Advent of the Archmage - 523: ใครโกหกกันแน่?
Chapter
ที่สถาบันเวทมนตร์กริ๊นซ์
“ท่านจอมเวทย์ช่วงนี้ลอร์ดของท่านคงยุ่งมากเลยสินะครับ?” ราชาของเซาท์มูนถาม
เอเลียร์ดขมวดคิ้วเขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับลิงค์ในช่วงนี้แต่ว่าพระราชาคนนี้ดูงงๆมาก นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขาพูดเรื่องลิงค์ ดูเหมือนว่าเขาจะหวังอยู่จริงๆว่าลิงค์จะมาที่เซาท์มูน
“ฝ่าบาทลอร์ดของพวกเรากำลังติดตามสถานการณ์ทางใต้อย่างใกล้ชิด ถ้าเกิดว่าท่านมีปัญหาอะไร แจ้งให้ผมทราบได้เลย แล้วผมจะพยายามช่วยท่านอย่างถึงที่สุด แต่ถ้าเกิดว่าผมทำไม่ได้ ผมจะส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปหาเขาอย่างแน่นอน” เอเลียร์ดทำเสียงเข้มในตอนท้าย
“งั้นหรอข้าเข้าใจแล้วหล่ะ ขอบใจนะ ตอนนี้ข้ายังไม่มีปัญหาอะไรหรอก” พระราชาหัวเราะแบบแปลกๆ หลังจากที่เงียบไปพักนึงเขาก็พูดต่อ “เอาเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย มาสเตอร์เอเลียร์ด ท่านเดินทางมาไกลแบบนี้คงจะต้องเหนื่อยมากแน่ๆ ข้าจะไม่รบกวนท่านอีกแล้ว”
หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไป
เอเลียร์ดรู้สึกว่ามันแปลกยิ่งกว่าเดิมแต่ว่าสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไป เขาลุกขึ้นและมองดูพระราชาออกไปจากสถาบันเวทมนตร์
ในตอนที่กลุ่มของพระราชาออกไปเขาก็หันไปหาผู้รับผิดชอบคณะทูตเวทมนตร์ของเฟิร์ด “อาเมียร์” เขาพึมพำ “ช่วงนี้มีข่าวแปลกๆในพระราชวังบ้างรึเปล่า?”
เขารู้สึกว่าพระราชาดูแปลกมาก
อาเมียร์นั้นเป็นนักเวทย์เลเวล5 ที่มีอายุ 30 ปี เขาเป็นคนตัวเล็กและดูทื่อๆเหมือนกับต้นไม้ แต่ว่านั่นก็เป็นแค่ภายนอก จริงๆแล้วเขาหัวแหลมมาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเข้าถึงได้เป็นผู้รับผิดชอบคณะทูตในครั้งนี้
เขาเหลือบดูข้างๆและพอเห็นว่ามีคนจากสถาบันเวทมนตร์กริ๊นซ์อยู่ข้างๆพวกเขา เขาก็พูดออกมา “มาสเตอร์ พระราชวังนั้นปกติดี ข้าไม่ได้ยินเรื่องแปลกๆเลยครับ”
น้ำเสียงของเขาปกติดีแต่ในตอนที่พูด เขาได้กระพริบตาให้เอเลียร์ด ซึ่งนั่นหมายความว่าเขามีเรื่องบางอย่างที่ต้องรายงานเป็นการส่วนตัว
เอเลียร์ดตกตะลึงเขาหันไปมองนักเวทย์ของเซาท์มูน ถ้ามองผ่านๆ พวกเขาดูเหมือนกับกำลังทำธุระของตัวเองอยู่ แต่หากสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่าพวกเขากำลังสนใจเขาอยู่ หนึ่งในนักเวทย์ที่เด็กที่สุดนั้นแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนมาก เขาจ้องมาทางนี้ตรงๆเลย
ตอนนี้มันยิ่งดูประหลาดขึ้น
เอเลียร์ดเองก็เป็นคนฉลาดเหมือนกันเขาหาวและตบหน้าผากของตัวเอง เขาตั้งใจแสดงความเหนื่อยล้าออกมาให้เห็น “เข้าใจแล้วหล่ะ ตอนนี้ฉันเหนื่อยแล้วขอตัวไปพักก่อนนะ”
เขาตบไหล่ของอาเมียร์“ที่พักของพวกเราอยู่ไหน? ช่วยพาไปหน่อยสิ”
อาเมียร์พยักหน้า“ได้ครับ ตามข้ามาได้เลย”
เขาหันไปทางคฤหาสน์ติดสวนที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสถาบันคฤหาสน์นั้นหลังใหญ่มากด้วยจำนวนห้องที่มีมากกว่า 20 ห้อง ซึ่งนักเวทย์ทุกคนที่มากจากเฟิร์ดได้พักอาศัยอยู่ที่นั่น
พอเข้าไปในสวนอาเมียร์ก็เอาคทาของเขาออกมา แล้วร่ายเวทย์ลึกลับเลเวล 5 หมอกวิญญาณ
หมอกแสงได้กระจายออกมาจากคทาของเขาซึ่งมันกลายเป็นหมอกที่ปกคลุมทั่วทั้งคฤหาสน์ หลังจากนั้นอาเมียร์ก็เดินต่อไป และพอเข้ามาในคฤหาสน์ เขาก็พาเอเลียร์ดเข้าไปที่ห้องเล็กๆชั้น 2 และร่ายเวทย์บาเรียเลเวล 4
ในที่สุดเขาก็ผ่อนคลาย“ท่านจอมเวทย์ สถานการณ์ที่นี่มันแปลกมากเลยครับ”
การกระทำก่อนหน้านี้ของเขาทำให้เอเลียร์ดตื่นตัว“ทำไมนายถึงร่ายบาเรียออกมาเยอะขนาดนี้?” เขาถาม “มีสปายอยู่ใช่ไหม?”
