Advent of the Archmage - 520: ฉันจะยกเรื่องนี้ให้นายจัดการนะเอเลียร์ด
Chapter
เสียงลมดังก้องอยู่ในหูของเอเลียร์ดพร้อมกับโลกเบื้องล่างที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วเขาไม่เคยเจอกับความเร็วระดับนี้มาก่อน
“โอ๊ยย!เร็วเกินไปแล้ว…! นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?” เขาตะโกนใส่ลมที่โหมกระหน่ำ เขามักจะแสดงความตกใจและความตื่นเต้นออกมาก่อนเสมอ ในตอนที่เขาเห็นอะไรใหม่ๆที่น่าสนใจ
เสียงตะโกนด้วยความตื่นเต้นของเขากินเวลาอยู่1 ชั่วโมง และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองฟูลมูน เมืองหลวงของอาณาจักรเซาท์มูน
ในตอนที่ทั้งคู่ลงมาถึงพื้นเอเลียร์ดยังมึนหัวอยู่เลย เขาพูดอย่างไม่เชื่อสายตา “นี่มันเร็วมากจริงๆ”
อาณาจักรเซาท์มูนอยู่ห่างจากเมืองมอดไหม้1,500 ไมล์ แต่ว่าพวกเขาก็มาถึงที่นี่ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
ลิงค์หัวเราะ“ตอนนี้ความเร็วในการเดินทางของฉันอยู่ที่ 600 ฟุตต่อวินาที ซึ่งก็หมายความว่าฉันเดินทางได้ไกลกว่า 2,000 ไมล์ในชั่วโมง ก็บอกแล้วไงว่าพวกเรามาทันเวลา”
เอเลียร์ดอุทานออกมาจนแทบไม่ได้หายใจ“นี่คือพลังระดับตำนานอย่างงั้นหรอ? มันค่อนข้างเปิดโลกให้ฉันเลยนะเนี่ย”
แม้ว่าจะบินด้วยความเร็วสูงแต่ลิงค์ก็ยังดูไม่เหนื่อยเลย ไม่ว่าใครก็คงจะตกตะลึงกับพลังของเขา
ลิงค์หัวเราะ“ไม่ต้องมามองฉันด้วยสีหน้าแบบนั้นเลยนะ ขยันเข้าสิ แล้วนายจะไปถึงเลเวล 10 ได้ในสักวันนึง และในตอนที่วันนั้นมาถึง ฉันจะเป็นคนสอนเทคนิคเดินอากาศให้กับนายเอง”
“นี่มันเวทย์มิติไม่ใช่หรอ?ฉันคิดว่าฉันคงไม่เข้าใจหรอก” เอเลียร์ดอยากจะศึกษามัน แต่เขาก็รู้ถึงความยากของเวทย์มิติดี เขากลัวว่าเขาอาจศึกษามันไม่สำเร็จ
“มันก็แค่เวทย์ที่ทำให้นายเดินทางได้เร็วขึ้นเท่านั้นเองมันไม่ยากขนาดนั้นหรอก…ข้างหน้าคือเมืองฟูลมูน เอ้า รับหินรูนนี่ไปสิ” ลิงค์ร่อนลงมายืนข้างๆเอเลียร์ดและยื่นหินรูนสื่อสารให้กับเขา
เอเลียร์ดรับหินมาแล้วถามอย่างประหลาดใจ“ให้มาทำไมหรอ? พวกเราไม่ได้จะเข้าไปพร้อมกันหรอ?”
