Advent of the Archmage - 543: ไฟสงครามได้ถูกจุดแล้ว
หินดวงจันทร์นั้นฟังดูเพราะดี, แต่ความสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวระหว่างหินประเภทนี้กับดวงจันทร์ก็คือทั้งคู่นั้นมีแสงที่นุ่มนวลเหมือนกับน้ำ
ถ้าชิ้นส่วนหินดวงจันทร์ถูกติดเอาไว้บนเพดานห้องที่มืดสนิท,มันก็จะส่องสว่างเหมือนกับดวงจันทร์ ซึ่งมันคงจะสวยมาก
แต่ก็แน่นอนว่ามันไม่ได้มีดีแค่สวยงามเพียงอย่างเดียว อันที่จริงแล้วมันคือหินอวกาศที่สามารถไปถึงเลเวล 19 ได้ อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่วัตถุดิบสำหรับการต่อสู้ ในทางชีวภาพ มันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น, มันแข็งแกร่งไม่ถึงเลเวล 11 ด้วยซ้ำ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ยากมากในการฝืนเอาพลังของมันไปใช้ทางสายต่อสู้
การใช้งานที่เหมาะสมที่สุดก็คือการนำมาใช้เป็นตัวกรอง!
นอกจากวัตถุดิบทางกายภาพแล้วมันยังสามารถกรองพลังวิญญาณและของที่มีสภาพกึ่งแข็งได้ด้วย
ยกตัวอย่างเช่นพลัง
คนหนึ่งคนนั้นจะได้รับผลกระทบจากหลายๆสิ่งไม่ว่าจะเป็นสายเลือด,ทักษะ, อารมณ์และสภาพแวดล้อมรอบตัวพวกเขา ซึ่งพลังเองก็มีสิ่งปนเปื้อนอยู่มากมายเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นเซลีน ไม่ว่าพลังปีศาจของเธอจะถูกผนึกเอาไว้ดีแค่ไหน แต่ในมานาของเธอก็ยังคงมีออร่าปีศาจอยู่อ่อนๆ
มันอ่อนมากจนนักเวทย์ธรรมดาไม่สามารถสังเกตได้แต่ถ้าเป็นระดับลิงค์หล่ะก็ เขาสามารถสัมผัสถึงมันได้
ถ้าเขาได้หินดวงจันทร์มาเขาก็จะสามารถช่วยกรองพลังให้เซลีนได้ หลังจากผ่านการกรองหลายๆครั้ง ในตัวเธอก็จะเหลือแค่มานาที่บริสุทธิ์ แต่ในทางกลับกันพลังนั้นก็จะส่งผลกระทบกับร่างกายของเธอและระงับสายเลือดปีศาจ มันอาจจะกำจัดสายเลือดปีศาจของเธอไปจนหมดเลยก็ได้ แล้วก็ในกรณีของลิงค์
เขาควรจะมีพลังมังกรบริสุทธิ์แต่ว่าเขาก็รู้สึกได้ว่ามันไม่บริสุทธิ์ ทุกครั้งที่เขาร่ายเวทย์ด้วยความเร็วสูง เวทย์ของเขาจะเกิดระลอกคลื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าพลังของเขาไม่บริสุทธิ์
ถ้าเกิดว่าเขาสามารถกรองสิ่งปนเปื้อนพวกนี้ออกไปได้เวทย์ของเขาก็จะสมบูรณ์แบบกว่าเดิม และมันยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มเลเวลของเขาในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ตามนี่เป็นแค่ตัวอย่างการใช้หินดวงจันทร์เพียงด้านเดียวเท่านั้น มันยังสามารถกรอง ความคิดที่กวนใจ, ชำระล้างจิตใจของสิ่งมีชีวิตและยังมีการใช้งานที่น่าอัศจรรย์อีกมากมาย สรุปง่ายๆก็คือ วิธีการใช้หินนี้มีสารพัดวิธี!
