Advent of the Archmage - 549: ที่สำคัญกว่าคือมันกำลังเติบโต
2วันต่อมา กลุ่มของลิงค์ก็กลับมาจากทางใต้ พร้อมกับของเต็มตัว
ในครั้งนี้พวกเขาได้นำคริสตัลไร้กายกลับมาจำนวน 569 ชิ้น พวกเขาจัดการล้างบางนักรบไร้กายที่อยู่ในสมาคมไปจนเกือบหมด
หลังจากกลับมาถึงเฟิร์ดลิงค์ก็ไม่ได้พักเลย เขาเรียกรวมตัวนักเวทย์คนสำคัญของดินแดนเพื่อเริ่มทำการสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ไร้กายในทันที
อุปกรณ์นี้สามารถแปลงเป็นพลังงานระดับตำนานได้มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนความสามารถในการต่อสู้ระดับสูงของเฟิร์ด หรือพูดอีกอย่างก็คือ มันเป็นวัตถุดิบเชิงกลยุทธ์ พวกมันจะต้องสมบูรณ์แบบและไร้จุดด่างพร้อย
ซึ่งก็แน่นอนว่างานนี้ต้องการนักเวทย์ที่แข็งแกร่ง
ณปัจจุบัน มีนักเวทย์คนสำคัญในเฟิร์ดอยู่ 6 คน นอกจากลิงค์ก็มี เอเลียร์ด แวนซ์ อัลโลว่า และเซลีน
เซลีนเรียนรู้วิชาเสริมพลังจากลิงค์มาเป็นเวลาครึ่งปีโดยที่ไม่ได้พักเลยและเมื่อรวมกับการช่วยเหลือจากลิงค์ การเสริมพลังของเธอก็พัฒนาไปไกลมาก ตอนนี้เธอเก่งพอๆกับแวนซ์และคนอื่นๆแล้ว
นอกจากอัลโลว่าที่ใช้พลังมังกรของลิงค์เนื่องจากสถานการณ์เฉพาะของเธอคนอื่นอีก 5 คนต่างก็มีเลเวลมากกว่า 8 กันหมดแล้ว พลังแสงอรุณของเอเลียร์ดเองก็อยู่ในขั้นสูงสุดของเลเวล 9 พลังของเขาค่อนข้างจะตื่นตัวเหมือนกัน อีกไม่นาน เขาน่าจะเข้าสู่เลเวล 10
นี่เป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์;พวกเขาสามารถมองข้ามอาณาเขตอื่นๆของมนุษย์ได้อย่างเย่อหยิ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับกองทัพนักเวทย์อันแข็งแกร่งที่มีเลเวลอย่างน้อย 6 จำนวน 80,000 คนของเกาะรุ่งอรุณแล้ว พวกเขาก็ยังคงห่างชั้นอีกมาก
เพียงแค่คริสตัลไร้กายไม่กี่ร้อยชิ้นนี้ก็ทำให้พวกเขาเหนื่อยมากแล้วไมต้องพูดถึงการไปสู้กับเกาะรุ่งอรุณเลย คริสตัลไร้กายแต่ละชิ้นนั้นมีฟังก์ชั่นไม่ซ้ำกัน พวกเขาไม่สามารถผลิตมันแบบจำนวนมากได้ และเพราะเลเวลที่สูงของมัน พวกเขาจึงไม่สามารถเกณฑ์นักเวทย์ธรรมดาเข้ามาช่วยเหลือได้เช่นกัน
และด้วยเหตุนี้เองพวกเขาทั้งหกจึงต้องสร้างคริสตัลขึ้นมาทีละชิ้น ด้วยความยากลำบาก
แต่ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเฟิร์ดต้องการนักเวทย์ระดับสูงเพราะฉะนั้น หลังจากที่ทำงานอยู่ทั้งวัน ลิงค์กับเอเลียร์ดก็เดินไปที่ห้องขังของเอวิเลน่า
แม้ว่าเธอจะลงใต้ไปด้วยและทำงานอย่างหนักแต่เธอก็ยังคงเป็นนักโทษของเฟิร์ดในทางเทคนิค บวกกับการที่เธอแสดงออกมาหลายต่อหลายครั้งว่าเธอไม่อยากจะเข้าร่วมกับเฟิร์ด ดังนั้นเธอจึงอยู่ที่นี่เพียงเพราะกลัวพลังของลิงค์เท่านั้น
ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยเพราะว่าเธอมีความสามารถมากพอที่จะหนีจากการควบคุมของลิงค์ได้ หรือถ้าเธอถูกคนที่แข็งแกร่งกว่าข่มขู่ ก็มีความเป็นไปได้ที่เอวิเลน่าจะขายเฟิร์ด เหมือนกับตอนที่เธอทรยศสมาคม
ตอนที่เดินไปได้ครึ่งทางลิงค์ก็ถาม “เอเลียร์ด นายคิดยังไงกับเอวิเลน่า?”
