Advent of the Archmage - 541 รักษาสมดุลย์พลัง
คำพูดที่ว่า“ล้ำเขต” นั้นคือรากฐานสำหรับทั้งสองฝ่ายในการรักษาสถานะการร่วมมือกันอย่างรู้อยู่แก่ใจ ซึ่งตอนนี้, การร่วมมือกันระหว่างเฟิร์ดกับเกาะรุ่งอรุณนั้นได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานความจริงที่ว่าทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญหน้ากับกองทัพแห่งการทำลาย พูดอีกนัยนึงก็คือ, เกาะรุ่งอรุณจะไม่มาหาเรื่องในขณะที่มนุษย์, ที่ถูกนำโดยเฟิร์ด, กำลังเผชิญหน้ากับกองทัพแห่งการทำลาย
ถ้าเกาะรุ่งแต่อรุณรู้สึกว่าเฟิร์ดเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่,พวกเขาก็อาจจะทำลายข้อตกลงที่รู้กันอยู่แก่ใจนี้ก็ได้
เอเลียร์ดไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้เลย”พวกนั้นจะทำจริงๆหรอ?” เขาถาม
แวนซ์ยักไหล่“ข้าก็บอกไม่ได้หรอก, แต่จากวิธีที่พวกมันทำกับเอวิเลน่า, พวกมันคงให้ความสำคัญกับสิ่งที่พวกมันเรียกว่าขนบธรรมเนียมและสายเลือดราชวงศ์จริงๆ พวกมันอาจจะเห็นความรุ่งโรจน์เป็นสิ่งที่พวกมันต้องปกป้องด้วยชีวิต ซึ่งพวกมันคงจะยอมทำทุกอย่างถ้าขนบธรรมเนียมของพวกมันถูกคุกคาม”
เซลีนเองก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน,แล้วเธอก็ไม่เห็นด้วย “ฉันไม่คิดว่างั้นนะ ไฮเอลฟ์มีประชากรไม่ถึงสามล้านคน ในตอนที่สงครามเริ่มต้นขึ้น, แม้ว่าพวกเราจะต้องสละ 100 คนในการจัดการไฮเอลฟ์หนึ่งคน, แต่พวกเราก็จะสูญเสียไปแค่หนึ่งร้อยล้านคนเท่านั้นและยังเหลืออีกตั้งสามร้อยล้านคน ในอีกด้านนึง, พวกไฮเอลฟ์จะอยู่ในจุดเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ แถม, ขนบธรรมเนียมสำคัญสำหรับพวกมันขนาดนั้นจริงๆหรอ?”
“จริง,สำคัญมากเลยหล่ะ” เสียงที่สดใสดังออกมา เธอคือเอลิน
เธอยืนขึ้นบนเก้าอี้,แล้วเอามือทุบโต๊ะ ดวงตาที่สดใสและกลมโตของเธอจริงจังมาก แต่ก็แน่นอนว่า, สำหรับคนอื่นนั้น, เธอดูน่ารัก คนที่เห็นคงอยากจะหยิกแก้มของเธอ แต่นักเวทย์ในที่นี้คงไม่ทำแบบนั้นพวกเขาทุกคนต่างก็ตั้งใจฟังธิดาพยากร
“เผ่าพันธุ์เก่าแก่ทุกเผ่าในฟิรุแมนนั้นต่างก็ให้ความสำคัญกับขนบธรรมเนียม”เอลินพูดอย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะเป็นไฮเอลฟ์, มังกร, คนแคระ, และยับบ้าของข้าต่างก็เป็นแบบนี้ ขนบธรรมเนียมคือประสบการณ์อันทรงคุณค่าที่เก็บรวบรวมมานานนับปี มันคือสัญลักษณ์ที่ชี้นำเผ่าพันธุ์ให้ข้ามผ่านกาลเวลาได้อย่างปลอดภัย พวกเราใช้ชีวิตในฟิรุแมนตามขนบธรรมเนียมเหล่านี้มายาวนานมากแล้ว…แตว่า, การให้ความสำคัญกับขนบธรรมเนียมนั้นก็เป็นได้ทั้งคำอวยพรและคำสาป โดยเฉพาะในตอนที่เผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่, ขนบธรรมเนียมก็อาจจะกลายเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดก็เป็นได้”
