Advent of the Archmage - 559:จั๊กจั่น ตั๊กแตนตำข้าว นกหลากสี
แกร๊ง!
จิตสังหารของอวาตาร์ระเบิดออกคาทูช่าทำได้แค่ยกหอกของเธอขึ้นมาป้องกันอย่างเร่งรีบ และถูกดันไปข้างหลัง เท้าของเธอฝังลงไปในกระเบื้องหิน มีรอยแตกมากมายปรากฎขึ้นที่ใต้เท้าของเธอ มันกระจายออกเหมือนกับใยแมงมุม
คลื่นกระแทกที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าพุ่งออกไปทุกทิศทางพื้นดินสั่นไหว อากาศสะเทือน บ้านทุกหลังที่อยู่ในระยะ 1,000 ฟุตพังลงเหมือนกับว่ามันทำมาจากตัวต่อจิ๊กซอว์ หลังจากการโจมตี ก็เกิดรอยแหว่างขนาดเล็กขึ้นที่ดาบใหญ่ออบซิเดียนของอวาตาร์ วัตถุดิบที่ใช้ทำดาบมนุษย์สัตว์ระดับอีพิคของเขาไม่สามารถเทียบชั้นกับหอกแห่งชัยชนะของคาทูช่าได้
แต่ถึงอย่างนั้นแล้วจะทำไมหล่ะ? คาทูช่าถอยกลับไปและอวาตาร์ก็ตามไปติดๆเหมือนกับเงาเขาหายใจดัง คลื่นอากาศพุ่งออกมาจากคอของเขาอย่างรวดเร็วในตอนที่เขาคำราม “รับไปซะ! ดาบแห่งความรุ่งโรจน์”
พลังสัตว์ป่าไหลเข้าไปในดาบออบซิเดียนทำให้มันเปล่งแสงจ้าออกมาราวกับเปลวเพลิง ภายใต้แสงสีแดงนี้ ดาบมีขนาดใหญ่ขึ้น 2 เท่า มันยาวเกือบ 10 ฟุตกว้าง 2 ฟุต และที่ด้านนอกของดาบจริงก็มีเงาที่สร้างขึ้นมาด้วยการควบแน่นของพลังสัตว์ป่าด้วย
เขาเหวี่ยงดาบเข้าใส่คาทูช่าครั้งนี้พลังมันรุนแรงยิ่งกว่าเดิม การโจมตีของเขาอยู่ในช่วงที่คาทูช่ายังปรับสมดุลร่างกายกลับมาไม่ได้เลย
มีเสียงฟ้าร้องดังเหมือนกับฟ้าผ่าในตอนที่ดาบถูกฟันลงมาสายฟ้าสีแดงก็ปรากฏขึ้นรอบๆดาบ มันทรงพลังมากจนเกือบจะแยกสวรรค์ได้!
ในการเผชิญหน้ากับการโจมตีระดับนี้ตรงๆนั้นคาทูช่ารู้สึกได้แค่คลื่นกระแทกที่ถาโถมเข้าใส่เธอ มันไม่มีเวลาให้หายใจเลยด้วยซ้ำ เธอทำได้แค่ป้องกันการโจมตีถึงตายนี้
จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้เธอรู้แก่ใจดี
เธอจะต้องใช้การโจมตีนี้เพื่อสร้างระยะระหว่างเธอกับคู่ต่อสู้ตราบใดที่เธออยู่ห่างออกไปและมีเวลาในการปรับตัว เธอก็จะสามารถใช้หนามแห่งโชคชะตาฆ่าขุนศึกมนุษย์สัตว์คนนี้ได้
แกร็ง!คาทูช่าป้องกันการโจมตีอีกครั้ง
แต่ว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิมคู่ต่อสู้ปล่อยคลื่นออกมาอย่างฉับพลัน ในตอนที่เธอโดนมัน เธอก็รู้สึกชาตั้งแต่มือไปถึงแขน จากนั้นมันก็ลามเป็นทั้งร่างกายของเธอ ตัวเธอแทบจะหยุดนิ่งไปเลย
ไม่ต้องพูดถึงการใช้แรงกระแทกในการถอยแค่เธอยังยืนอยู่ได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว “นักรบมนุษย์ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรหรือมีพรรคพวกอยู่กี่คน แต่ว่าพวกเจ้าทุกคนจะต้องตายที่นี่ในวันนี้!”
