Advent of the Archmage - 514: แต้มเวทมนตร์และสนธิสัญญาการลงโทษศักดิ์สิทธิ์
Chapter
หอคอยเวทมนตร์ของลิงค์พัฒนาขึ้นอย่างมากตั้งแต่ตอนที่สร้างขึ้นมาเมื่อ1 ปีก่อน
จากภายนอกมันดูเหมือนกับว่าสิ่งก่อสร้างนั้นมีหอคอยแค่แห่งเดียว แต่จริงๆแล้ว หอคอยหลักนั้นถูกห้อมล้อมเอาไว้ด้วยหอคอยรองอีก 6 แห่ง ซึ่งมี 3 แห่งที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับหอคอยหลักตั้งแต่แรก ในขณะที่อีก 3 แห่งถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลัง
และในตอนนี้ก็มีหอคอยรองอีก 2 แห่งที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
ซึ่งผลลัพธ์ก็ทำให้ตอนนี้หอคอยเวทมนตร์ของเขากินพื้นที่ไปมากกว่า100 ตารางไมล์ หอคอยหลักนั้นมีความสูงกว่า 100 ฟุต ในขณะที่หอคอยรองมีความสูงประมาณ 70 ฟุต จากระยะไกล พวกมันดูเหมือนกับป่าหอคอยเลย
และหอคอยเวทมนตร์พวกนี้ยังได้ดึงดูดความสนใจของคนที่มีทักษะทางเวทมนตร์เป็นจำนวนมากอีกด้วย
แล้วก็แน่นอนว่าชื่อเสียงของนักเวทย์ระดับตำนานนั้นเป็นที่รู้กันว่าไม่ใช่เล่นๆ
ในตอนนี้จำนวนนักเรียนที่มาสมัครเรียนในสถาบันเวทมนตร์ของเมืองมอดไหม้นั้นมีจำนวนมากกว่า 800 คนแล้วและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยด้วย ตอนนี้ในสถาบันมีอาจารย์อยู่มากกว่า 60 คน ซึ่งมันเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนนักเรียน ภายในกลุ่มคณาจารย์นั้นมีฮาฟเอลฟ์ เอเลียร์ด, ลิซ แวนซ์, สตรีแห่งความจริง อัลโลว่าและคนสุดท้ายก็คือเอเลนอร์ ที่ขอลี้ภัยมายังหอคอยเวทมนตร์ ซึ่งทุกคนต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ
ในเรื่องของระดับมานานั้นเอเลียร์ดได้ก้าวข้ามพวกรุ่นพี่และไปถึงเลเวล 8 แล้ว แต่ก็แน่นอนความรู้ทางเวทมนตร์ของเขายังคงอยู่ที่เลเวล 7 เพราะเขาเรียนเวทมนตร์มายังไม่ถึง 2 ปีเลย แถมเขายังมีอายุเท่ากับลิงค์ด้วย
การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ทำให้หลายคนตกใจพวกเขายังพูดกันด้วยว่าผู้ที่จะกลายเป็นนักเวทย์ระดับตำนานคนต่อไปนั้นอยู่ในกลุ่มคนที่เมืองมอดไหม้นี่แหล่ะ
จำนวนหนังสือที่อยู่ในหอคอยเวทมนตร์เองก็เพิ่มขึ้นไปถึง13,764 เล่ม
ตั้งแต่ที่เริ่มสร้างหอคอยเวทมนตร์ขึ้นมาผู้ดูแลลูซี่ก็ยุ่งอยู่กับการรวบรวมหนังสือเวทมนตร์จำนวนมากจากทั่วทั้งทวีป แม้กระทั่งนักเวทย์ประจำหอคอยเวทมนตร์ก็ยังใจดีบริจาคหนังสือของตัวเองให้ด้วย ซึ่งมันเต็มไปด้วยความคิดและทฤษฎีเวทมนต์ทั้งหลายที่พวกเขาพัฒนาขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลิงค์เองก็แต่งหนังสือเวทมนตร์เกือบ 300 เล่มแล้ว และมีบางเล่มที่มีค่ามากเพราะเป็นเวทย์ระดับตำนาน