ในประโยคสุดท้ายนั้น,เอลินพูดช้าลงเล็กน้อย เธอคิดถึงเผ่าตัวเอง
เธอทำนายได้ว่าจะมีภัยพิบัติร้ายแรงเกิด แต่นักเวทย์ในที่นี้คงไม่ทำแบบนั้นพวกเขาทุกคนต่างก็ตั้งใจฟังธิดาพยากร
“เผ่าพันธุ์เก่าแก่ทุกเผ่าในฟิรุแมนนั้นต่างก็ให้ความสำคัญกับขนบธรรมเนียม”เอลินพูดอย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะเป็นไฮเอลฟ์, มังกร, คนแคระ, และยับบ้าของข้าต่างก็เป็นแบบนี้ ขนบธรรมเนียมคือประสบการณ์อันทรงคุณค่าที่เก็บรวบรวมมานานนับปี มันคือสัญลักษณ์ที่ชี้นำเผ่าพันธุ์ให้ข้ามผ่านกาลเวลาได้อย่างปลอดภัย พวกเราใช้ชีวิตในฟิรุแมนตามขนบธรรมเนียมเหล่านี้มายาวนานมากแล้ว…แตว่า, การให้ความสำคัญกับขนบธรรมเนียมนั้นก็เป็นได้ทั้งคำอวยพรและคำสาป โดยเฉพาะในตอนที่เผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่, ขนบธรรมเนียมก็อาจจะกลายเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดก็เป็นได้”
ในประโยคสุดท้ายนั้น,เอลินพูดช้าลงเล็กน้อย เธอคิดถึงเผ่าตัวเอง
เธอทำนายได้ว่าจะมีภัยพิบัติร้ายแรงเกิดตอนนั้น, พวกเขาได้ทำการบังคับให้พวกส่วนน้อยหนีไปอยู่ดินแดนมืดและกลายเป็นดาร์คเอลฟ์ในทุกวันนี้ และเมื่อสามร้อยปีก่อนในยุคของไบรอันท์, ไฮเอลฟ์ก็ทำแบบเดียวกัน ในตอนนั้น, ไบรอันท์มีความทะเยอทะยานในการทำให้เผ่ามนุษย์มีอำนาจขึ้นมา ซึ่งในตอนนั้นคำว่ารักไม่ใช่ทุกอย่างสำหรับเขา แต่ถึงกระนั้น, เขาก็ยอมแพ้ในตอนสุดท้าย มีความลับที่น่ากลัวบางอย่างด้วย ซึ่งเจ้าคงจะรู้ดีว่าตอนจับมันเป็นยังไง; เขาได้กลายเป็นหนึ่งในไฮเอลฟ์”
เอลินพูดจบ,และนักเวทย์ในสวนก็พากันนั่งเงียบ
หลังจากหยุดคิด,ลิงค์ก็ปรบมือ “อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็คือผ่านไปแล้ว, แต่อนาคตยังไม่แน่นอน พวกเราต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ซึ่งวิธีการที่เร็วที่สุดก็คือการเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยคริสตัลไร้กาย ไม่ใช่แค่พวกเราควรใช้มันในการสร้างอุปกรณ์ไร้กายสำหรับนักเวทย์เท่านั้น, แต่พวกเรายังต้องใช้พวกมันกับนักรบแสงอรุณที่แข็งแกร่งด้วย ยิ่งพวกเรามีคริสตัลไร้กายมากเท่าไหร่, พวกเราก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น มีใครค้านอะไรไหม?”
