Advent of the Archmage - 558: ขุนศึกแห่งความรุ่งโรจน์อวตาร์
กองคาราวานกำลังเดินทางผ่านทุ่งหญ้าอย่างช้าๆมีทางลาดขึ้นเล็กน้อย, ดังนั้นพวกเขาจึงมองเห็นเมืองมาร่าจากจุดที่พวกเขาอยู่
พ่อค้าวุ่นวายอยู่ในรถม้าของพวกเขาตลอดการเดินทางสีหน้าของพวกเขาเหน็ดเหนื่อยแต่ก็มีรอยยิ้มที่เริงร่า
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเขตนอกของเมืองมาร่าตอนนี้พวกเขาน่าจะปลอดภัยแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนก่อน, พวกพ่อค้าต่างก็คอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา, เพราะกลัวว่ามนุษย์สัตว์ติดพิษอาจจะลอบโจมตีพวกเขาอีก และในที่สุดพวกเขาก็ผ่อนคลายลงในตอนที่ภาพของเมืองมาร่าปรากฎอยู่ไกลๆ
“พี่ลิงค์,ทำไมพี่ไม่พูดอะไรเลยหล่ะ?” แชลลี่นั่งยองๆอยู่ข้างลิงค์ ดูเหมือนว่าเธอจะปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้ว
ลิงค์ไม่สนใจเด็กสาวเขามองตรงไปที่เมืองมาร่าแล้วพูด “ดูสิ, นั่นพวกมนุษย์สัตว์ไม่ใช่หรอ? ทำไมพวกเขาถึงออกมาจากเมืองกันเยอะขนาดนี้?”
คนที่เหลือเองก็สังเกตเห็นปรากฎการณ์แปลกๆนี้“นั่นสิ, แปลกจังเลย”
พอออกมาจากเมืองมาร่า,มนุษย์สัตว์ส่วนใหญ่ก็วิ่งแตกตื่นไปทางทุ่งหญ้าสีทอง พวกเขาทุกคนดูเหมือนกับพยายามจะรีบหนีออกจากเมืองให้เร็วที่สุดราวกับว่ามีเรื่องบางอย่างทำให้พวกเขาหวาดกลัวอย่างมาก
ทันใดนั้นเองก็มีใครบางคนตะโกน“ดูหน้าของมนุษย์สัตว์คนนั้นสิ!”
พ่อค้ามองเห็นจากคาราวานของพวกเขาว่าผิวหนังของมนุษย์สัตว์คนนั้นขาวกว่าคนอื่นๆ,และมีร่องรอยสีเขียวบนหน้าของเขาด้วย นี่เป็นหนึ่งในอาการที่หัวหน้าทหารรับจ้างมิโร่แสดงออกมาในตอนที่เขาได้รับพิษ
ความแตกต่างเดียวก็คือว่าสีเขียวบนหน้าของมิโร่นั้นกำลังลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากอาบแสงจันทร์ลึกลับและพักผ่อนมาหนึ่งคืน, มิโร่ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เขาสามารถเดินได้เหมือนปกติแล้ว ในอีกด้านนึง, มนุษย์สัตว์คนนั้นกำลังเดินซวนเซ มันเห็นได้ชัดว่าพิษกำลังฝังลึกอยู่ในร่างของพวกเขา
ทุกคนมองไปที่มนุษย์สัตว์อีกคนนึงแล้วเห็นว่าใบหน้าของพวกเขาส่วนใหญ่กำลังเขียวขึ้นเรื่อยๆ,มีแม้กระทั่งคนที่อาเจียนเอาขนสีขาวออกมาจากร่างด้วย
“พวกเขาติดพิษกันหมดเลยหรอ?”
“น่ากลัวจังเลยพวกเรายังจะไปที่เมืองมาร่ากันอยู่รึเปล่า?”
“พวกเจ้าคิดว่ามันเป็นโรคระบาดรึเปล่า?”หนึ่งในพวกเขาพูดติดๆขัดๆ พวกเขาสังเกตเห็นจากจุดที่พวกเขาอยู่ว่าในเมืองค่อนข้างวุ่นวาย ไม่มีความเป็นระเบียบอยู่ในนั้นเลย นี่มันพิษอะไรกันถึงสามารถเปลี่ยนเมืองทั้งเมืองจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ได้?
