Advent of the Archmage - 552: ลำนำจันทร์เต็มดวง
หอคอยเวทมนตร์,ห้องเสริมพลังที่ชั้นบนสุดของหอคอยหลัก
ลิงค์ได้สร้างอุปกรณ์เวทมนตร์เสร็จไปชิ้นนึงแล้วซึ่งกระบวนการทั้งหมดนั้นเขาใช้เวลาไปห้าวัน
ดูเหมือนว่าเขาจะสร้างขึ้นมาได้แค่ชิ้นเดียวเท่านั้นมันเป็นหินรูนโปร่งแสงไร้สี, ซึ่งคล้ายกับกระดุมเสื้อ และพอสังเกตดูดีๆนั้น, จะเห็นเมฆสีขาวนมกำลังหมุนวนอยู่ข้างใน
มันเป็นภาพหายากที่จะเห็นลิงค์ถอนหายใจยาวออกมาหลังจากที่ทำหินรูนเวทมนตร์เสร็จชิ้นนึงเขานั่งลง, และร่างกายของเขาก็กำลังผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ห้าวันแห่งความทรมานนั้นในที่สุดก็จบลงแล้ว
ห้องเสริมพลังแห่งนี้กว้างขวางมาก,ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อยู่ที่นี่แค่คนเดียว เซลีน, เอเลียร์ด, เอวิเลน่า, อัลโลว่า, แล้วก็แวนซ์ได้อยู่ที่นี่กับเขาด้วย พวกเขาเองก็กำลังทำงานอย่างหนักในการสร้างคริสตัลไร้กาย ก่อนหน้านี้, พวกเขาแค่สังเกตจากที่ไกลๆในขณะที่ลิงค์ทำงานอยู่, เพราะกลัวว่าพวกเขาอาจจะไปขัดขวางกระบวนการความคิดของเขา
อย่างไรก็ตาม,พวกเขาทุกคนต่างก็สงสัยว่าเขากำลังสร้างอุปกรณ์อะไรอยู่ ในตอนที่ลิงค์สร้างเสร็จแล้ว, พวกเขาทุกคนจึงเข้ามาตรวจสอบผลงานของเขาใกล้ๆ
ทุกคนมองดูกระดุมคริสตัลที่ลิงค์วางเอาไว้บนโต๊ะเสริมพลัง,แต่ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไร
ไม่มีกิจกรรมเวทมนตร์อยู่ข้างในกระดุมนี้เมฆสีขาวที่อยู่ข้างในเองก็คล้ายกับรอยด่างที่หาพบได้ในอัญมณีทั่วๆไป นี่ไม่ใช่คำจำกัดความของอุปกรณ์เวทมนตร์ที่อยู่ในมาตรฐานของพวกเขาเลย
คงไม่มีใครในเมืองมอดไหม้ที่จะหยิบมันขึ้นมาถ้าพวกเขาเห็นมันตกอยู่บนพื้นคนธรรมดาที่เดินผ่านไปมาคงจะเข้าใจผิดได้ง่ายๆว่ามันเป็นคริสตัลที่เต็มไปด้วยรอยด่าง เอเลียร์ดยิ่งรู้สึกสงสัยมากกว่าเดิมลิงค์ไม่ใช่คนที่จะใช้เวลาห้าวันไปกับการสร้างของเล่นไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน หลักการเวทมนตร์ที่อยู่เบื้องหลังแนวคิดของมันนั้นลึกซึ้งเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้ตั้งแต่แรกเห็น
ด้วยการอนุมานว่าลิงค์มีความเข้าใจในเวทมนตร์ที่ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิมเอเลียร์ดก็ก้มตัวลงมาสังเกตกระดุมที่อยู่บนโต๊ะเสริมพลังอย่างละเอียด, อย่างไรก็ตาม, เขาก็ยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของมันอยู่ดี และด้วยความสงสัยที่พรั่งพรูขึ้นมาเรื่อยๆ, ในที่สุดเขาก็ถามขึ้นมา “ลิงค์, ทำไมมันถึงไม่มีกิจกรรมเวทมนตร์อยู่ข้างในเลยหล่ะ?”
