปด้วยคำที่เขาแทบจะไม่รู้จักเลย
หลังจากเปิดไปได้แค่สามหน้า,เขาก็ปวดหัวจนแทบจะระเบิด
เขาไม่รู้จักรูนหรือแนวคิดเวทมนตร์ที่อธิบายในหนังสือเลยซึ่งนี่น่าจะแก้ไขได้อย่างง่ายดาย; เขาแค่ต้องใช้เวลาทั้งหมดที่จำเป็นในการทำความเข้าใจเนื้อหาในหนังสือ แต่ปัญหาก็คือการอนุมานเชิงเหตุผลต่างๆในหนังสือนั้นซับซ้อนมาก, มันถึงจุดที่ดูเหมือนจะก้าวข้ามพรมแดนความรู้ของมนุษย์ทั้งมวลไปแล้ว ทั้งหมดถูกเขียนเอาไว้ในเชิงนามธรรมด้วยความเข้าใจโลกที่จริงแท้ที่สุด
ลิงค์ให้ความสำคัญกับเนื้อหาแต่ละหน้าจนล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืนเขารู้แล้วว่าเขาได้มาเจอกับปัญหาของจริงเข้าแล้ว ในการทำความเข้าใจหนังสือทั้งเล่มนั้นจะต้องใช้เวลาและความพยายามจากเขาอย่างมหาศาลอย่างแน่นอน
ตอนนี้ลิงค์กำลังคาใจว่านากาทั้งสองหายไปไหนเขาสันนิษฐานว่าศัตรูเดินทางข้ามเวลาและซ่อนตัวอยู่ในอนาคต
แต่ว่าพวกเธอสามารถเดินทางข้ามอนาคตไปได้ไกลแค่ไหนกัน?พวกเธอจะปรากฎตัวในสถานที่เดียวกับที่หายไปรึเปล่า? ลิงค์ไม่รู้คำตอบของคำถามพวกนี้เลย
แต่ความจริงที่แน่ชัดก็คือว่านากาทั้งสองคนนี้หนีพ้นจากเงื้อมมือของเขาไปได้
“ช่างมันเถอะ,ฉันต้องการการพักผ่อน วันพรุ่งนี้, ฉันจะมุ่งหน้าไปที่หอคอยเวทมนตร์ของป้อมโอริด้าและเริ่มสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ให้คาร์โนส”
จนถึงตอนนี้,คาร์โนสสวมแค่ชุดเกราะหนังชั้นเยี่ยมและดาบเวทมนตร์ที่ลิงค์สร้างให้เขา, ซึ่งมันห่างไกลจากอุปกรณ์ระดับอีพิคของดยุคอาเบลโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้,ลิงค์รู้สึกอยากจะสนับสนุนว่าที่แม่ทัพภาคเหนือคนต่อไปนี้ด้วยทุกหนทางที่เป็นไปได้
คืนนึงได้ผ่านไปอย่างเงียบสงบ
วันต่อมา,กองทัพก็เตรียมตัวเดินทางกลับป้อมโอริด้า
ส่วนลิงค์นั้นได้ออกเดินทางพร้อมกับเซลีนไปที่ป้อมโอริด้าแล้ว,ในขณะที่ราชาลีออนกับคนที่เหลือยังคงอยู่กับกองทัพ, และกำลังค่อยๆเดินทางไปยังจุดหมายเดียวกัน
ในวันที่สามของการเดินทาง,มีแสงสีแดงปรากฎขึ้นที่กลางป่า, จุดที่กองทัพเคยตั้งค่ายมาก่อน
ตอนแรก,จุดแสงนั้นใหญ่ไม่ถึงนิ้วโป้ง มันมีรูปร่างเหมือนกับดวงตาคู่นึง พวกมันสังเกตุดูสภาพแวดล้อมรอบๆเป็นเวลาพักนึงเหมือนกับต้องการให้มั่นใจว่าพวกมันอยู่คนเดียว จากนั้น, ก็มีเสียงฟู่วดังขึ้นอย่างกระทันหัน, แล้วบอลแสงก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ครู่ต่อมา, ด้วยเสียงตุ้บ, นากานักบวชโมลิน่ากับคาทูช่าก็ตกจากบอลแสงลงมาที่พื้น