ความรู้เกี่ยวกับตัวเธอที่ลิงค์ได้มาจากในเกมนั้นมีจำกัดตอนอยู่ในเกม เอวิเลน่าเป็นศาลเตี้ยพเนจร เธอจะเดินทางไปทั่วทวีปและเข้าร่วมการต่อสู้ที่สำคัญเป็นบางครั้งแต่ว่าเธอก็ไม่เคยเข้าร่วมเป็นตัวสำคัญของกองกำลังพันธมิตรเลย
แต่ในโลกจริงนี้เอเลียร์ดมักจะอยู่กับเอวิเลน่าตลอด เขาน่าจะต้องรู้จักเธอมากกว่าลิงค์ เอเลียร์ดสะดุ้งและพยักหน้า“เธอเป็นคนดีนะ บางครั้งฉันก็ไปปรึกษาเรื่องเวทมนตร์กับเธอ อย่างเช่นพวกเวทย์ลึกลับหรือเทคนิคอะไรพวกนี้ และเธอก็จะตอบตรงๆโดยไม่ปิดบังอะไรเลย”
“หรอ”ดูเหมือนว่าลิงค์จะมีความคิดบางอย่าง
ในเมื่อเธอกับเอเลียร์ดมาถึงจุดที่แบ่งปันเทคนิคกับเวทย์ลึกลับกันแล้วมันก็เป็นเรื่องที่น่าคิด เหมือนกับเทคโนโลยีของโลก เวทมนตร์นั้นมีอยู่ 2 ระดับ
ระดับแรกคือทฤษฏีเวทมนตร์มันคือพื้นฐานและไม่มีอะไรให้ปิดบัง ต่อให้คุณจะเข้าใจตั้งแต่แรก แต่คนอื่นๆคงไม่เข้าใจขนาดนั้น
ยกตัวอย่างเช่นถ้าเกิดว่าลิงค์สร้างทฤษฏีมิติขึ้นมา ก็จะมีนักเวทย์มิติคนอื่นๆในโลกที่มาถึงระดับเดียวกันได้แต่ว่าจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย มันไม่มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดจริงๆ
ระดับสองก็คือการประยุกต์เฉพาะทางในโลกนี้มีเวทย์เฉพาะทางและเทคทิคเฉพาะทางอยู่ ของพวกนี่แหละที่เป็นตัวทำให้เกิดความแตกต่างของพลัง
ยกตัวอย่างเช่นทุกคนรู้เรื่องกฎของพลัง ยังไงก็ตาม บางคนสามารถใช้กิ่งไม้ในการโยนก้อนหินได้ในขณะที่บางคนใช้เครื่องเหวี่ยง ความแตกต่างนี้ใหญ่เกินกว่าที่จะพูดออกมาได้
มันสามารถพูดได้ว่าเวทย์ลับนั้นเป็นท่าไม้ตายของนักเวทย์พวกเขาจะไม่มีทางบอกกับคนที่ไม่สนิทหรือคนที่ไม่เชื่อใจ แต่ในเมื่อเอวิเลน่าแบ่งปันเวทย์เหล่านี้ให้กับเอเลียร์ดโดยตรง มันก็แสดงว่าเธอจะต้องมีความรู้สึกดีๆกับเอเลียร์ดหรือไม่ก็เฟิร์ดอย่างแน่นอน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็ถือว่าดีทั้งนั้น
ความคิดพวกนี้วนเวียนอยู่ในหัวของลิงค์“อย่างนี้เองสินะ” เขาพูด “หลังจากนี้, นายเป็นคนโน้มน้าวเธอเหมือนเดิมแล้วกัน ส่วนฉันจะคอยยืนให้กำลังใจ”
เอเลียร์ดพยักหน้าเขาอยากจะให้เอวิเลน่ามาเข้าร่วมกับเฟิร์ดด้วย ก่อนหน้านี้เขาได้ชวนเธอมาหลายครั้งแล้ว แต่เอวิเลน่าก็ไม่เคยให้คำตอบที่ชัดเจนเลย เธอมักจะมีความกังวลบางอย่าง ซึ่งเขาก็ไม่มีปัญหาอะไรหากต้องไปเกลี้ยกล่อมเธออีกครั้ง และถ้าเกิดว่าเธอไม่เห็นด้วย เขาก็แค่มาอีกเป็นครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 หรืออาจจะมากกว่านั้น เขาคิดว่าถ้าเขาพยายามมากพอ เธอก็จะยอมตกลงด้วยในที่สุด
