Advent of the Archmage - 530: ป่า
Chapter
ด้วยเสียงตูมเบาๆ,ระเบิดก็แยกสคินอร์สกับเออร์แวนออกจากกัน
แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้สติพอถูกจับแยกกัน, พวกเขาก็ตะเกียกตะกายกลับมาหากันในทันที มันเหมือนกับว่ามีแม่เหล็กดึงดูดพวกเขาเข้าด้วยกัน
“ตั้งสติหน่อย!”
ลิงค์ตะโกน,เข้าได้ใส่พลังมังกรลงไปในน้ำเสียงด้วย
พอได้ยินเสียงของเขา,สคินอร์สกับเออร์แวนนก็ตัวสั่น, จากนั้นก็ยืงนิ่งในขณะที่สีหน้ามึนเมาของพวกเขาเริ่มหายไป
สคินอร์สเป็นคนแรกที่ได้สติกลับมาในอีกสิบวินาทีให้หลังเขาหันไปมองรอบๆอย่างมึนงงและเห็นเศษเกราะหนังกระจัดกระจายอยู่รอบตัวพวกเขา เขามองเออร์แวน, ที่ยืนโป๊อยู่ข้างหน้าเขา, แล้วจากนั้นก็หันมามองตัวเอง, ที่ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเหมือนกัน แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่ามีรอยเลือดที่ร่างกายท่อนร่างของเขาด้วย ว่าแต่มันเป็นเลือดของใครหล่ะ?
เขากลืนน้ำลาย,จากนั้นก็วิ่งไปหยิบชุดเกราะของตัวเองโดยไม่พูดอะไร ในขณะที่สวมเกราะ, เขาก็เหลือบมองเออร์แวนไปด้วยและเห็นว่ามีรอยเลือดอยู่ที่ระหว่างต้นขาของเขา
สคินอร์สกลืนน้ำลายอีกครั้งยัยผู้หญิงจอมอาฆาตเอ้ย! ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้หล่ะก็, ข้าคงบอกลาชื่อเสียงของตัวเองได้เลย!
ณตอนนี้, เออร์แวนก็ได้สติแล้วเหมือนกัน เขามองความวุ่นวายรอบๆในขณะที่รู้สึกปวดก้นเล็กน้อย ใบหน้าคมเข้มของเขาเป็นสีแดงก่ำ, เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และโดยไม่พูดอะไร, เขาก็เดินตรงไปที่ชุดเกราะหนังของตัวเองแล้วเริ่มหยิบมาใส่
สคินอร์สพยายามแก้ตัว“ตาเหยี่ยว, นั่นมันไม่ใช่ความรู้สึกของข้าจริงๆนะ…”
มีลูกธนูยิงมาจากเออร์แวนเป็นการตอบกลับสคินอร์สหลบลูกธนูในทันทีและไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ถ้าเจ้ากล้าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังหล่ะก็,ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” เออร์แวนพูดติดๆขัดๆ
สคินอร์สสบัดมือต่อหน้าเขารัวๆ“ข้าไม่พูดหรอกน่า นี่มันอัปยศเกินไป ข้าก็รู้สึกอายเหมือนกันนั่นแหละ”
“เอาเถอะหน่า,ทั้งหมดมันก็แค่อุบัติเหตุ” ลิงค์พยายามทำให้พวกเขาทั้งคู่ใจเย็นลง
แล้วเขาก็ถามต่อ“เอเลียร์ดอยู่ไหน?”
