Advent of the Archmage - 519 กองทัพแสงอรุณของเฟิร์ด
Chapter
ณหอคอยเวทมนตร์, ห้องปรุงยา
ลิงค์,แวนซ์ และอีกสามคนกำลังสรุปผลการทดลองเมล็ดแสงอรุณรุ่นแรก
“ผลลัพธ์ออกมาใช้ได้เลยทีเดียว”จากจำนวน 100 คน, มี 97 คนที่แข็งแกร่งขึ้น, ลิงค์กล่าว “ถึงแม้ว่าจะมี 3 คนที่ได้รับเมล็ดแสงอรุณแล้วพลังไม่ได้เปลี่ยนไปก็เถอะ” เขายกไวน์ชั้นดีขึ้นดื่ม เขาค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์นี้
แวนซ์พยักหน้าเป็นการเห็นด้วยผลลัพธ์นี้เกินความคาดหมายของเขา ผลลัพธ์ที่ออกมาจะดีพอถ้าพวกเขาประสบความสำเร็จในอัตราที่สูงกว่า 80% ซึ่งตอนนี้ในทางปฎิบัติแล้วผลการทดลองของพวกเขาแทบจะสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม,ทุกคนในทีมมองเรื่องนี้จากมุมมองที่ต่างกันในระหว่างกระบวนการหลอมรวม เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
“การที่อัตราความสำเร็จสูงเป็นเพราะผู้เข้ารับการทดสอบนั้นล้วนแต่เป็นเหล่าหัวกะทิ”,อัลโลว่าพูดอย่างใจเย็น “ฉันเห็นกระบวนการทั้งหมด ฉันคิดว่ามันสร้างความเจ็บปวดให้มากเกินไป มันคงไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกระดับสูง แต่สำหรับทหารธรรมดา อัตราความสำเร็จจะลดลงอย่างมหาศาล เราน่าจะปรับปรุงเพิ่มนะ?”
เอเลนอร์ส่ายหัว,“ข้าไม่คิดแบบนั้นนะ เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว เหมือนกับที่เขาว่ากันว่า, มีแค่ไฟที่รุนแรงเท่านั้นถึงจะสร้างทองคำบริสุทธิ์ขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นมีแค่การผ่านพ้นความเจ็บปวดอันแสนสาหัสให้ได้เท่านั้นเมล็ดแสงอรุณจึงจะสามารถฝังลึกเข้าไปในจิตวิญญาณได้ และก็จะมีแค่นักรบแสงอรุณเท่านั้นที่จะมีศักยภาพในการเติบโตมากกว่าคนอื่น”
ทัศนคติของอัลโลว่ากับเอเลนอร์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง“แต่อัตราความสำเร็จจะลดลงไปมากเลยนะ” เธอเถียง “ตอนนี้ถึงพวกเราจะมีอัตราความสำเร็จที่สูง, แต่ถ้าพวกเราเปลี่ยนไปใช้กับทหารธรรมดา, แค่รอดมาได้ 50% ก็ถือว่าปาฏิหารย์แล้ว ทหารแต่ละคนมีโอกาสแค่ครั้งเดียว ซึ่งนี่จะส่งผลกระทบต่อการเพิ่มจำนวนนักรบแสงอรุณอย่างมหาศาล”
ส่วนที่สำคัญก็คือว่าทหารแต่ละคนมีแค่โอกาสเดียวในการหลอมรวมกับเมล็ดแสงอรุณ; ถ้าพวกเขาพลาดไปแล้ว, มันจะไม่มีโอกาสแก้ตัว
ทั้งคู่ต่างก็มีจุดยืนของตัวเอง
เอเลนอร์เธอต้องการสร้างทหารระดับสูงเธอต้องการให้นักรบแสงอรุณกลายเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงในอนาคต!