“ตามนั้นเลย,นี่เป็นภารกิจของนาย นายจะต้องไปติดต่อกับตัวแทนของสถาบันเวทมนตร์กริ๊นซ์ จากนั้นหลังจากที่ไปแนะนำตัวกับราชาของอาณาจักรเซาท์มูนแล้ว ให้นายไปหาว่ามีเรื่องผิดปกติในเมืองรึเปล่า ครั้งนี้นายจะต้องจัดการด้วยตัวเอง ส่วนฉัน ฉันจะทำการสำรวจอยู่ในเงามืด ถ้านายคิดว่านายรับมือไม่ไหวแล้ว ก็ค่อยใช้หินรูนนั่นติดต่อฉันมา”
ความรับผิดชอบของเขาในฐานะลอร์ดเฟิร์ดรวมไปถึงความจริงที่ว่าการกระทำทุกอย่างของเขานั้นมักจะถูกจับตามอง ได้เริ่มเกิดขึ้นกับตัวลิงค์แล้ว และในตอนนี้ด้วยความที่เอเลียร์ดเป็นนักเวทย์เต็มตัว นี่จึงเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการฝึกให้เอเลียร์ดทำงาน, โดยการฝากให้เขาจัดการงานที่น่าเบื่อของลิงค์
เอเลียร์ดคิดไม่ถึงว่าเขาจะได้รับงานเช่นนี้แต่ถึงยังไงนี่ก็เป็นฝีมือของสมาคม; เขาไม่คิดว่าลิงค์จะรับมือด้วยตัวคนเดียวอยู่แล้ว อีกอย่างนึงเรื่องแบบนี้คงไม่เป็นปัญหาสำหรับนักเวทย์เลเวล 8 ที่มีพลังเลเวล 9 อย่างเขา
เอเลียร์ดกับลิงค์นั้นแตกต่างกันในหลายๆด้าน
ตั้งแต่ที่มาถึงโลกนี้ลิงค์ได้ไปยังที่ต่างๆโดยไม่ได้หยุดพักเลย สำหรับเขา โลกฟิรุแมนไม่มีความลับซ่อนอยู่อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ เขาเพียงแค่ต้องการวางภาระทุกอย่างลงและพักผ่อนซักเล็กน้อย ในอีกด้านนึง เอเลียร์ดนั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหมกตัวอยู่ในหอคอยเวทมนตร์ และตั้งใจศึกษาเวทมนตร์ สำหรับเขานั้น ยังมีอีกหลายสิ่งในโลกภายนอกที่ยังไม่เคยเห็น การมาเยือนที่อาณาจักรเซาท์มูนด้วยเหตุผลทางการทูตนี้เองก็เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ออกมายังโลกภายนอกจากมุมมองของมาสเตอร์ที่อยู่บนจุดสูงสุด
“ไว้ใจได้เลยฉันจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยไม่ทำให้นายเสียชื่อ”เอเลียร์ดพูดด้วยความมั่นใจ
ลิงค์ยิ้ม“ดีมาก ตอนนี้ไปได้แล้ว ถ้าเกิดว่ามีปัญหาอะไร อย่าลืมใช้หินรูนสื่อสารที่ฉันให้ไปหล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงฉันขนาดนั้นก็ได้555 ดีหล่ะ ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ” ใบหน้าที่ดูกระตือรือร้นของเอเลียร์ดนั้นทำให้ลิงค์นึกถึงเด็กน้อยที่พึ่งออกมาจากรังเพื่อเดินทางไปยังโลกที่กว้างใหญ่
ในตอนที่เขาพูดจบเอเลียร์ดก็ร่ายเวทย์ พังพอนเลเวล 5 ใส่ตัวเองและรีบไปยังประตูเมืองฟูลมูน
ในที่สุดลิงค์ก็ถอนหายใจออกมาหลังจากที่เขาเห็นเอเลียร์ดไปถึงประตูเมืองที่อยู่ไกลออกไปเขายืดอกและกระโดดขึ้นไปบนที่สูง จากนั้นเขาก็รู้สึกตัวเบาขึ้นและเป็นอิสระมากขึ้นในทันที
ตอนนี้เขาไม่ใช่ทั้งลอร์ดเฟิร์ดและนักเวทย์ระดับตำนาน เขาเป็นแค่ลิงค์ นักท่องเที่ยวทั่วๆไปที่มาเมืองฟูลมูนเพื่อตามหาความสนุกสนานและการผจญภัย แต่ก็แน่นอนว่ามันเป็นแค่เรื่องบังหน้า นักรบไร้กายนั้นไม่ควรที่จะดูถูก เขาต้องมีสมาธิกับงานที่ต้องจัดการ