ลิงค์รู้สึกพอใจกับผลงานของเขามันอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไร, แต่มันก็เก็บความเข้าใจเกี่ยวกับเวทมนตร์ทั้งหมดที่เขามีเอาไว้ กระดุมนี้เม็ดนี้คือจุดสูงสุดของผลงานเวทมนตร์ที่เขาสามารถไปถึงได้ในตอนนี้
พอเห็นสายตาของทุกคนที่จ้องไปยังคริสตัลอย่างแรงกล้า,ลิงค์ก็ยิ้มให้เอเลียร์ดแล้วพูด “อันที่จริง, นี่เป็นผนึกหน่ะ, และมันก็ใช้ในการเสริมพลัง ตอนนี้ไม่มีพลังอยู่ในนั้นหรอก มันต้องใช้ชุดเซ็ทอุปกรณ์เวทมนตร์เพื่อเปิดใช้ผลของมัน”
พอพูดจบ,ลิงค์ก็ชักดาบราชามังกรพิโรธออกจากฝักแล้ววางดาบเอาไว้บนโต๊ะเสริมพลัง
ตอนนี้,ดาบราชามังกรพิโรธมีเลเวล 13 แล้ว ซึ่งนี่เป็นผลมาจากการที่ลิงค์ถ่ายพลังมังกรให้ดาบของเขาอย่างต่อเนื่อง ในตอนที่ดาบออกมาจากฝัก, ใบดาบก็แผ่ออร่าที่ไม่สามารถอธิบายได้ออกมาในทันที
ภายใต้ออร่าอันน่าเกรงขามของดาบ,นักเวทย์ที่คอยจับตาดูอยู่นั้นก็ถอยห่างออกมาจากมัน พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ดาบมากเกินไป
ลิงค์ลุกขึ้นแล้วหยิบคริสตัลกระดุมขึ้นมาจากโต๊ะเสริมพลังจากนั้นเขาก็ใส่มันเข้าไปในร่องที่อยู่กลางใบดาบ ขนาดของกระดุมนั้นเข้ากับร่องอย่างพอดิบพอดี ในตอนที่ใส่มันเข้าไปแล้ว, เกล็ดมังกรของดาบก็เริ่มเรียงตัวใหม่จนกระทั่งคริสตัลผสานกับใบดาบอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากนั้น,ก็มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น
ในตอนที่กระดุมผสานเข้ากับดาบ,หมอกสีขาวที่อยู่ข้างในนั้นก็กระจายออกไปจนไม่เหลืออะไรอยู่ในคริสตัลเลย ตอนนี้คริสตัลโปร่งแสง พื้นผิวของมันมีแสงที่นุ่มนวลเหมือนน้ำแผ่ออกมา
แสงนี้สงบนิ่งเหมือนกับแสงจันทร์และใสสะอาดเหมือนกับน้ำจากภูเขาเหล่านักเวทย์ที่อยู่รอบๆต่างก็ถูกแสงที่เหมือนกับอากาศธาตุนี้ดึงดูด แล้วแสงนี้ก็ดูเหมือนจะยังตราตรึงอยู่ในความคิดของพวกเขา, นำพาพวกเขาไปสู่ความรู้สึกสงบและเยือกเย็น
ความรู้สึกเหล่านี้คล้ายกับการเดินท่ามกลางแสงจันทร์โดยไม่สนอะไรในโลกทั้งนั้น ทันใดนั้นเอง,เอเลนอร์ก็พูดขึ้นมา “แสงนี้ไม่ใช่แสงธรรมดา มันดูเหมือนกับผลของเวทย์สมาธิเลย”
ลิงค์ยิ้มแล้วพยักหน้า“ใช่ แต่ผลเล็กๆน้อยๆนั่นเทียบกับวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของมันไม่ได้หรอกนะ”
จากนั้นเขาก็หยิบดาบราชามังกรพิโรธที่ตอนนี้ถูกประดับด้วยคริสตัลกระดุมขึ้นมาในตอนที่เขาใส่พลังของตัวเองเข้าไปในดาบ, แสงที่เหมือนกับน้ำก็กระจายออกไปตามวงกตรูนอันซับซ้อนที่อยู่บนพื้นผิวของดาบ วงจรรูนนับไม่ถ้วนสว่างขึ้นบนดาบราชามังกรพิโรธ และแสงเหมือนน้ำก็กระจายไปตามวงจรพวกนั้นจนไปถึงกระดุมคริสตัลในที่สุด
