Advent of the Archmage - 518 กำเนิดนักรบแสงอรุณ
Chapter
มันเป็นเวลาตี4, และแสงแดดยามเช้าก็ยังคงสลัวอยู่
อัลเลนตื่นขึ้นมาก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมงเขานอนบนเตียงกว้างร่วมกับนักรบคนอื่น ๆ ในตอนที่เขามองไปรอบ ๆ เขาก็เห็นคนอื่นก็ทยอยตื่นนอนเหมือนกัน
ด้วยภารกิจและความกดดันที่จะต้องเข้าพบท่านลอร์ดแบบตัวต่อตัว,จึงไม่มีใครสามารถนอนหลับได้เลย
ประตูถูกเปิดออกแม่ทัพแจ็คเกอร์ยืนอยู่หน้าประตู เขาตะโกนเรียก “ทุกคนตื่นได้แล้ว, เราจะออกเดินทางกันในเร็ว ๆ นี้!”
ในทันทีที่พวกเขาได้ยิน,ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในห้องพัก ทุกคนลุกออกจากเตียงในเวลาเดียวกัน พวกเขาทุกคนแต่งตัวและเตรียมพร้อมสำหรับคำสั่ง, รวมทั้งอัลเลนด้วย
”ดีมาก!”แจ็กเกอร์มองดูทหารด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ “ตอนนี้, ออกไปที่บริเวณลานหน้าบ้านแล้วยืนเป็นสี่กลุ่ม!”
ในเวลาไม่ถึงห้าวินาที,พวกเขาทั้งหมด 100 คนก็มาถึงบริเวณลานหน้าบ้านและยืนเรียงกันเป็นสี่แถว นอกจากเสียงฝีเท้าของพวกเขาแล้ว, เหล่านักรบก็ไม่ได้ทำเสียงอื่นเลยในขณะที่พวกเขายืนเข้าประจำที่
ในตอนที่แจ็คเกอร์ไปถึงบริเวณลานหน้าบ้าน,เขาก็โบกมือให้สัญญาณ “ออกเดินทางได้!”
ท้องฟ้ายามเช้าตรู่ยังคงมืดอยู่,พวกเขาแทบจะไม่เห็นร่องรอยมนุษย์อยู่บนถนนเลย ด้วยฝีเท้าที่เบา, และเร่งรีบ เหล่านักรบก็มุ่งหน้าไปยังหอคอยเวทมนตร์ที่เห็นอยู่ไกลๆ
แม้ว่าจะเดินทางเข้ามาในตัวเมืองแล้ว,แต่พื้นที่ของเทือกเขามอดไหม้ก็ยังมีมากกว่า 500 ตารางฟุต ขบวนนักรบสามารถมาถึงหนึ่งในทางเข้าประตูด้านข้างหอคอยเวทมนตร์ได้อย่างสบายๆ
แจ็คเกอร์เคาะประตู,ซึ่งมันก็ได้ระเหยกลายเป็นจุดแสง
”ตามข้ามา”แจ็คเกอร์กวักมือเรียกนักรบของเขา, ซึ่งทุกคนก็ปฏิบัติตามคำสั่งของเขา
ด้านหลังประตูเป็นทางเดินกว้างทั้งสองฝั่งของทางเดินมีแสงไฟเวทมนตร์อยู่, ผนังรอบทางเดินถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างประณีต วัสดุตกแต่งดูสบายตาและสวยงามเหมือนกับหยก เหล่านักรบมองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกเกร็งและนับถือในขณะที่เดินไปตามทาง
อัลเลนเองก็มีปฏิกิริยาเหมือนกับคนอื่นๆ แล้วเขาก็รู้สึกว่าเส้นทางจะเลี้ยวหนึ่งครั้งหลังจากที่เดินทางมาได้ระยะนึง ในตอนที่พวกเขาเลี้ยวเป็นครั้งที่สาม อัลเลนก็คำนวณระยะทางทั้งหมดที่พวกเขาเดินทางมา, และได้ข้อสรุปว่า พวกเขากำลังเดินขึ้นไปบนทางลาดที่จัตุรัส
ยิ่งพวกเขาเดินไปนานเท่าไหร่,อัลเลนก็ยิ่งรู้สึกสับสนมากขึ้น, หอคอยเวทมนตร์กว้างสิบเอเคอร์ สูงประมาณหนึ่งร้อยฟุต แต่พวกเราเดินบนถนนนี้มานานกว่าสองถึงสามพันฟุตแล้วและยังไม่สุดทางสักที
นักรบคนอื่นๆ ก็เริ่มสับสนกับเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด, พวกเขาเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม,ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของแจ็คเกอร์ เขาไม่สะทกสะท้านกับทางเดินที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุดนี้ เหล่านักรบไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากละทิ้งความสับสนของตัวเองและเดินตามหลังแจ็คเกอร์ต่อไป