นี่เป็นห้องสมุดแห่งแรกที่มนุษย์เป็นคนก่อตั้งขึ้นมาสำหรับนักเวทย์ชาวมนุษย์ รวมไปถึงนักเวทย์เผ่าอื่นๆ สถานที่แห่งนี้เหมือนกับสรวงสวรรค์ เพราะมันเต็มไปด้วยหนังสือเวทมนตร์ระดับตำนานจำนวนนับไม่ถ้วน
อาจจะพูดได้เลยว่าหอคอยเวทมนตร์ของลิงค์นั้น ในแง่ของขนาดและปริมาณความรู้ที่มีอยู่ มันได้ก้าวข้ามสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟของอาณาจักรนอร์ตันไปไกลแล้ว มันได้กลายเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้เวทมนตร์ของอาณาจักรไปแล้ว
ในวันหนึ่งลิงค์ได้เรียก เอเลียร์ด แวนซ์แล้วก็อัลโลว่ามา ทั้งสามคนนี้เป็นนักเวทย์ที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เขารู้จัก ซึ่งเขาเรียกมาเพื่อทำการปรับแต่งขั้นสุดท้ายให้กับวงเวทย์โจมตีของหอคอยเวทมนตร์แห่งนี้
วงเวทย์นี้มีเลเวลประมาณ15 ซึ่งลิงค์ได้ทำโครงสร้างของวงเวทย์เสร็จไประดับนึงด้วยตัวเองแล้ว ดังนั้นเขาจึงเรียกนักเวทย์ทางการเหล่านี้มาเพื่อทำส่วนที่เหลือให้เสร็จ
ในตอนแรกลิงค์แค่ต้องการให้นักเวทย์เหล่านี้ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบวงเวทย์นี้ พร้อมกับให้พวกเขาได้รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของอาวุธนี้ด้วย ซึ่งผลของการพูดคุยกันนั้นก็เกินความคาดหมายของเขามาก
ด้วยความฉลาดของนักเวทย์ทั้งสามคนพวกเขาจึงสามารถสร้างรูนที่เป็นตัวควบคุมวงเวทย์ขึ้นมาได้ ซึ่งมันดีกว่าที่ลิงค์คิดเอาไว้ด้วยซ้ำ ฟังก์ชั่นของมันไม่ได้จำกัดแค่การควบคุมวงเวทย์เท่านั้น
อย่างที่เขาพูดกันว่าสามัคคีคือพลัง
ในที่สุดวงเวทย์ก็สำเร็จลิงค์ยืนอยู่ที่รูนควบคุมวงเวทย์และใส่พลังของเขาลงไปในบ่อพลังงาน
“ลิงค์ตอนนี้บ่อพลังงานอยู่ที่ระดับ 95% มันใกล้จะเต็มแล้ว” เอเลียร์ดคอยตรวจดูสภาพของบ่อพลังงานอยู่ ในตอนนี้ บ่อนั้นได้ส่องแสงสีแดงออกมา
มันน่าสงสัยมากไม่มีระลอกคลื่นที่พื้นผิวของบ่อพลังงานเลย จากระยะไกล มันดูงดงามเหมือนกับอัญมณีสีแดง
นี่คือพลังระดับตำนานสินะนักเวทย์ทั้งสามคนคิดขึ้นมาพร้อมๆกัน
ในอีกด้านนึงแวนซ์ได้ทำการทดสอบแกนของหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่ถูกออกแบบขึ้นมาถัดจากนานะ และด้วยความที่ลิงค์แข็งแกร่งขึ้นมาก แกนกลางของหุ่นเชิดเวทมนตร์ตัวนี้จึงแข็งแกร่งกว่าของนานะถึง 10 เท่า
แต่ก็แน่นอนว่ามันคือการอ้างอิงจากนานะรุ่นเก่าที่ยังขาดประสบการณ์การต่อสู้และยังไม่ได้รับแก่นแท้แห่งชีวิตจากเกรเทล ซึ่งทุกคนต่างก็คิดกันว่าตั้งแต่ตอนนั้นนานะจะเก่งขึ้นขนาดไหนกันนะ
ในตอนที่แวนซ์ทำการทดลองเสร็จเขาก็เปิดรูนควบคุมตัวสุดท้ายเพื่อเปิดใช้งานแกนกลาง