อาเมียร์ส่ายหัวอย่างไม่แน่ใจ“ข้าก็ไม่รู้ว่ามีใครเป็นสปายรึเปล่า แต่ว่าในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ มีบางครั้งที่ข้ารู้สึกแปลกๆในขณะที่นอนหลับ มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมาจากเงามืด ซึ่งข้าก็ลองมองไปรอบๆแล้วแต่ก็ไม่เจอสปายสักคนเลย พูดตามตรง ข้าทนไม่ไหวแล้ว ช่วงนี้ข้าฝันร้ายบ่อยมาก”
เอเลียร์ดสังเกตอาเมียร์และเขาก็เห็นว่าที่ใต้ดวงตาสีแดงของเขามีรอยคล้ำสีดำอ่อนๆอยู่ด้วย แถมตัวเขาเองก็ดูซีดมาก เขาคงจะเหนื่อยมากจริงๆ
สถานการณ์ค่อนข้างร้ายแรงหลังจากที่คิดอยู่พักนึง เอเลียร์ดก็หันไปมองบาเรียที่อยู่รอบๆ “บาเรียพวกนี้ได้ผลใช่มั้ย?”
อาเมียร์ส่ายหัวแล้วหัวเราะแห้งๆ“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันครับ บางทีมันอาจจะใช้ได้แค่ในฐานะตัวหลอก”
เอเลียร์ดขมวดคิ้วเขาคิดอยู่พักนึงก่อนที่จะเอาคทาออกมา คทานี้มีความพิเศษอยู่ เขาดัดแปลงมันมาจากคทาเพลิงพิโรธแห่งสวรรค์ของลิงค์ ตอนนี้มันมีชื่อว่าสุริยาพิโรธ
ตัวคทานั้นเหมือนถูกทำขึ้นมาจากคริสตัลและมันก็ส่องแสงสีทองออกมาคล้ายกับดวงอาทิตย์ลูกเล็กๆในตอนที่เอเลียร์ดใส่พลังแสงอาทิตย์เข้าไป เปลวเพลิงก็สว่างมากขึ้นจนทั้งห้องเต็มไปด้วยแสงสีทอง
“บาเรียสุริยา!”เขาพูดเบาๆ
บาเรียสุริยา
เวทย์แสงอรุณเลเวล7
พลังที่ใช้:พลังเวทย์แสงอรุณ 2,000 แต้ม
ผล:ใช้พลังแสงอรุณในการสร้างบาเรียที่ป้องกันทุกอย่างจากภายนอก ในตอนที่บาเรียถูกกางออก พลังผิดธรรมชาติต่างๆภายในบริเวณโดยรอบจะถูกขับไล่ออกไปด้วย
(หมายเหตุ:แสงอรุณส่องสว่างไปทั่วโลกา)
บอลแสงสีทองอ่อนๆได้กระจายออกมาจากปลายคทาแสงสีทองพุ่งผ่านทุกอย่าง และมีเสียงดังเกิดขึ้นด้วย มันคือเวทย์ตรวจจับ มันถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีแต่ก็ถูกพลังแสงอรุณนี้ตรวจพบ
เสี้ยววินาทีต่อมาบาเรียก็สร้างเสร็จ ทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยสีทองเหมือนกับว่าห้องถูกชุบด้วยทองเลย
“เอาหล่ะตอนนี้คงไม่มีใครได้ยินเราแล้ว รีบบอกเรื่องที่นายรู้มาเร็วเข้า ทางที่ดีนายควรเล่าให้จบภายใน 3 นาทีนะ”พลังของเอเลียร์ดเริ่มฟื้นฟูในตอนที่เขาพูด ไอรีนโนเวล
เขามั่นใจในเวทย์นี้มากเพราะว่าลิงค์มีส่วนช่วยในการพัฒนาเวทย์นี้มันถูกสร้างขึ้นมาให้ใช้กับพลังแสงอรุณโดยเฉพาะ ในตอนที่มันสำเร็จ ลิงค์เป็นคนพูดเองเลยว่า ภายในเวลา 5 นาที แม้แต่บุคคลระดับตำนานก็ไม่สามารถมองทะลุบาเรียนี้ได้