นี่ดูท่าจะไม่ใช่ลักษณะของการติดพิษแล้ว, แต่มันมีแนวโน้มไปทางโรคระบาดมากกว่า โรคระบาดสามารถแพร่กระจายสู่ประชากรทั้งหมดได้ถ้าไม่ระวังมากพอมีสามตัวอย่างที่ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์มนุษย์เกี่ยวกับการที่โรคระบาดลดประชากรของเมืองๆหนึ่งจนเป็นศูนย์ และในแต่ละครั้งนั้น, มีคนตายกันเป็นล้าน สำหรับมนุษย์ในแต่ละยุคสมัย, โรคระบาดนั้นถือว่าเป็นศัตรูที่จับต้องไม่ได้, และไร้ซึ่งความปราณีที่สามารถสังหารหมู่คนเป็นล้านได้โดยไม่มีความเห็นใจเหยื่อเลยซักนิด
“มิโร่,พวกเราจะเอายังไงกันดี?” หัวหน้าบริษัทโลกาสีชาดมองมิโร่ หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน, ตอนนี้ทุกคนในคาราวานก็พากันนับถือหัวหน้าทหารรับจ้าง, และเชื่อว่าเขาได้รับพรจากพระเจ้า
นี่เป็นครั้งแรกที่มิโร่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้อย่างไรก็ตาม, ไม่ว่ามันจะเป็นโรคระบาดหรืออะไรก็ตาม, เขาก็บอกได้ว่านี่มันเกินความรู้ความสามารถของพวกเขา ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดคือออกให้ห่างจากเมือง “ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเราไม่ควรไปที่เมืองมาร่าพวกเราน่าจะลองวนไปดูรอบๆเมือง…ไม่สิ, ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางให้วนนะ ดูพวกมนุษย์สัตว์ที่กำลังวิ่งออกมาจากทุกทางสิ ไม่มีใครพยายามกักตัวพวกเขาเอาไว้ในเมืองเลย โรคระบาดนี้, หรือจะเป็นอะไรก็ตามแต่, มันจะแพร่ระบาดไปทั่วทุ่งหญ้าสีทอง หัวหน้า, ข้าว่าท่านน่าจะไม่สามารถทำธุรกิจที่นี่ได้แล้วหล่ะ”
“เจ้าพูดจริงหรอ?”หัวหน้ากลืนน้ำลาย เขาคิดอยู่พักนึงก่อนที่จะทำการตัดสินใจ การให้เลือกระหว่างผลกำไรกับชีวิตนั้น, แน่นอนว่าหัวหน้าตัดสินใจที่จะเลือกชีวิต
“กลับกันเถอะพวกเราจะกลับไปที่อาณาจักรนอร์ตัน” เขาตะโกน
“แต่หัวหน้าครับ,พวกเรายังไม่ได้ขายอะไรเลยนะ ถ้าพวกเรากลับไปตอนนี้หล่ะก็…” มีใครบางคนที่อยู่ข้างหลังเขาพูดขึ้นมา ถ้าพวกเขากลับไปตอนนี้, บริษัทโลกาสีชาดจะล้มละลาย พวกเขาทุกคนจะถูกส่งกลับบ้านพร้อมกับหนี้ทีชีวิตเดียวคงชดใช้ไม่หมด “หัวหน้า,บางทีพวกเราน่าจะลองวนรอบเมืองมาร่าดูนะครับ…”
“พอได้แล้ว,มันก็แค่หนี้เล็กๆน้อยๆ หนี้ฆ่าพวกเจ้าไม่เร็วเท่าสิ่งที่รออยู่ในเมืองมาร่าหรอก! ตอนนี้กลับกันได้แล้ว!” หัวหน้ายังคงยืนกรานกับการตัดสินใจของเขา
มิโร่พูด“กลับกันเถอะ เครื่องเทศพวกนี้ไม่เสียเร็วขนาดนั้นหรอก พวกท่านน่าจะยังสามารถทำเงินได้บ้างจากการขายพวกมันคืนในอาณาจักรนอร์ตันนะ”
พ่อค้าบางคนยังตัดใจจากเรื่องนี้ไม่ได้,แต่คำพูดของหัวหน้าคือกฏ ในท้ายที่สุดแล้ว, คนของบริษัทโลกาสีชาดก็หันหลังกลับแล้วมุ่งหน้าไปทางอาณาจักรนอร์ตัน