หลังจากที่รับภารกิจมาลิงค์ก็พูดขึ้น “ฉันไม่รู้จักรูนพวกนี้ แต่ในเมื่อเขาสวมกำไลติดตัวเอาไว้ตลอด มันก็น่าจะมีประโยชน์อะไรบ้างหล่ะ ถ้าเกิดว่าเราเจอตัวเขา พวกเราก็แค่คอยสังเกตุดูความเปลี่ยนแปลงของกำไลก็พอแล้ว”
อันที่จริงลิงค์รู้วิธีใช้กำไลนี้หลังจากที่เขารู้ว่าอีกฝ่ายคือฮาโรม
ประโยคที่ว่า“จุด 1852 ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ลับ” นั้นมีหมายความว่ากำไลนี้คือวงแหวนจุดเชื่อมต่อลับ ซึ่งประโยชน์ของมันก็คือการทำให้ฮาโรมเทเลพอร์ทแบบระยะสั้นได้อย่างต่อเนื่อง
มันค่อนข้างเป็นนามธรรมเล็กน้อยขั้นตอนอย่างละเอียดของมันเกิดขึ้นภายในเวลา 1 วินาที ฮาโรมสามารถวาร์ประหว่างจุดเชื่อมต่อที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าได้มากกว่า 1,000 ครั้งโดยที่แทบไม่เสียพลังงานเลย และด้วยพลังนี้เอง, คนที่มองด้วยตาเปล่าก็จะเห็นฮาโรมอยู่หลายๆที่ในเวลาเดียวกัน มันเหมือนกับกองทัพพลังเวทย์ที่ไม่สามารถเอาชนะได้
เวทย์นี้ดีมากสำหรับใช้หลบหนีหรือใช้ข่มศัตรูให้หวาดกลัวในระหว่างการต่อสู้ฮาโรมชอบหนีมาก แต่ว่านั่นก็เป็นเพราะเขาเป็นคนระมัดระวังตัว ถ้าเกิดว่าเข้าตั้งใจจะสู้จริงๆ เทคนิคของเขาก็เป็นปัญหาเหมือนกัน
ถ้าเกิดว่าลิงค์ไปเผชิญหน้ากับเขาด้วยตัวคนเดียวเขาก็คงจะต้องลำบากมากถ้ามีการปะทะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามนี่ถือว่าเป็นโชคร้ายสำหรับฮาโรม เพราะเขาพาเพื่อนมาด้วย 3 คน และที่สำคัญกว่านั้น เซลีนมีทักษะในการทำนายที่น่าจะอยู่ระดับพอๆกับฮาโรมด้วย
ไม่ว่าเขาจะเจ้าเล่ห์ขนาดไหนเซลีนก็น่าจะรู้ว่าต่อไปเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่ไหน และถ้าเกิดว่าเธอยิงโดน เขาก็จะเกมส์โอเวอร์ในทันที และด้วยเหตุนี้เอง ลิงค์จึงไม่ได้กังวลเรื่องกำไลซักเท่าไหร่
ตอนนี้ทุกคนได้ตรวจสอบอุปกรณ์ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยและพร้อมลุยแล้ว “ลิงค์” เอเลียร์ดพูด “พวกเราจะไปกันเลยไหม?”
ลิงค์พยักหน้าและหันไปหาเซลีน“ในระหว่างทางก็ระวังตัวดีๆนะ แล้วก็เก็บปืนสั้นเอาไว้ในที่ที่หยิบง่ายเผื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัวด้วย”
เขาได้ใส่พลังไร้กายลงไปในปืนคู่,ลิงค์&เซลีนด้วยและลิงค์ก็สร้างกระสุนเลเวล 11 ให้อีก20นัด
“เข้าใจแล้ว”เซลีนตบปืนเวทมนตร์ทั้ง2กระบอกที่แนบอยู่ข้างเอวของเธอ
”ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”
หลังจากที่เขาพูดพบก็เกิดแสงวาบขึ้นมา ทั้งสี่คนหายไปจากโรงแรม และชั่วพริบตาต่อมา พวกเขาก็มาปรากฏตัวขึ้นที่ย่านธุรกิจในเขตชานเมืองทางใต้ของท่าเรือแอนทีค
พวกเขาเดินไปทางตะวันตกตามแผนที่หลังจากผ่านไปประมาณ 15 ไมล์ ก็มีทางแยกอยู่ข้างหน้า และพวกเขาก็ไปทางซ้ายและไปถึงเนินเขาหลังจากเดินทางไปอีก 10 ไมล์ ที่นั่นมีเมืองเล็กๆที่ชื่อว่าเกลนไฮส์ตั้งอยู่ที่เนินเขา
