Advent of the Archmage - 540 ตบตา (4)
Chapter
หอคอยเวทมนตร์,พื้นที่ดาดฟ้า
สีหน้าของไบรอันท์ซีดเผือดเขาตัวสั่นไปทั่วร่าง สิ่งเดียวที่สามารถสร้างความกังวลให้กับบุคคลระดับตำนานอย่างเขาได้ก็คือตัวตนของพลังที่เทียบเท่าหรือสูงกว่าเขา
ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานแค่สองหรือสามคน,ไบรอันท์คงไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานถึง 11 คน, ซึ่งมันเป็นจำนวนที่มากพอที่จะสร้างความกลัวให้เขาได้
ไบรอันท์สัมผัสออร่าของบุคคลระดับตำนานที่ปรากฎขึ้นรอบตัวเขาอย่างกระทันหันได้อ่อนๆแต่เขาก็ประหลาดใจที่เจ้าชายฟิลลิปที่อยู่ข้างๆเขานั้นไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลย
ฟิลลิปกระซิบถามเบาๆ“ท่านนักทำนาย เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
ไบรอันไม่ได้ฟังที่เขาพูดเขาจ้องมองลิงค์ด้วยความตกตะลึงเป็นเวลาเกือบ 20 วินาที และในที่สุด เขาก็ถามออกมา “เฟิร์ดไปหาขุมพลังระดับนี้มาจากไหนกัน? หรือว่าเจ้าทำการติดต่อกับภพอารากู่ได้แล้ว?”
ภพอารากู่หรอ?
ลิงค์รู้สึกประทับกับจินตนาการของไบรอันและในเมื่อไบรอันได้ข้อสรุปด้วยตัวเองแล้ว ลิงค์ก็ตัดสินใจที่จะไม่เปิดเผยความลับของเขา เขาหัวเราะอย่างเยือกเย็น “นี่เป็นถึงขุมพลังของเฟิร์ดเลยนะ นายคิดว่าฉันจะยอมบอกหรอว่าฉันไปเอามาจากไหน?ส่วนเรื่องของภพอารากู่ ฉันแนะนำให้ทางเกาะรุ่งอรุณตัดใจซะจะดีกว่า ฉันมีวิธีตัดเส้นทางระหว่างภพอยู่”
ในความเป็นจริงลิงค์รู้วิธีที่จะทำเรื่องแบบนั้นอยู่ไม่กี่วิธีเท่านั้น แต่เขาก็ไม่คิดที่จะบอกไบรอัน ยังไงซะเป้าหมายของลิงค์ก็คือการสร้างความสงสัยและความกลัวให้กับพวกไฮเอลฟ์
ไบรอันตกลงสู่ความเงียบอีกครั้งเป็นเวลาพักใหญ่ๆจากนั้นเขาก็เปิดปากพูด “ในเมื่อเอวิเลน่าหนีไปจากเฟิร์ดแล้ว พวกเราก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก ขอบคุณสำหรับงานเลี้ยงที่จัดเอาไว้เพื่อพวกเรา แต่พวกเรายังต้องทำการไล่ล่าคนทรยศต่อไป พวกเราจะรู้สึกขอบคุณมากถ้าท่านอนุญาติให้พวกเรากลับ”
หลังจากที่พูดจบเขาก็ลุกขึ้นและรอให้ลิงค์เปิดประตูมิติ
เขายอมรับความพ่ายแพ้
เจ้าชายฟิลลิปกับคณะทูตลุกขึ้นตามจากนั้นฟิลลิปก็เดินมาข้างๆไบรอันแล้วกระซิบ “ท่านนักทำนาย พวกเราจะกลับกันแล้วหรอ? กลับง่ายๆแบบนี้เลยเนี่ยนะ?”