ด้วยสภาพเช่นนี้,กลุ่มนักรบก็เดินขึ้นทางลาดชันที่มีแสงสว่างตลอดทางเป็นระยะ 20 ไมล์ นักรบบางคนมีเหงื่อท่วมตัว และอ้าปากค้างเพื่อสูดอากาศ
อัลเลนรู้สึกว่าเขาไม่สามารถออกแรงได้อีกแล้วด้วยเหตุผลบางประการ, เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาหนักกว่าปกติ เท้าของเขาหนักอึ้ง ในแต่ละก้าวที่พวกเขาเดิน มันเหมือนกับว่าเท้าของพวกเขาทำจากตะกั่ว อัลเลนเคยเดินผ่านภูเขาไประยะ 20 ไมล์โดยไม่หอบเลย อย่างไรก็ตาม, เส้นทางที่พวกเขาเดินอยู่ในขณะนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เส้นทางขึ้นเขาทั่วๆไป
มีนักรบบางส่วนทรุดลงไปกับพื้น,และคลานสี่เท้าตลอดการเดินทางที่เหลือของพวกเขา นี่มันเหนื่อยจริงๆ
”ท่านแม่ทัพครับ,เราใกล้ถึงรึยังครับ?” หนึ่งในนักรบคนนึงโพล่งออกมา
แม่ทัพแจ็กเกอร์ยังดูไม่สะทกสะท้านคำตอบของเขายังคงเหมือนเดิม “ใกล้จะถึงแล้ว, อดทนกันอีกหน่อย”
เหล่านักรบไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันเดินต่อ
พวกเขาเดินทางต่อไปอีกสิบไมล์ตามทางเดินที่ดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุดนี้ ซึ่งตอนนี้มันก็มาถึงจุดที่ไม่ไหวแล้ว, นักรบส่วนใหญ่เลิกเดินสองขาและเริ่มเดินคลานแบบสี่ขา
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาได้รับอาหารที่ดีและขยันฝึกฝนอยู่ทุกวัน,นักรบเหล่านี้คงจะนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นไปตั้งนานแล้ว
อัลเลนมีเหงื่อไหลเหมือนกับสายฝนเขาอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม แม้ว่าคนอื่นจะมีอายุประมาณ 20 ปี แต่เขาก็มีพลังถึงเลเวล 4 ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักรบที่ทรงพลังในกองทหารของเขา และเขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงกับเขาได้ในแง่ของความแข็งแกร่ง เขามีพรสวรรค์ในด้านศิลปะการต่อสู้เป็นพิเศษ เขาสามารถสังหารนักรบอันเดธกว่า 20 คนในป่าเกอร์เวนท์ได้โดยที่ไม่มีรอยขีดข่วนเลย
ในตอนที่มาถึงจุดนี้จากนักรบหนึ่งร้อยคนในกองทหาร, เขาเป็นแค่คนเดียวที่ยังยืนไหวอยู่ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากำลังกัดฟันเดินไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก
ข้าต้องก้าวต่อไปข้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนี้, ข้าจะต้องสู้ต่อไป! นี่คือเสียงพูดในใจของอัลเลน
ในขณะที่พวกเขาเดินขึ้นไปตามทางเดิน,ก็มีนักรบบางคนเริ่มถูกทิ้งห่างออกไปข้างหลังอัลเลน ซึ่งในขณะนี้นักรบเหล่านี้นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างไร้อารมณ์ และกำลังสูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่เหมือนกับปลาที่กำลังขาดน้ำ ร่างกายของพวกเขาไม่เหลือเรี่ยวแรงอยู่แล้ว พวกเขาล้มเหลวไม่เป็นท่าและสติของพวกเขาก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
แสงสีขาวห่อหุ้มร่างกายของพวกเขาเอาไว้วินาทีต่อมาพวกเขาก็หายตัวไปอย่างสมบูรณ์
