Advent of the Archmage - 557: โรคระบาดในเมืองมาร่า
ทุ่งหญ้าสีทอง,ตอนกลางคืน
“มีคนรู้เรื่องพิษแล้ว”
มีกระท่อมหลังคาใบจากเล็กๆอยู่ในทุ่งหญ้าหนาข้างในนั้น, แอเรียล, อีโลแวน, แล้วก็มิโรสกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่ พวกเขากำลังนั่งสมาธิเหมือนกับที่นักเวทย์มักจะทำกัน, กระท่อมถูกปกคลุมด้วยความเงียบ แล้วแอเรียลก็ทำลายความเงียบอย่างกระทันหัน
อีโลแวนกับมิโรสไม่ได้ลืมตา,แต่สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป “ท่านรู้ไหมว่าใคร?”
“ข้าก็ไม่มั่นใจมันเป็นพลังประหลาด, มันบริสุทธิ์มากและดูค่อนข้างอ่อนโยน…ไม่สิ, เขาออมพลังเอาไว้ นี่เป็นแค่เศษเสี้ยวพลังเล็กๆ ข้ารู้สึกว่าถ้าเขาใช้พลังเต็มที่, มันจะน่ากลัวมากๆ”
“ท่านรู้ไหมว่าเขาอยู่ไหน?”อีโลแวนถาม
“อยู่ใกล้ๆเมืองมาร่า” “องค์หญิง,พวกเราไปตรวจสอบกันดีไหมครับ?” มิโรสถาม
แอเรียลเงียบไปพักนึงแล้วเธอก็พูด “ไปดูกันเถอะ ไบรัวคิน ไม่ใช่พิษกระจอกๆ ข้าต้องไปดูว่าใครแก้พิษนี้ได้…แต่พยายามอย่าไปปะทะกับเขานะ พวกเราไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของเราได้”
ไม่ว่าคนที่รู้เรื่องไบรัวคิน จะเป็นใครแต่เขาต้องอยู่ระดับตำนานแน่ๆ ซึ่งการสู้กับคนระดับนั้นสามารถทำลายทั้งพื้นที่ได้เลย แล้วเมื่อถึงตอนนั้น, การซ่อนตัวอยู่เงียบๆก็คงจะเป็นไปไม่ได้
“รับทราบครับ,องค์หญิง” อีโลแวนกับมิโรสพยักหน้าพร้อมกัน
ในขณะที่พวกเขาพูด,แสงสีเขียวอ่อนก็เปล่งออกมารอบตัวพวกเขาสามคนที่กำลังนั่งอยู่บนพื้น พริบตาต่อมา, พวกเขาก็กลายเป็นหมอกสีเขียวแล้วพุ่งออกจากกระท่อมไปเหมือนกับสายฟ้า
… ในอีกฟากนึงของทุ่งหญ้า,กลุ่มอัศวินมนุษย์สัตว์แถวยาวเหยียดพร้อมกับตัวเคโร่, ซึ่งเป็นสัตว์ป่าเฉพาะของทุ่งหญ้าแห่งนี้, กำลังมุ่งหน้าไปเมืองมาร่า
ตัวเคโร่ที่นำขบวนนั้นมีร่างกายใหญ่โตและมีสีที่เป็นเอกลักษณ์แทนที่จะมีสีขาวเทาเหมือนตัวอื่นๆ, มันกลับเป็นสีดำสนิท มนุษย์สัตว์ที่ขี่หลังมันอยู่เองก็ใส่ชุดเกราะหนังคุณภาพดีเช่นกัน
ถ้าใช้มาตรฐานงานฝีมือของมนุษย์สัตว์,ชุดเกราะหนังนี้ก็ถือว่าหรูหรามากๆ มนุษย์สัตว์คนนี้แข็งแกร่ง, และดาบใหญ่ออบซิเดียนสีดำที่หลังของเขาก็สูงเกือบเท่าตัวคน มันถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆและมีรอยแหว่งที่ปลายดาบหลายจุด อย่างไรก็ตาม, มันไม่ได้ส่งผลกระทบกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวดาบเลย
ถ้าคนทั่วไปเห็นดาบนี้,ดวงตาของพวกเขาคงจะเบิกกว้าง พวกเขาคงไม่กล้ามองมันตรงๆด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม,พอนำไปเทียบกับออร่าของมนุษย์สัตว์เจ้าของดาบนั้น, ดาบก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไรเลย
ผมยาวหนาสีดำสนิทของเขาถูกมัดเอาไว้อย่างลวกๆและห้อยลงมาถึงหลังในตอนที่โดนลมพัด, ผมของเขาก็จะเป็นเกลียวคลื่นเหมือนกับเปลวไฟสีดำที่กำลังลุกไหม้ เขามีร่างกายที่กำยำมากและสูงอย่างน้อยเจ็ดฟุต กล้ามที่แขนของเขาเป็นมัดๆ, และกระเพื่อมทุกครั้งที่เขาขยับ เขาดูน่าเกรงขามมาก
แตกต่างจากพวกนักรบดิบเถื่อนคนอื่นๆ,เขานั่งสง่าอยู่บนหลังของตัวเคโร่ เขาหลับตาอยู่เหมือนกับว่ากำลังพักผ่อน, และไม่ว่าเส้นทางจะเป็นหลุมเป็นบ่อแค่ไหน, เขาก็ไม่ขยับเลย ตัวตนของเขาเปรียบเสมือนกับภูเขาที่ไม่มีใครมองเห็นยอดของมัน
นี่คือราชามนุษย์สัตว์คนใหม่:ขุนศึกแห่งความรุ่งโรจน์อวตาร์
ในทางเทคนิคนั้น,มันเหมือนกับว่าเขาได้ปกครองทุกเผ่าในทุ่งหญ้าแล้ว นักสู้ของแต่ละเผ่ายอมสวามิภักดิ์กับเขา, และให้การยอมรับเขาในฐานะราชาเพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตาม, ประเพณีหลายพันปีของมนุษย์สัตว์นั้นยืดหยุ่นเกินไป มนุษย์สัตว์แต่ละคนซื่อสัตย์แค่กับเผ่าของตัวเอง, และไม่มีราชาอยู่ในหัวใจของพวกเขาจริงๆ ซึ่งนี่คงจะใช้เวลาหลายปีถึงจะเปลี่ยนแปลงได้
เพื่อทำให้กฏของเขาเข้มแข็งขึ้น, ราชาอวาตาร์จึงจัดขบวนทัพนี้ขึ้นมา, นอกจากเมืองกอร์ฮอน เขาได้เดินทางไปเมืองต่างๆเพื่อแสดงอำนาจและพลังของเขาให้เป็นที่ประจักษ์
และจุดหมายต่อไปของเขาก็คือเมืองมาร่า
ในเวลาบ่ายสามโมง,มีทหารสอดแนมคนนึงเข้ามารายงาน “ฝ่าบาท, อีก 30 ไมล์จะถึงเมืองมาร่า, แต่ดูเหมือนว่าที่นั่นจะไม่มั่นคงเลยครับ”
อวตาร์ไม่ได้ประหลาดใจเขาเจอเรื่องแบบนี้มาตลอดทาง แม้กระทั่งตอนนี้, เขาก็ยังไม่ได้นั่งบนบัลลังก์อย่างมั่นคง มีอีกหลายคนที่ยังไม่ยอมสวามิภักดิ์กับเขา
แต่เขาก็ไม่ได้กลัวการท้าทาย
“อธิบายมาซิ”เขาไม่ได้ลืมตาด้วยซ้ำ
“มีผู้คนมากมายกำลังหนีออกจากเมืองครับฝ่าบาทพวกเขาบอกว่ามีโรคระบาด…”
“โรคระบาดหรอ?”อวตาร์ลืมตาด้วยความตกใจ ดวงตาของเขาเป็นสีแดงเลือดเล็กน้อย—มันคือความเปลี่ยนแปลงหลังจากที่เขาเข้าสู่ระดับตำนาน
ถ้ามีศัตรูที่แข็งแกร่งปรากฎขึ้นในเมือง,เขาก็คงจะไม่กลัวอะไร เขามั่นใจว่าเขาสามารถล้มอีกฝ่ายได้ด้วยดาบของเขา แต่ครั้งนี้, อีกฝ่ายคือโรคที่มองไม่เห็น มันจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกกลัว
“ท่านหมออลาดอร์อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ?”อวตาร์ถาม “เขาช่วยอะไรไม่ได้เลยรึไง?”