การต่อรองยังไม่ได้เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำแม้ว่าลิงค์จะยืนยันแล้วว่าเอวิเลน่าไม่ได้อยู่ในเฟิร์ด แต่ฟิลลิปก็คิดว่าค่าชดเชยที่พวกเขาเสนอให้ลิงค์นั้นไม่เพียงพอ ถ้าเกิดว่าลิงค์มีแรงจูงใจที่มากพอ เขาอาจจะอยากให้ความช่วยเหลือในการตามหาเอวิเลน่าก็ได้ เขาอาจจะพาเธอมาหาพวกเขาได้ภายในวันเดียวด้วยซ้ำ
การตัดสินใจอย่างกะทันหันของไบรอันทำให้ฟิลลิปเกาหัวด้วยความสับสน
ไบรอันส่ายหัว“ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ไม่มีค่าชดเชยไหนหรอกที่เพียงพอต่อความต้องการของนักเวทย์ระดับตำนานอย่างลิงค์ ไปกันเถอะ”
จำนวนบุคคลระดับตำนานที่เขาสัมผัสได้ในถิ่นของศัตรูนั้นเพียงพอที่จะแข่งแสงยานุภาพกับเกาะรุ่งอรุณสำหรับตอนนี้ เฟิร์ดกับเกาะรุ่งอรุณนั้นกำลังยืนเสมอกันอยู่ ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่ทำสงครามกัน ก็ไม่มีทางที่เกาะรุ่งอรุณจะทวงคืนสิ่งที่เคยเป็นของพวกเขามาจากเฟิร์ดได้
นี่เป็นความด่างพร้อยที่น่าเศร้าที่สุดในประวัติศาสตร์ของไฮเอลฟ์กว่าหนึ่งพันปีที่ผ่านมา เกาะรุ่งอรุณได้จัดการทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิตเหตุการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม, ที่เบื้องหน้าของพวกเขาในตอนนี้ มนุษย์นั้นได้พลังอันน่าเกรงขามจนสามารถมาทัดเทียมกับพวกเขาได้แล้ว โลกกำลังพัฒนาขึ้นด้วยอัตราที่ไม่สามารถคาดเดาได้จริงๆ
มีเสียงดังขึ้นเบาๆและประตูมิติก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง สายตาของไบรอันจ้องมองมาที่ลิงค์ แล้วเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ลอร์ด ข้าหวังว่าท่านจะให้ความสำคัญกับภาพรวมมากกว่านี้นะ กองกำลังของเทพแห่งการทำลายที่อยู่ทางเหนือต่างหากหล่ะที่เป็นศัตรูที่แท้จริงของพวกเรา”
สงครามคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าสถานการณ์ระหว่างเฟิร์ดกับเกาะรุ่งอรุณยังตรึงเครียดอยู่แบบนี้
ลิงค์ยกแก้วไวน์ของเขาขึ้นมาและเอามาสัมผัสเบาๆที่มุมปากของเขา“พวกเราเผ่ามนุษย์รู้เรื่องนี้ดีกว่าเกาะรุ่งอรุณอีกนะ”
เขาได้เน้นเสียงตรงคำว่า“มนุษย์” ซึ่งมันก็ได้ทิ่มแทงใส่ไบรอันเหมือนกับลูกธนู ไบรอันรู้สึกโกรธเล็กน้อย และเขาก็รู้สึกหดหู่อยู่ในใจ
เขาเคยเป็นมนุษย์มาก่อนแต่ว่าในตอนนั้นเขายังหนุ่มและมุทะลุมากไปหน่อย การไล่ตามความรักของเขานั้นช่างบริสุทธิ์และเต็มไปด้วยความจริงใจ เขาล้มเลิกความเป็นมนุษย์และกลายเป็นไฮเอลฟ์ หรือพูดให้ชัดกว่านี้ก็คือ เขานั้นไม่ต่างอะไรจากวิญญาณหลงทางที่กำลังสวมเปลือกของไฮเอลฟ์อยู่
เขาเสียใจมากที่ทำการตัดสินใจแบบนั้นไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อนแต่ว่าตอนนี้ เขาถอยกลับไม่ได้แล้ว เขามีแต่จะต้องเดินไปให้สุดทาง
ด้วยความหดหู่เขาเดินไปที่ประตูมิติโดยไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นไฮเอลฟ์คนอื่นก็เดินตามเขาเข้าประตูไป
พรึ่บพรึ่บ พรึ่บ…พริบตาต่อมา พวกเขาก็มาปรากฏตัวขึ้นที่ลานเวทมนตร์ มีรถม้าสองคันจอดรอพวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว
พวกไฮเอลฟ์ได้ขึ้นรถม้าตามแบบที่พวกเขาขึ้นก่อนหน้านี้ไบรอันเองก็ขึ้นรถม้าเหมือนกัน แม้ว่าความคิดของเขานั้นจะล่องลอยออกไปที่อื่น
ในตอนที่เข้ามาในรถม้าแล้วเจ้าชายฟิลลิปก็ถามขึ้นในทันที “ท่านนักทำนาย เกิดอะไรขึ้น?”