“เอเลียร์ดหรอ?”สคินอร์สยังมึนๆอยู่เล็กน้อย จากนั้นเขาก็กุมขมับในขณะที่พยายามนึกย้อนความทรงจำของตัวเอง “เอเลียร์ดถูกยัยแม่มดนั่นลักพาตัวไป เธออยากให้เจ้าไปหาเธอที่เนินเขากริซซี่ทางใต้เพียงลำพัง, ไม่อย่างนั้นขอไม่รับรองชีวิตของเอเลียร์ด อ้อแล้วก็, เธอได้สั่งให้พวกโจรไปตามหาพระราชาในเมืองฟูลมูนด้วยนะ เธอพูดถึงการล้มเลิกแผน A และเปลี่ยนไปใช้แผน B”
“ดูเหมือนว่าฉันจะมาช้าเกินไปหน่อยสินะ”ลิงค์ขมวดคิ้วในขณะที่ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “มาเถอะ, พวกเราต้องไปเมืองฟูลมูนเดี๋ยวนี้เลย ไม่ว่าแผน B ของพวกมันจะเป็นยังไง, พวกเราก็ต้องทุ่มสุดแรงเพื่อหยุดยั้งพวกมัน”
เวลายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ,เรื่องในเมืองฟูลมูนนั้นสำคัญกว่าการช่วยเอเลียร์ด, ที่ชีวิตดูเหมือนจะไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายเร่งด่วนขนาดนั้น และก็ไม่มีใครบอกได้ด้วยว่าพวกโจรนั้นจะทำอะไรกับพวกระดับสูงในเมืองที่พวกเขาจับเป็นตัวประกันอยู่ในตอนนี้
ลิงค์มองออกว่าเอวิเลน่านั้นแค่อยากถ่วงเวลาเขาเพื่อที่เขาจะได้มีเวลาไม่พอในการช่วยเหลือคนอื่น
“ได้ครับ”สคินอร์สไม่ได้คัดค้านกับเรื่องนี้ เขาอยากจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
…
ในขณะที่ลิงค์กลับไปยังเมืองฟูลมูน,เอเลียร์ดก็ถูกเอวิเลน่าพาไปทางใต้
เอวิเลน่านั้นไม่ได้เดินทางเร็วนักในระหว่างทาง, เธอจะคอยลบร่องรอยที่เธอทิ้งเอาไว้อย่างระมัดระวัง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป,เธอเดินทางไปได้ 100 ไมล์แล้ว พอมาถึงจุดนี้, เอเลียร์ดก็เริ่มพูดออกมา “ในเมื่อเธอสั่งเริ่มแผน B อะไรนั่นไปแล้ว, เธอจะยังต้องมาระวังอะไรอีกหล่ะ? ลิงค์คงไม่ไล่ตามเธอมาเร็วขนาดนั้นหรอก”
เอวิเลน่ายังคงทำการลบร่องรอยต่อไป“แล้วถ้าเกิดว่าเขาอ่อนไหวขึ้นมาหล่ะ? ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าสองคนสนิทกันใช้ได้เลยนี่”
“เขาไม่มาหรอก”เอเลียร์ดส่ายหัว “ฉันรู้จักเขาดี, เขาจะจัดการเรื่องในเมืองฟูลมูนก่อน, แล้วจากนั้นค่อยมาที่เนินเขากริซซีด้วยตัวคนเดียว แล้วเขาก็จะเตรียมตัวให้พร้อมก่อนมาเจอเธอด้วย, และความตายของเธอก็จะตามมาในอีกไม่นาน”
ไม่เพียงแค่จะไม่รู้สึกโกรธกับคำพูดของเขาเท่านั้น,แต่เอวิเลน่ายังยิ้มให้ด้วย “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเชื่อใจเขามากเลยสินะ แม้ว่าข้าอาจจะไม่มีโอกาสเอาชนะเขาได้ในการต่อสู้, แต่มอร์เฟียสน่าจะทำได้นะ”
“แผนของเธอมันมองออกง่ายเกินไปฉันมั่นใจว่าถึงเธอจะคิดอะไร, ลิงค์ก็จะมองออกทั้งหมด และในส่วนของมอร์เฟียสนั้น, ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง, แต่ทุกคนก็รู้ความลับของเขาดี เขายังไม่เชี่ยวชาญพลังเลเวล 19 อย่างสมบูรณ์”
เอวิเลน่ายังยิ้มให้เขาอยู่“จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ, พวกเราไม่มีทางมั่นใจได้หรอกว่าใครจะเป็นผู้ชนะจนกว่าการต่อสู้จะจบ”
