Advent of the Archmage - 513: ไม่อ่อนแออีกต่อไป
Chapter
สิ่งๆต่างที่ได้มาจากมังกรนั้นส่วนใหญ่ลิงค์ได้รับมาจากราชินีไม่ว่าจะเป็นหนังสือมังกร เวทย์มังกรทั้งหลาย และการปรุงยา แต่เขาก็ได้สูญเสียเศษเสี้ยวของเวลาไปและแบ่งปันวิธีการสร้างวัตถุดิบอันโดดเด่นให้กับราชินีเช่นกัน
ดังนั้นโดยรวมแล้วเขาไม่ได้สูญเสียอะไรเลย
แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ยังยอมปล่อยให้ราชินีมังกรแดงผนึกร่างมังกร พอนึกย้อนกลับไปแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองหัวดื้อเกินไป ร่างมังกรนั้นมีประโยชน์มาก มันน่าเสียดายจริงๆที่ต้องเสียมันไปแบบนี้
ยังไงก็ตามเรื่องมันผ่านไปแล้ว และมันก็ไม่มีเวลาให้มานั่งเสียใจด้วย ลิงค์ มองไปข้างหน้าต่อสิ! เขาปลอบตัวเอง จากนั้นลิงค์ก็เดินเข้าไปในห้องของเขาที่ชั้นบนสุดของหอคอยเวทมนตร์
เซลีนนั่งอยู่ในห้องเธอกำลังอ่านหนังสือเสริมพลังของลิงค์ในขณะที่มืออีกข้างนึงวางอยู่บนโต๊ะ มีลูกบอลมิธริลเล็กๆลอยอยู่บนฝ่ามือของเธอด้วย และภายใต้การดัดแปลงของสนามพลัง ลูกบอลนั้นก็กำลังเปลี่ยนรูปร่างอยู่
เธอกำลังฝึกเสริมพลังอยู่
ลิงค์เดินไปที่เก้าอี้นุ่มๆข้างห้องโถงและทิ้งตัวลงไปนั่งเซลีนตกใจเสียง เกิดระลอกคลื่นในมานาของเธอและลูกบอลมิธริลก็ร้าวในทันที
เธอหันกลับไปดูพอเห็นลิงค์ เธอก็เอามือทาบหน้าอกและบ่นออกมา “ฉันกำลังสงสัยอยู่เลยว่าใครมา ฉันกลัวมากเลยนะรู้มั้ย”
เธอวางลูกบอลมิธริลลงและเดินไปนั่งข้างๆลิงค์พร้อมกับพูดออกมา“นายออกไปตั้งหนึ่งเดือน ฉันคิดว่านายจะไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับราชินีมังกรแดงแล้วซะอีก”
ลิงค์ส่ายหัวแล้วยิ้มให้เขาจับมือเล็กๆของเซลีนและลูบมัน “ไม่ต้องห่วงนะ” เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจ “บางทีฉันน่าจะไม่ได้ไปที่หุบเขามังกรอีกแล้วหล่ะ”
“อะไรกันนี่นายตัดความสัมพันธ์ไปแล้วหรอ?” เซลีนค่อนข้างตกใจ
“ก็อะไรทำนองนั้นแต่ช่างเถอะ อย่าพูดถึงมันเลย มานี่สิ เล่าให้ฟังหน่อยว่าในขณะที่ฉันไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นในดินแดนบ้าง”
เซลีนหยุดถามและเริ่มรายงานส่วนใหญ่เป็นข่าวดีเรื่องการก่อสร้างภายในดินแดน รวมทั้งการก่อตั้งโรงงานอักขระทองคำด้วย ซึ่งแวนซ์เป็นคนรับผิดชอบ ในตอนนี้มีนักเวทย์ฝึกหัดสมัครเข้ามาเรื่อยๆและมีครูฝึกสอนกว่า 100 คนแล้ว แถมพวกเขายังได้เริ่มทำการผลิตอุปกรณ์เสริมพลังระดับพื้นฐานกันแล้วด้วย
นี่เป็นข่าวดีดังนั้นลิงค์จึงรู้สึกพอใจ
“แล้วก็มีนี่ด้วย”เซลีนส่งกระเป๋าใบเล็กๆให้กับลิงค์ “สคินอร์สเอามาให้นาย เขาบอกว่าเขาขาดอีกแค่ประมาณ 30 ชิ้นก็จะได้รับรางวัลจากนายแล้ว”