“ห้ะ?”ไบรอันได้สติกลับมา จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมายาวๆก่อนที่จะอธิบายกับฟิลลิป “มีผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานอยู่ในเฟิร์ด 13 คน รวมทั้งตัวลอร์ดเฟิร์ดเองด้วย และจากที่ข้าเห็น อีกไม่นานนี้คงจะกลายเป็น 14 คน”
ถ้าเกิดว่าเขาคิดไม่ผิดผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานคนที่ 14 จะต้องเป็นเอเลียร์ดอย่างแน่นอน
ฟิลลิปถึงกับพูดไม่ออกที่เกาะรุ่งอรุณนั้นมีระดับตำนานอยู่แค่ 5 คนเท่านั้น แต่ตอนนี้เฟิร์ดมีมากกว่าถึง 2 เท่า นี่มันเป็นตัวเลขที่น่ากลัวจริงๆ!
หลังจากเงียบไปพักใหญ่ๆจู่ๆสายตาของเขาก็เบิกกว้าง ความหวังได้ผุดขึ้นมาในใจเขาและเขาก็กระซิบ “พวกเขาน่าจะเป็นแค่นักรบระดับตำนานรึเปล่า? ถ้าเกิดว่าพวกเขาเป็นแค่นักรบ ข้าก็คิดว่าไม่มีอะไรที่พวกเราต้องกลัวนะ”
นักรบระดับตำนานนั้นสามารถจัดการกับคนเป็นพันคนในสนามรบได้อย่างสบายๆนี่เป็นความสามารถที่น่าเหลือเชื่อมาก จะเรียกว่าเป็นเทพแห่งสงครามเลยก็ยังได้ แต่พละกำลังอันมหาศาลของนักรบนั้นจะมีประโยชน์ในการรบภาคพื้นดินเท่านั้น ต่อให้พวกเขามี 13 คน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอะไรเลย
ถ้าเกิดว่าผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาร่วมมือกันการโจมตีระดับสูงเป็นวงกว้างนั้นจะสามารถจัดการพวกเขาทั้งหมดได้ด้วยการโจมตีเดียว ไอรีนโนเวล
มีแค่นักเวทย์ระดับตำนานเท่านั้นที่สามารถพลิกสถานการณ์ให้เป็นไปตามที่ต้องการได้
นักเวทย์ระดับตำนานอาจจะไม่มีความสามารถเท่ากับนักรบระดับตำนานในการต่อสู้ตัวต่อตัวแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามก็คือความรู้ที่มากมายเกี่ยวกับพลังของโลก
นักเวทย์ระดับตำนานสามารถร่ายวงเวทย์อันทรงพลังและสร้างยาที่มีฤทธิ์รุนแรงได้แถมพวกเขายังสามารถสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ที่สุดหยั่งถึงและผลักดันขอบเขตความรู้ด้วยผลวิจัยของพวกเขาได้อีก ด้วยภูมิปัญญาอันลึกซึ้งของพวกเขานั้น พวกเขาสามารถชุบเลี้ยงเด็กที่มีพรสวรรค์ในเผ่าตัวเอง และปูทางสู่อนาคตที่สดใสให้เด็กเหล่านี้ได้
ถ้าในเฟิร์ดมีบุคคลที่มีพลังระดับนั้นถึง14 คน เกาะรุ่งอรุณก็คงจะต้องยอมแพ้ให้กับเกมหมากรุกที่เล่นบนกระดานที่ชื่อว่าฟิรุแมน