อ้างอิงจากหน่วยสอดแนมนี่เป็นสถานที่สุดท้ายที่เจ้าชายไร้กายปรากฏตัวขึ้น เจ้าชายไร้กายฮาโรมนั้นอ่อนไหวกับเวทย์มิติมากเพื่อไม่ทำให้เขารู้ตัว ลิงค์จึงตั้งตำแหน่งส่งสัญญาณอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ห่างจากเกลนไฮส์ไป 12 ไมล์
หลังจากที่มาถึงย่านธุรกิจพวกเขาก็เดินไปทางตะวันตก ในระหว่างทาง พวกเขาได้เจอกับกลุ่มโจรระดับต่ำจากสมาคม พวกเขาหลบกลุ่มแรกและจัดการกับกลุ่มที่สอง หลังจากเดินไปได้ 2 ชั่วโมง พวกเขาก็เห็นเกลนไฮส์
เมืองนี้ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นเนินเขาสิ่งก่อสร้างนั้นเป็นกระท่อมไม้เรียบๆ จากระยะไกล พวกเขาสามารถเห็นคนเดินไปมาได้ มันดูค่อนข้างมีชีวิตชีวา มีถนนเปิดกว้างวนขึ้นไปตามทางลาดเอียง พวกเขาเดินด้วยความเร็วปกติเหมือนกับทหารรับจ้างทั่วไป
เอวิเลน่าคุ้นเคยกับทางใต้ดี“มีป่ากว้างอยู่ทางใต้ของเนินเขา” เธอแนะนำ “มันเต็มไปด้วยวัตถุดิบมากมายในขณะที่เกลนไฮส์ตั้งอยู่ริมป่า แถมเมืองนี้ยังอยู่ใกล้กับท่าเรือด้วยพ่อค้ามักจะมาซื้อสมุนไพรสำหรับทำยา, ขนสัตว์และของป่าจากที่นี่” ไอรีนโนเวล
“เมืองนี้คงมีประชากรที่หลากหลายมากเลยสินะ”เอเลียร์ดพูด
เอวิเลน่าพยักหน้า“ใช่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่ทำไมคนต่างถิ่นถึงไม่ได้โดดเด่นสำหรับที่นี่ และมันก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ฮาโรมจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ด้วย”
ลิงค์หัวเราะ“แต่ว่าเขาเป็นแขกจากมิติอื่นนะแถมยังลักลอบเข้ามาด้วย”
หน่วยสอดแนมรายงานมาว่ามีพ่อค้าคนนึงที่อาศัยอยู่เมืองเกลนไฮส์ชอบกินมดยิ่งมดตัวใหญ่และดำมากแค่ไหนเขาก็ยิ่งชอบเท่านั้น เขาจะให้ราคาพิเศษกับคนที่มาขาย อ้างอิงจากคนรับใช้ เขาต้องทอดมดให้พ่อค้าคนนี้ด้วย
ในตอนแรกหน่วยสอดแนมไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร ทุกคนต่างก็มีนิสัยแปลกๆของตัวเอง ยังไงก็ตาม ลิงค์รู้ในทันทีว่าเขาเป็นนักรบไร้กายระดับสูงหลังจากที่ดูข้อมูลนี้ ภายในเกมมดนั้นเป็นของโปรดของนักรบไร้กาย มดมีสารอาหารบางอย่างที่สามารถลดความเจ็บปวดจากความไม่เข้ากันของร่างโฮสท์ได้ ยิ่งไร้กายแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็จะยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น พวกไร้กายธรรมดาอาจจะสามารถทนกับมันได้ แต่สำหรับไร้กายระดับสูงนั้นต้องกินมดเพื่อกำจัดความเจ็บปวดไป ไม่อย่างนั้น มันจะเจ็บปวดมากยิ่งกว่าการตายเสียอีก
อาการนี้จะเกิดขึ้นกับพวกไร้กายที่เข้ามาในฟิรุแมนช่วงครึ่งปีแรกและในครึ่งปีต่อมา จะมีบางส่วนที่หาวิธีรักษาอาการนี้ได้ และในท้ายที่สุด มันก็จบลงด้วยนิสัยแปลกๆอย่างการกินมดดำ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสี่คนก็มาถึงเกลนไฮส์
ลิงค์มองซ้ายมองขวาเขาเห็นชาวนากำลังผ่าฟืนอยู่ตรงถนนหน้าบ้าน “นี่ ขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ข้ากำลังยุ่งอยู่เจ้าอยากรู้อะไรหล่ะ?”เขาเปลี่ยนน้ำเสียงในทันทีหลังจากที่ลิงค์โยนเหรียญเงินให้
“ฉันได้ยินมาว่ามีพ่อค้าแปลกๆที่ชอบกินมดดำอยู่ที่นี่”ลิงค์พูด