มีเสียงดังขึ้นเบาๆแล้วหินรูนที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าสมองมนุษย์ก็สว่างขึ้น จากนั้นก็มีเสียงอันไพเราะของหญิงสาวดังขึ้นมาในอากาศ “แกนกลางเปิดใช้งาน กรุณาป้อนคำสั่ง”
นักเวทย์ทั้งสามคนมองหน้ากันจากนั้นก็มองมาที่ลิงค์ หลังจากคิดอยู่พักนึง เขาก็พูดขึ้นมา “เรียกเธอว่าลิลลี่ละกัน”
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง“ได้รับคำสั่ง กรุณาระบุระดับการเข้าถึงของผู้ใช้ที่เป็นสมาชิกในหอคอยเวทมนตร์ด้วย”
ด้วยความที่ลิงค์มีอำนาจเหนือกว่าลิลลี่เขาจึงสามารถสั่งให้เธอหยุดทำงานได้จากระยะไกลหรือแม้กระทั่งสั่งให้เธอทำลายตัวเองก็ยังได้
ลิลลี่จะทำงานในส่วนกลางของหอคอยเวทมนตร์หลักด้วยพลังที่เธอมี ลิลลี่ไม่ได้ควบคุมแค่วงเวทย์สำหรับโจมตีเท่านั้น แต่เธอยังถูกมองว่าเป็นจิตวิญญาณของตัวหอคอยด้วย
ลิงค์ได้เตรียมรายการที่ระบุระดับการเข้าถึงของสมาชิกในหอคอยเวทมนตร์เอาไว้แล้วตามการจัดอันดับของพลังเวทย์
จากนั้นเขาก็ได้ใส่รายชื่อเข้าไปให้ลิลลี่
ในฐานะที่เป็นนักเวทย์เลเวล11 ลิงค์จึงมีอำนาจสูงสุดในหอคอยเวทมนตร์ไปโดยปริยาย ถัดจากเขาก็คือเอเลียร์ดกับแวนซ์ ทั้งสองคนนั้นมีมานาเลเวล 8 จึงได้สิทธิเข้าถึงระดับเลเวล 8 ส่วนสตรีแห่งความจริง อัลโลว่านั้นเป็นกรณีพิเศษ แม้ว่ามานาของเธอจะน้อย แต่ความรู้ในศาสตร์ลึกลับของเธอลึกล้ำกว่าทั้งสองคน เธอจึงได้รับสิทธิการเข้าถึงในฐานะเลเวล 9
ต่อจากเธอก็คือนักเวทย์ทางการของหอคอยและนักเวทย์ฝึกหัดก็อยู่ท้ายๆ ในรายชื่อของลิงค์นั้นมีชื่ออยู่เกือบ 1,000 คน
ระดับการเข้าถึงของผู้ใช้จะสอดคล้องกับระดับการเข้าถึงทรัพยากรของหอคอยเวทมนตร์ของสมาชิกแต่ละคนยิ่งนักเวทย์คนนั้นมีอำนาจสูงเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งเข้าถึงทรัพยากรณ์ได้มากเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น บ่อธาตุ ห้องทดลองปรุงยา ห้องเสริมพลังรวมไปถึงหนังสือเวทมนตร์ที่อยู่ในห้องสมุดด้วย
ในการที่จะเพิ่มระดับการเข้าถึงในหอคอยเวทมนตร์นักเวทย์คนนั้นจะต้องเพิ่มเลเวลของตัวเอง ด้วยการเลเวลอัพ พวกเขาก็จะเข้าถึงทรัพยากรณ์ได้มากกว่าเดิม
ลิงค์ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการใส่รายชื่อของสมาชิกหอคอยเวทมนตร์รวมไปถึงระดับการเข้าถึงของผู้ใช้ที่สัมพันธ์กันให้ลิลลี่
แต่ก็แน่นอนว่าระดับการเข้าถึงของผู้ใช้เพียงอย่างเดียวนั้นไม่พอที่จะรับประกันการเข้าถึง เพราะว่ามีนักเวทย์อยู่ในหอคอยเวทมนตร์เป็นจำนวนมาก เขาหรือเธอคนนั้นจะต้องมีส่วนร่วมบางอย่างในสถาบันเพื่อเป็นการยืนยันการเข้าถึงทรัพยากรที่มากขึ้น
ในตอนที่เขาจัดการเสร็จเรียบร้อยลิลลี่ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “นายท่าน ลิลลี่ควรจะมีระบบลงโทษและระบบให้รางวัลด้วยรึเปล่า?”