แต่อัลโลว่านั้นเห็นข้อได้เปรียบในเรื่องของจำนวนในความคิดของเธอ, แค่ให้กองทหารอยู่ในระดับมาตรฐานก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เก่งถึงขีดสุด ในขณะที่คอยรักษาระดับคุณภาพ, พวกเขาก็สามารถเพิ่มจำนวนไปพร้อมกันได้ และความสามารถในการต่อสู้ก็จะพัฒนาขึ้นเช่นกัน ซึ่งนี่คือรากฐานความแข็งแกร่งของกองทัพ
เอเลียร์ดยังคงเงียบจนถึงตอนนี้,พอเขาฟังจบ เขาก็ยักไหล่ “ทำไมเราไม่แยกวิธีกันหล่ะ? วิธีนึงสำหรับทหารระดับสูงและอีกวิธีสำหรับทหารทั่วไป”
พอได้ยินสิ่งที่เอเลียร์ดพูด,แวนซ์ก็สะบัดมือ “ไม่ได้, นั่นมันไม่ยุติธรรมกับพวกทหารเลยนะ อย่างน้อยทุกคนก็ควรจะมีสิทธิ์ได้เลือก นอกจากนี้เจ้าจะแยกความแตกต่างระหว่างทหารหัวกะทิกับทหารทั่วไปยังไงหล่ะ? โอกาสที่จะแยกความแตกต่างมันเป็นไปได้ยากมากเลยนะ เจ้าไม่มีวันรู้สิ่งที่ทหารคนนึงจะทำสำเร็จได้ในอนาคตหรอก”
พอพูดจบ,เขาก็หันไปมองลิงค์แล้วหยักไหล่ “เอาลิงค์เป็นตัวอย่างก็ได้ ข้าได้เจอกับเขาเมื่อหนึ่งปีก่อน, ซึ่งตอนนั้นข้าไม่รู้เลยว่าเขาจะก้าวสู่ระดับตำนานได้เร็วขนาดนี้ ถ้าเราใช้แนวคิดของเอเลียร์ด, เราอาจพลาดโอกาสพบกับบุคคลที่เป็นอัจฉริยะในอนาคตก็ได้นะ!”
สิ่งที่เขาพูดมามันก็ถูกทหารควรมีสิทธิ์เลือกหนทางความสำเร็จของตัวเอง ถ้าพวกเขารู้เรื่อง, ทหารเหล่านั้นจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เอเลนอร์กับอัลโลว่ายังคงไม่เห็นด้วย
เอเลนอร์ส่ายมือของเธออย่างรวดเร็ว“ไม่, ไม่, ไม่ พวกทหารไม่เข้าใจเมล็ดแสงอรุณหรอก หากพวกเขาได้รับอนุญาตให้เลือกเส้นทางด้วยตัวเอง พวกเขาคงเลือกวิธีการที่เจ็บปวดที่สุดอย่างแน่นอน ไม่ว่านั่นจะมาจากความใจร้อนของพวกเขาหรืออิจฉาผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็ตาม ตัวเลือกที่เบาลงมานั้นจะกลายเป็นแค่ของโชว์ อัตราการล้มเหลวจะยังคงสูงอยู่ดี” Aileen-novel
อัลโลว่าอธิบายเพิ่มเติมว่า“มนุษย์ถูกควบคุมด้วยอารมณ์ต่างๆ และพวกเขาก็มีความรู้ที่จำกัดด้วยจึงไม่สามารถมองเห็นข้อเท็จจริงนี้ได้ การให้สิทธิ์เลือกกับทหารนั้นถือเป็นการปฏิบัติที่ดี แต่มันก็ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ กองทัพทางเหนือเตรียมพร้อมที่จะเดินทางลงใต้แล้ว เราต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราไม่สามารถใช้วิธีการของเจ้าได้หรอก!