ทุกคนในที่นี้ได้เห็นประโยชน์ของคริสตัลไร้กายแล้วและเมื่อผนวกด้วยความรู้ของเอลิน, ความเสี่ยงก็ลดลงอย่างมาก คงไม่มีใครปฏิเสธผลประโยชน์ที่ได้มาง่ายๆเช่นนี้
“ข้าไม่มีข้อคัดค้าน”แวนซ์พูด
“ข้าสนใจพลังของไร้กาย”อัลโลว่า, สตรีแห่งความจริงพูด “ไม่ใช่แค่พวกมันจะช่วยให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นได้โดยตรงเท่านั้น, แต่โครงสร้างมานายังน่าสนใจมากเลยด้วย มันคุ้มค่าแก่การศึกษา ดังนั้น, ยิ่งมีคริสตัลแบบนี้มากเท่าไหร่, ก็ยิ่งดี”
นักเวทย์ลึกลับเอเลนอร์ยิ้ม“ข้าสงสารพวกไร้กายนะ, แต่ในเมื่อพวกมันชอบฟิรุแมน, พวกเราก็ควรทำให้พวกมันได้อยู่ที่นี่ตลอดไป ไอลีนโนเวล
ในที่สุด,เอลินก็ยกมือเล็กๆของเธอขึ้นและพูดอย่างจริงจัง “ยับบ้าขอเข้าร่วมการล่าครั้งนี้ด้วย”
มตินี้ผ่านอย่างเป็นเอกฉันท์
ลิงค์พยักหน้า“เยี่ยมเลย ต่อไปพวกเราก็ต้องหาวิธีที่สมบูรณ์แบบในการจับพวกไร้กาย”
บางทีน่าจะเป็นเพราะอิทธิพลของลิงค์ในฐานะลอร์ด,ผู้คนของเฟิร์ดจึงค่อยๆเริ่มมีนิสัยในการทำทุกอย่างอย่างมีประสิทธิภาพ ในตอนที่พวกเขาตัดสินใจเรื่องบางอย่างได้แล้ว, พวกเขาก็จะลงมือทำในทันทีโดยไม่ปล่อยให้เสียเวลา
ในเมื่อตอนนี้ทุกคนเห็นด้วยแล้ว,พวกเขาก็ย้ายจากสวนไปที่ห้องปรุงยากับเสริมพลังในทันที ทุกคนต่างก็ร่วมมือกันสร้างอุปกรณ์จับไร้กายที่แข็งแกร่ง
ในขณะที่เฟิร์ดกำลังเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย,ไบรอันท์ก็กลับมาถึงเกาะรุ่งอรุณแล้ว ในตอนที่เขามาถึง, เขาก็รีบไปที่อันวาร์, วังหลวงของไฮเอลฟ์ที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางเกาะ, โดยไม่หยุดพัก”
เกาะรุ่งอรุณนั้นมีรัศมีกว้างไม่ถึง200 ไมล์ ด้วยความเร็วของไบรอันท์, ต้นไม้ยักษ์ที่สูงเข้าไปในเมฆก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าเขาในเวลาสองนาทีต่อมา ต้นไม้นี้ใหญ่มากจริงๆ มันสูงกว่า 600 ฟุต, และลำต้นก็กว้างกว่า 180 ฟุต ยอดไม้นั้นแผ่กิ่งก้านสาขาออกมาเหมือนกับร่มยักษ์สีเขียว
แสงสีมรกตฉายลงมาจากระหว่างใบไม้กับกิ่งไม้ในตอนที่แสงนั้นสัมผัสกับอากาศ, มันก็เปลี่ยนเป็นบอลแสงล่องลอยไปตามลม บอลแสงเหล่านี้กระจายออกไปทั่ว, บ้างก็เข้าไปในดิน, บ้างก็กระจัดกระจายเป็นบอลเล็กๆ พวกมันจะทำการแบ่งตัวไปเรื่อยๆจนกระทั่งอากาศถูกแต้มด้วยสีเขียว
นี่คือเวทย์ธรรมชาติเลเวล19
แม้กระทั่งพระเจ้าก็ไม่เข้าใจความลึกลับของต้นไม้โลกและวังหลวงของไฮเอลฟ์นั้นก็ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้นี้