นักรบคนอื่นต่างก็ตกใจกับการหายไปของเพื่อนในทีมพวกเขาทุกคนมีสมาธิกับการเดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกเป็นห่วงคนอื่นๆ
เส้นทางข้างหน้ายังคงดูไม่มีจุดสิ้นสุดเหล่านักรบเริ่มหายออกจากลุ่มไปทีละคน จำนวนของพวกเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง
เหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากของอัลเลนทำให้ตาของเขาเริ่มพร่ามัวอย่างไรก็ตาม, เขาไม่ได้เช็ดมันออกจากดวงตา มือที่หนักอึ้งของเขาห้อยอยู่ข้างลำตัว เขาเหนื่อยเกินกว่าจะยกมือขึ้นมาเช็ดที่ใบหน้า อัลเลนทำได้แค่กระพริบตาไล่เหงื่อที่ไหลหยดลงมาที่ใบหน้าของเขาในขณะที่เดินหน้าต่อไปอย่างมุ่งมั่น
ตอนนี้ปอดของเขาเหมือนกับกำลังลุกเป็นไฟหัวใจของเขาเต้นแรงเหมือนกลอง ซึ่งส่งคลื่นกระแทกผ่านหลอดเลือดทุกสายในร่างกายของเขา ตอนนี้ขาของเขาด้านชาไปได้ซักพักแล้วจากการเดินขึ้นทางลาดชัน พวกมันสะเทือนไปถึงข้อต่อที่สะโพกของเขาอย่างรุนแรงในทุกๆฝีก้าวที่เขาเดิน
เขายังคงฝืนตัวเองอยู่แทนที่จะคลานบนพื้นดินหรือพิงกำแพงทั้งสองฝั่งของทางเดิน เขาตั้งใจก้าวเดินต่อไปด้วยกันกับแม่ทัพแจ็คเกอร์ที่เดินอยู่ข้างหน้าเขา Aileen-novel
หลังจากสิ่งที่ดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุดนี้ในที่สุดแม่ทัพแจ็กเกอร์ก็หยุดลง เหงื่อพลั่งพลูบนหน้าผากของเขา และเขาก็หอบเล็กน้อย เขาหันมาหาอัลเลนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนล้า “เจ้าเป็นคนที่อึดใช้ได้เลยนะเนี่ย”
หลังจากเดินย่ำอยู่เป็นเวลานานชายหนุ่มก็ใกล้จะหมดสติแล้วถึงกระนั้นขาของเขาก็ยังคงทำตามสัญชาตญาณ เขาน่าจะเดินไปจนตายได้เลยถ้าแจ็คเกอร์ยังปล่อยให้เขาทำแบบนี้ต่อไป นี่คือนักรบประเภทที่พอตัดสินใจอะไรไปแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงเด็ดขาด
อัลเลนยิ้มกลับไปอย่างอ่อนแรงจากนั้นเขาก็ก้มตัวเพื่อประคองน้ำหนักตัวเอาไว้ที่หัวเข่า ในขณะที่สูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่
ในขณะนั้นเอง,สภาพแวดล้อมรอบตัวเขาก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เขาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องโถงกว้างขวางที่ซึ่งนักรบคนอื่น ๆ ได้มานอนกันอยู่บนพื้นที่สี่เหลี่ยม
หลังจากที่ฟื้นเรี่ยวแรงกลับมาได้เล็กน้อย,เขาก็ยกแขนขึ้นมาเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นเขาก็เห็นนักเวทย์ผมสีดำอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของห้องโถงใหญ่ แม้ว่าอัลเลนจะเห็นใบหน้าของเขาไม่ค่อยชัด แต่ตัวตนนั้นก็แสดงออกถึงความน่าเกรงขามราวกับว่าเขาเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
นั่นต้องเป็นลอร์ดเฟิร์ดอย่างแน่นอนหัวใจของอัลเลนสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น และโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองถูกยกขึ้นไปบนฟ้า แล้วจากนั้นเขาก็ลงมาอยู่บนแท่นหิน
มีเสียงดังก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่”เหล่านักรบทั้งหลาย, พวกนายเห็นขวดที่วางอยู่ข้างๆแท่นหินของตัวเองรึเปล่า?”