อวาตาร์กัดฟันการเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้ช้าลงเลย และเขาก็ไม่ได้ให้โอกาสคาทูช่าฟื้นตัวด้วย เขาใช้ประโยชน์จากตอนที่เธอไม่มีแรง และตะโกนออกมาอีกครั้ง “ตายซะ!”
เขาเหวี่ยงดาบขึ้นดาบนั้นเร็วดุจสายฟ้าแล็บ ถ้าคาทูช่าถูกฟันเข้า เธอคงจะถูกผ่าเป็นสองซีกแน่ๆ หรือต่อให้เธอมี 9 ชีวิต เธอก็น่าจะไม่รอดอยู่ดี
ในการต่อสู้ครั้งนี้อวาตาร์โจมตีไปแค่3 ครั้งเท่านั้น เขาจะฆ่าได้ด้วยการโจมตีครั้งที่ 3!
แม้ว่าคาทูช่าจะมีหอกแห่งชัยชนะ,อาวุธที่ใกล้เคียงกับเวทย์ระดับพระเจ้า แต่เมื่อเธอทำพลาด เธอก็ไม่สามารถหาโอกาสในการโจมตีได้เลย-แม้ว่าเธอจะต้องการเวลาแค่เสี้ยววินาทีก็ตาม
อวาตาร์จัดการมนุษย์สัตว์ผู้กล้าทุกคนด้วยตัวเองและได้ยกเลิกระบบชนเผ่าและทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะทักษะการต่อสู้อันน่าอัศจรรย์ของเขา
ในฟิรุแมนเขาน่าจะถูกจัดอันดับอยู่ในท็อปสามด้านความสามารถในการต่อสู้เลยด้วยซ้ำ แทบไม่มีใครเทียบฝีมือกับเขาได้ คาร์โนสเองก็ทำไม่ได้ ไฮเอลฟ์ยิ่งไม่ได้ใหญ่ เขาสามารถหาคู่ต่อสู้ที่ส้มน้ำสมเนื้อได้แค่ในเผ่ามังกรหรือปีศาจเท่านั้น
อย่างไรก็ตามพละกำลังของอวาตาร์นั้นไม่ได้มาจากทักษะการต่อสู้เพียงอย่างเดียว มันยังมีพลังวิญญาณที่ช่วยเขาให้เป็นอิสระจากการผูกมัดด้วยประเพณีทั้งหมดและการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วย
ทักษะการต่อสู้อันสมบูรณ์แบบ,จิตวิญญาณอันสูงส่งและจิตสังหารที่พุ่งพล่าน-ทั้งสามสิ่งนี้ได้หลอมรวมกันและทำให้คาทูช่าไม่สามารถเอาชนะได้
ในตอนที่คาทูช่ากำลังจะถูกผ่าเป็นสองซีกก็มีร่างที่ปราดเปรียวพุ่งออกมาจากมุมนึง คนๆนี้ถือมีดเอาไว้ที่มือทั้งสองข้าง เล่มนึงพุ่งไปที่คอของอวาตาร์ และอีกเล่มเล็งไปที่หัวใจ
ในเวลาเดียวกันนั้นเองชายหนุ่มรูปงามที่มีผิวคล้ำกว่าพร้อมกับปีกสีดำหกคู่ก็พุ่งออกมาจากอีกฝั่งนึง ชายคนนี้ถือชูริเคนไว้ที่มือทั้งสองข้าง เขาประสานมือเข้าด้วยกัน, รวมชูริเคนกลายเป็นดาบและพุ่งเข้าหาดาบออบซิเดียนของอวาตาร์