อันวาร์นั้นเป็นอาคารสีม่วงอ่อนกำแพงชั้นนอกถูกปกคลุมด้วยเส้นใยเวทมนตร์สีเงิน พื้นถูกทำมาจากกระเบื้องหยก ตลอดทาง, จะมีโคมไฟต้นไม้อยู่ทุกๆสองสามก้าว, พวกมันเปล่งแสงที่นุ่มนวลออกมา
ทั่วทั้งเมืองนั้นลึกลับ,ซับซ้อน, สงบสุข, และปลอดโปร่ง ที่นี่, หัวใจของไบรอันท์, ที่เหนื่อยล้ามาจากการไปเยี่ยมเฟิร์ด, ค่อยๆสงบลงมา เขารู้ว่านี่คือพลังของต้นไม้
บนเกาะรุ่งอรุณ,ความฝันสุดท้ายของไฮเอลฟ์สูงอายุนั้นก็คงจะเป็นการได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้โลกไปชั่วนิรันดร์
ไบรอันท์สูดหายใจเข้าลึกๆเขาลดความเร็วลงและเดินไปตามเส้นทางหยก ในขณะที่กำลังเดินอยู่, เขาก็จัดเรียงความคิดของเขาไปด้วย ในตอนที่เขามาถึงไฮดานี (เป็นภาษาเอลฟ์, หมายความว่า ‘ศาลาดวงดาวนิทรา’), หัวใจของเขาก็สงบลงอย่างสมบูรณ์
เขาเห็นราชินีอยู่ที่ทางเข้า
เธอกำลังยืนพิงโคมไฟต้นไม้อยู่ด้วยเท้าเปล่าสายตาที่เธอจ้องมาที่ไบรอันท์นั้นไร้อารมณ์, แล้วเธอก็พูดออกมา “ข้ารู้สึกได้ถึงความกังวลในตัวเจ้า ไบรอันท์, เล่าเรื่องที่เฟิร์ดมาให้ข้าฟังซิ”
ไบรอันท์โค้งคำนับและเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ราชินีฟังอย่างเงียบๆคิ้วของเธอจะขมวดเป็นบางครั้งแต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ไบรอันท์พูดจบ, เธอก็ถอนหายใจออกมา “นี่ไม่ใช่ข่าวดีเลย, แต่มันก็ไม่ใช่ภัยพิบัติแรกที่พวกเราเคยเผชิญ, และมันก็จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย ไบรอันท์, ข้ามีภารกิจลับให้เจ้า”
ไบรอันท์พูดด้วยความประหลาดใจ“ครับ”
“ขึ้นเหนือไปที่ป่าทมิฬและทำให้มั่นใจว่ากองทัพของเทพแห่งการทำลายทางภาคเหนือกับกองทัพมนุษย์จะมีสมดุลย์พลังเท่าๆกัน…ทำได้ใช่ไหม?”
ไบรอันท์โค้งให้เล็กน้อย“ได้ครับ, องค์ราชินี
เขารู้ว่าคำสั่งง่ายๆนี้หมายถึงการที่ชีวิตนับไม่ถ้วนในดินแดนฟิรุแมนจะต้องล้มตายมันคงไม่ใช่แค่หลักพันหรือหลักหมื่น ในท้ายที่สุดนั้น, มันอาจจะไปถึงหลักล้าน, และเกือบสิบล้านก็ได้
แต่ชีวิตเหล่านี้ไม่ใช่ไฮเอลฟ์,ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจอะไร
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ไฮเอลฟ์ทำเรื่องแบบนี้,และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเหมือนกัน ทุกอย่างจะเรียบร้อยเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่อาศัยในเกาะแห่งนี้