“ท่านหมออลาดอร์พึ่งถูกลอบสังหารไปเมื่อห้าวันก่อนครับ” อวตาร์ตกใจอีกครั้งเรื่องนี้เริ่มมีกลิ่นเหม็นคาวแล้ว, แต่มนุษย์สัตว์ใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งหญ้าสีทองและไม่ค่อยมีเรื่องขัดแย้งกับเผ่าอื่น ใครกันนะที่พยายามจะทำอันตรายพวกเขา?
หรือว่าจะเป็นฝีมือของพาร์มีส?อวตาร์ส่ายหัวในทันทีที่คิดถึงเรื่องนั้น เขารู้จักพาร์มีสดี ชายคนนั้นไม่เคยเห็นด้วยกับอวตาร์เลย, แต่เขาก็คงไม่สังเวยมนุษย์สัตว์ธรรมดาหรือฆ่าท่านหมอหรอก
แล้วมนุษย์หล่ะ?อวตาร์ส่ายหัวอีกครั้ง มนุษย์ชอบเวทย์แห่งความมืด อาณาจักรนอร์ตันทางเหนือกำลังต่อสู้กับกองทัพของเทพแห่งการทำลายอยู่ในขณะที่สมาคมกำลังยุ่งอยู่กับการสร้างพันธมิตร แล้วพวกเขาก็ต้องคอยระวังเกาะรุ่งอรุณด้วย พวกเขาไม่มีเวลามาสร้างศัตรูเพิ่มหรอก
หรือว่าเป็นกองทัพของเทพแห่งการทำลาย?อวตาร์ยังคงส่ายหัวอยู่ เท่าที่เขารู้มา, กองทัพของเทพแห่งการทำลายกับมนุษย์นั้นค่อนข้างจะพอๆกัน พวกเขาอยู่ทางเหนือที่ห่างไกลและกำลังยุ่งอยู่กับมนุษย์ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจะมาสู้กับมนุษย์สัตว์ทำไมหล่ะ?
เขาคิดอยู่พักนึงแต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าศัตรูเป็นใครตอนนี้เขาทำได้แค่ปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน “แล้วมันเป็นโรคระบาดแบบไหน?” เขาถาม
ทหารสอดแนมดูหวาดกลัว“ข้าเห็นเหยื่อมาบ้างครับ ผิวหนังของพวกเขากลายเป็นสีเขียวและดูอ่อนแรง โรคไม่ได้แพร่ระบาดเร็วนัก, แต่มันไม่มีทางรักษา แม้กระทั่งเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ของหมอผีก็ไม่ได้ผล พวกเขาทำได้แค่เฝ้ารอความตายเพียงเท่านั้น”
“แม้กระทั่งเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ผลหรอ?”อวตาร์ขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเอง, เขาก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมา เขาคิดเรื่องเลวร้ายบางอย่างขึ้นมาได้ “มีคนกำลังหนีเยอะเลยใช่ไหม?”