หลังจากผ่านไปสักพัก,แสงก็เริ่มรุนแรงขึ้น ในตอนแรก, มันเป็นแค่แสงที่มุมนึงของห้องเสริมพลัง แต่หลังจากนั้นสักพัก, แสงก็รวมตัวกันเป็นลูกบอลแล้วเริ่มแผ่ขยายไปอย่างมั่นคงจนปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง มันจ้าจนมองแทบไม่เห็น หลังจากนั้นไม่นาน,ดาบราชามังกรพิโรธก็เริ่มดูดกลืนบอลแสงนั้น เสียงติ้งอันชัดเจนสามารถได้ยินได้จากข้างใน
แม้ว่าจะไม่มีใครเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในบอลแสงนั้น,แต่พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าดาบราชามังกรพิโรธกำลังเปลี่ยนไป พวกเขาทุกคนต่างก็รอดูการเปลี่ยนแปลงสุดท้ายของดาบจนแทบไม่ได้หายใจเลย
ตลอดทั้งกระบวนการนี้กินเวลาไปอย่างน้อย15 นาที
สิบห้านาทีต่อมา,แสงที่ห่อหุ้มดาบเอาไว้ก็ค่อยๆเบาลง และเผยให้เห็นปลายดาบอย่างช้าๆ จากนั้นก็ต่อด้วยใบดาบ, และในท้ายที่สุด, แสงก็ถูกดาบดูดกลืนอย่างสมบูรณ์
หน้าตาของดาบราชามังกรพิโรธนั้นได้เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม
ตอนแรกดาบเป็นสีแดงเข้มมีมังกรสองตัวถูกแกะสลักเอาไว้ที่ด้ามจับ, ซึ่งปีกของพวกมันนั้นทำหน้าที่เป็นกระบังมือ ใบดาบเองก็ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดมังกร, ทำให้มันดูเก่าแก่และน่าเกรงขาม
อย่างไรก็ตาม,ดาบได้ทิ้งออร่าอันน่าเกรงขามของมันไปแล้ว ตอนนี้มันคือดาบเหล็กกล้าสีเงิน ลักษณะที่เด่นชัดเพียงอย่างเดียวของมันมีแค่อัญมณีไร้สีที่ลิงค์ใส่เอาไว้ที่กลางใบดาบเท่านั้น
ถ้ามองผ่านๆ,ดาบเล่มนี้ดูคล้ายกับดาบเหล็กกล้าทั่วๆไปที่นักรบสวมชุดเกาะชอบใช้กัน มันไม่มีออร่าเวทมนตร์แผ่ออกมาเลย ตัวดาบนั้นดูเปล่งประกายกว่าดาบทั่วๆไปเพียงเล็กน้อย และอัญมณีที่ติดอยู่ตรงใบดาบก็ดูเรียบง่าย ดาบเล่มนี้ไม่ได้ดูสง่าไปกว่าดาบประดับที่ถูกตีขึ้นโดยช่างตีดาบผู้เชี่ยวชาญเลย
ถ้าเป็นสามัญชนทั่วๆไปคงจะเข้าใจผิดว่ามันเป็นดาบธรรมดาอย่างไรก็ตาม, ถ้าเป็นนักเวทย์นั้นคงจะบอกได้ในทันทีเลยว่าดาบทรงพลังขึ้นกว่าเมื่อก่อน
มันอาจจะพูดได้เลยว่าดาบราชามังกรพิโรธนั้นคล้ายกับสิ่งมีชีวิตดุร้ายที่แยกเขี้ยวกับกรงเล็บเพื่อขู่ศัตรูให้ยอมจำนนแต่หลังจากที่เปลี่ยนรูปแล้ว ตอนนี้มันดูคล้ายกับดาบทั่วๆไปที่ถูกถอนเขี้ยวเล็บ, และแผ่ออร่าที่แทบจะสัมผัสไม่ได้ออกมา แม้ว่ามันจะไม่ได้ดูแข็งแกร่งเหมือนกับเมื่อก่อน, แต่มันก็มีความลึกซึ้งสุดหยั่งถึงสำหรับออร่าใหม่ของดาบนี้ ถ้าลองสังเกตดูดีนั้นๆ, จะรู้สึกได้ถึงพลังที่สามารถแยกทะเล, ยกภูเขาจากดาบเล่มนี้ได้เลย
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญระดับตำนาน,เอวิเลน่านั้นสามารถสัมผัสถึงพลังนี้ได้ชัดเจนที่สุด เธอเดินมาข้างหน้าแล้วจ้องดาบของลิงค์ตาไม่กระพริบ จากนั้นเธอก็ถามขึ้นมา “มันมีคุณสมบัติพิเศษอะไรบ้าง?”