บนพื้น,โมลิน่ารีบตะเกียกตะกายไปหาคาทูช่าในทันทีและเอามือกดแผลที่หน้าอกของเธอเอาไว้ เธอเริ่มสวดบทเวทมนตร์ แล้วมือของเธอก็มีแสงสีแดงเข้มไหลเข้าไปในร่างของคาทูช่าอย่างต่อเนื่อง
คาทูช่ามองบนท้องฟ้าอย่างเหม่อลอยลมหายใจของเธอหยุดนิ่ง แขนขาอ่อนยวบอย่างไร้ชีวิต, และผิวหนังก็หย่อนยานอย่างมาก, เธอเหมือนกับโครงกระดูกที่มีถุงหนังยวบๆกับเลือดคลุมเอาไว้อยู่
นี่คือสภาพของอกาธานากาที่ใกล้จะตายแล้ว
แต่ด้วยความที่มีพลังไหลเข้ามาในตัวเธอ,ผิวหนังรอบๆแผลบนหน้าอกของคาทูช่าจึงเริ่มเชื่อมติดกันด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจนกระทั่งบาดแผลหายสนิทดี ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ผิวหนังของเธอก็เริ่มเต่งตึง สิบวินาทีต่อมา, เธอก็สูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่ มือทั้งสองของโอบรอบเอวของโมลิน่าแน่นในขณะที่ดวงตาของเธอลืมขึ้นมา
“ข้ายังไม่ตายหรอ?”เสียงของคาทูช่าฟังดูอ่อนแรง
“เจ้าเกือบจะตายไปแล้วหล่ะ”โมลิน่าดึงมือของเธอออก เธอมีเหงื่อไหลโชก, และดวงตาก็พร่ามัวเนื่องจากความเหนื่อยล้า เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่เธอใช้กับคาทูช่านั้นได้ผลาญพลังของเธอไปจนเกือบหมด
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”คาทูช่าลุกขึ้นนั่ง จากนั้นก็มองไปรอบๆเพื่อตามหาหอกแห่งชัยชนะ
“หอกอยู่กับข้า”โมลิน่าเอาหอกออกมาแล้วส่งมันให้กับเธอ “พวกเราเดินทางข้ามอนาคตมาสามวันหลังจากการต่อสู้ครั้งสุดท้าย กองทัพมนุษย์ได้เคลื่อนพลออกไปแล้ว ข้าคิดว่าพวกนั้นคงกลับไปที่ป้อมโอริด้า ปฏิบัติการของพวกเราล้มเหลว.ไอลีนโนเวล.
คาทูช่าตกอยู่ในความเงียบเธอเก็บหอกเอาไว้ที่หลังแล้วพยายามยืนขึ้นอย่างช้าๆ
ภายในป่ามืดสลัว,มีลมพัดลงมาจากภูเขา โดยไม่มีเสียง, คาทูช่าก็เริ่มควงหอกในมือ ร่างกายของเธอยังอ่อนแออยู่, และเธอก็ทำได้แค่ควงอย่างช้าๆในรอบแรก และหอกก็ค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้น ไม่กี่นาทีต่อมา, เธอก็ควงหอกด้วยความเร็วปกติของเธอได้
จากนั้น,เธอก็สะดุดหินก้อนนึงและล้มลงไปที่พื้น
หอกแห่งชัยชนะหลุดจากมือเธอและกลิ้งไปที่พื้นข้างหน้าไม่กี่ฟุต
คาทูช่าไม่ได้ลุกขึ้นมาอีกเธอยังคงนอนคว่ำหน้ากับพื้น, เหมือนกับศพที่ถูกฝังไว้ตื้นๆท่ามกลางกองใบไม้ที่ร่วงลงมาจากต้น
เธอไม่เคยได้สัมผัสกับความพ่ายแพ้แบบนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ตอนที่เธอเกิดมา!