เทวดาตกสวรรค์6 ปีกคนนี้รวดเร็วมาก มันแทบจะเป็นการเทเลพอร์ตเลยด้วยซ้ำ เขาพุ่งออกมาทีหลังแต่ว่าเขาเร็วกว่าขุนศึกวายุพาร์มีสที่มีชื่อเสียงในด้านความเร็วซะอีก เขาป้องกันดาบของอวาตาร์ได้ในช่วงวินาทีสุดท้าย
แกร๊ง!มันเป็นเสียงระเบิดของเหล็กที่ดังผ่านก้อนหิน ดาบของอวาตาร์ไม่ได้หยุดหรือไปต่อ มันหมุนไปครึ่งนึงและป้องกันการโจมตีของพาร์มีส
ในระหว่างที่ป้องกันความคิดของอวาตาร์ก็ผุดขึ้นมา จิตใต้สำนึกของเขานึกขึ้นมาได้ในชั่วพริบตา ไม่นะ พวกมันมีกันทั้งหมด 3 คน และพวกมันทุกคนก็เป็นระดับตำนานด้วย ข้อได้เปรียบเดียวของเราในตอนนี้คือพวกมันไม่เคยร่วมทีมกันมาก่อน ถ้าเกิดว่าข้าไม่รีบจบให้เร็วที่สุด ข้าต้องตายแน่ๆ
ด้วยความคิดนี้อวาตาร์ก็เริ่มเคลื่อนไหว ไม่มีความลังเลหรือการหยุดเลยตลอดทั้งกระบวนการนี้
นี่เป็นสัญชาติญาณการต่อสู้—มันเป็นพรสวรรค์อันน่ากลัวของมนุษย์สัตว์!
ในระหว่างการต่อสู้มนุษย์สัตว์มักจะแสดงสัญชาติญาณสัตว์ออกมาตลอดเวลา พวกเขามักจะทำการตัดสินใจที่ถูกต้องเสมอในช่วงเวลาที่สำคัญ
ในประวัติศาสตร์ของฟิรุแมนมนุษย์สัตว์มักจะอยู่ในอันดับต้นๆของการประลองตัวต่อตัว มีบันทึกเอาไว้ด้วยว่าขุนศึกมนุษย์สัตว์เลเวล 8 นั้นสามารถสู้อย่างสูสีกับนักรบมังกร 5 คนที่มีเลเวลเดียวกันได้
มนุษย์สัตว์เป็นนักรบโดยธรรมชาติ ในพริบตาต่อมาอวาตาร์ก็ใช้ท่าไม้ตายของเขา เขาใช้แรงสั่นสะเทือนจากการที่ดาบออบซิเดียนปะทะกับอาวุธของคู่ต่อสู้และดึงมันกลับเล็กน้อย ในระหว่างนั้นเอง อยู่ๆดาบของเขาก็เป็นภาพเบลอ
ดาบออบซิเดียนดูเหมือนกับภาพลวงตาเพราะมันถูกสร้างขึ้นมาจากเงานับพันในเวลาเดียวกันนั้นเอง แสงรอบๆดาบก็รวมเข้าด้วยกัน และพลังสัตว์ป่าสีแดงเลือดก็เกิดขึ้น มันสว่างจนแสบตา
พาร์มีสคุ้นเคยกับพลังของอวาตาร์มากที่สุดในตอนที่เห็นเงาดาบ เขาก็ตื่นกลัว “ถอยเร็วเข้า เขาจะใช้พลังทั้งหมดแล้ว!”
เทวดาตกสวรรค์ไม่สนใจ“ไม่เห็นต้องกลัวเลย…อา ช่างทรงพลังจริงๆ!”