อัลเลนหันไปดูข้างๆแท่นหินแล้วเขาก็เห็นขวดคริสตัลที่มีจุกปิดวางเอาไว้อยู่
เสียงพูดขึ้นอีกครั้ง”นี่คือเมล็ดแสงอรุณมันจะปรับโครงสร้างและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของพวกนาย พอพวกนายดื่มเข้าไปแล้วก็จะได้รับพลังแสงอรุณ”
ดวงตาของอัลเลนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจพอได้ยินแบบนี้ นักรบที่ใจร้อนบางคนก็ดึงจุกขวดของตัวเองออกแล้วดื่มมันเข้าไปรวดเดียว
อัลเลนค่อนข้างระมัดระวังกว่าคนอื่นๆเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แขนกับขาของเขายังคงเจ็บปวดจากการเดินทาง เขากลัวว่าแขนกับขาของเขาจะไม่แข็งแรงพอและอาจบังเอิญทำให้เมล็ดแสงอรุณหกโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลังจากลังเลอยู่ครึ่งนาที,อัลเลนก็ตัดสินใจใช้ขวดคริสตัล เขาเปิดจุกแล้วเทของเหลวสีฟ้าอ่อนเข้าไปในปากของเขา
ในตอนที่ของเหลวไหลลงไปในคอของเขา,อัลเลนก็รู้สึกเหมือนกับลาวากำลังไหลจากคอลงไปในท้องของเขา, จากนั้นความร้อนก็กระจายออกไปตามส่วนต่างๆของร่างกายอย่างรวดเร็ว
ตอนแรกอัลเลนรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของเขากำลังเพิ่มสูงขึ้นหลังจากนั้นไม่นานเขาก็จะรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงเหมือนกับกำลังถูกของมีคมเหมือนกับมีดกำลังเฉือนเนื้อ, ผ่ากระดูกของเขา
ตอนนี้มีเสียงร้องครวญครางดังขึ้นรอบตัวเขานักรบบางคนเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด บางคนตกลงมาจากแท่นหิน และกลิ้งอยู่กับพื้นเหมือนกำลังพยายามดับไฟที่มองไม่เห็น ด้วยความสงสัยว่าพวกเขาทุกคนได้รับยาพิษ, จึงมีบางส่วนที่สบถออกมาอย่างโกรธเคืองด้วย
แม้ว่าเขาจะยังทนกับความเจ็บปวดได้,แต่อัลเลนก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขานั้น มันใช่ยาพิษจริง ๆ หรอ?
ในขณะนั้น,เสียงก็ดังขึ้นอีกครั้งในห้องโถงใหญ่
”นักรบทั้งหลาย,พลังไม่ได้เกิดขึ้นมาด้วยตังเอง ความแข็งแกร่งไม่ได้จุติลงมาจากสวรรค์ เหล็กจะแข็งแกร่งขึ้นได้ก็ต้องนำไปหลอมด้วยไฟ; ดังนั้นจึงมีแค่การต่อสู้และเลือดที่หลั่งไหลออกมาเท่านั้นที่จะช่วยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของนักรบ”
อัลเลนรู้สึกตัวแล้วนั่นสินะ, คนเราต้องได้เจอกับความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ก่อนถึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้ พวกเราจะไม่แข็งแกร่งขึ้นได้ยังไงหล่ะในเมื่อพวกเราตกอยู่ภายใต้อุปสรรคแบบนี้?
กำลังใจของเขากลับมาอีกครั้งเขากัดฟันแน่นและนอนอยู่บนแท่นหิน, ปล่อยให้มีดที่มองไม่เห็นเฉือนร่างกายของเขาต่อไปเรื่อยๆ
มีเพียงแค่ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในใจของเขา,ท่านลอร์ดไม่เคยโกหกพวกเรา ข้าจะทำให้พลังนี้เป็นของข้า … ข้าจะทำให้สำเร็จ, ข้าต้องทำให้สำเร็จให้ได้ …
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ,หลังจากช่วงเวลาแห่งความทรมาน อัลเลนก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดในร่างกายของเขาค่อยๆบรรเทาลง ตอนนี้เขารู้สึกตัวเบาและผ่อนคลายขึ้น