เธอนอนนิ่งอยู่กับพื้นเป็นเวลาประมาณห้านาทีพอเห็นแบบนี้, โมลิน่าก็กังวลขึ้นมาแล้วเข้าไปดูว่าเธอเป็นอะไรรึเปล่า
ในตอนที่เข้าไปใกล้,โมลิน่าก็เห็นว่าไหล่ของคาทูช่ากำลังสั่น มีเสียงสะอึดสะอื้นดังมาจากคาทูช่า โมลิน่าเดินวนรอบเธอและเห็นว่ามีน้ำตาไหลลงมาอาบที่แก้มของเธอจริงๆ
โมลิน่าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เธอเข้าใจคาทูช่าดีกว่าใครๆ ในตอนที่เธอพึ่งจะเข้าวัยผู้ใหญ่, คาทูช่านั้นถูกยกย้องให้เป็นนากาที่มีพรสวรรค์ที่สุดในหมูพวกเธอ ความพ่ายแพ้ของพวกเธอในครั้งนี้ได้สร้างความตกใจอย่างมหาศาลให้กับเธอ
โมลิน่ายังคงนิ่งเงียบและคอยอยู่เคียงข้างคาทูช่า
สิบนาทีต่อมา,คาทูช่าก็ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วปาดน้ำตาออก จากนั้นเธอก็เดินไปหยิบหอก “พวกเราใจร้อนเกินไป และพวกเราก็เปิดการป้องกว้างเกินไปด้วย ถ้าพวกเราช้าลงอีกสักนิด, เฟิร์ดกับเกาะรุ่งอรุณก็จะทำสงครามกันเองโดยไม่ต้องมีความช่วยเหลือจากพวกเรา”
โมลิน่าพยักหน้า“ข้าว่าเจ้าคิดถูกนะ การมีอยู่ของลิงค์จะเร่งความก้าวหน้าของเผ่ามนุษย์ตามธรรมชาติ, แต่ไฮเอลฟ์คงไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอก ไม่มีความจำเป็นที่พวกเราจะต้องเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้”
มีความคิดบางอย่างเข้ามาในหัวคาทูช่า“ลิงค์แข็งแกร่งเกินไป ด้วยพรแห่งแสงที่อยู่กับตัว, มันจะต้องเป็นเด็กแห่งภพอย่างแน่นอน และด้วยระดับพลังในตอนนี้พวกเราไม่ใช่คู่ต้องสู้ของมันเลย พวกเราจำเป็นต้องสร้างพันธมิตรขึ้นมา”
โมลิน่าหัวเราะให้กับเรื่องนี้เธอรู้สึกว่าคาทูช่าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและมีเหตุผลขึ้นหลังจากความพ่ายแพ่อันแสนเจ็บปวดนี้ เธอถามเงียบๆ “แล้วเผ่าไหนหล่ะที่อยากจะเป็นพันธมิตรกับพวกเรา?”
คาทูช่านับนิ้ว“อันที่จริงก็เยอะอยู่นะ โดยหลักๆแล้วก็มีเจ้านรกโนโซม่า, ดาร์คเอลฟ์, มอร์เฟียสของทางใต้และสมาคมของเขา จากนั้นก็มีไฮเอลฟ์, มนุษย์สัตว์, คนแคระและแม้กระทั่งเผ่ายับบ้าที่น่าจะยอมตั้งพันธมิตรกับพวกเรา
“งั้นหรอ?”โมลิน่าสับสน “ข้าพอมองออกนะว่าทำไมไฮเอลฟ์ถึงยอมเป็นพันธมิตรกับพวกเรา แต่มนุษย์สัตว์ใช้ชีวิตอยู่ห่างไกลในทุ่งหญ้าสี่ทอง ส่วนคนแคระก็ไม่ชอบทะเลาะกับเผ่าอื่นๆของโลก ในความเป็นจริงพวกเขาเป็นมิตรกับลิงค์ด้วย, แล้วพวกยับบ้าก็อยู่ภายใต้การปกครองของลิงค์อีก พวกเราจะทำให้พวกเขามาเป็นพันธมิตรด้วยได้ยังไงกัน?”