แวนซ์พูดไม่ออก,ทั้งคู่มีเหตุผลและเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธมันได้
ด้วยสถานะการณ์ที่จนมุมเช่นนี้,ทุกคนก็มองไปที่ลิงค์ เพื่อให้เขาเป็นคนตัดสินใจ เขาน่าจะมีแผนการณ์อยู่ในใจแล้ว เขาหัวเราะเบาๆ, แล้วพูดขึ้น “เหมือนที่เขาพูดกันว่า, ความประทับใจแรกที่มีให้ใครสักคนนั้นมักจะไม่ใช่ความเข้าใจที่ถูกต้อง ความคิดของฉันก็คือว่าพวกเราสามารถให้ทหารเลือกเองได้โดยไม่ต้องบอกพวกเขา”
นี่ทำให้ทุกคนตกตะลึงและพวกเขาก็รอฟังลิงค์พูดต่อ
“ที่เฟิร์ดมีทหารอย่างน้อย30,000 นาย ซึ่งมันเป็นจำนวนที่ไม่สูงนัก พวกเราสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นของลิลลี่ และให้เธอคอยสังเกตการณ์และจัดประเภทพวกทหารแบบลับๆได้ เราจะกำหนดมาตรฐานการทดสอบขึ้นมาด้วยและให้คะแนนโดยดูจากสิ่งที่พวกเขาทำในชีวิตประจำวัน เราจะคอยจับตาดูสักระยะนึง ยังไงซะ, นี่ก็เป็นทหารแสงอรุณรุ่นแรก แต่คงไม่ต้องใช้เวลาสังเกตถึงหนึ่งปีหรอกมั้ง ซักประมาณหนึ่งเดือนน่าจะพอแล้ว ทหารที่มีคะแนนสูงจะใช้วิธีการระดับสูง ทหารที่มีคะแนนต่ำกว่าจะใช้วิธีการปกติ นอกจากนี้พวกเรายังสามารถทำให้ละเอียดขึ้นได้ด้วยการใช้วิธีแบ่งเป็นลำดับ อย่างเช่นแบ่งเป็น 5 เลเวลตามคะแนนที่แตกต่างกัน พวกนายคิดว่ายังไงหล่ะ?
การตัดสินความสามารถของทหารจากชีวิตประจำวันนั้นยุติธรรมมากตราบใดที่พวกเขามีการตั้งมาตรฐานที่แน่ชัด, พวกเขาก็คงจะไม่พลาดหลังจากที่ทำการสังเกตครบหนึ่งเดือน และพวกทหารก็จะได้เลือกแนวทางของตัวเองไปโดยปริยายด้วย
ทั้งสี่คนมองหน้ากันและพยักหน้าเป็นเห็นด้วย
“ในเมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็มาเริ่มกันเลยเถอะ,พวกเรายังมีเรื่องให้ทำอีกเยอะ”
ทั้งห้าคนเริ่มวุ่นกับงานอีกครั้งเรื่องการอัพเกรดลิลลี่และการสร้างเมล็ดแสงอรุณนั้นมีเแค่พวกเขาเท่านั้นที่จะทำมันได้ ประมาณงานจึงเยอะมาก
ลิงค์รับผิดชอบงาน60% และอีกสี่คนก็แบ่งไปคนละเท่าๆกัน แต่ถึงอย่างนั้น, พวกเขาทุกคนก็ยังเหนื่อยอยู่ดี
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปทั้งแบบนี้การทำงานหนักนั้นไม่ใช่ความทรมานเลยถ้ามันก่อให้เกิดประโยชน์
ลิงค์ใช้พลังของตัวเองหมดอย่างต่อเนื่องขีดจำกัดพลังมังกรของเขากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเขาที่ใช้พลังโดยไม่หยุดพัก มันเพิ่มขึ้นมาเกือบ 1,000 แต้มแล้ว, ทำให้ตอนนี้เขามีพลังทั้งหมด 17,000 แต้ม แถมเขายังพบแรงบันดาลใจมากมายสำหรับเวทมนตร์ต่างๆในระหว่างการทดลองด้วย
สี่คนที่เหลือก็ได้รับประโยชน์เหมือนกันพวกเขากำลังเรียนรู้และทำงานไปพร้อมกัน, แถมยังได้รับความรู้ที่มีค่าจากลิงค์ด้วย