“อ๋อเจ้าหมายถึง คุณกูดอลใช่ไหม? เจ้ามาตามหาเขาทำไมหรอ?” ชาวนาถามในทันที ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็ออกแรงผ่าฟืนออกเป็นสองซีก
“ก็อย่างที่เห็นพวกเราสี่คนเป็นทหารรับจ้าง พวกเราได้ยินมาว่าเขาให้ราคาดีกับมดและเราก็ไปเจอตัวที่ใหญ่มากๆมา” ลิงค์สั่นกระเป๋าให้ดู
“งี้นี่เอง”ชาวนาชี้ไปที่บ้านไม้หลังคาแหลมที่ตั้งอยู่กลางเมือง “เห็นตรงนั้นมั้ย? นั่นแหล่ะที่อยู่ของคุณกูดอล แค่ไปที่นั่นก็จะได้เจอเขาแล้ว”
“ขอบคุณมากนะ”ลิงค์พยักหน้าและหันไปกวักมือเรียกพรรคพวกของเขา ทั้งกลุ่มเดินไปอย่าง ‘ปกติ’ บ้านไม้นั้นอยู่ห่างไปแค่ไม่กี่ร้อยฟุตหลังจากเดินไปได้ไม่กี่นาที พวกเขาก็มาถึง
บ้านหลังนี้มีลานกว้างที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูงประตูนั้นถูกปิดเอาไว้อย่างแน่หนา ไม่มีเสียงดังมาจากข้างในเลย ลิงค์ลองฟังดูแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเดินไปที่ประตู, วางมือลงไปและเตรียมพร้อมที่จะพังมัน แต่ในตอนที่เขาจะออกแรง เขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างและเอามือออกในทันที
“มีเวทย์รักษาความปลอดภัยอยู่ด้วยไปข้างๆกันเถอะ” ลิงค์เดินไปตรงซอยที่อยู่ข้างๆ ในตอนที่เขาไปถึง เขาก็ยืนบนไหล่ของเซลีน และใช้กำลังกายในการกระโดดข้ามกำแพงที่สูงกว่า10ฟุต
เอเลียร์ดกับเอวิเลเน่าต่างก็มีร่างกายที่แข็งแรงและพวกเขาก็กระโดดตามมาด้วยในตอนที่เข้ามาในลาน พวกเขาก็เห็นว่ามันเต็มไปด้วยดอกไม้และพืชแปลกๆ แถมยังมีหม้อใบใหญ่ที่มีน้ำเดือดปุดๆอยู่ด้วย ที่ด้านข้างของมันมีกระเป๋าใบเล็กอยู่ กระเป๋าใบนี้เปิดอยู่ครึ่งนึง และมีมดตายอยู่ข้างใน
พอตัดสินใจได้ลิงค์ก็เดินไปดมของที่อยู่ในหม้อ “เขาน่าจะพยายามสกัดสารที่อยู่ในตัวมดออกมา เขาพึ่งออกไปแต่น่าจะกลับมาในเร็วๆนี้ ไปซ่อนตัวในลานกันเถอะ!”
ลานนั้นยาวกว่า60 ฟุตกว้าง 30 ฟุต และมันยังมีพืชพันธุ์จำนวนมากเลยด้วย ทั้งสี่คนสามารถใช้พืชกำบังตัวได้โดยที่ไม่ต้องใช้เวทมนตร์เลย
ลิงค์รอให้ทั้งสามคนซ่อนตัวก่อนจากนั้นเขาก็เริ่มทำการกลบร่องรอยของพวกเขา และในท้ายสุดเขาก็เข้าไปซ่อนด้วยและรอให้เจ้าชายไร้กายปรากฏตัวออกมา
ทั้งสี่คนรออย่างอดทนหลังจากผ่านไปประมาณ 2 นาที ประตูก็เปิดออก มีใครบางคนเปิดเข้ามา จากนั้นก็มีคน 2 คนเดินเข้ามาด้วย
หนึ่งในนั้นสวมผ้าคลุมสีเทาและไม่ได้สวมหน้ากากเขาน่าจะอายุประมาณ 30 ปี ส่วนอีกคนที่อยู่ข้างๆเขาเป็นผู้หญิง แต่ว่าเธอปกปิดตัวเองเอาไว้อย่างดี แม้กระทั่งออร่าของเธอ ก็ไม่เล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย จุดเด่นเดียวของเธอก็คือส่วนสูง เธอสูงกว่าผู้หญิงเผ่ามนุษย์คนอื่นๆเกือบครึ่งนึง
อ้างอิงจากคำอธิบายของเอวิเลน่าคนที่อยู่ข้างซ้ายนั้นคือเจ้าชายไร้กาย แล้วผู้หญิงที่อยู่ทางขวาล่ะ?
ลิงค์มองเอวิเลน่าที่ซ่อนอยู่อีกที่นึงอย่างสับสนและสิ่งที่เขาเห็นก็ทำให้เขาตกใจมาก เอวิเลน่าส่ายหัวและพูดออกมาเบาๆ “นั่นไม่ใช่เจ้าชายไร้กาย และผู้หญิงคนนั้นก็เป็นไฮเอลฟ์”