ลิงค์เปิดดูและพบว่าข้างในกระเป๋าเต็มไปด้วยโจกุเขาลองนับดู มันมีเกือบๆ 50 ชิ้น เขาได้มาเยอะมาก หากรวมกับจำนวนที่เขามีอยู่ในตอนนี้ เขาก็มีโจกุมากกว่า 70 ชิ้นแล้ว นี่มันเยี่ยมมากเลย ลิงค์รู้สึกพอใจ
“แล้วมีข่าวจากดินแดนอื่นบ้างไหม?”เขาถามอีกครั้ง “อย่างพวกเกาะรุ่งอรุณ อาณาจักรเซาท์มูน ป้อมปราการทางเหนือ อะไรพวกนี้หน่ะ”
เซลีนคิดอยู่พักนึงแล้วเธอก็ส่ายหัว“ไม่น่าจะมีข่าวสำคัญอะไรนะ อ้ะ! จริงด้วยสิ ดูเหมือนว่าพวกสมาคมทางใต้จะเปลี่ยนไปนะ พวกมันแข็งแกร่งขึ้นมาก ฉันได้ยินมาว่าอาณาจักรลีโอถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์และกลายเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว”
“งั้นหรอเป็นข่าวที่น่ากังวลจริงๆนั่นแหล่ะ” ลิงค์ถอนหายใจ เขารู้ว่ามันเป็นฝีมือของอัศวินไร้กาย มอเฟียสเริ่มเตรียมกำลังเพื่อยึดครองทางใต้แล้ว
ดินแดนทางใต้มีอาณาจักรอยู่แค่สี่แห่งเดลอนก้าใกล้จะยึดอาณาจักรเซาท์มูนได้แล้ว ซึ่งเซาท์มูนนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฟิร์ด ดังนั้นลิงค์จึงปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้
เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันทีจากนั้นเขาก็ร่ายเวทย์ตรวจจับชีวิตขนาดใหญ่และหาลูซี่พบอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็ใช้เวทย์โทรจิต “ลูซี่ นี่ลิงค์เอง ฉันต้องการให้ช่วยอะไรหน่อย”
ลูซี่กำลังตรวจเอกสารอยู่และเธอก็ตกใจในตอนที่ได้ยินเสียงแต่เธอก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็วและตอบกลับไป “ท่านลอร์ด เชิญสั่งมาได้เลยค่ะ”
“ส่งเอกสารไปให้ราชวงศ์เซาท์มูนบอกพวกเขาว่าฉันอยากจะไปเยี่ยมสถาบันเวทมนตร์กริ๊นท์ที่เมืองหลวงของพวกเขาหน่อย และให้พวกเขาเตรียมการต้อนรับเอาไว้ด้วย จากนั้นให้ส่งคณะฑูตเวทมนตร์กลุ่มเล็กๆไปพักอาศัยที่กริ๊นท์ซะ ส่วนฉันจะเลือกเวลาเดินทางไปเอง อ้อ ใช่ บอกพวกเขาให้เอารูนสื่อสารระยะไกลไปด้วยนะ”
จากนั้นหินรูนสีแดงสดใสก็ปรากฏขึ้นที่มือลิงค์ มันส่องแสงสีขาวออกมาและมันก็ถูกส่งไปที่โต๊ะของลูซี่
“ค่ะท่านลอร์ด” ลูซี่เก็บหินรูนและเริ่มทำการเขียนเอกสาร
พอจัดการเรื่องนี้เสร็จความกังวลของลิงค์ก็ลดลง เขาตั้งใจทำสิ่งนี้เพื่อให้เกิดความสงสัย ตอนนี้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วทวีป และถ้ามีคณะฑูตเวทมนตร์ในนามของจอมเวทย์ระดับตำนานไปที่เซาท์มูน ข่าวนี้จะต้องแพร่ไปทั่วอาณาจักรทางใต้อย่างแน่นอน
พวกสมาคมเองก็จะรู้ข่าวนี้ด้วยจากนั้นพวกเขาก็จะต้องกังวลเรื่องพลังของลิงค์หากพวกเขาต้องการจะก่อเหตุวุ่นวายในเซาท์มูน เพราะถ้าเกิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ คณะทูตก็จะส่งข้อความด้วยหินรูน และเขาก็จะไปที่เมืองหลวงภายในเวลา 1 ชั่วโมง
เสียงของเซลีนดังขึ้น“นี่ ไหงจู่ๆถึงเงียบไปหล่ะ? นายใช้เวทย์อะไรซักอย่างอยู่ใช่ไหม?”