“คุณสมบัติหรอ?”ลิงค์คิดอยู่พักนึง, จากนั้นก็พูดออกมา “ตอนนี้ฉันกลัวว่ามันจะมีเยอะเกินกว่าที่จะแสดงออกมาเป็นรายการให้ดูได้หน่ะสิ เอาเป็นว่าฉันจะอธิบายง่ายๆก็แล้วกัน; สำหรับดาบของฉันในตอนนี้ ไม่ว่าอะไรที่ฉันสามารถทำได้, มันก็ทำได้เหมือนกัน” รูนบนดาบนั้นได้ถูกถ่ายทอดความเข้าใจในโลกนี้ของลิงค์เข้าไปแล้วลิงค์ก็ใช้แก่นภพของเขากับรูนเพื่อขยายขอบเขตของมันให้ถึงขีดสุด พูดอีกนัยนึงก็คือ, รูนนี้สมบูรณ์แบบ
เอวิเลน่าตกตะลึงจากนั้นเธอก็ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก “เวทมนตร์ของเจ้าก้าวข้ามความเข้าใจของข้าไปแล้ว ข้าไม่สามารถประเมินพลังที่ถูกต้องของดาบได้เลย”
ในตอนนั้นเอง,ข้อความจากระบบเกมส์ก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าลิงค์
ผู้เล่นสร้างดาบระดับตำนานขั้นกลางสำเร็จและได้รับค่าโอมนิ200 แต้ม
ด้วยสภาพนี้,เขาสามารถแลกเปลี่ยนค่าโอมนิหนึ่งแต้มกับแก่นภพได้หนึ่งเต็ม มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม
การผสานรูนสำเร็จกรุณาตั้งชื่อให้กับดาบเวทมนตร์ของท่าน
ลิงค์คิดอยู่พักนึง,จากนั้นก็พูดขึ้นมา “นับจากนี้ไป, ดาบเล่มนี้เป็นของฉันอย่างแท้จริงแล้ว ฉันจะขอตั้งชื่อมันว่า…ลำนำจันทร์เต็มดวง”
ในตอนที่พูดจบ,ลิงค์ก็เก็บดาบอย่างช้าๆ และในตอนที่ดาบถูกเก็บเข้าฝัก, ห้องเสริมพลังก็มืดลงอย่างเห็นได้ชัด และความเงียบสงบในห้องก็ลดลงไปด้วย
มันเหมือนกับว่าดวงจันทร์ได้ลับหายไปข้างหลังภูเขาทุกคนเริ่มหลุดจากสภาพสงบนิ่งที่ดาบสร้างให้กับทุกคน
จากนั้นนักเวทย์ทุกคนที่อยู่ในห้องเสริมพลังต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโหยหา
ในโลกนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสำคัญนักในตอนแรก,แต่การหายไปของพวกมันก็เพียงพอที่จะทิ้งความรู้สึกเศร้าโศกเอาไว้ในใจของผู้คนราวกับว่าตอนนี้มันคือสิ่งสำคัญที่ขาดหายไปในโลกนี้
และดูเหมือนว่าลำนำจันทร์เต็มดวงของลิงค์เองก็มีผลแบบนั้นกับผู้คน ในตอนที่ดาบกลับไปอยู่ในฝัก,ลิงค์ก็ได้รับข้อความเกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริงของลำนำจันทร์เต็มดวง
ลำนำจันทร์เต็มดวง
ดาบเวทมนตร์เลเวล14