โดยเฉพาะเอเลียร์ดเขาได้ทดลองเมล็ดแสงอรุณประเภทรุนแรงที่สุดกับตัวเองหลังจากเสร็จสิ้นงานทั้งหมดในตอนสิ้นเดือน ซึ่งเขาก็รอดชีวิตมาได้และได้รับพลังแสงอรุณเวเวล 9 ความรู้ทางเวทย์มนตร์ของเขาเองพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาสามารถใช้เวทย์เลเวล 8 ได้และกลายเป็นนักเวทย์เวเวล 8 อย่างเป็นทางการแล้ว
สัปดาห์แรกของเดือนนั้นถูกใช้ไปกับการปรับแต่งวิญญาณหอคอยและป้อนชื่อของพวกทหารเข้าไปหลังจากนั้นพวกเขาก็ทำการสร้างเมล็ดแสงอรุณในช่วงสามสัปดาห์ต่อมา
ในระหว่างดำเนินการ,พวกเขาทั้งห้าได้ปรับปรุงวิธีการผลิตและเพิ่มความเร็วขึ้นหลายร้อยเท่า ซึ่งพวกเขาก็สามารถสร้างเมล็ดแสงอรุณ 50,000 ขวดได้ภายในสามสัปดาห์
หลังจากสังเกตการณ์ทหารเป็นเวลาสามสัปดาห์วิญญาณของหอคอยก็มีระดับคร่าวๆของทหารแต่ละคนแล้วและคะแนนของพวกเขาก็ออกมาด้วย
สิ่งที่จะตามมาต่อก็คือการหลอมรวมพลังเป็นวงกว้าง
ซึ่งนี่เป็นงานที่จุกจิกและลิงค์ก็ไม่อยากทำด้วย, ดังนั้นเขาจึงให้แวนซ์รับผิดชอบแทน เขากลับไปใช้ชีวิตตามกิจวัตรประจำวันของตัวเองและลองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในตอนที่เขามีเวลาว่าง, เขาก็จะเดินไปรอบดินแดนพร้อมกับเซลีน ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้ทำให้เขาสุขใจขึ้นมาก
เขารู้สึกได้ผ่อนคลาย,เวลาผ่านไปเรื่อยๆ พริบตาเดียวมันก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว
ในวันนี้,ลิงค์กำลังอ่านรายงานการหลอมรวมในหอคอยเวทมนตร์
สถานการณ์นั้นค่อนข้างไปได้ดีพวกทหารธรรมดาทุกคนเลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวลด้วยเมล็ดแสงอรุณ โดยเฉลี่ยแล้ว, พวกเขาจะอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 3 ซึ่งนี่ถือว่าเป็นจำนวนที่น่ากลัว กองทัพปีศาจก่อนหน้านี้ก็อยู่ในระดับนี้เช่นกัน
พวกที่มีพัฒนาการมากที่สุดก็คือพวกนายพลที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่แรกแล้วพวกเขามีแรงใจที่แข็งแกร่งและใช้วิธีการหลอมรวมแบบยากที่สุด ซึ่งมันมีประสิทธิภาพมาก ตอนนี้มีนักรบเลเวล 7 เกือบ 100 คนแล้ว
นอกจากนี้ยังพบเด็กอัจฉริยะเหมือนกับอัลเลนด้วย ซึ่งลิลลี่เป็นคนคัดเลือกพวกเขา และให้พวกเขาใช้วิธีการหลอมรวมที่ยากที่สุด โดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาเหล่านี้จะไปถึงเลเวล 5 หรือสูงกว่า ซึ่งพวกเขาก็มีศักยภาพมากขึ้น มันคือผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยม
ในฐานะแม่ทัพ,แจ็คเกอร์ได้เลือกวิธีการที่เจ็บปวดที่สุดและเขาก็ประสบความสำเร็จ ทันใดนั้นเองเขาก็กลายเป็นนักรบแสงอรุณที่อยู่จุดสูงสุดของเลเวล 8 ตอนนี้เขาเป็นทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพ
พลังแสงอรุณนั้นคล้ายกับพลังของมังกร