ในตอนที่ได้ยินคำพูดของฟิลลิปไบรอันก็ฉุกคิดขึ้นมา เขาค่อยๆนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เขาสัมผัสได้และรู้สึกว่าตัวเองทำพลาดแล้ว เขาทึกทักไปเองว่าในเมื่อลิงค์เป็นนักเวทย์ ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานคนอื่นก็จะต้องเป็นนักเวทย์เหมือนกัน แต่ตอนนี้พอย้อนกลับไปคิดดูแล้ว พวกเขาไม่ได้แสดงตัวออกมาให้เขาเห็นซักหน่อย มีแค่นักเวทย์คนสำคัญของเฟิร์ดเท่านั้นที่มาเข้ามาร่วมงานเลี้ยงบนชดาดฟ้า มันไม่มีหลักฐานมากพอที่จะชี้ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานคนใหม่นั้นแข็งแกร่งพอๆกับนักเวทย์คนสำคัญ และยังมีโอกาสสูงมากด้วยที่พวกเขาจะเป็นแค่นักรบระดับตำนาน
“ถ้าเป็นแบบนั้นบางทีมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ข้าคิดก็ได้นะ…เดี๋ยวก่อน ไม่สิ มันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง” สีหน้าของไบรอันเปลี่ยนไป
“เกิดอะไรขึ้น?”หัวใจของฟิลลิปเต้นแรงมากในตอนที่เห็นสีหน้าตื่นตกใจของไบรอัน ข้อสรุปอะไรกันที่ทำให้ท่านนักทำนายหวาดกลัวได้ขนาดนี้
ไบรอันพูดต่อ“ผู้เชี่ยวชาญหน้าใหม่พวกนี้น่าจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับนักเวทย์คนสำคัญของเฟิร์ด พวกเขาน่าจะเป็นนักรบระดับตำนานด้วยซ้ำ นี่ก็หมายความว่าเฟิร์ดมีนักเวทย์ระดับตำนานแค่ 2 คน ซึ่งก็คือ ลิงค์กับเอวิเลน่า และอีก 11 คนนั่นเป็นนักรบ แต่นี่หล่ะที่เป็นปัญหา นักรบระดับตำนานทั้ง 11 คนนี้คงไม่ได้จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาเองหรอก ลิงค์จะต้องใช้เทคนิคลับบางอย่างในการทำให้พวกเขาได้รับพลังระดับตำนานมาแน่ๆ และพวกเขาสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ภายในเวลาไม่กี่เดือนด้วย ซึ่งนั่นก็หมายความว่า..”
ในจุดนี้หัวใจของไบรอันเต้นแรงมาก เขาไม่กล้าพูดประโยคสุดท้าย
เจ้าชายฟิลลิปสามารถเติมช่องว่างด้วยตัวเองได้หน้าของเขาซีดเผือด “เฟิร์ดเป็นเจ้าของเทคนิคลับที่สามารถทำให้พวกเขาสร้างนักรบระดับตำนานขึ้นมาได้ ด้วยเทคนิคนี้ พวกเขาจะสามารถสร้างนักรบระดับตำนานออกมาได้ตามที่พวกเขาต้องการ เรื่องแบบนี้มัน….”
ลองนึกภาพนักรบระดับตำนานกว่าพันคนยืนอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของสนามรบสิแถมนักรบระดับตำนานเหล่านี้ยังสวมอุปกรณ์เวทมนตร์อันแข็งแกร่งที่ลิงค์เป็นคนสร้างด้วย
ใครจะไปสามารถต่อสู้กับกองทัพแบบนี้ได้หล่ะ?