เอเลียร์ดไม่สามารถหาคำพูดมาเถียงได้แม้ว่าเขาจะมั่นใจในความสามารถของลิงค์, แต่ศัตรูเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานที่ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกคนนึง มันเป็นสถานการณ์ที่ลิงค์เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นเขาก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
เอวิเลน่ายังคงเดินทางลงใต้ต่อเธอไม่ได้ร่ายเวทย์ลอยแต่แค่เดินไปเฉยๆตามเส้นทางที่คดเคี้ยวซึ่งมีนักเดินทางผ่านไม่กี่คน
หลังจากเดินไปได้หนึ่งชั่วโมง,พวกเขาทั้งคู่ก็มาถึงแม่น้ำกว้างใหญ่ที่อยู่ในภูเขาแห่งนึง ท้องฟ้ามืดลงอย่างเห็นได้ชัด เอวิเลน่าหยุด เธอเจอถ้ำที่ริมฝั่งแม่น้ำ จากนั้นเธอก็เข้าไปข้างใน, โดยพาเอเลียร์ดไปกับเธอด้วย
“ด้วยพลังของเธอ,เธอไม่จำเป็นต้องพักที่นี่ด้วยซ้ำ? นี่เธอจะเดินแบบนี้ไปจนถึงเนินเขากริซซีเลยหรอ?” เอเลียร์ดสับสน
เอวิเลน่ายิ้ม“ข้าจะเก็บแรงไว้ต่อสู้กับลิงค์ เขาอาจจะคิดว่าข้าจะเดินทางลงใต้โดยไม่หยุดพักก็ได้ ข้าอยากจะเห็นจังเลยว่าเขาจะพยายามหยุดข้ายังไง”
เอเลียร์ดพูดไม่ออกผู้หญิงคนนี้ระวังตัวมากจริงๆ อย่างไรก็ตาม, เอเลียร์ดไม่เหมือนกับเธอ, เขารู้จักลิงค์ดี แต่ถ้าตอนนี้เขาเป็นผู้หญิงคนนี้, เขาก็คงจะระวังตัวในระดับเดียวกัน
พอเข้ามาข้างในถ้ำ,เอวิเลน่าก็ผลักเอเลียร์ดเข้าไปในกำแพงหิน หินที่อยู่ข้างหลังเอเลียร์ดมีรูปรากฎขึ้น และในตอนที่เอเลียร์ดถูกฝังเข้าไปข้างใน, หินรอบตัวเขาก็กลับมาปิดรูอีกครั้ง, และเกิดเป็นคุกหินที่อยู่รอบร่างกายของเขา มีแค่ศรีษะของเขาเท่านั้นที่โผล่ออกมาจากกำแพงหิน
“เอาหล่ะตอนนี้,อย่าพยายามทำเรื่องโง่ๆหล่ะ” เอวิเลน่าลูบไล้ใบหน้าของเอเลียร์ดอย่างอ่อนโยนจากนั้นก็หัวเราะคิกคัก “ผิวหนังของเจ้านี่เรียบเนียนเหมือนผู้หญิงเลยนะ”
เอเลียร์ดยังคงเงียบอยู่เขามองผู้หญิงคนนี้กางผ้าปูขนสัตว์, เตรียมพร้อมที่จะใช้เวลาช่วงค่ำคืนที่นี่ จากนั้นเขาก็พูด “ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“ว่ามาสิข้ากำลังเบื่ออยู่พอดี” เอวิเลน่าทิ้งตัวลงบนเตียงและเอาผ้าคลุมมาคลุมตัวเอาไว้เหมือนผ้าห่ม
ถ้ำนั้นมืดสนิทและเอเลียร์ดก็ไม่มีสายตาที่ใช้มองกลางคืนได้ดังนั้นเขาจึงเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ไม่ชัด แต่ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือเงาโค้งเว้าในความมืดและโครงหูที่ตั้งของเธอ อย่างไรก็ตาม, เขาไม่ได้สงสัยว่าหน้าตาของเธอเป็นยังไง เขาถาม “ฉันอยากรู้ว่า, ไฮเอลฟ์ที่อยู่ระดับตำนานแบบเธอ, ทำไมถึงต้องมาช่วยสมาคมด้วย?”
เอวิเลน่าหัวเราะ“ไฮเอลฟ์หรอ? ไม่ใช่หรอก, ก็แค่เลือดเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นแหล่ะที่เป็นของไฮเอลฟ์ ข้าก็เหมือนกับเจ้า, เป็นครึ่งเอลฟ์ เจ้าคิดจริงๆหรอว่าชีวิตที่เกาะรุงอรุณของข้าจะมีความสุข?”