ลิงค์ได้สร้างระบบนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนอื่นมันถูกออกแบบมาเพื่อวัดระดับการมีส่วนร่วมกับหอคอยของนักเวทย์แต่ละคน ซึ่งลิงค์เรียกมันว่า “แต้มเวทมนตร์”
ยกตัวอย่างเช่นถ้านักเวทย์ฝึกหัดสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์เลเวล 0 ขึ้นมาในโรงงานอักขระสีทอง พวกเขาก็จะได้รับแต้มเวทมนตร์ 10 แต้ม.ไอรีนโนเวล.
ซึ่งแต้มพวกนี้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญทองหรือการเข้าถึงทรัพยากรต่างๆของหอคอยเวทมนตร์ได้
ลิงค์ออกคำสั่ง“เปิดใช้งาน”
ด้วยเสียงที่ดังขึ้นประวัติศาสตร์ก็ได้ถูกสร้างขึ้นในหอคอยเวทมนตร์ของลิงค์
ด้วยระบบแต้มเวทมนตร์ที่ทำงานควบคู่ไปกับระดับการเข้าถึงของผู้ใช้หอคอยตอนนี้หอคอยจึงมีลำดับชั้นที่ยุติธรรมและโปร่งใสอย่างมากในบรรดากลุ่มผู้ใช้งาน ด้วยระบบนี้ หอคอยเวทมนตร์จะพัฒนาขึ้นอย่างมากในอนาคต ในขณะที่ทักษะทางด้านเวทมนตร์ทั้งหลายก็จะถูกสลักไว้บนกำแพงหอคอย และในท้ายที่สุด สถานที่แห่งนี้ก็จะกลายเป็นศูนย์กลางเวทมนตร์ที่รุ่งเรืองที่สุดในฟิรุแมน ที่แม้แต่ไฮเอลฟ์เองก็ยังต้องรู้สึกหวั่นเกรง
แต่ก็แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องของอนาคตลิงค์ไม่มีทางคาดการณ์ได้
หลังจากเปิดใช้งานระบบลิงค์ก็ลองทดสอบให้ลิลลี่ควบคุมวงเวทย์ เขาออกคำสั่ง “ลิลลี่ เปิดใช้สนธิสัญญาการลงโทษศักดิ์สิทธิ์”
สนธิสัญญาการลงโทษศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นชื่อที่ลิงค์ตั้งให้กับวงเวทย์โจมตีตอนนี้มันมีเลเวล 15 ซึ่งลิงค์วางแผนที่จะพัฒนามันขึ้นไปอีกในอนาคต
“เริ่มดำเนินการ….เปิดใช้เสร็จสิ้นลิลลี่จะต้องได้รับคำสั่งจากผู้ที่มีอำนาจสูงสุดเท่านั้นถึงจะทำการโจมตีได้” นี่เป็นไพ่ตายของลิงค์ที่เธอจะตอบรับแค่คำสั่งของลิงค์เท่านั้นไม่ใช่ใครอื่น
ลิงค์ได้กำหนดแนวทางการใช้งานของวงเวทย์เอาไว้สองแบบกฏข้อแรกก็คือวงเวทย์นี้จะไม่ถูกใช้โดยคนอื่นไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม กฎข้อที่สองก็คือระบบอนุญาต
ถ้าเกิดว่าลิงค์อยากโจมตีด้วยวงเวทย์ในตอนที่เขายังอยู่ในเฟิร์ดเขาก็สามารถยืนยันมันได้ด้วยตัวเอง แต่ในตอนที่เขาไม่อยู่ในเฟิร์ด เขาสามารถอนุญาตให้ตัวแทนของเขาเป็นคนออกคำสั่งแทนได้ ดังนั้นกฏข้อแรกจึงสามารถยืดหยุ่นได้ถ้าลิงค์ทำการเลือกตัวแทนเอาไว้