“ใช่ครับพวกเขากระจัดกระจายไปทั่วทุ่งหญ้าหลังจากที่ออกมาจากเมืองมาร่า” พอได้ยินแบบนี้,อวตาร์ก็สั่น “เรื่องใหญ่แล้วไง!” เขาอุทาน
ไม่มีการรักษาสำหรับโรคนี้หลังจากที่ล้มป่วยพวกเขาทำได้แค่รอความตายเท่านั้น และที่แย่ยิ่งกว่านั้น, คนพวกนี้มีแต่จะอ่อนแอลงเรื่อยๆและยังมีความสามารถในการเคลื่อนไหวได้เป็นเวลาพักใหญ่ๆอีก ในบรรดาพวกที่หนีออกมานั้นน่าจะมีคนติดโรคไปแล้ว พวกเขากำลังพาโรคระบาดไปทั่วทุ่งหญ้า และเมื่อถึงตอนนั้น, ทั่วทั้งทุ่งหญ้าสีทองก็จะติดเชื้อ ไอลีนโนเวล
อวตาร์ไม่กล้าจินตนาการถึงผลที่จะตามมาเลย
หลังจากผ่านไปสักพัก,อวตาร์กำลังจะพูดกับทหารสอดแนมในตอนที่เขาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาศึกษาทหารสอดแนมคนนี้แล้วมองดูนักรบที่อยู่ข้างหลัง และเขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติจริงๆ ใบหน้าของเขาเป็นสีเขียวเล็กน้อย…เขาได้รับเชื้อแล้ว! “เจ้าติดเชื้อออกไปเดี๋ยวนี้!” เขาสั่ง
ทหารสอดแนมตรวจดูตัวเองด้วยความตกตะลึงใบหน้าของเขาซีดเผือดในขณะที่เดินถอยไปข้างหลัง, สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาก้มลงคุกเข่ากับพื้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองอวตาร์ “ฝ่าบาท, ได้โปรดช่วยข้าด้วย” เขาขอร้อง “อย่าปล่อยให้ข้าตายอย่างไร้ซึ่งเกียรติเลยนะครับ”
อวตาร์เป็นแค่นักรบเขาจนปัญญาเมื่อต้องต่อกรกับโรคระบาด ในการเผชิญหน้ากับคำขอร้องของทหารสอดแนมนั้น, เขารู้สึกไม่สบายใจ หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ, เขาก็พูดขึ้นมา “อยู่ที่นี่คนเดียวไปก่อนนะ อย่ายอมแพ้จนกว่าจะถึงจุดจบ!”
พอพูดจบ,เขาก็กระโดดลงจากหลังตัวเคโร่ แล้วหันไปพูดกับเหล่านักรบของเขา “พวกเจ้าตั้งค่ายอยู่แถวนี้ ข้าจะไปที่เมืองมาร่า”
กองทัพไม่สามารถต่อกรกับโรคระบาดได้ถ้าพวกทหารไปกับเขา, พวกเขาก็มีแต่จะติดเชื้อเปล่าๆ เหล่าทหารต่างก็พากันตกใจในตอนที่ได้ยินแบบนี้“ฝ่าบาท” มีใครบางคนเดินมาข้างหน้าแล้วพูด “มาร่ากลายเป็นเมืองติดเชื้อไปแล้วนะครับ”
“นั่นแหล่ะคือเหตุผลที่ข้าต้องไปคนเดียวโรคระบาดทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ข้าจะไปพบกับพวกหมอผี พวกเขาเป็นพวกแรกที่ได้คลุกคลีกับเชื้อ ต่อให้พวกเขาไม่มีวิธีแก้, พวกเขาก็อาจจะสามารถบอกวิธีกับข้าได้”
พอพูดจบ,เขาก็หันไปทางทหารสอดแนมติดเชื้อ “พลทหาร, จงอย่ายอมแพ้ ข้าจะหาทางทำอะไรซักอย่างเอง”
น้ำตาไหลเอ่อเต็มดวงตาของเขา,ทหารสอดแนมก็คุกเข่าลงแล้วตะโกนออกมา “ครับฝ่าบาท!”