ในเวลาเดียวกันกับที่อวาตาร์เปิดใช้ท่าไม้ตายพลังสัตว์ป่าก็พุ่งเข้าไปในดาบของเขา และเขาก็ฟาดมันไปข้างหน้าด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามี
ทันใดนั้นเองเงาดาบก็เต็มอากาศภายในระยะ 15 ฟุต เงาทั้งหมดมีสีแดงเลือด และใบดาบก็ส่องแสงจ้า พวกมันดูเหมือนกับภาพลวงตาแต่ว่ามันอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล
นี่คือทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของอวาตาร์:ฟาดฟันบ้าคลั่ง
ฟาดฟัดบ้าคลั่ง
ทักษะต่อสู้ระดับเชี่ยวชาญเลเวล 11
ผล:ผู้ใช้จะรวบรวมพลังและจิตสังหารทั้งหมดที่มีและระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน ทุกสิ่งที่อยู่ในระยะ 15 ฟุตจะถูกบดขยี้!
(หมายเหตุ:ความโกรธเกรี้ยวของขุนศึก)
ชิ้งชิ้ง ชิ้ง เงาดาบเรืองแสงปกคลุมทุกสิ่ง ภายในนั้น คาทูช่า เทวดาตกสวรรค์ และขุนศึกวายุพาร์มีส ทุกคนต่างก็ทรมานจากการโจมตีอันน่ากลัว
มันรวดเร็วและเยอะเกินไปมันไม่มีที่ให้หลบเลย พวกเขาทำได้แค่ป้องกันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี คาทูช่าพึ่งได้รับความช่วยเหลือจากพรรคพวกของเธอและตั้งใจจะเปิดใช้งานหนามแห่งโชคชะตาแต่ว่าหลังจากนั้นเธอก็ตกมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากใช้ทุกอย่างที่มีในการถอย ไอรีนโนเวล
เทวดาตกสวรรค์โดนการโจมตีเยอะที่สุดเขาหมุนชูริเคนอย่างบ้าคลั่งเพื่อสร้างแนวป้องกันสมบูรณ์แบบด้านหน้าเขา แต่ถึงอย่างนั้น เงาดาบมากมายก็ยังคงพุ่งผ่านมันและโดนตัวเขา พาร์มีสตื่นกลัว เขาไม่มีใจจะสู้แล้ว และเขาก็ถอยไปตั้งหลัก แต่ว่ามันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขายังคงอยู่ในระยะการโจมตี แม้ว่าเขาจะใช้กำลังทั้งหมดในการป้องกัน แต่เขาก็ยังโดนดาบฟันที่ขาซ้ายอยู่ดี
ฉัวะฉัวะ ฉัวะ มันคือเสียงเนื้อโดนเฉือน รวมไปถึงกลิ่นเหล็กของเลือดด้วย เสียงนั้นดังอยู่แค่เสี้ยววินาที หลังจากนั้นก็มีร่างที่เต็มไปด้วยเลือด 3 ร่างกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง บุคคลระดับตำนานทั้งสามคนต่างก็ถูกอวตาร์โจมตีอย่างน้อยหนึ่งครั้งพวกเขากระเด็นออกไป และทั้งตัวก็เต็มไปด้วยบาดแผล
คนที่บาดเจ็บมากที่สุดก็คือเทวดาตกสวรรค์เขาโดนตัดแขนไปหนึ่งข้าง เลือดไหลพุ่งออกมาจากหน้าอก เขายืนอย่างไม่มั่นคงและล้มลงไปนอนชักอยู่กับพื้น, มีเลือดไหลนองรอบตัวเขา
ไม่ว่าพลังชีวิตของเทวดาตกสวรรค์จะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่พลังระดับตำนานที่ไหลเข้าไปในตัวเขาก็มีพลังทำลายล้างที่สูงมาก ความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นหลักฐานถึงพลังชีวิตที่แข็งแกร่งของเขาแล้ว