ลิงค์หัวเราะ“เวทย์โทรจิตขนาดเล็กหน่ะ ฉันเพิ่งจะสั่งให้ลูซี่ทำอะไรบางอย่าง เอาหล่ะ ตอนนี้ถามเรื่องการเสริมพลังมาได้เลย”
“เชอะดูภูมิใจจังเลยนะ!” เซลีนเบ้ปากแต่เธอก็ยังเอาสมุดจดของเธอออกมาและเริ่มถามคำถามอย่างจริงจัง
ลิงค์ตอบคำถามทั้งหลายที่เซลีนรวบรวมมาจากนั้นเซลีนก็เก็บสมุดของเธอและวิ่งไปทดลองที่ห้องเสริมพลังอย่างมีความสุข
ลิงค์นั่งอยู่คนเดียวในห้องและคิดถึงเรื่องอนาคต
เรื่องแรกเขาจำเป็นต้องกระจายพลังบางอย่างเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับนักรบชาวมนุษย์ พลังมังกรบริสุทธิ์นั้นตัดไปได้เลย มันเป็นไปไม่ได้แล้วเพราะเขาถูกแบน; และเขาก็ไม่สนใจแล้วด้วย เพราะเขาไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกมังกร ยังไงก็ตาม ลิงค์มีพลังมังกรอยู่ในตัวและยังมีหนังสือเวทมนตร์ของพวกเขาด้วย เขาสามารถทดลองและศึกษามันได้ เขาเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถสร้างพลังมังกรธรรมดาได้ในอีกไม่นานนี้
ในตอนที่เขามีเมล็ดพลังมังกรที่เสถียรแล้วเขาก็จะเริ่มแพร่กระจายมันได้ ซึ่งนี่เป็นงานที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ เรื่องที่สองถ้าเกิดว่าเขาอยากจะเปลี่ยนเมืองมอดไหม้ให้เป็นฐานที่มั่นของเขา เขาก็จะต้องสร้างผนึกเวทมนตร์ระดับต่อสู้ขึ้นมาด้วย
เมื่อคิดได้เช่นนั้นลิงค์จึงตัดสินใจที่จะสร้างเวทย์โจมตีที่สามารถโจมตีได้แม้กระทั่งจักรวาล
ในภพฟิรุแมนเลเวล 19 นั้นแข็งแกร่งที่สุด ซึ่งเขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ด้วยผนึกเวทมนตร์แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์เพราะว่าเขาไม่มีวัตถุดิบเลเวล19
แถมเขาได้มอบเศษเสี้ยวกาลเวลากับของที่ได้รับมาจากทะเลแห่งความว่างเปล่าให้เกรเทลไปหมดแล้วเพื่อใช้ป้องกันรอยแตกมิติและในเมื่อไม่มีของพวกนี้ เขาจึงไม่สามารถสร้างของเลเวล 19 ขึ้นมาได้ และด้วยความที่ไม่มีวัตถุดิบเลเวล19 เขาจึงไม่สามารถยับยั้งพลังเลเวล 19 ได้ ถ้าเกิดว่ามีระเบิดเลเวล 19 เกิดขึ้นที่เฟิร์ด ทั้งดินแดนของเขาจะต้องพังพินาศอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นคงจะเป็นภาพที่เลวร้ายมาก
ลิงค์เอาวัตถุดิบที่เขามีอยู่ออกมาดูและพบว่าอย่างมากเขาก็สร้างได้แค่ผนึกเวทมนตร์เลเวล15
ก็ได้เลเวล 15 ก็ยังดี ในตอนนี้ นอกจากมอเฟียสแล้ว พลังนี้ก็สามารถทำลายทุกสิ่งในภพนี้ได้
ด้วยผนึกเวทมนตร์นี้เหตุการณ์อย่างเช่นการที่ไบรอันบุกรุกเข้ามาในดินแดนของเขาก็จะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาก็จะต้องพ่ายแพ้ให้กับเฟิร์ด!