ในแง่ของการฟื้นฟูนั้นมันทัดเทียมกับพลังมังกรเลยด้วยซ้ำซึ่งนี่สามารถยืนยันได้จากความอึดของทหารในการต่อสู้ แถมมันยังสามารถรักษาตัวเองได้ด้วย แม้ว่ามันจะไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนพลังปีศาจ แต่ก็ยังสามารถลดอัตราการเสียชีวิตลงได้
แล้วมันก็มีความสามารถพิเศษอีกอย่างนึงด้วยภายใต้แสงอาทิตย์, ความสามารถของนักรบแสงอรุณจะเพิ่มขึ้น ถ้าพวกเขาอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ในตอนที่ใกล้ตายและมีกำลังใจที่มากพอ, พวกเขาก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ด้วยการอาบแดด
ลิงค์มีความรู้เชิงลึกในเรื่องของความสามารถในการต่อสู้ของนักรบแต่ละแบบเขาประเมินแล้วว่านักรบแสงอรุณของเขานั้นสามารถต่อกรกับพวกปีศาจได้ในระดับเดียวกัน, และด้วยวิธีนี้เอง, เฟิร์ดจึงมีกองทัพแสงอรุณ 30,000 นายที่สามารถต่อสู้กับปีศาจได้อย่างสูสี
กองกำลังขนาดใหญ่นี้สามารถเปลี่ยนสภาพของทั้งทวีปได้เลย
พอวางรายงานลง,ลิงค์ก็เดินไปที่หน้าต่าง เขามองไปทางค่ายที่เต็มไปด้วยเหล่านักรบแสงอรุณที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม, เขารู้สึกพอใจมาก
แต่แค่นี้มันยังไม่พอพวกเขาขาดอาวุธที่เหมาะสม แล้วเฟิร์ดก็ขาดความสามารถในการตอบโต้กับการโจมตีด้วยเวทมนตร์เป็นวงกว้างด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้เองก็จำเป็นต้องพัฒนาด้วยเช่นกัน
การมีอุปกรณ์เวทมนตร์ที่สนับสนุนความแข็งแกร่งของนักรบแสงอรุณได้นั้นจะเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของพวกเป็นเท่าตัวและเมื่อผนวกกับวินัยทางทหารที่เข้มงวดแล้ว, พวกเขาอาจจะสามารถขยี้ปีศาจจนย่อยยับไปเลยก็ได้
แต่ก็แน่นอนว่า,ของเหล่านี้ต้องใช้ทรัพยากรและเงินจำนวนมหาศาล มันต้องค่อยๆจัดการไปทีละขั้น แล้วลิงค์ก็ไม่สามารถทำคนเดียวได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่นเอเลียร์ด, เขาใกล้จะเลเวล 9 แล้ว ถ้าเขาได้รับการฝึกเพิ่มอีกเล็กน้อยก็จะเข้าสู่ระดับตำนาน, แล้วเขาก็จะกลายมาเป็นมือขวาของลิงค์
ในขณะที่กำลังต่อยอดแผนการไปเรื่อยๆ,หัวใจของลิงค์ก็เต้นรัว มันคือรูนสื่อสาร
นี่คือสัญญาณจากอาณาจักรเซาท์มูนต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ ดูเหมือนว่าสมาคมยังไม่ยอมแพ้นะ ถ้าเป็นแบบนี้, ฉันคงต้องไปเยี่ยมซักหน่อยแล้ว…อ้อใช่, ฉันจะพาเอเลียร์ดไปด้วย เขายังใสซื่อเกินไปหน่อยและควรได้รับประสบการณ์มากกว่านี้
พอตัดสินใจได้,ลิงค์ก็ใช้เวทย์ตรวจจับชีวิตตามหาเอเลียร์ด จากนั้นเขาก็ใช้โทรจิต “ฉันกำลังจะไปจัดการเรื่องบางอย่างที่เซาท์มูน อยากไปด้วยไหม?”
“ไปสิ”เอเลียร์ดตอบกลับในทันที เขาอยากเดินทางข้ามประเทศมาตั้งนานแล้ว