สำหรับคาทูช่าเธอเองก็เต็มไปด้วยเลือด แม้ว่าเธอจะยังยืนอยู่ แต่ร่างของเธอก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เธอแทบจะกำหอกแห่งชัยชนะไม่อยู่แล้ว
คนที่บาดเจ็บน้อยที่สุดก็คือพาร์มีสแต่ว่าเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นซักเท่าไหร่ ร่างกายทุกส่วนของเขายังอยู่ดียกเว้นขาซ้ายของเขา มันหายไปเกินครึ่ง ส่วนที่เหลืออยู่นั้นห้อยอยู่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ความเร็วอันภาคภูมิใจของเขาได้หายไปแล้ว
ยังไงก็ตาม,อวาตาร์เองก็ไม่ได้มีสภาพดีเหมือนกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เทคนิคต่อสู้นี้ก็ใช้พลังของเขาไปจนหมด เขาเอาดาบประคองตัวเองเอาไว้และคุกเข่าลงกับพื้นข้างนึง พร้อมกับหอบอย่างรุนแรง
เขาไม่ได้มองไปที่คาทูช่าหรือเทวดาตกสวรรค์เขาจ้องไปที่พาร์มีส
“ข้าไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นถึงเจ้าจะไปเข้ากับพวกทางเหนือข้าก็ไม่ติดใจอะไรหรอก เจ้าจะไปเข้ากับดาร์คเอลฟ์ในป่าทมิฬก็ได้ แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้ากลับมาสังหารหมู่พี่น้องที่ไร้เดียงสาเหล่านี้ด้วยวิธีการที่ต่ำช้าอย่างการแพร่โรคระบาด! พาร์มีส เจ้ามันเป็นความอัปยศที่ร้ายแรงที่สุดของเผ่าเรา!”
นักสู้ระดับตำนานไม่ได้มองกันที่ลักษณะภายนอกของพวกเขาตอนนี้พาร์มีสดูเหมือนกับมนุษย์ และคนธรรมดาก็คงจะดูไม่ออก ยังไงก็ตาม อวาตาร์รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นใครหลังจากปะทะกัน
พาร์มีสปฏิเสธอวาตาร์ในทันที“ข้าไม่ได้เป็นคนแพร่โรคระบาด! ข้าแค่มาที่นี่เพื่อฆ่าเจ้าเท่านั้น!”
“เหอะแล้วยังไงหล่ะ? เจ้าฆ่าข้าเสร็จ เจ้าก็ปล่อยให้โรคระบาดแพร่ไปทั่วทุ่งหญ้าสีทองเพื่อฆ่าคนเผ่าเราทั้งหมดอยู่ดีไม่ใช่หรอ วิญญาณของเจ้าจะต้องถูกบรรพบุรุษของเราทอดทิ้งแน่ แต่ก็น่าเสียดายจริงๆที่ข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าด้วยมือของตัวเองได้”
เขาเสียพลังไปหมดแล้วในขณะที่พาร์มีสเสียไปแค่ขาพลังของเขาไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อยและเขาสามารถฆ่าอวาตาร์ได้อย่างง่ายดาย
พาร์มีสไม่อยากรับผิดชอบเรื่องนี้เขาไม่ได้สนใจว่ามนุษย์สัตว์ธรรมดาจะคิดยังไง และเขาก็ไม่สนด้วยว่าอวาตาร์จะคิดยังไง ยังไงก็ตาม เขาไม่สามารถมองข้ามบรรพบุรุษนับไม่ถ้วนของเขาได้
ในประเพณีของมนุษย์สัตว์บรรพบุรุษนั้นสำคัญมาก ความเคารพต่อบรรพบุรุษฝังแน่นอยู่ในจิตวิญญาณของพวกเขา
“ไม่ข้าไม่ได้เป็นคนแพร่โรคระบาด ข้าไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่ๆ!” เขาตะโกนแล้วพูดใส่ทั้งอวาตาร์และบรรพบุรุษของเขา
“ฆ่าปีศาจกับนากาเพื่อยืนยันกับเหล่าบรรพบุรุษซะสิ!”อวาตาร์คำราม