สถานที่ที่เอวิเลน่าถูก‘ขัง’ อยู่นั้นไม่ไกลมาก มันคือห้องรับแขกที่อยู่ในหอคอยรองของเอเลียร์ด ทั้งสองคนไปถึงที่นั่นอย่างรวดเร็ว
ที่ทางเข้าลิงค์ยืนอยู่ด้านข้างในขณะที่เอเลียร์ดเคาะประตู “อีฟ ว่างไหม?”
“ว่างเข้ามาสิ” เอวิเลน่าพูด
เอเลียร์ดเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป
เอวิเลน่าถูกขังอยู่แค่ในนามเท่านั้นอันที่จริง เอเลียร์ดไม่ได้ใส่อุปกรณ์จับกุมที่ตัวเอวิเลน่าเลย ตราบใดที่เธอไม่ออกไปเดินเล่นบนถนน เธอก็สามารถใช้ทุกอย่างที่อยู่ในหอคอยได้ ไม่ว่าจะเป็นบ่อธาตุหรือห้องปรุงยา
ห้องรับแขกเองก็มีทุกอย่างที่จำเป็นและเอเลียร์ดยังตกแต่งห้องสไตล์ไฮเอลฟ์ให้ด้วย
ในตอนที่เข้ามาในห้องจะเห็นลวดลายสีเงินมากมายที่บานประตู และพอเข้าไปข้างในอีก จะเห็นพื้นไม้เรียบเนียนและหัวกวางที่แขวนอยู่ตรงกำแพง ที่ห้องนั่งเล่นมีเตาผิงสไตล์ไฮเอลฟ์อยู่ด้วย ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องอาบน้ำเองก็ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม
ลิงค์ตามเอเลียร์ดเข้าไปในห้องนั่งเล่นและรู้สึกเหมือนกับเขาได้เข้ามาอยู่อีกโลกนึงมันไม่เหมือนกับห้องอื่นๆในหอคอยเวทมนตร์เลย มันเหมือนกับบ้านที่อยู่ในป่ามากกว่า
ภายในห้องเอวิเลน่านอนอย่างขี้เกียจอยู่บนเก้าอี้หนัง และกำลังอ่านหนังสือเวทมนตร์อยู่ ลิงค์สังเกตดูและพบว่ามันคือหนังสือเสริมพลังที่เขาเป็นคนเขียน
พอเห็นลิงค์กับเอเลียร์ดเข้ามาแล้วเอวิเลน่าก็เก็บหนังสือ จากนั้นเธอก็ขยับมือเล็กน้อยแล้วหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่ดูไร้เดียงสาก็เอาน้ำอุ่นมาให้ 2 แก้ว
หุ่นเชิดเวทมนตร์ตัวนี้เป็นสินค้าชั้นยอดของโรงงานอักขระทองคำ ตอนนี้มันถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมากและโด่งดังในหมู่ชนชั้นสูง มีผู้คนจำนวนมากที่มาเยือนเฟิร์ดเพียงเพื่อมาสั่งคนรับใช้ที่น่ารักเหล่านี้ ซึ่งมันทำเงินได้ดีมาก โรงงานได้ตั้งราคาของแต่ละตัวเอาไว้โดยเฉพาะ มันถูกแบ่งประเภทอย่างชัดเจนตามวัตถุดิบที่ใช้และการทำงานของมัน โดยราคาเริ่มตั้งแต่ 500 เหรียญทองไปจนถึง 10,000 เหรียญทอง
เอวิเลน่ายิ้ม“ปกติเห็นพวกเจ้าสองคนยุ่งตลอด ลมอะไรหอบพวกเจ้ามาที่นี่เนี่ย?”