รายละเอียด:ดาบนี้เหมาะสำหรับราชา คุณคงจะอธิบายไม่ถูกว่าดาบนี้มีพลังอะไร, แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ก็คือ: ศัตรูทุกคนของคุณจะยอมจำนนต่อพลังของมันในตอนที่มันออกมาจากฝัก
(หมายเหตุ:เพลงดาบขั้นสูงใต้ฟ้าครามอาบแสงจันทร์)
“ทุกคน,หลังจากนี้ฉันจะออกเดินทางไปที่ทุ่งหญ้าสีทอง ฉันขอฝากเฟิร์ดเอาไว้กับพวกนายนะ โดยเฉพาะทั้งสามคน, เอเลียร์ด, แวนซ์แล้วก็อัลโลว่า”
ทั้งสามคนนี้เป็นนักเวทย์ที่ลิงค์ไว้ใจมากที่สุดในหอคอยเวทมนตร์
เอเลียร์ดเป็นเพื่อนสนิทของลิงค์แล้วก็เป็นนักเวทย์ที่ยอมรับสิ่งใหม่ๆมากที่สุดเท่าที่เขารู้จักด้วยส่วนแวนซ์นั้นมีประสบการณ์ชีวิตที่ล้ำค่า, ในขณะที่อัลโลว่ามีพรสวรรค์ในการเสาะหาความจริงของเรื่องต่างๆ ในตอนที่พวกเขาร่วมมือกัน, ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะช่วยกลบจุดอ่อนให้แก่กัน ซึ่งนี่น่าจะเพียงพอแล้วที่จะพาเฟิร์ดผ่านพ้นช่วงเวลาวุ่นวายแบบนี้ได้
จากนั้นลิงค์ก็ทำความเคารพแบบนักเวทย์ให้พวกเขาทั้งสามในตอนนี้, เขาไม่ใช่ลอร์ดอีกต่อไปแล้วแต่เป็นแค่นักวิชาการคนนึงที่เสาะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์
เอเลียร์ดกับคนอื่นๆรู้แผนการของลิงค์ดีพวกเขายืนตัวตรงแล้วทำความเคารพกลับไปอย่างจริงจัง
ลิงค์พยักหน้าให้เอวิเลน่ากับคนอื่นๆและในท้ายที่สุดสายตาของเขาก็ไปหยุดที่เซลีน, ที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดเวลามานี้ เขายิ้มให้, และเซลีนก็ยิ้มกลับมา ในขณะที่พวกเขาสบตากัน, แสงสีขาวก็ห่อหุ้มตัวลิงค์, และไม่นานนัก, เขาก็หายไปจากหอคอยเวทมนตร์
หลังจากนั้นสักพัก,เขาก็ปรากฎขึ้นอีกครั้งบนฟ้าที่ห่างออกไป 10,000 ฟุต นี่คือเวทย์ข้ามมิติเวอร์ชันล่าสุดของเขา ระยะทางไกลที่สุดที่เขาสามารถเทเลอร์ทได้ในตอนนี้ก็คือ 10,000 ฟุต
บนฟ้า,ลิงค์เปิดใช้เดินอากาศ ทั่วทั้งร่างของเขาเปลี่ยนเป็นริ้วแสงที่พุ่งผ่านท้องฟ้ามุ่งหน้าไปยังทุ่งหญ้าสีทอง
…
ป่าทมิฬ,ป้อมโครงกระดูก
มีการประชุมลับถูกจัดขึ้นในห้องลับแห่งนึง;ผู้เข้าร่วมนั้นมีนากา, มนุษย์สัตว์, ปีศาจแล้วก็ดาร์คเอลฟ์ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ต่างก็เป็นระดับพันตรีขึ้นไปในกองทัพของเทพแห่งการทำลาย