แม้ว่าพวกเขาจะมีแค่ความสามารถในการต่อสู้ทางพื้นดินและทักษะทางการรบเพียงเท่านั้นแต่นักรบระดับตำนานที่ผลิตด้วยวิธีนี้ก็สามารถเอาชนะกองทัพอื่นได้อย่างง่ายดายด้วยการเอาจำนวนเข้าสู้
ตอนนี้ทั้งฟิลลิปกับไบรอันต่างก็เต็มไปด้วยความกลัวจากภาพที่พวกเขาจินตนาการอยู่ในหัวพวกเขายังไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือโกหก แต่พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะพิสูจน์ทฏษฏีของพวกเขาได้เลย อย่างไรก็ตาม กันไว้ดีกว่าแก้ การที่คิดเอาไว้ว่าลิงค์ได้ครอบครองเทคนิคลับแบบนั้นเอาไว้อยู่ ทางเกาะรุ่งอรุณจะได้รู้ว่าไม่มีทางที่จะทำสงครามชนะได้ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวเผชิญหน้ากับมันให้ดีก่อน
และในที่สุดไบรอันก็พูดขึ้น “ทางที่ดีพวกเราควรรีบกลับไปที่เกาะรุ่งอรุณและรายงานเรื่องนี้ให้ท่านราชินีทราบเดี๋ยวนี้เลย”
ฟิลลิปพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย“ท่านพูดถูก เหตุการณ์มันเริ่มไปไกลเกินกว่าจะควบคุมได้แล้ว”
ในระหว่างที่ไฮเอลฟ์ทั้งสองกำลังพูดคุยกันรถม้าอันสง่างามก็วิ่งผ่านถนนไปถึงท่าเรือ ในมุมลับข้างในรถม้านั้นมีคริสตัลความทรงจำถูกซ่อนเอาไว้อยู่ มันได้บันทึกทุกอย่างที่พวกเขาพูดเอาไว้
ไบรอันและฟิลลิปนั้นต่างก็ตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้นและพวกเขาไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติข้างในรถม้าของพวกเขาเลยในตอนที่พวกเขามาถึงท่าเรือ ทั้งสองก็ลงไปจากรถม้าและรีบขึ้นเรือโดยไม่ยอมเสียเวลาเลย
ครึ่งชั่วโมงต่อมาในที่สุดเรือค้าขายของไฮเอลฟ์ก็ออกไปจากท่าเรือภายในเวลา 5 นาที มีหมอกสีเขียวได้พุ่งออกมาจากเรือและรีบพุ่งผ่านอากาศไปยังเกาะรุ่งอรุณด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
นั่นคือไบรอันเขาไม่รอไม่ไหวแล้วและรีบกลับไปส่งข่าวให้เกาะรุ่งอรุณ
…
10นาทีต่อมา ลิงค์ก็ได้รับคริสตัลความทรงจำจากรถม้า เขากับนักเวทย์คนอื่นๆฟังบทสนทนาระหว่างไบรอันกับเจ้าชายฟิลลิปอย่างตั้งใจ
ในตอนที่พวกเขาฟังจนจบอัลโลว่าก็เป็นคนแรกที่พูดออกมา “ดูจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าไบรอันจะมั่นใจในทฏษฏีนี้มากเลยนะ ในตอนที่เขาออกไป เขาค่อนข้างตกใจกับเรื่องนี้พอสมควรเลย”
ลิงค์พยักหน้า“ฉันพยายามยั่วยุเขานิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องความเป็นมนุษย์ ตอนนั้นเขาดูสับสนมากเลย บางทีเขาอาจจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ามีคริสตัลความทรงจำอยู่ในรถม้า ฉันคิดว่าเขาน่าจะพูดความจริงนะ คนอื่นคิดยังไงกันบ้างหล่ะ?”
ผู้คนรอบตัวเขาเงียบสนิทแต่ละคนต่างก็คิดถึงความเป็นไปได้ที่เกาะรุ่งอรุณจะใช้กับเฟิร์ด
3นาทีต่อมา แวนซ์ก็พูดขึ้น “ข้ากลัวว่าเกาะรุ่งอรุณอาจจะล้ำเขตของพวกเขาก็ได้”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับคำพูดนี้
ล้ำ…เขตของพวกเขาหรอ?
ล้ำเขตอะไรกัน?