อย่างไรก็ตาม,มีแค่ครึ่งเดียวของคาราวานเท่านั้นที่เป็นของบริษัทโลกาสีชาด พวกที่เหลือเป็นพ่อค้าอิสระ หลังจากที่คิดอยู่ซักพัก, พวกเขาบางส่วนก็ตามบริษัทโลกาสีชาดกลับไปที่ถนน, ในขณะที่บางส่วนตัดสินใจออกจากคาราวานแล้วมุ่งหน้าไปเมืองมาร่า พ่อค้าโอลันลังเลอยู่ไม่กี่นาทีแล้วในที่สุด, เขาก็เลือกหันหลังกลับ เขายังมีสุขภาพดีพอที่จะเสี่ยงกับโรคระบาดได้, แต่นั่นก็หมายถึงการเอาความปลอดภัยของลูกสาวเขาไปเสี่ยงด้วย เขาตัดสินใจว่าการพาเธอกลับไปที่อาณาจักรนอร์ตันอย่างปลอดภัยนั้นจะเป็นการดีที่สุด
ทันใดนั้นเอง,ก็มีคนตะโกนออกมา “เห็นนั่นไหม? มีคนกำลังบินอยู่!”
ทุกคนหันไปมองแล้วเห็นเงาสีดำกำลังพุ่งผ่านท้องฟ้าไปทางเมืองมาร่าอันที่จริงเงานั้นน่าจะกำลังวิ่งอยู่บนท้องฟ้ามากกว่าที่จะเรียกว่าบิน แต่ละก้าวนั้นกินระยะไปหลายร้อยฟุต, ซึ่งมันทำให้ดูเหมือนกับว่าเขากำลังบินอยู่จริงๆ Aileen-novel
“เขาวิ่งเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?”เงานั้นเดินทางไปได้หลายพันฟุตแล้ว มันเหมือนกับการเทเลพอร์ทระยะสั้นในชั่วพริบตา พ่อค้าไม่สามารถไล่ตามความเร็วของมันได้เลยถ้าพวกเขาไม่ตั้งใจสังเกตเงานั้นจากระยะที่ไกลพอ มิโร่เห็นมัน,แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที “ไม่ดีแล้ว, นั่นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน พวกเรารีบกลับกันจะดีกว่านะ กำลังจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่นี่!”
ณตอนนี้, ไม่มีใครลังเลแล้ว ทุกคนเริ่มหันหลังแล้วรีบมุ่งหน้ากลับไปทางอาณาจักรนอร์ตัน
ในความวุ่นวาย,มีเสียงของเด็กสาวดังขึ้น “พี่ลิงค์หายไปไหนแล้ว?”
ไม่มีใครตอบเธอทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการเอาชีวิตรอด เสียงของเธอนั้นถูกเสียงความวุ่นวายกลบไปในทันที
ล้อของรถม้าเริ่มเคลื่อนไปตามพื้นในขณะที่เหล่าพ่อค้าพยายามทิ้งระยะห่างจากเมืองมาร่าเต็มกำลังในอีกมุมนึง, ลิงค์, ที่ร่ายเวทย์หายตัวใส่ตัวเอง, ได้เดินไปในทิศทางตรงข้ามและมุ่งหน้าไปยังเมืองมาร่า, ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเลย
ตอนนี้ลิงค์สามารถควบคุมแก่นภพได้อย่างสมบูรณ์แบบเขาสื่อสารกับออร่าของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ด้วยความช่วยเหลือของเวทย์หายตัว, เขาก็กลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบๆได้อย่างสมบูรณ์
เขารู้จักเงาที่วิ่งผ่านท้องฟ้านั่นคือคนที่พึ่งถูกแต่งตั้งเป็นราชามนุษย์สัตว์, อวตาร์ ลิงค์คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอเขาที่นี่, อย่างไรก็ตาม, ลิงค์สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าที่ตามหลังอวตาร์มาด้วย