เขารู้สึกว่าชุดของเขาค่อนข้างเด่นไปหน่อยชุดคลุมต่อสู้สีดำที่มีลายสีเงินและผ้าคลุมสีแดงเข้มนั้นไม่ค่อยเตะตาก็จริง แต่ว่าคนที่ช่างสังเกตจะรู้สึกได้ว่าเขาไม่ใช่นักท่องเที่ยวธรรมดา เขาจำเป็นจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซักเล็กน้อย
พอคิดได้ร่างกายของเขาก็เริ่มเปล่งแสง แสงนั้นได้เริ่มเปลี่ยนเป็นชุดเกราะหนังสีเขียวเข้ม พร้อมกับห้อยดาบราชามังกรพิโรธเอาไว้ที่เอวของเขา
ในตอนที่เขาจัดการเสร็จเรียบร้อยเขาก็สร้างกระจกขึ้นมาที่ด้านหน้าของเขาเพื่อที่จะตรวจดูชุดของตัวเอง
ดูเหมือนเกราะจะใหม่ไปหน่อยนะทำให้มันเก่าอีกซักหน่อยละกัน ตรงจุดนี้กับจุดนี้ เหรียญตราเองก็เห็นชัดเกินไป เก็บไปดีกว่า แล้วดาบราชามังกรพิโรธก็ดูหรูหราเกินไป น่าจะเปลี่ยนหน้าตามันซักหน่อยนะ ร่างกายเองก็ดูสะอาดเกินไป ไม่เหมือนกับพวกคนเดินตามถนนทั่วๆไปเลย มาทำให้ตัวสกปรกซักหน่อยละกัน….ใกล้เสร็จละ
ในตอนที่เขาแต่งตัวเสร็จตอนนี้ลิงค์ก็ได้สวมชุดเกราะหนังขาดๆ และมีดาบเหล็กธรรมดา(ดาบราชามังกรพิโรธ)ห้อยอยู่ที่เอวของเขาแทน แถมเขายังตัดผมออกไปเล็กน้อยด้วย พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่น ตอนนี้เขาดูเหมือนกับทหารรับจ้างเลย
ในตอนที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นลิงค์ก็เริ่มเดินทางไปเมืองฟูลมูน
หลังจากที่เข้ามาในเมืองเขาก็เดินวนไปวนมาและเข้าไปที่ร้านเหล้าในเมืองที่ซึ่งทหารรับจ้างทั่วไปมักจะมารวมตัวกันเพื่อดื่มกินและพูดคุย 2 ชั่วโมงต่อมาเขาก็เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นที่เมืองฟูลมูนในช่วงนี้
โดยผิวเผินทุกอย่างดูเป็นระเบียบดี แต่ว่าก็มีการพูดถึงกลุ่มโจรอันน่ากลัวที่ออกมาป่วนเส้นทางการค้าที่ถนนทางใต้ของเมือง
โจรพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อครึ่งเดือนที่แล้วพวกมันจะไปๆมาๆตามใจพวกมัน พ่อค้าคนไหนที่โชคร้ายผ่านเส้นทางที่พวกมันผ่านพอดีก็จะถูกฆ่าอย่างโหดร้าย
ก่อนหน้านี้ถนนที่ทอดยาวแห่งนี้มักจะเต็มไปด้วยผู้คนและกองคาราวานมันเป็นหนึ่งในเส้นทางสำคัญที่มุ่งหน้าไปสู่อาณาจักรเซาท์มูน อย่างไรก็ตามตอนนี้ ถนนถูกพวกโจรปิดกั้นอย่างสมบูรณ์แล้ว
แต่แน่นอนว่าพระราชานั้นไม่ยอมจำนนให้พวกมันง่ายๆ
เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพระองค์ได้ใช้ทุกวิถีทางในการขับไล่โจรพวกนี้ พระองค์ถึงกับส่งทหารม้าจำนวน 1,000 คนไปจัดการปัญหานี้ด้วยซ้ำ แต่ว่าพวกเขาทุกคนก็ทำไม่สำเร็จ พวกโจรนั้นหลีกเลี่ยงที่จะปะทะตรงๆกับทหารของพระราชา
และด้วยความที่ไม่มีทางเลือกอื่นพระราชาจึงได้ตั้งค่าหัวของพวกโจรขึ้นมา ในตอนที่ลิงค์มาถึงเมือง ค่าหัวก็ได้พุ่งขึ้นไปถึง 300 เหรียญทองแล้ว
ซึ่งนั่นก็ทำให้ทหารรับจ้างจำนวนมากเข้ามาที่เมืองฟูลมูนและพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อล่าค่าหัวนี้
ตอนนี้ลิงค์อยู่ในร้านเหล้าที่ชื่อว่า “ร้านเหล้าพร้อมลุย” ที่อยู่ทางตอนใต้ของเมือง ถึงแม้ว่าร้านนี้จะดูเล็ก แต่พวกทหารรับจ้างที่มารวมกันที่นี่ก็มีเลเวลสูงกว่าค่าเฉลี่ย ในหมู่พวกเขาคนที่อ่อนแอที่สุดมีเลเวล 4 ถ้าเกิดว่ามีใครซักคนในเมืองนี้ทำงานได้สำเร็จ ก็คงจะเป็นหนึ่งในทหารรับจ้างซักคนที่อยู่ในร้านแห่งนี้