เอเลียร์ดตกตะลึงเนื่องจากบรรพบุรุษไฮเอลฟ์ของเขา, เขาจึงเข้าใจไฮเอลฟ์แบบเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ในเกาะรุ่งอรุณดี, มันคือการถูกเลือกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและการโดนดูถูกจากไฮเอลฟ์คนอื่น เขาสามารถเข้าใจแรงจูงใจของผู้หญิงคนนี้ได้ จะอยู่ในเกาะเล็กๆแล้วทนรับการดูถูกจากผู้อาศัยในเกาะไปทำไมในเมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับเธอนั้นไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้ด้วยพรสวรรค์ที่ตัวเองมี?
“แล้วทำไมถึงเลือกสมาคมหล่ะ?”เอเลียร์ดถามอีกครั้ง เขารู้สึกว่ามันไม่มีทางที่จะเอาเฟิร์ดมาเทียบสมาคมได้; พวกเขาอยู่ขั้วตรงข้ามกัน การอยู่ในกลุ่มที่อยู่ในเงามืดอย่างสมาคมนั้นมันมีอะไรดีกันนะ?
“เจ้าจะถามเยอะเกินไปแล้วนะ”เอวิเลน่าหัวเราะแล้วพูดต่อ “แต่ช่างเถอะข้าโอเคที่จะพูดเรื่องนี้กับเจ้า มีสองเหตุผลที่ข้าทำแบบนี้ ข้อแรกนักเวทย์มอร์เฟียสนั้นได้ให้ของดีบางอย่างกับข้า ซึ่งก็แน่นอนว่า, เมื่อมีคนทำดีให้เราก็ควรตอบแทนกลับไป, เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรอ?” ไอลีนโนเวล
“ก็ใช่อยู่หรอกแล้วเหตุผลข้อที่สองหล่ะ?”
“ข้อสองหรอ?เหตุผลข้อสองก็คือลิงค์สร้างศัตรูเยอะเกินไป เขายังไม่แข็งแกร่งพอ, และมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่เขาจะทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบาก ถ้าข้าไปที่เฟิร์ด, ข้าก็จะต้องไปพัวพันกับปัญหาของเขาด้วยไม่ใช่รึไง?” เอวิเลน่าหัวเราะ
พอพูดจบ,เธอก็หันมาหาเอเลียร์ด “พูดตามตรงนะ, เห็นแก่ที่เป็นครึ่งเอลฟ์เหมือนกัน, ถ้าเจ้าเลือกตัดขาดกับเฟิร์ด, ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า และถ้าข้าสามารถเอาชนะลิงค์ได้, ข้าอาจจะปล่อยเจ้าเป็นอิสระก็ได้นะ”
เอเลียร์ดส่ายหัว“หมดคำถามแล้ว ลิงค์เป็นเพื่อนของฉัน ฉันรู้จักเขามานานและผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย ฉันไม่ทรยศเขาหรอก”
“หรอ,แล้วถ้าเขาทรยศเจ้าหล่ะ?” เอวิเลน่าถาม
พอได้ยินแบบนี้,เอเลียร์ดก็หัวเราะออกมาแล้วพูด “ไม่มีทางหรอก”
“ถึงเจ้าจะพูดอย่างนั้นก็เถอะแต่มันยังเร็วเกินไปที่จะมั่นใจนะ เอาเป็นว่าพวกเรามารอดูกันดีกว่าเนอะ”
เอเลียร์ดพูดเสริม“ฉันรู้ว่าเฟิร์ดมีศัตรูมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ติดตามของเทพแห่งการทำลาย, สมาคม, ซึ่งพวกนี้คือศัตรูอย่างเปิดเผยของเฟิร์ด ในอีกด้านนึง, ไฮเอลฟ์ก็สร้างความคุกคามให้ลิงค์จากเงามืดเหมือนกัน, แต่ถ้าเจ้ารู้ว่าจริงๆแล้วเฟิร์ดแข็งแกร่งขนาดไหน, เจ้าจะประหลาดใจตัวเองเลยหล่ะ”