ลิงค์นั่งลงข้างๆโดยไม่พูดอะไรเขาเป่าน้ำที่กำลังร้อนอยู่ เอเลียร์ดกระแอมและพูดออกมาตรงๆ “เอวิเลน่าคือเรื่องมั่นเป็นอย่างนี้ พวกเราอยากจะชวนเธอให้มาอยู่ที่เฟิร์ด”
เอวิเลน่ายักคิ้ว,แล้วพูดกับเอเลียร์ดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ข้าก็อยู่ที่เฟิร์ดไม่ใช่หรอ?” เอเลียร์ดส่ายหัว“ไม่ ไม่ มันไม่ใช่อย่างนี้ ที่ฉันหมายถึงคือ พวกเรากำลังชวนเธอเข้ากลุ่มจอมเวทย์คนสำคัญของเฟิร์ด”
เขาแสดงเจตจำนงออกมาอย่างชัดเจนเอวิเลน่าเงียบลงและมองไปที่ลิงค์ จากนั้นเธอก็มองกลับมาที่เอเลียร์ด “ที่เจ้ากับลอร์ดมาที่นี่ คือมายื่นคำขาดให้เข้าร่วมอะไรอย่างนี้ใช่ไหม?”
เอเลียร์ดส่ายหัว“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย พวกเราแค่ต้องการเธอเท่านั้นเอง”
เอวิเลน่าเม้มปากหลังจากเงียบไปซักพัก เธอก็สารภาพออกมา “ขอพูดตรงๆเลยนะ ต่อให้เจ้ามีคริสตัลไร้กายกับลิงค์ ข้าก็ยังไม่เห็นอนาคตของเฟิร์ดอยู่ดี เกาะรุ่งอรุณไม่ยอมปล่อยให้พวกเจ้าพัฒนาไปทั้งแบบนี้หรอก ในเมื่อพวกเขาใช้เทคนิคแก้ปัญหาไม่สำเร็จ มันก็จะนำมาสู่การก่อสงคราม”
เอเลียร์ดไม่ยอมแพ้“นั่นแหล่ะคือเหตุผลที่พวกเราต้องการเธอ”
คำพูดของเขาตรงไปตรงมาและน้ำเสียงของเขาก็จริงใจ
มันไม่ใช่แค่เพราะเฟิร์ดต้องการให้คนที่แข็งแกร่งมาเข้าร่วมด้วยในช่วงหลังมานี้ เอเลียร์ดรู้สึกว่าเขาต้องการใช้ชีวิตอยู่กับครึ่งเอลฟ์คนนี้จริงๆ เขาไม่อยากจะเป็นศัตรูที่ต้องฆ่ากันเองในซักวันนึง
เอวิเลน่าหัวเราะออกมาก่อนหน้านี้ เธอจะต้องพูดเย้ยหยันอะไรบางอย่างเช่น เธอจะพูดอย่างเย้ยหยันว่า “เจ้าเป็นใครกันถึงมายุ่งกับชะตากรรมของข้า?”