หลังจากได้รับแก่นภพ,ไม่เพียงแค่ลิงค์จะสามารถปรับแต่งการควบคุมพลังของตัวเองได้เท่านั้น, แต่เขายังสัมผัสออร่าของคนอื่นได้ดีขึ้นด้วยเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานคนอื่นๆ
ถ้าให้เทียบ,สัมผัสของลิงค์ในตอนนี้ก็คงจะเหมือนกับบ่อน้ำใสสะอาด หมึกเพียงหยดเดียวก็จะสร้างความแตกต่างได้มากกว่าบ่อน้ำโคลน
เขาสามารถสัมผัสออร่าระดับตำนานที่แตกต่างกันของทั้งหกคนที่อยู่ข้างหน้าได้และเขายังระบุตัวตนของสี่คนในนั้นได้ด้วย,เนื่องจากเป็นคนที่ลิงค์เคยเจอมาก่อน
“คาทูช่า,แอเรียล, อีโลแวน, มิโรส, ปีศาจหนึ่ง, มนุษย์สัตว์อีกหนึ่ง, แล้วก็ราชามนุษย์สัตว์อวตาร์ มีผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานเจ็ดคนเลยหรอ ดูท่าวันนี้เมืองมาร่าคงจะคึกคักน่าดูเลยนะ”
ลิงค์ไม่มั่นใจว่าจะเผชิญหน้ากับพวกเขาทุกคนตรงๆได้ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจจะหมายถึงความตายและการทำลายวิญญาณของเขาอย่างสมบูรณ์
ฉันจะต้องซ่อนตัวให้ดีการเฝ้าดูพวกเขาเจ็ดคนต่อสู้กันจากข้างสนามน่าจะเป็นความคิดที่ดีที่สุดนะ
เขาอยากรู้เหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานเหล่านี้มารวมตัวกันในเมืองมนุษย์สัตว์
อวตาร์มาถึงกำแพงเมืองชั้นนอกแล้วเขายืนอยู่บนกำแพงและเห็นพื้นที่ต่างๆของเมืองและระดับความวุ่นวายที่ต่างกัน
มีเสียงร้องและเสียงคำรามดังทั่วทั้งเมืองอวตาร์เห็นพวกแปลกๆกำลังวิ่งอาละวาดในบางส่วนของเมือง ร่างกายของพวกเขาเป็นสีเขียว, และถูกปกคลุมด้วยคราบสีขาว มีหนองสีเขียวไหลออกมาจากตัวพวกเขาด้วย พวกเขากำลังก่อความวุ่นวายไปทั่วเมือง, ทั้งกัดทั้งข่วนใครก็ตามที่เห็นอย่างดุร้าย
อวตาร์ขมวดคิ้วกับภาพอันบ้าคลั่งนี้และโดยไม่รีรออะไรอีก, เขาก็กระโดดลงจากกำแพงแล้วมุ่งหน้าไปยังแท่นบูชาบรรพบุรุษของเมืองมาร่า
แท่นบูชาคือสถานที่ที่หมอผีอาศัยอยู่เขาต้องหาวิธีหยุดโรคระบาดนี้ ไม่อย่างนั้น, เมืองมาร่าและทั่วทั้งทุ่งหญ้าสีทองจะกลายเป็นดินแดนรกร้างไร้ผู้สืบทอดในอีกไม่นานนี้
ในระหว่างทาง,อวตาร์เห็นพวกดุร้ายนับไม่ถ้วนกำลังทำร้ายคนในเมือง เขาเห็นพ่อ, ที่กำลังอยู่บนเส้นแบ่งความเป็นความตาย, ลุกขึ้นมานั่งอย่างกระทันหันแล้วกัดคอลูกสาวที่อยู่ข้างๆ มีแม่ที่กลืนลูกน้อยของเธอทั้งตัวด้วย แม้กระทั่งทหารก็เข้าร่วมกับเทศกาลบ้าคลั่งนี้พวกเขาสังหารทุกคนที่เห็นในขณะที่มีหนองสีเขียวไหลออกมาตามรูขุมขนของพวกเขาเต็มไปหมด
กฏระเบียบในเมืองมาร่าถูกพังทลายอย่างสมบูรณ์แล้วเมืองนี้ได้กลายเป็นนรกบนดินอย่างแท้จริง
อวตาร์เริ่มกังวลความโกรธในตัวเขารุนแรงยิ่งขึ้นในขณะที่เขาเห็นพวกดุร้ายก่อความวุ่นวายตลอดทาง ความกระหายเลือดในดวงตาของเขาทวีความรุนแรงขึ้นมาก