อวตาร์สูดหายใจเข้าลึกๆ;พลังของเขาเริ่มทำงาน แล้วเขาก็เดินทางหลายร้อยฟุตด้วยการก้าวเพียงก้าวเดียวในขณะที่วิ่งไปทางเมืองมาร่า
ในขณะที่วิ่ง,เขาก็คิดอย่างขุ่นเคือง, คนแพร่โรคระบาดนี้ช่างเลวทรามจริงๆ พวกมันอยากทำลายเผ่าของข้า ถ้าข้าเจอตัวเมื่อไหร่หล่ะก็, ข้าจะให้พวกมันได้เจอกับการทรมานทุกรูปแบบในโลกนี้
อวตาร์ที่กำลังเดือดจัดไม่รู้ว่ามีคนสามคนกำลังตามหลังเขาอยู่และหนึ่งในนั้นก็คือขุนศึกวายุพาร์มีส
“นั่นอวตาร์ใช่ไหม?”นากาตัวเล็กถาม เธอคือคาทูช่าที่มาพร้อมกับหอกแห่งชัยชนะ
“ใช่,นั่นเขา” ขุนศึกวายุจับมีดของเขาราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูผู้ยิ่งใหญ่
“ก็ดูไม่ได้แข็งแกร่งซักเท่าไหร่นี่”นี่มาจากเทวดาตกสวรรค์ อาวุธของเขาเป็นชูริเคนคู่ เขาควงพวกมันในขณะที่พูดไปด้วย การเคลื่อนไหวที่สง่างามนั้นเข้ากันได้ดีกับหน้าตาที่หล่อเหลาของเขา
ขุนศึกวายุไม่ชอบเขาเขาสาบแช่งอยู่ในใจ, และพูดเตือน “อย่าดูถูกเขาหล่ะ เขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเรา เจ้าไม่มีวันได้รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของเขาจนกว่าเจ้าจะได้สู้กับเขา”
“ต่อให้เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถหนีจากหอกแห่งชัยชนะได้หรอกนะ”คาทูช่ายิ้ม
พาร์มีสหยุดพูดเขารู้ถึงความน่ากลัวของหอกแห่งชัยชนะดี สำหรับเขา, มันไม่สามารถเอาชนะได้
“ช่างเถอะ,ระวังตัวให้ดีแล้วกัน…ว่าแต่พวกเราจะโจมตีที่ไหนดี?”
“เมืองมาร่า”
“เมืองมาร่าหรอ?ที่นั่นมีคนอยู่เยอะเกินไปนะ” พาร์มีสลังเลเล็กน้อย ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นนักเวทย์หรือนักรบ, บุคคลระดับตำนานนั้นก็มักจะสั่นสะเทือนโลกได้ในตอนที่พวกเขาต่อสู้กัน คนธรรมดาทุกคนที่อยู่ใกล้พวกเขาจะตายกันหมด
คาทูช่ารู้สึกได้ถึงความลังเลของเขา“อะไรกัน, นี่เจ้ารับไม่ได้หรอ? พวกนั้นเป็นคนของอวตาร์หมดเลยนะ” “แต่ว่า…”เธอพูดถูก, พาร์มีสทิ้งทุ่งหญ้าสีทองไปแล้ว อย่างไรก็ตาม, เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องกลับมาสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์
เทวดาตกสวรรค์หัวเราะอย่างเย็นชา“เห็นไหมหล่ะ, สิ่งมีชีวิตยังไงก็เป็นสิ่งมีชีวิต, ต่อให้มีพลังที่โดดเด่นก็เถอะ”
“ก็ได้,ข้าจะลงมือด้วย!” พาร์มีสสะบัดมือ เขาจะเอาด้วยทุกอย่าง ตอนนี้เขาดูเหมือนมนุษย์, ดังนั้นทุกสิ่งที่เขาทำจะเป็นความผิดของมนุษย์