แต่ในครั้งนี้เธอหยุดหัวเราะหลังจากฟังไปได้ครึ่งนึง เธอเห็นความคาดหวังด้วยความจริงใจในสายตาของเอเลียร์ด ด้วยเหตุผลบางประการ เธอรู้สึกอยู่ลึกๆว่าถ้าเธอพลาดโอกาสนี้ไป เธอก็จะไม่มีวันได้เจอกับคนที่เข้ากับเธอได้ขนาดนี้อีกแล้ว
เธอไม่สามารถต่อสู้กับสายตาอันเร่าร้อนของเขาได้หลังจากผ่านไป 2 วินาที เธอก็ไม่สามารถทนมันได้และหลบสายตาหนี
เธอก้มหัวลงและพูดพึมพำ“เอเลียร์ด ข้าไม่ใช่คนดีอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ ข้าไม่สามารถทำตามความคาดหวังของพวกเจ้าได้”
ก่อนที่เธอจะพูดจบเอเลียร์ดต้องการจะพยายามอีกครั้ง แต่ลิงค์ก็ยื่นมือมาหยุดเขาเอาไว้ เขาจ้องไปที่เอวิเลน่าและพูดออกมา “เธอกลัวเกาะรุ่งอรุณสินะ”
เขาพูดได้ตรงจุดมาก! ไอรีนโนเวล
เอวิเลน่าเงยหน้าขึ้นมา“มันก็ต้องกลัวอยู่แล้วไม่ใช่หรอ? พลังของนักเวทย์อันแข็งแกร่ง 80,000 คนสามารถลบเฟิร์ดออกไปจากโลกนี้ได้เลยนะ มีคนหยุดไอ้พวกนั้นได้ด้วยรึไง?”
ลิงค์ส่ายหัว“ไม่หรอก” เขาพูดอย่างจริงจัง “เอวิเลน่า เธอยึดติดกับเรื่องการเปรียบเทียบพลังมากเกินไป เอาจริงๆแล้ว มันไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอก”
ในตอนที่เห็นว่าเอวิเลน่าต้องการจะเถียงเขาลิงค์ก็พูดต่อ “ฉันมีดาบอยู่เล่มเดียวส่วนเกาะรุ่งอรุณมีดาบอยู่ 1,000 เล่ม พวกเขาสามารถใช้ดาบ 1,000 เล่มฆ่าฉันได้ แต่ฉันก็สามารถหาโอกาสใช้ดาบเพียงเล่มเดียวจัดการเกาะรุ่งอรุณได้เหมือนกัน จำนวนดาบมันไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญขนาดนั้น”
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็กลัวกันเอง แน่นอนว่า พลังของเฟิร์ดนั้นไม่ใช่ของจริง แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็จะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน
“แต่เกาะรุ่งอรุณมีต้นไม้โลกเลเวล19 นะ พวกเจ้าไม่มีหวังหรอก” เอวิเลน่าส่ายหัว
ลิงค์หัวเราะ“ถ้างั้นทำไมฉันถึงยังมีชีวิตอยู่หล่ะ?” เขาถาม
”เอิ่ม”
“ที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะเกาะรุ่งอรุณไม่สามารถรับมือกับฉันได้และในเมื่อพวกเขาฆ่าฉันไม่ได้ พวกเขาก็จะกลัวการตอบสนองของฉัน และในระหว่างนี้ เฟิร์ดก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์มีจำนวนเกือบ 300 ล้านคน มันมีความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัด แต่ว่าเกาะรุ่งอรุณมีกันอยู่แค่ 3 ล้านคน ดังนั้นมันก็มีความเป็นไปได้ที่พวกนั้นไปถึงจุดสูงสุดแล้วถูกไหม?” เอวิเลน่าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย
ลิงค์พูดต่อโดยไม่หยุด“ไฮเอลฟ์มีประเพณีที่มั่นคงและพวกเขาก็เคยชินกับความสงบสุข ในอนาคตอันใกล้นี้พลังของพวกเขาคงไม่เปลี่ยนไปซักเท่าไหร่หรอก แต่ว่าก็อย่างที่เธอเห็น เฟิร์ดจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ มันมีความเป็นไปได้อยู่ที่พวกเราจะไปอยู่ระดับเดียวกับเกาะรุ่งอรุณภายในเวลา 5 หรือ 10 ปี!”