ลิงค์นั่งอยู่ที่มุมร้านเป็นเวลาพักนึงมีแก้วเบียร์กับถั่วเขียวทอดหนึ่งจานวางอยู่ด้านหน้าของเขา ในระหว่างที่เขาเคี้ยวอาหารของเขา เขาก็ตั้งใจฟังพวกทหารรับจ้างพูดคุยกัน ในขณะเดียวกันนั้นเองความสนใจอีกส่วนนึงของเขาก็ไปอยู่ที่ดาบราชามังกรพิโรธที่เอวของเขา
ตอนนี้อัตราการฟื้นฟูพลังมังกรของเขาอยู่ที่45 แต้มต่อวินาที ซึ่งมันเกือบจะเท่ากับของราชินีมังกรแดงเลย และด้วยความที่เขาคิดว่าเขาคงจะไม่ได้ใช้พลังมังกรไปซักพัก เขาจึงคิดว่ามันจะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาเอาพลังไปเติมให้กับดาบราชามังกรพิโรธ และด้วยพลังมังกรที่มากพอ ตัวดาบก็จะปลดล็อคไปสู่ระดับพลังใหม่ได้
พวกทหารรับจ้างที่อยู่ในร้านเหล้าต่างก็พูดคุยกันแต่เรื่องโจร ไอรีนโนเวล
“ข้าได้ยินมาว่าโจรพวกนี้มีพลังลึกลับข้าได้ยินมาจากพวกทหารม้าว่าพวกมันสามารถแปลงร่างได้ ในตอนที่ทหารคนนั้นแทงดาบใส่โจรคนนึง ร่างกายของโจรก็เปลี่ยนเป็นน้ำ และตอนที่ทหารคนนั้นดึงดาบกลับมา โจรคนนั้นก็ไม่มีบาดแผลเลย”
“นั่นมันเวทมนตร์ไม่ใช่หรอ?มันดูลึกลับตรงไหนกัน?”
“ถ้าเกิดว่าหนึ่งในพวกมันแปลงร่างเป็นน้ำได้พวกเราก็แค่โยนระเบิดคนแคระใส่พวกมันก็พอแล้ว ต่อให้มันเปลี่ยนเป็นน้ำอย่างสมบูรณ์ มันก็ยังคงกลายเป็นชิ้นๆจากแรงระเบิดอยู่ดี”
“ที่เจ้าพูดมันก็ถูกถ้าเกิดว่าพวกมันสามารถทำให้ทหารม้าของอาณาจักรพบกับความยากลำบากได้ โจรพวกนี้ก็ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ ข้าไม่มั่นใจเลยว่าพวกเราจะสามารถล่ารางวัลในครั้งนี้ได้รึเปล่า”
“มันต้องมีคนที่ทำได้อยู่แถวๆนี้บ้างแหล่ะหน่าจะกลัวไปทำไมกัน?”
ทุกคนต่างก็พยักหน้าเป็นการเห็นด้วยหลังจากนั้นก็ซดเบียร์ของพวกเขาในตอนที่พวกเขาดื่มจนหมด พวกทหารรับจ้างก็เปิดหัวข้อการสนทนาใหม่ในหมู่พวกเขา
เกิดความเงียบขึ้นในร้านเหล้าอยู่ช่วงนึงจากนั้นก็มีใครบางคนพูดขึ้นมา “ข้าได้ยินมาว่าทางเหนือเตรียมตัวที่จะทำสงครามอีกแล้วนะ”
“งั้นหรอ?”
“แบบนี้นี่เอง”
“หืมม”
เสียงตอบสนองทุกรูปแบบดังขึ้นในตอนที่ได้ยินข่าวนี้จากนั้น พวกเขาทุกคนก็รอให้ทหารรับจ้างที่มาจากทางเหนือเป็นคนอธิบายเรื่องนี้เพิ่มเติม
ทหารรับจ้างซดเบียร์เข้าไปอีกอึกแล้วถอนหายใจ“เมื่อเดือนที่แล้ว ข้าอยู่ในเมืองแกลดสโตน ข้าเห็นกับตาตัวเองว่ามีทหารกับรถขนของจำนวนมากถูกส่งไปที่ปราการเหล็ก แถมข้ายังได้ยินจากคนที่พึ่งกลับมาจากป่าทมิฬด้วยว่าไอ้พวกดาร์กเอลฟ์สวะนั่นได้อัญเชิญสัตว์ประหลาดมาจากภพอื่น”
ร้านเหล้าสงบลงอีกครั้งจากนั้นก็มีเสียงสาปแช่งด้วยความโกรธ “ไอ้พวกสวะดาร์คเอลฟ์เอ้ย!”
“ไม่เคยมีเรื่องดีๆจากไอ้พวกหูแหลมนั่นหรอกข้าจะบอกพวกเจ้าให้ฟังนะ! เมื่อวันก่อน ข้าได้พบกับไฮเอลฟ์ที่ป็นนักพเนจรด้วย พอเห็นท่าทีหยิ่งผยองของมันแล้ว ข้าหล่ะอยากจะตัดหัวของมันออกมาจริงๆเลย!”