พอตัดสินใจได้เขาก็เตรียมตัวที่จะลงมือ ลิงค์เริ่มทำการออกแบบในทันที
ผนึกเวทมนตร์นี้จะถูกติดตั้งเอาไว้ที่หอคอยเวทมนตร์มันจะใช้สำหรับยิงลำแสงโจมตีและใส่พลังของเวลาลงไป แต่ในเมื่อไม่มีเศษเสี้ยวกาลเวลา เขาจึงไม่สามารถใช้พลังโชคชะตาได้ เขาจะต้องใช้การคาดเดาการโจมตีแทน
ด้วยวิธีนี้คู่ต่อสู้ก็จะแทบไม่มีโอกาสหนีในตอนที่ถูกเล็งเป้าแล้ว
นอกจากนี้ระยะการโจมตีจะต้องไกลด้วยในเมื่อมันเป็นผนึกเวทย์ เวทมนตร์ก็จะต้องซับซ้อนและมีรายละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และด้วยการใช้ประโยชน์จากเวทย์มิติ มันจะมีระยะสูงสุดที่ 2 ไมล์ในวันที่อากาศดี ซึ่งนี่จะช่วยปกป้องทั่วทั้งเมืองมอดไหม้ได้
สุดท้ายการโจมตีจะต้องไม่ใหญ่จนเกินไป ไม่อย่างนั้นคลื่นกระแทกจะทำลายทุกอย่างพังได้ สรุปแล้ว เวทย์ที่ว่าจะต้องบางเหมือนกับเข็มและรุนแรงถึงขั้นทีเดียวจอด
ลิงค์คิดและทำการออกแบบ;ผนึกเวทมนตร์เริ่มเป็นรูปเป็นร่างภายใต้ปากกาของเขา
ในระหว่างที่ลิงค์มีสมาธิกับเวทมนตร์ในดินแดนของเขาที่ป้อมโอริด้า คาร์โนสก็ได้รับจดหมายจากหน่วยสอดแนมในป่า เขากำลังฝึกที่สนามในตอนที่ได้รับจดหมาย เขาปักดาบราชสีห์พิโรธลงกับพื้นและเปิดม้วนคัมภีร์เล็กๆดู
หลังจากอ่านไปได้ซักพักเขาก็ตัวสั่นและทำสายตาจริงจัง
เขาหันไปหาหน่วยสอดแนมที่เอาจดหมายนี้มาแล้วถาม“เจ้าแน่ใจนะว่าข่าวประตูมิติเป็นเรื่องจริง?”
“ข้าก็ไม่แน่ใจครับมีหน่วยสอดแนมหลายคนอยู่รอบสิ่งก่อสร้าง พวกเราเข้าไปใกล้ไม่ได้เลย แถมยังมีหมอกอยู่รอบสิ่งก่อสร้างด้วย มันสังเกตได้ยากมาก เจ้าหญิงแอนนี่ส่งข้ามาหาท่านในขณะที่เธอกับคนอื่นๆกำลังพยายามเข้าไปใกล้มันอยู่”.Aileen-novel.
พอได้ยินเช่นนี้คาร์โนสก็เอามือตบหน้าผากด้วยความกังวล “นั่นมันเสี่ยงเกินไปแล้ว”
“ข้าเองก็บอกไปแบบนั้นคนอื่นๆก็พยายามห้ามเธออยู่เหมือนกัน แต่ท่านก็น่าจะรู้ถึงความอารมณ์ร้อนของเจ้าหญิงดีนะครับ เธอดึงดันจะไปให้ได้”
คาร์โนสไม่สามารถทำอะไรได้ก่อนหน้านี้ เขาเป็นนายพลที่สามารถไปช่วยเหลือเธอด้วยนิสัยเลือดร้อนของเขาได้ แต่ตอนนี้ เขาเป็นแม่ทัพสูงสุดของป้อมปราการแห่งนี้ เขาไม่สามารถทำอะไรตามใจได้ แถมการส่งกำลังเสริมไปก็จะทำให้ศัตรูรู้ตัวด้วย พอมาคิดดูแล้ว เขาสามารถทำได้แค่รอฟังข่าวจากเจ้าหญิงแอนนี่เท่านั้น
เขารอเป็นเวลา3 วัน ซึ่งในช่วงรุ่งเช้าของวันที่ 3 เจ้าหญิงแอนนี่กับหน่วยสอดแนมระดับสูง 5 คนได้พุ่งออกมาจากป่าทมิฬ ตัวพวกเขาเต็มไปด้วยเลือดในตอนที่กลับมาถึงป้อมโอริด้า
เธอได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่างแต่ว่าไม่มีความกลัวอยู่ในใบหน้าของเธอเลย กลับกัน เธอดูรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจ และโดยที่ไม่ได้รักษาแผลของเธอ เธอก็รีบเดินทางกลับมาที่ป้อมปราการ
คาร์โนสได้รับข่าวและเขาก็แต่งตัวรอเธอ ในตอนที่เขาเห็นแอนนี่ เขาก็สัมผัสได้ว่าพลังของเธอแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน เธอได้ก้าวข้ามเลเวล 8 และใกล้จะไปถึงจุดสูงสุดของเลเวล 9แล้ว
“คาร์โนสเจ้าอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ข้ามีข่าวเกี่ยวกับพวกนากา!”