ลิงค์ไม่ได้เพิ่มอารมณ์เข้าไปในตอนที่พูดน้ำเสียงของเขาไม่ได้เปลี่ยนเลย เขาแค่พูดความจริงด้วยสายตาที่สงบนิ่ง มันทำให้ตัวเขาดูมั่นใจมากๆ เหมือนกับว่าเขากำลังกุมความจริงเอาไว้อยู่
เอวิเลน่าไขว้เขวเล็กน้อย
พอเห็นว่าท่าทีของเธออ่อนลงเอเลียร์ดก็เดินเข้ามาจับมือเธอ “อีฟ ทำไมเธอถึงออกมาจากเกาะรุ่งอรุณหล่ะ? มันเป็นเพราะความหยิ่งผยองของพวกเอลฟ์บริสุทธ์ไม่ใช่หรอ? แต่ที่เฟิร์ดไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกนะ ที่นี่ สิ่งเดียวที่สำคัญก็คือเวทมนตร์ของเธอ ไม่มีใครจะมาดูถูกเธอเพราะสายเลือดหรือประวัติ เฟิร์ดจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ว่าตอนนี้มันยังเปราะบางอยู่ มาอยู่ที่นี่และปกป้องมันด้วยกันเถอะ”
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปปากของเธอสั่น เธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
ลิงค์เลือกที่จะพูดเสริมในเวลานี้“อีฟ ความแตกต่างของพลังในตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก”
”แล้วสิ่งที่สำคัญคืออะไรหล่ะ?”
“สิ่งที่สำคัญก็คือฝ่ายไหนกำลังเติบโตอยู่”
ตราบใดที่พวกเขายังคงเติบโตต่อไปพวกเขาก็จะสามารถก้าวข้ามได้ในซักวัน
เอวิเลน่าอ้าปากเล็กน้อยเธอดูสับสน การได้มาอยู่ที่เฟิร์ดในช่วงนี้ เธอได้เห็นการพัฒนาของดินแดนจริงๆ สิ่งใหม่ๆจะถูกสร้างขึ้นทุกวัน และในหอคอยเวทมนตร์ก็จะมีเวทย์ใหม่ถูกสร้างขึ้นทุกวันเช่นกัน
สถานที่แบบนี้ต้องเติบโตได้แน่นอนอยู่แล้วตอนนี้ มันอาจจะเป็นแค่ต้นไม้เล็กๆ แต่ตราบใดที่มันยังไม่ถูกทำลาย มันก็จะเติบโตจนสูงเสียดฟ้าได้ในซักวันนึง
จากนั้นเธอก็มองมาที่เอเลียร์ดความรู้สึกอบอุ่นที่อธิบายไม่ถูกกำลังไหลเวียนอยู่ในหัวใจของเธอ
คนเรานั้นแปลกประหลาดคุณอาจจะรู้สึกขยะแขยงใครบางคนตั้งแต่แรกเห็น แต่สำหรับบางคน หัวใจของคุณจะเต้นเร็วขึ้น สำหรับเอวิเลน่า เอเลียร์ดเป็นคนที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น ในสายตาของเธอ ครึ่งเอลฟ์คนนี้ดีทุกอย่าง
ในที่สุดเอวิเลน่าก็จับมือของเอเลียร์ดคืน “เจ้าพูดเรื่องนี้กับข้ามาเป็น 10 ครั้งแล้ว และครั้งนี้ ข้าจะยอมตกลง”
สายตาของเอเลียร์ดเต็มไปด้วยความดีใจถ้าเกิดว่าลิงค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาคงจะจูบเอวิเลน่าอย่างดูดดื่มไปแล้ว ซึ่งลิงค์ก็ไม่ได้โง่“เอเลียร์ด ฉันขอตัวก่อนนะ นายจัดการเรื่องที่เหลือให้หน่อยแล้วกัน”
ในตอนที่พูดจบแสงสีขาวก็แผ่ออกมารอบตัวเขาและเขาก็หายไป ไม่นานนัก เขาก็มาอยู่ในหอคอยหลัก หลังจากที่นั่งลง ลิงค์ก็เอาหินดวงจันทร์ที่เป็นของรางวัลออกมา ในตอนที่เขากำลังที่จะศึกษามัน ก็มีเสียงคนเคาะประตูดังขึ้น
”เข้ามา”
กิลเดิร์นเดินเข้ามาพร้อมกับจดหมายฉบับนึงมันมีตราประทับสีแดงอยู่ ในตอนที่เห็นมัน ลิงค์ก็ขมวดคิ้ว
“ท่านลอร์ดนี่คือจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของแม่ทัพคาร์โนสแห่งป้อมโอริด้าครับ”