ห้องนี้มีแสงสลัวจนสังเกตหน้าตาของผู้เข้าร่วมประชุมแทบไม่เห็น
“เผ่าของพาร์มีสแยกตัวออกมาจากเผ่าที่เหลือแล้วราชาของมนุษย์สัตว์คงจะไม่ใจดีกับเรื่องนี้แน่ๆ”
“เจ้าราชานั่นคงจะตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรกับมนุษย์เพื่อบุกโจมตีทางเหนือแน่ๆและด้วยจำนวนขนาดนั้น, กองกำลังของมนุษย์ทางใต้คงจะแข็งแกร่งขึ้นอีกในเวลาไม่นานนี้”
“มนุษย์สัตว์อาจจะดูเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน,แต่พวกมันก็ยังใช้ระบบเผ่าอยู่ดี ถ้าพวกเรากำจัดราชาออกไปได้, ไม่ว่าลักษณะพลังของมนุษย์สัตว์จะเป็นยังไงมันก็จะสลายไปเหมือนกับปุยเมฆ”
“เจ้ากำลังบอกให้ลอบสังหารอวตาร์หรอ?”
“ฟังดูเป็นแผนที่ดีนะ,แต่ใครจะทำหล่ะ?”
“ข้าไง”ผู้พูดนั้นตัวเล็ก, ร่างกายบอบบาง, และมีหอกยาวอยู่ที่หลัง
“คนเดียวไม่พอหรอก”นากานักบวชคนนึงพูด “ถ้างั้นก็นับข้าไปด้วยสิ”ปีศาจมีปีกตัวนึงก้าวมาข้างหน้า, มีดาบสีฟ้าอ่อนอยู่ในมือของเขา เขาคือเทวดาตกสวรรค์
“โอเค,มีใครอีกไหม? พวกเราจำเป็นต้องจัดการงานนี้ให้เสร็จในครั้งเดียว มันไม่มีพื้นที่สำหรับความล้มเหลวหรอกนะ” นากานักบวชพูด
“ข้าเอาด้วยมันถึงเวลาที่ข้าจะได้ล้างแค้นให้กับเหล่าพี่น้องที่ตายจากไปแล้ว” เสียงนั้นทุ้มต่ำ จากนั้นก็มีบุคคลหุ่นดีกล้ามเป็นมัดๆก้าวออกมาจากเงามืด เขาคือขุนศึกวายุพาร์มีส เขาถือดาบสองมือที่บางเหมือนกับใบไม้
“พวกเจ้าสามคนน่าจะพอไหวแต่ว่าความแข็งแกร่งของอวตาร์อยู่ในระดับตำนาน ข้ากลัวว่าภารกิจนี้คงจะไม่ได้ราบลื่นเท่าไหร่, โดยเฉพาะถ้าราชามนุษย์สัตว์คาดการณ์ถึงการถูกลอบสังหารเอาไว้แล้ว แต่เอาเป็นว่าขอฝากด้วยแล้วกัน, ข้าจะร่ายเวทย์เปลี่ยนรูปใส่พวกเจ้าทั้งสามคนเพื่อปลอมตัวพวกเจ้าเป็นมนุษย์สัตว์นะ…”
ขุนศึกวายุพาร์มีสพูดแทรก“ข้าว่าให้พวกเราปลอมตัวเป็นมนุษย์น่าจะดีกว่านะ มนุษย์สัตว์สามารถระบุเป้าหมายได้ผ่านกลิ่น การปลอมตัวง่ายๆหลอกพวกนั้นไม่ได้หรอก ในทางกลับกัน, พวกเราน่าจะสามารถทำลายแผนการของมนุษย์ได้อย่างง่ายดายถ้าพวกเราปลอมตัวเป็นหนึ่งในพวกนั้น!”
“เข้าใจคิดถ้างั้นก็เอาตามที่เจ้าว่าแล้วกัน”