“จริงหรอครับ?แล้วมันมีประตูมิติอยู่รึเปล่า?”
แอนนี่พยักหน้า“อันที่จริงมันคือประตูมิติขนาดใหญ่สำหรับเชื่อมหลายภพ ในพื้นที่แถวนั้น ข้าเห็นมนุษย์สัตว์คลั่ง ปีศาจแล้วก็อกาธา นากาเต็มไปหมดเลย”
คาร์โนสตกใจ“ประมาณกี่คนหรอครับ?”
แอนนี่ชูมือของเธอขึ้นมา“น่าจะมากกว่า 150,000 คนนะ”
มือของคาร์โนสสั่นในป้อมโอริด้ามีนักรบอยู่แค่ 50,000 คน ซึ่งศัตรูมีจำนวนมากกว่าถึง 3 เท่า นี่เหตุการณ์เหมือนตอนที่กองกำลังแห่งความมืดเข้าโจมตีเมื่อครึ่งปีก่อนจะเกิดขึ้นอีกแล้วหรอ?
สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยก็คือแอนนี่ที่ดูไม่มีความกังวลเลยแม้แต่นิดเดียว
“มีอะไรอีกมั้ยครับ?”
“พวกมันมีจำนวนเยอะมากก็จริงแต่ว่าพวกมันมีหลายชนิดเกินไป มนุษย์สัตว์คลั่งนั้นมีมากที่สุดที่ 80,000 คน พวกมันมีอุปกรณ์ที่ด้อยคุณภาพ พวกมันสวมแค่ผ้าหนังขาดๆและถือท่อนไม้ ส่วนพวกปีศาจนั้นมีแค่ประมาณ 20,000 คน และพวกมันก็ไม่ค่อยทำตามคำสั่ง ส่วนพวกนากานั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับที่พวกเราคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ พวกมันมีเลเวลแค่ประมาณ 4-5 ซึ่งนั่นพอๆกับทหารระดับสูงของพวกเราเลย ดังนั้นพวกมันจึงแตกต่างจากกองกำลังแห่งความมืดก่อนหน้านี้ พวกมันยังขาดการฝึกฝนอีกมาก ซึ่งนั่นทำให้พวกเรามีเวลาที่จะเตรียมตัวรับมือได้!”
ในขณะที่แอนนี่พูดสายตาของเธอก็เป็นประกายด้วยความมั่นใจ ก่อนหน้านี้มนุษย์ไม่ค่อยมีเวลาเตรียมตัวรับมือกับกองกำลังแห่งความมืด ตอนนั้นเธอเป็นแค่นักฆ่าเลเวล 4 พวกเขาเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ป้อมปราการโอริด้าไม่ได้อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ขนาดพวกทหารธรรมดาๆก็ยังมีเลเวล3 แถมยังมีพวกเลเวล 4-6 ที่สามารถจัดตั้งเป็นกองทหารระดับสูงได้ด้วย พวกผู้บัญชาการเองก็มีเลเวลสูงกว่า 7 ทั้งหมด มี 15 คนที่เป็นเลเวล 8 ในขณะที่แอนนี่นั้นมีเลเวล9 คาร์โนสเองก็เป็นนักรบระดับตำนานที่มีชุดเกราะเต็มยศเหมือนกัน
พวกเขาต่างก็เป็นทหารผ่านศึกที่รอดมาได้จากสงครามครั้งที่แล้ว
จากมุมมองของทหารแต่ละคนและความสามารถในการต่อสู้พวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าศัตรูเลย แถมพวกมันยังไม่ได้บุกรุกเข้ามาในดินแดนด้วย พวกเขานั้นมีความได้เปรียบอย่างมาก
แต่ถ้าเกิดว่าพวกมันบุกรุกมาพวกเขาก็จะสู้ให้ถึงที่สุด!
คำพูดของแอนนี่ทำให้คาร์โนสรู้สึกมั่นใจเขาคิดอยู่ซักพักและพูดออกมา “ท่านพูดถูก ข้าจะไปแจ้งคนอื่นนะ และพวกเราจะเตรียมตัวทำสงครามกัน!”
เจ้าบ้าพวกนั้นได้สร้างความวุ่นวายให้พวกเขาเป็นเวลานานแล้วตอนนี้มันถึงเวลาที่พวกมันจะได้ลองลิ้มรสหมัดเหล็กของมนุษย์บ้างแล้ว