ตอนนี้เอวิเลน่าถูกโน้มน้าวมากขึ้นแล้วเธอก็พูดต่อ“เอาเถอะ, อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ได้โง่จนไม่รู้สภาพของเฟิร์ดเลย แต่อย่าอวดดีนักหล่ะ เจ้าต้องเข้าใจด้วยว่าไฮเอลฟ์นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน”
“แล้วพวกนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนหล่ะ?”เอเลียร์ดคาใจเรื่องนี้มานานแล้ว มันเป็นคำถามที่เขาตั้งใจจะหาคำตอบ แต่เกาะรุ่งอรุณนั้นตีตัวออกห่างจากโลกภายนอกมากเกินไป, และเอเลียร์ดก็เลิกหาคำตอบนั้นไปนานแล้ว
เอวิเลน่าชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว“มีสามสิ่งที่เจ้าต้องจำใส่ใจเอาไว้ อย่างแรก, ไฮเอลฟ์มีนักเวทย์อยู่เป็นจำนวนมาก สำหรับตอนนี้, มีนักเวทย์ที่มีเลเวล 6 ขึ้นไปอยู่ 80,000 คน”
“อะไรนะ?มากขนาดนั้นเลยหรอ?” เอเลียร์ดตกตะลึงเมื่อได้ยินตัวเลข
“ใช่นักเวทย์ส่วนใหญ่นั้นมีเลเวลต่ำกว่า 10, แต่ด้วยความหนาแน่นของมานาที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก, ตอนนี้จึงมีผู้เชี่ยวชาญเลเวล 10 จากเกาะรุงอรุณห้าคนแล้ว, ซึ่งจำนวนนั้นได้รวมข้าเข้าไปด้วย และในอีกไม่นานนี้, จำนวนก็จะเพิ่มขึ้นอีก”
เอเลียร์ดหายใจไม่เป็นจังหวะ“แล้วอีกสองข้อที่เหลือหล่ะ?”
“อีกสองข้อนั้น…ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”
“ทำไม?”
เอวิเลน่าอธิบาย“ข้าแค่ออกมาจากเกาะรุ่งอรุณ, แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าตั้งใจจะทรยศหรอกนะ ดังนั้นข้าจะบอกโครงสร้างของเกาะไปทำไมหล่ะ? เว้นเสียแต่ว่า…”
“เว้นเสียแต่ว่าอะไร?”เอเลียร์ดถามอย่างเร่งเร้า
“เว้นเสียแต่เจ้าจะสัญญากับข้าว่าเจ้าจะละทิ้งเฟิร์ดเหมือนกันเพราะถึงยังไง, ที่นั่นก็ดูไม่ค่อยมีความหวังซักเท่าไหร่หรอก”
เอเลียร์ดส่ายหัว“ถ้างั้นก็ลืมมันไปได้เลย”
แม้ว่าจะพูดแบบนี้,แต่เอเลียร์ดก็ยังพยายามคิดวิธีรีดข้อมูลที่สำคัญจากเธอ เขาจำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้กับลิงค์
เอวิเลน่าหาว“เอาเถอะ, ตอนนี้ดึกแล้ว งั้นข้าขอตัวนอนก่อนหล่ะ ข้าจำเป็นต้องเก็บแรงเอาไว้เตรียมรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น”
ความเงียบได้กลับมาที่ถ้ำมีแค่เสียงลมกับเสียงน้ำไหลที่ดังมาจากข้างนอกเท่านั้น
หลังจากใช้เวลาอยู่ในความเงียบไปสองชั่วโมง,หูของเอเลียร์ดก็ได้ยินเสียงวุ่นวายข้างนอกถ้ำ ลิงค์ตามพวกเขามาหรอ? เอเลียร์ดคิดอย่างมีความหวัง
เอวิเลน่าลุกขึ้นนั่งเธอเงี่ยหูฟังเสียงข้างนอก ไม่กี่วินาทีต่อมา, เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ “เห้อ, คนพวกนี้จะไม่ให้เวลาส่วนตัวข้าเลยใช่ไหมเนี่ย ข้าก็บอกไปแล้วนี่ว่าจะไม่กลับ, ยังจะตามตื้อไม่เลิกอีก”