ตอนนี้มีพลังปริศนาอยู่ที่ส่วนลึกในร่างกายของเขาพลังนี้ร้อนแรง, ยิ่งใหญ่และครุกุ่นเหมือนกับแสงอาทิตย์ยามบ่าย ในตอนที่แอลเลนสัมผัสถึงตัวตนของมันได้เป็นครั้งแรก, เขารู้สึกว่าความเจ็บปวดทั้งหมดในร่างกายของเขาได้หายไป พลังใหม่นี้แพร่กระจายในตัวเขาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ร่างกายที่อ่อนล้าของเขากลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
”นี่คือพลังแสงอรุณสินะ?มันแข็งแกร่งมากจริงๆ!” ความตื่นเต้นนี้เกิดขึ้นอยู่ภายในใจของอัลเลน รอบๆตัว, เขาได้ยินเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจและความประหลาดใจจากนักรบคนอื่น ๆ พวกเขาเองก็ได้รับพลังอันยิ่งใหญ่นี้เหมือนกัน
พลังภายในร่างของพวกเขาเริ่มต้นจากหน้าอกและจากนั้นก็ไล่ไปตามแขนขาทั้งสี่ จนในที่สุดการไหลเวียนของพลังงานก็จะก่อตัวขึ้นภายในร่างกายของพวกเขา
พลังในตัวพวกเขาขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่มันไหลเวียนผ่านร่างกายของพวกเขา ครึ่งชั่วโมงต่อมา, อัลเลนก็รู้สึกว่าอัตราการเติบโตของพลังงานเริ่มช้าลงและเสถียรขึ้น
นอกจากนั้น,อัลเลนยังรู้สึกด้วยว่าตอนนี้เขามีพลังมากกว่าแต่ก่อน แถมเขายังรู้สึกว่าพลังใหม่ของเขาดูเหมือนกับไร้ที่สิ้นสุด และเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการใช้มันจนหมด
เสียงที่สดใสพูดขึ้นอีกครั้งในห้องโถง”ขอแสดงความยินดีด้วย! พวกนายส่วนใหญ่สามารถทนต่อความเจ็บปวดและได้รับพลังแสงอรุณเป็นรางวัล นับจากนี้ไป, พวกนายได้กลายเป็นนักรบแสงอรุณของเฟิร์ดแล้ว”
ในอากาศ,รูนที่มีรูปร่างเหมือนกับดวงอาทิตย์สีทองได้ปรากฏขึ้นและลอยลงมาอย่างช้าๆ จนมาถึงข้อมือของนักรบทุกคนที่ประสบความสำเร็จในการใช้พลังแสงอรุณ
มีเสียงฉ่าดังขึ้น,แล้วอัลเลนก็รู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือของเขาอย่างมาก เขาถกแขนเสื้อขึ้นและพบว่ารูนสีทองได้มาประทับอยู่ที่ข้อมือของเขา การออกแบบของรูนนั้นซับซ้อน แต่เขาก็สังเกตเห็นรูปร่างเหมือนกับดาบอยู่ในรูนนี้ ซึ่งดาบเล่มนั้นได้ถูกห้อมล้อมไปด้วยดาวสีทองจำนวนหนึ่ง
อัลเลนนับดาวที่อยู่บนรูนได้6 ดวง เขาหันไปหานักรบข้างๆ และเห็นรูนบนข้อมือของคนอื่น รูนของพวกเขามีแค่ 4 ดวง มีแค่อัลเลนเท่านั้นที่มีดาว 6 ดวงอยู่รอบรูนของเขา
และทันใดนั้นเอง,อัลเลนก็สังเกตเห็นว่าสายตาของเขาดีขึ้นมาก เขาสามารถมองเห็นจุดแสงเล็ก ๆ บนข้อมือของนักรบที่ยืนห่างออกไปสิบฟุตได้
เสียงพูดดังขึ้นอีกครั้ง“ อัลเลน นายมีความมุ่งมั่นอย่างน่าเหลือเชื่อและอดทนต่อความเจ็บปวดได้มากที่สุด รางวัลที่นายจะได้รับจากฉันก็คือพลังแสงอรุณที่แข็งแกร่งที่สุดในกอง”
จากนั้นก็มีดาบสีทองคำอ่อนลอยมาทางเขาภายใต้สายตาอิจฉาของนักรบคนอื่นๆ อัลเลนก็รับดาบด้วยมือทั้งสองข้าง
เขาเห็นว่าแสงที่เปล่งประกายออกมาจากดาบนั้นสดใสเหมือนกับลำธารรูนนั้นงดงามราวกับภาพวาดชิ้นเอก เขาจับด้ามดาบ, แล้วดาบก็สะท้อนกับพลังแสงอรุณในร่างของเขาในทันที มีแสงสีทองฉายออกมาจากดาบ มันปรากฎคำพูดขึ้นมาประโยคนึงซึ่งอ่านได้ว่า “ขอให้แสงอรุณส่องสว่างไปทั่วโลก”
หน้าอกของอัลเลนพองโตด้วยความภาคภูมิใจแล้วเขาก็ชูดาบขึ้นเหนือหัว
ทุกคนมองเขาด้วยความชื่นชมและความอิจฉาด้วยดาบในมือของอัลเลน เขาไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย เขารู้สึกได้ว่าลอร์ดเฟิร์ดกำลังมองมาที่เขาอยู่ สายตาของเขาเต็มไปด้วยฮึกเหิม
ข้า,อัลเลน, คือผู้ที่จะกลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเฟิร์ด! อัลเลนสาบานกับตัวเอง