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้,เขาจะหาพวกมันให้เจอและฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆ หลังจากนั้นเขาก็จะเอาส่วนที่เหลือมาทำอาหารและกระเดือกลงไปในคำเดียว ด้วยวิธีนี้, พวกมันจะถูกย่อยอย่างช้าๆในท้องของเขาและถูกขับถ่ายออกมาจากร่างของเขาในฐานะอุจจาระดังเช่นที่พวกมันสมควรจะเป็น
สิบวินาทีต่อมา,เขาก็มาถึงแท่นบูชาบรรพบุรุษ, แต่ภาพที่เห็นนั้นก็ทำให้เขาสูญสิ้นความหวังทั้งหมดไป ในแท่นบูชา,มีหมอผีเฒ่าคนนึงที่มีจุดขาวๆเต็มตัวกำลังกินเนื้อของหมอผีที่เด็กกว่า หมอผีที่ถูกกินนั้นก็ติดเชื้อเหมือนกัน, แต่เขายังมีสติอยู่ หมอผีหนุ่มพยายามจะสลัดหมอผีเฒ่าที่กัดให้หลุด, แต่มันก็ไร้ประโยชน์ มีหมอผีคนอื่นๆนอนอยู่บนพื้นด้วย, ใบหน้าของพวกเขาเป็นสีเขียวเหมือนกับผู้ติดเชื้อคนอื่นๆ
แท่นบูชาจบสิ้นแล้ว
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?” อวตาร์พึมพำอยู่ข้างนอกแท่นบูชาอย่างสิ้นหวัง
ในตอนนั้นเอง,ก็มีเสียงผู้หญิงคนนึงดังขึ้นข้างหลังเขา “โถ่, ช่างโชคร้ายจริงๆนะอวตาร์, ที่โศกนาฎกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นในเมืองของเจ้า!”
เธอคือคาทูช่า
อวตาร์หันกลับมาโดยไม่เตือนอะไรทั้งนั้นแล้วดึงดาบออบซิเดียนที่อยู่ข้างหลังออกมาด้วยการเคลื่อนไหวที่ไหลลื่น “ฝีมือของเจ้าใช่ไหม?”อวตาร์จ้องคาทูช่า, ตอนนี้สายตาของเขาแผ่ความอันตรายออกมา เป้าหมายที่เขาสามารถระบายความโกรธและความกระหายเลือดใส่ได้ในที่สุดก็ปรากฎตัวเบื้องหน้าเขาแล้ว
ออร่าต่อสู้แผ่ออกมาจากตัวเขาในลักษณะคลื่นแท่นบูชาหลายส่วนเริ่มสลายภายใต้ความหนักหน่วงของพลังนี้
คาทูช่าคิดไม่ถึงว่าจะได้รับการตอบสนองที่แน่วแน่ขนาดนี้จากอวตาร์เธอเดินถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากพลังที่จู่ๆก็แผ่ออกมาจากร่างของอวตาร์
“ตายซะ!”
โดยไม่ให้เวลาคาทูช่าได้ตอบโต้,อวตาร์ก็พุ่งไปหาเต็มกำลัง จากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบโดยถ่ายพลังและความกระหายเลือดทั้งหมดใส่นากา
คาทูช่าตกใจอีกฝ่ายเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เธอไม่สามารถใช้ผลหนามแห่งโชคชะตาของหอกแห่งชัยชนะได้ด้วยซ้ำ แม้ว่าหอกแห่งชัยชนะจะเป็นอาวุธไร้เทียมทาน,แต่ผู้ถือมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชามนุษย์สัตว์ที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าแล็บ
ในการเผชิญหน้ากับการโจมตีที่กระทันหันเช่นนี้,เธอรู้สึกเหมือนกับอยู่ท่ามกลางทะเลคลั่งและคลื่นยักษ์ที่จะทำลายแพเล็กๆของเธอให้เละเป็นชิ้นๆได้ทุกเวลา
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจริงๆแล้วราชามนุษย์สัตว์จะน่ากลัวขนาดนี้