“นี่เจ้าหมายถึง…”
บทสนทนาเริ่มถูกเบี่ยงประเด็นในหมู่พวกทหารรับจ้างลิงค์ไม่ได้สนใจพวกเขาซักเท่าไหร่ เพราะว่าเขาได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าพวกโจรนั้นจะต้องเป็นนักรบไร้กายอย่างแน่นอน และจากที่พวกทหารรับจ้างพูดคุยกัน ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีพลังแค่ระดับธรรมดา
พวกโจรน่าจะกำลังทดสอบว่าลอร์ดเฟิร์ดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของอาณาจักรเซาท์มูนมากแค่ไหน
ลิงค์ตัดสินใจว่าทางที่ดีที่สุดของเขาในตอนนี้ก็คือรอให้ศัตรูลงมือก่อนถ้าเกิดว่าเอเลียร์ดไม่สามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้ด้วยตัวเอง ลิงค์ก็คงจะต้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ตอนนี้เขาสามารถพักผ่อนได้ตามที่ต้องการ เพราะเขายุ่งมากในตอนที่อยู่ที่เฟิร์ด
เขาเอาแขนหนุนหัวเอาขาขึ้นมาพาดบนโต๊ะพร้อมกับกินถั่วเขียวและฟังพวกทหารรับจ้างพูดคุกันอย่างเฉยเมย
จากนั้นเขาก็เห็นนักธนูที่มีอายุประมาณ30 ปีเข้ามาในร้านเหล้า
ชายคนนี้มีใบหน้าที่หล่อเหลาจุดเด่นของเขาอยู่ที่จอนเพราะมันแสดงออกถึงความเป็นชายอย่างมาก ดวงตาของเขาเป็นสายตาของคนที่เห็นโลกมาเยอะแล้ว ออร่าต่อสู้ของเขามีเลเวล 7 ซึ่งเหมาะสมกับรูปร่างที่ดูบึกบึนของเขา และแขนที่ยาวของเขาก็มีกล้ามที่ฟิตเปรี้ยะซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในด้านธนูของเขา
ด้วยพลังระดับนี้เขาจะต้องมีชื่อเสียงในหมู่ทหารรับจ้างอย่างแน่นอน
ในตอนที่เขาเข้ามาทั้งร้านก็เงียบลง จากนั้นลิงค์ก็ได้ยินใครบางคนพูดพึมพำขึ้นมา “ดูนั่นสิ ตาเหยี่ยวเออร์แวนมาที่นี่ด้วยหล่ะ”
ตาเหยี่ยวเออร์แวนหรอ?
ลิงค์เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนในโลกของเกมเขาเป็นทหารรับจ้างที่เก่งกาจ ยังไงก็ตาม ในภารกิจนึง เขาโชคร้ายไปพบเข้ากับปีศาจเพลิงโฟดอร์และเขาก็ถูกกินเข้าไปทั้งตัว มันไม่เหลือซากอะไรเลยนอกจากรองเท้าของเขา ภารกิจของลิงค์ในตอนนั้นคือให้ตามรอยปีศาจเพลิงโฟดอร์โดยตามออร่าที่เหลืออยู่บนรองเท้าของเออร์แวน
ในโลกนี้พวกปีศาจไม่ได้ลงมาถึงทางใต้ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเออร์แวนต้องยังมีชีวิตอยู่
ชายคนนั้นมองไปรอบๆและเดินมาหาลิงค์ด้วยความที่มันเป็นเพียงโต๊ะเดียวที่ยังมีที่นั่งว่างอยู่ เขาจึงพูดกับลิงค์ “เอาเท้าลงหน่อยสิพวก!”
ลิงค์ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อยและมองไปที่ด้านข้างของเขา“แถวนี้มีที่ว่างเยอะแยะ เชิญนั่งได้ตามใจชอบเลย”
ตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในทหารรับจ้างที่หยาบคายในร้านเหล้าและทหารรับจ้างทั่วไปนั้นมักจะไม่มีมารยาท สิ่งเดียวที่พวกเขาสนใจก็คือขนาดกำปั้นของพวกเขา และมีเพียงคนที่มีกำปั้นใหญ่เท่านั้นถึงจะมีสิทธิพูด
ตอนนี้เขาต้องการจะรู้เรื่องของชายตาเหยี่ยวคนนี้ขึ้นมา และจะมีวิธีไหนกันหล่ะที่จะหาเพื่อนได้ง่ายกว่าวิธีการดั้งเดิมอย่างเช่นการชกต่อย?