อาเมียร์ตัวสั่นเขาไม่เคยเจอพลังระดับนี้มาก่อน ยังไงก็ตาม เวลามีไม่มาก ดังนั้นเขาจึงเก็บความตกใจเอาไว้และรีบพูดออกมา “เมื่อครึ่งเดือนก่อน มีข่าวลือว่าพระราชา ราชินี เจ้าชาย พวกเจ้าหญิงและราชวงค์คนอื่นๆ ได้ล้มป่วยด้วยโรคแปลกๆ มันไม่ได้รุนแรงมาก พวกเขาฟื้นตัวภายในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งตอนแรกก็ดูปกติดี แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวลือว่า พระราชาเปลี่ยนไป เขาเหมือนกับกลายเป็นอีกคนนึงเลยครับ”
“กลายเป็นอีกคนนึงหรอ?เขาดีขึ้นหรือว่าแย่ลงหล่ะ?” เอเลียร์ดขมวดคิ้ว ก่อนที่จะมาที่นี่ ลิงค์ได้เล่าเรื่องพวกไร้กายให้เขาฟัง และพอได้ยินแบบนี้ เขาก็สงสัยตามสัญชาติญาณว่ามันคือฝีมือของพวกไร้กาย
อาเมียร์ส่ายหัว“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันครับ พระราชาไม่ได้เรียกตัวพวกเราเลยในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านนี้ พวกเราไม่ค่อยรู้เรื่องภายในราชวังซักเท่าไหร่ และที่ข้าส่งข้อความไปหาท่านลอร์ดก็ไม่ใช่เพราะเรื่องของพระราชาด้วย”
“งั้นหรอแล้วเรื่องอะไรหล่ะ” เอเลียร์ดรู้สึกว่าสถานการณ์ในเมืองฟูลมูนไม่ปกติ
“3ชั่วโมงก่อน มีนักเวทย์เลเวล 5 ของวังหลวงคนนึงกลายเป็นบ้าไป เขาร่ายเวทย์ระเบิดเพลิงข้างในวัง เขาระเบิดกระโจมทิ้ง มีทหารกับคนรับใช้หลายคนถูกฆ่า หลังจากนั้นเขาก็ถูกจับตายในทันทีโดยไม่รอการไต่สวนเลย และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ รายละเอียดของเหตุการณ์นั้นได้ถูกลบหายไปจนหมด ข้าไม่สามารถหาข้อมูลได้เลยไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ตาม ดังนั้นข้าก็เลยคิดว่าน่าจะมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น ราชวงศ์เซาท์มูนต้องกำลังเจอปัญหาอยู่แน่ๆ”
“งั้นหรอ”เอเลียร์ดตกอยู่ในห้วงความคิด เขามองไปที่อาเมียร์ ชายคนนี้ดูหวาดกลัวและกระวนกระวายจริงๆ เรื่องนี้ต้องทำให้เขากลัวมากแน่ๆ
นักเวทย์ทุกคนมีชื่อเสียงและมีความสำคัญทุกประเทศปฏิบัติกับพวกเขาด้วยความเคารพ ถ้าพวกเขาจะถูกสั่งประหาร พวกเขาก็จะต้องก่อคดีที่โหดร้ายมากๆและต้องผ่านการไต่สวนก่อน ซึ่งนักเวทย์ทุกคนจะต้องมั่นใจก่อนถึงจะสามารถฆ่านักเวทย์อาชญากรได้ ดังนั้นการฆ่านักเวทย์จึงแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย
มีข้อมูลไม่เพียงพอเอเลียร์ดไม่สามารถสรุปอะไรได้ เขาคิดอยู่พักนึงแล้วถาม “พวกนักเวทย์ของสถาบันดูระแวงพวกเราจังเลย มันเป็นเพราะอะไรหรอ?”