ในตอนที่ลิงค์กำลังจะเริ่มการทดลองอานุภาพของวงเวทย์เขาก็หันไปมองนักเวทย์คนอื่นที่อยู่รอบตัวเขา คนอื่นได้ทำการทดลองเสร็จแล้วและพยักหน้าให้ลิงค์เป็นการยืนยัน
จากนั้นลิงค์ก็พูดขึ้น“พิกัด: 30 องศาจากทางเหนือของแกนตะวันออก เป้าหมาย: ฝูงนกที่กำลังบินอยู่ในระยะ 3,000ฟุต ยิงได้”
ในตอนที่พูดจบลิงค์ก็เปิดใช้รูนสื่อสารในมือของเขา เขาได้ส่งคนไปที่ระยะ 3,000 ฟุตจากหอคอยเวทมนตร์เพื่อปล่อยฝูงนกนางนวลออกมาในตอนที่เขาให้สัญญาณ
นักเวทย์คนที่เหลือไปมุงกันที่หน้าต่างอย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอดูตอนที่มันยิงออกไป
ที่นอกหน้าต่างนกนางนวลประมาณ 30 ตัวถูกปล่อยออกมาบนฟ้า จากนั้นพวกมันก็เริ่มกระจายกันไปคนละทิศ
ลิลลี่นั้นมีความล่าช้าไปเสี้ยววินาทีจากนั้น พวกเขาทั้งสี่คนก็ได้ยินเสียงของลำแสงโปร่งแสงที่แทบจะมองไม่เห็นพุ่งผ่านอากาศด้านบนของพวกเขาไป
ในเวลาเดียวกันนั้นเองนกนางนวลที่บินอยู่ก็หายไปพวกมันสลายไปไม่เหลือซาก
วินาทีต่อมาหลังจากที่นกนางนวล30 ตัวหายไป เสียงของลิลลี่ก็ดังขึ้น “จัดการเป้าหมายเสร็จสิ้น การโจมตีประสบความสำเร็จ”
มันสมบูรณ์แบบมาก!
แม้แต่เขาเองก็อาจจะไม่รอดถ้าเกิดว่าเขาถูกพันธนาการเอาไว้และโดนโจมตีด้วยวงเวทย์นี้
ลิงค์กับคนที่เหลือปรบมือเพื่อเป็นการฉลองให้กับความสำเร็จของพวกเขา
“ด้วยอาวุธชิ้นนี้คงไม่มีใครโง่พอที่จะบุกรุกเข้ามาในเฟิร์ดแน่” เอเลียร์ดพูด
“เจอแบบนี้พวกไฮเอลฟ์คงไม่กล้าดูถูกพวกเราแล้วหล่ะ”แวนซ์พูดพร้อมกับแสดงความกังวลออกมา
“สถานที่แห่งนี้เริ่มให้ความรู้สึกเหมือนกับเมืองแห่งเวทมนตร์ขึ้นไปอีกแล้วสิ”อัลโลว่าพูดพร้อมกับหัวเราะ
ในตอนที่ความตื่นเต้นเริ่มลดลงลิงค์ก็ไปตรวจบ่อพลังงาน การโจมตีเมื่อสักครู่ใช้พลังงานไป 0.5% จากพลังงานทั้งหมด จากนั้นเขาก็ไปตรวจสภาพการยิงของวงเวทย์ มีวัสดุบางส่วนของวงเวทย์ได้รับความร้อนมากเกินไป แต่ว่าการทำงานของมันก็ยังคงเป็นปกติเหมือนกับก่อนหน้านี้
อัตราการยิงสูงสุดของวงเวทย์นี้อยู่ที่ลำแสง200 เส้นต่อวินาที ดูจากการกินพลังงานของมันแล้ว มันน่าจะสามารถยิงลำแสงต่อเนื่องกันได้ประมาณ 6,000 เส้นภายใน 30 วินาที ลำแสงแต่ละเส้นนั้นมีพลังของเลเวล 15 อยู่
ด้วยพลังระดับนี้เขาอาจจะยิงตัดผ่านกองทัพเล็ก ๆ ที่อยู่ใต้หอคอยเวทมนตร์ได้เลย
ในตอนที่ทุกคนตรวจสอบดูแล้วว่าส่วนอื่นๆไม่มีอะไรผิดปกติลิงค์ก็พูดขึ้น “ไปกันเถอะ มีงานเลี้ยงรออยู่ที่หอดูดาว มันคือการเลี้ยงฉลอง!”