เหตุผลของคาทูช่ายิ่งชัดเจนขึ้นและดวงตาของเธอก็เปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม “ความก้าวหน้าของมนุษย์จะนำพาพวกมันไปสู่การบุกรุกเผ่าอื่นในที่สุดเพื่อสร้างผลกำไรให้ตัวเอง ยิ่งพวกมันแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่, ก็ยิ่งมีความโลภมากขึ้นเท่านั้น พวกมันจะเริ่มอยากได้อาวุธของคนแคระและขนของมนุษย์สัตว์และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ ข้านึกภาพออกเลยว่าคงไม่มีเผ่าไหนพอใจกับผลลัพธ์แบบนี้หรอก แม้ว่าคนแคระกับลิงค์จะเป็นมิตรกัน, แต่มันก็แค่เรื่องส่วนตัว ภาพลวงตาของมิตรภาพคงรักษาเอาไว้ได้ไม่นานใตอนที่เกิดความเสี่ยงกับผลประโยชน์ของคนแคระ ในส่วนของพวกยับบ้านั้น, น่าจะมีส่วนนึงที่เริ่มรู้สึกไม่พอใจกับการใช้ชีวิตภายใต้การปกครองของเผ่าอื่น, อาเคนเซอร์, หัวหน้านายช่าง, ยังอยู่ในมือพวกเรา ตอนนี้เขาน่าจะรวบรวมผู้ติดตามในเผ่าได้นะ”
โมลิน่ายิ้มกว้างให้กับเรื่องนี้“ข้าไม่เจอข้อผิดพลาดในเหตุผลของเจ้าเลย พอพวกเรากลับไปทางเหนือแล้ว, พวกเราจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับอชาลี (ผู้บัญชาการสูงสุดในหมู่นากา), เธอน่าจะเห็นด้วยกับเจ้านะ”
พอพูดถึงอชาลี,สีหน้าของคาทูช่าก็หม่นหมองในทันที “บางที, ข้าคิดว่าเธอคงไม่ชอบข้าซักเท่าไหร่”
“ไม่ต้องห่วงหน่า,ข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง” โมลิน่าพูดอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “มันเริ่มมืดแล้ว พวกเราพักซักหน่อยน่าจะดีกว่านะ และพอฟ้ามืดสนิท, พวกเราจะกลับไปทางเหนืออย่างเงียบๆ”
…
ป้อมโอริด้า
ลิงค์ยังคงยุ่งอยู่กับการสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ในตอนที่เริ่มรู้สึกเหนื่อย, เขาก็จะกลับไปเขียนหนังสือเสริมพลังให้จบหรือไม่ก็ฝึกดาบในสนามเวทมนตร์
วันเวลาค่อยๆผ่านพ้นไป,หน่วยสอดแนมจากป้อมโอริด้าได้ออกค้นหาทั่วป่าเพื่อหาร่องรอยของคาทูช่ากับโมลิน่า, แต่ก็เปล่าประโยชน์ หนึ่งเดือนต่อมา, พวกเขาก็ยอมแพ้ให้กับการค้นหา
ในช่วงเวลานี้,ราชาลีออนยังคงอยู่ในป้อมโอริด้า, ในขณะที่คาร์โนสเริ่มทำความคุ้นเคยกับหน้าที่ของเขาในฐานะแม่ทัพคนใหม่ ซึ่งคนที่คอยชี้แนะให้เขาในฐานะผู้สืบทอดของดยุคอาเบลก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวดยุคอาเบลที่ไร้พลังแล้ว
เหมือนกับพยายามชดเชยความผิดของตัวเอง,ดยุคอาเบลได้สอนคาร์โนสถึงวิธีการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะแม่ทัพที่น่าเคารพ แม้ว่าคาร์โนสจะเป็นคนซื่อตรง, แต่เขาก็เป็นคนฉลาดและจดจำบทเรียนต่างๆได้ในเวลาไม่นาน