นักเวทย์นั้นมักจะอยู่อย่างอิสระในกลุ่มพวกเขา พวกเขาจะไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องอำนาจทางการเมืองของโลกธรรมดา เรื่องเดียวที่พวกเขาสนใจก็คือเลเวลของนักเวทย์ และด้วยชื่อเสียงของลิงค์ในฐานะนักเวทย์ระดับตำนาน พวกเขาก็ไม่น่าจะถูกคนอื่นกลัวขนาดนี้
อาเมียร์ถอนหายใจ“ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะเลยครับ มีข่าวลือกันไปทั่วเมืองฟูลมูนว่าพวกเราเป็นตัวนำโชคร้ายมาสู่อาณาจักรแห่งนี้ แต่นั่นมันก็แค่เรื่องเล็กน้อย เหตุผลจริงๆก็คือเอิร์ล แอนดัล ผู้อาวุโสใหญ่ของสถาบันแห่งนี้ เขาเองล้มป่วยเหมือนกัน และหลังจากที่เขาหายดี ข้าก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขากำลังจับตามองพวกเราอยู่”
“ล้มป่วยอีกแล้วหรอ?”เอเลียร์ดตกตะลึง ถ้าเกิดว่าผู้คนที่เคยล้มป่วยทุกคนถูกพวกไร้กายสิง เขาก็รู้สึกว่าเขาได้เดินเข้ามาในดงหมาป่าเข้าแล้ว
เขารีบสงบสติอารมณ์และเริ่มวางแผนเขาเตรียมที่จะไปเยี่ยมผู้อาวุโสของสถาบันเวทมนตร์กริ๊นซ์ เขาต้องการไปดูด้วยตัวเองว่าชายคนนี้มีปัญหาจริงรึเปล่า
“เข้าใจแล้วนายเองก็ระวังตัวด้วยหล่ะ ฉันจะไปเยี่ยมท่านเอิร์ลซักหน่อย” เอเลียร์ดพูด เขาเคยเห็นชายคนนี้มาก่อนและคิดว่าเขาเป็นคนเงียบๆ แต่พอนึกย้อนกลับไปแล้ว มันก็แปลกมาก
“ท่านจอมเวทย์,จะให้ข้าตามไปด้วยไหมครับ?” อาเมียร์ถาม “พวกเราจะได้คอยระวังให้กันได้”
“ไม่เป็นไร”เอเลียร์ดส่ายหัว “เขาเป็นแค่นักเวทย์เลเวล 6 ผมสามารถจัดการด้วยตัวเองได้”
หลังจากนั้นเอเลียร์ดก็ยกเลิกบาเรีย โดยที่ไม่ได้พัก เขาก็เดินออกไปจากคฤหาสน์ ที่ด้านนอก เขาเดินไปตามจัตุรัสและเลี้ยวตรงหัวมุม ในตอนที่เขาเลี้ยว เขาก็เห็นนักเวทย์จากสถาบันเดินออกมาจากที่ซ่อนและมาขวางเขาเอาไว้
เขาดูคุ้นมากดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่มาสังเกตดูการสนทนาของเอเลียร์ดกับอาเมียร์ เอเลียร์ดจำได้ว่าเขามีชื่อว่าเฟลมมิ่ง
ในตอนที่เขาเข้ามาใกล้เฟลมมิ่งก็พูดขึ้นมา “ท่านจอมเวทย์ข้ามีเรื่องบางอย่างอยากคุยด้วยซักหน่อย”
“นายก็ด้วยเหรอ?อะไรหล่ะ?” เอลเลียร์ดรู้สึกว่ามันแปลกๆ
เฟลมมิ่งมองไปรอบๆและกระซิบ“ระวังอาเมียร์ให้ดีนะครับ เขาไม่ปกติ มีข่าวลือด้วยว่าเขาได้ทำการติดต่อกับพวกโจรที่อยู่นอกเมืองอย่างลับๆ ข้าเคยเห็นเขาอยู่กับคนแปลกหน้ามากับตาเลยหล่ะ ซึ่งข้าได้บอกเรื่องนี้กับผู้อาวุโสแล้ว แต่เขาไม่เชื่อข้า ข้าเลยรู้สึกว่าต้องมาบอกท่าน”
เฟลมมิ่งเป็นเด็กยังหนุ่มเขาน่าจะมีอายุ 20 ปีและมีเลเวลแค่ 1 ในตอนที่พูด สายตาของเขาก็กวาดไปรอบๆเหมือนกับกลัวว่าจะมีคนอื่นได้ยินเขา เขาไม่ได้ดูเหมือนกับว่ากำลังโกหกอยู่เลย
เอลเลียร์ดยิ่งสับสนหนักกว่าเดิม
เขาพึ่งมาอาณาจักรเซาท์มูนได้ไม่ถึง2 ชั่วโมง แต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีหมอกอยู่ทั่ว เขาไม่รู้เลยว่าเขาควรเชื่อใครดี อาเมียร์หรือเฟลมมิ่งใครเป็นคนโกหกกันนะ? หรือว่าจะโกหกกันทั้งคู่?
พอลองมาคิดดูแล้วเอเลียร์ดยังไม่รู้ว่าจะแยกความจริงกับเรื่องโกหกยังไงดี เขาสามารถทำได้แค่ยึดตามแผนเก่าของเขา ซึ่งนั่นก็คือการไปเยี่ยมผู้อาวุโส