แน่นอนว่านักเวทย์ทั้งสามคนไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้
หอดูดาวนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า30 ฟุต และมีกระบวนเวทมนตร์ป้องกันลมวางอยู่รอบๆหอ จากหอดูดาว คุณสามารถมองเห็นทั่วทั้งเมืองมอดไหม้ได้ และในตอนนี้ก็มีการจัดงานเลี้ยงสุดหรูสำหรับพวกเขาโดยมีคนรับใช้ห้าคนอยู่รอบโต๊ะรอรับใช้พวกเขาอยู่
ในตอนที่พวกเขาทั้งสี่คนนั่งลงพวกเขาก็เริ่มกินดื่มกัน พร้อมกับสัมผัสบรรยากาศที่อยู่ภายใต้หอดูดาวไปด้วย
หลังจากผ่านไปได้ซักพักเอเลียร์ดก็ตะโกนขึ้นมา “ก่อนหน้านี้ฉันเคยเป็นแค่นักเวทย์ธรรมดามาก่อน….ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้รับประสบการณ์แบบนี้”
เขาเคยเสียสละร่างกายและศักดิ์ศรีของตัวเองให้กับเคาท์เตสที่น่ารังเกียจมากว่าครึ่งปีเพื่อหาเงินจ่ายค่าเรียนแต่ตอนนี้ เอเลียร์ดได้รับความเคารพและเป็นที่น่าเกรงขามสำหรับคนอื่นเพราะการมีส่วนร่วมของเขา ขนาดตัวเขาเองยังไม่เชื่อเลยว่าตัวเองจะฝ่าฟันจนมาอยู่ที่จุดนี้ได้
แวนซ์ดื่มเบียร์เข้าไปจากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ข้าก็เหมือนกัน ข้าคิดว่าข้าจะเป็นโครงกระดูกไปตลอดชีวิตแล้วซะแล้ว ข้าไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มาเป็นพยานของเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์แบบนี้”
สตรีแห่งความจริงอัลโลว่าจิบไวน์ผลไม้เข้าไปและยิ้มออกมา “การที่ทิ้งพวกดาร์กเอลฟ์ออกมานั้นเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของข้าแล้ว”
ลิงค์หัวเราะและลุกขึ้นพร้อมกับชูแก้วของเขาขึ้นมา“ทุกคน นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น อนาคตอยู่ในมือของพวกเรา ไม่ว่าจะมีใครเข้ามาขวางทางพวกเรา มันผู้นั้นจะต้องเจอกับความพิโรธของพวกเรา!”
ทุกคนต่างก็คึกคะนองเหมือนกันพวกเขาลุกขึ้นมาและชนแก้วกับลิงค์
จากนั้นงานเลี้ยงของพวกเขาก็ถูกขัดโดยนักเวทย์หนุ่มที่พาหน่วยสอดแนมเข้ามานักเวทย์หนุ่มคนนั้นมองจ้าวแห่งศาสตร์ลึกลับในหอดูดาวด้วยสายตาเคารพ เขาโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างถ่อมตน และลึกๆในใจ เขาก็สาบานกับตัวเองว่าสักวันนึงเขาจะสร้างชื่อให้กับตัวเองจนคู่ควรพอที่จะถูกเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้พร้อมกับเอเลียร์ดและนักเวทย์คนอื่นๆ
อีกด้านนึงผู้ส่งสารนั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปกับภาพที่ดูมีชีวิตชีวาเช่นนี้ มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้มายังสถานที่อันสูงส่งแบบนี้ จากนั้นเขาก็ส่งจดหมายที่อยู่ในมือให้กับลิงค์
“ดื่มนี่แล้วไปพักซะสิ”ลิงค์พูดกับผู้ส่งสาร จากนั้นเขาก็เปิดเอกสารออก
ในจดหมายนั้นไม่ได้เขียนอะไรมากมันคือข่าวจากป่าทมิฬ ในตอนที่เขาอ่านจบ ลิงค์ก็พูดกับคนที่เหลือ “ทุกคน มันถึงเวลาแล้วหล่ะ!”
มันถึงเวลาที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความแข็งแกร่งในเฟิร์ดและสร้างกองทัพเวทมนตร์ที่ไร้ผู้ทัดเทียมในฟิรุแมนแล้ว