ช่วงเวลาได้ผ่านพ้นไป,และอาจารย์กับลูกศิษย์คู่นี้ก็ค่อยๆสนิทสนมกันมากขึ้น
ในเวลาครึ่งเดือน,ลิงค์ก็สร้างอุปกรณ์เวทมนตร์สำเร็จจำนวนสามชิ้น: มันคือเซ็ทแม่ทัพซึ่งประกอบไปด้วยแหวน, เข็มกลัดติดเสื้อ, และเข็มขัด ทั้งสามชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์ระดับตำนาน แถมเขายังสร้างดาบพลบค่ำของผู้กล้าขึ้นมาใหม่ด้วย, ซึ่งเขาอิงรูปร่างตามดาบราชสีห์พิโรธ
ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าจะถึงงานฉลองเลื่อนตำแหน่งของคาร์โนสและในช่วงเวลาว่างที่เหลือนี้, เขาก็เริ่มทุ่มความพยายามทั้งหมดให้กับการเขียนหนังสือเสริมพลัง
ในส่วนของหนังสือเวทมนตร์กาลเวลานั้น,เขาคิดว่าเขายังไม่มีความสามารพอที่จะทำความเข้าใจได้อย่างเต็มที่ เขามีแต่จะทรมานตัวเองถ้าเขาฝืนซึมซับเนื้อหาของมันในรวดเดียว เขาตัดสินใจว่าจะค่อยๆอ่านไปทีละน้อย
วันหนึ่ง,ในขณะที่เขาหมกตัวอยู่กับงานของเขา, ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากข้างนอก หลังจากยืนยันตัวตนของแขกได้แล้ว, เขาก็วางปากกาลงแล้วพูดขึ้น “เข้ามาสิ”
ประตูเปิดออก,และสคินอร์สก็เข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มระรื่น เขากำลังเอามือถูกันอย่างโลภมาก
พอเห็นท่าทีแบบนี้,ลิงค์ก็รู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร เขาหยิบแหวนสามวงที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วโยนไปให้สคินอร์ส “รับไปสิ”
สคินอร์สรับแหวนกลางอากาศเขาสัมผัสถึงพวกมันที่อยู่ในมืออย่างระมัดระวัง, และรู้ได้ในทันทีว่าพวกมันไม่ใช่แหวนธรรมดา แหวนแต่ละวงนั้นได้เก็บเวทย์โจมตีกับเวทย์ป้องกันเลเวล 10 เอาไว้ ซึ่งทั้งสองเวทย์นี้ต่างก็มีค่ามากสำหรับนักผจญภัยผู้ใดก็ตามที่อยากจะใช้ชีวิตในธุรกิจผจญภัยไปนานๆ
“ฮี่ฮี่,ขอบคุณครับ ข้าจะมอบแหวนอีกสองวงให้กับเพื่อนของข้า” สคินอร์สเก็บแหวนใส่กระเป๋า, จากนั้นก็เข้ามานั่งที่อีกฝั่งนึงของโต๊ะ “อันที่จริง, ข้ามาที่นี่เพื่อแสดงบางอย่างให้ท่านดู”
“ไหนลองว่ามาซิ”นี่กระตุ้นความสงสัยของลิงค์ เขารู้ว่านิสัยไม่เอาไหนของสคินอร์สนั้นเป็นเพียงแค่เปลือกนอก อันที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะพึ่งพาได้ในตอนที่เขาอยากจะเป็น
“คือมันเป็นแบบนี้ครับข้าเคยบอกท่านใช่ไหมว่าข้ากำลังสำรวจซากปรักหักพังอยู่? ซึ่งข้าได้พบบางอย่างที่ค่อนข้างน่าสนใจ ท่านเดาไม่ออกแน่ว่ามันใช้ทำอะไร”
พอพูดจบ,สคินอร์สก็เอาเหรียญเงินออกมาหนึ่งเหรียญแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะของลิงค์
“มันจะทำให้ท่านต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน!”เขาพูด