พาร์มีสยืนนิ่งสายตาของเขามองไปที่คาทูช่า เทวดาตกสวรรค์เองก็ไร้ความสามารถและต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนในการรักษา มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถสู้กลับได้นั่นก็คือคาทูช่า เขากำมีดเอาไว้ในมือแน่น
“พาร์มีส”คาทูช่าพูดอย่างเร่งรีบ “คนของเจ้ายังอยู่ในป่าทมิฬนะ ภรรยาของเจ้าและลูกๆของเจ้าก็ยังอยู่ที่นั่นเหมือนกัน อย่าลืมสิ!” ด้วยคำพูดนี้พาร์มีสก็ผ่อนมืออีกครั้ง เขาไม่กล้าสบตากับอวาตาร์ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน เขาก้มหัวลง ฉีกเสื้อของเขาออกและเก็บเศษขาของเขาขึ้นมา จากนั้นเขาก็เดินเขย่งไปหาเทวดาตกสวรรค์
เขายกปีศาจที่บาดเจ็บหนักขึ้นมาและตรงไปหาคาทูช่า
”ไปกันเถอะ”
“ทำไมเจ้าถึงไม่ฆ่ามัน?”คาทูช่าถามด้วยความโกรธ ราชามนุษย์สัตว์น่ากลัวเกินไป ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่ฆ่าเขาในตอนนี้ เธอก็คงจะไม่มีทางฆ่าเขาได้อีก แม้ว่าเธอจะมีหอกแห่งชัยชนะอยู่ก็ตาม
พาร์มีสส่ายหัว“ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะหยุดโรคระบาดในทุ่งหญ้าสีทองได้ ข้าจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้!”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าหล่ะ?”คาทูช่าหัวเสียมากเธออยากที่จะตบเขาตอนนี้เลย “หุบปากไปซะ!”พาร์มีสไม่อยากจะพูดไปมากกว่านี้ เขาหยิบยาออกมาและกรอกใส่ปากของเทวดาตกสวรรค์ จากนั้นเขาก็แบกเทวดาตกสวรรค์ไป
คาทูช่าจ้องราชามนุษย์สัตว์ที่คุกเข่าอยู่กับพื้นเธอตั้งใจจะแทงเขาให้ตาย แต่ว่าเธอเองก็บาดเจ็บหนักและไม่มีความมั่นใจพอ เธอทำได้แค่ตามพาร์มีสไป
อวาตาร์ถอนหายใจออกมาเขาพิงดาบของตัวเองและลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ
เขายังมีชีวิตอยู่เขายังคงหาทางรักษาโรคระบาดได้ ใช่ เขาต้องหายารักษา ในเมื่อเขาหาที่นี่ไม่ได้ เขาก็จะไปที่หุบเขามังกร เพื่อขอความช่วยเหลือจากราชินีมังกร
ใช่พวกมังกรจะต้องมีคำตอบแน่ๆ ตราบใดที่พวกเขายินดีช่วย เขาก็พร้อมตอบแทนพวกมังกรได้ทุกอย่าง
ด้วยความคิดนั้นในใจเขาก็เตรียมตัวออกเดินทาง เขาฟื้นพลังขึ้นมาได้เล็กน้อยแล้ว มันอาจจะไม่พอที่จะใช้ต่อสู้ แต่ก็สามารถใช้เดินทางได้
อย่างไรก็ตาม,หลังจากเดินไปได้สองก้าว ใจของเขาก็ตกไปที่ตาตุ่ม เขากระโดดออกไปด้านข้าง
ครืดมีเถาวัลย์สีดำหนาเท่าแขนพุ่งออกมาจากพื้นดิน มันพุ่งไปที่หัวใจของเขาเหมือนกับเข็มพิษ อวาตาร์หลบมันได้ แต่หนามก็เปลี่ยนทิศทางตามเหมือนกัน มันตามหน้าอกของเขาไป อวาตาร์ต้องป้องกันมันด้วยดาบออบซิเดียอย่างไม่มีทางเลือก
แกร๊ง!ดาบถูกเถาวัลย์สีดำปัดทิ้งอย่างง่ายดาย ตอนนี้อวาตาร์อ่อนแอเกินไป เขาไม่สามารถสู้กับเถาวัลย์ได้
หลังจากโจมตีเถาวัลย์ก็กลับไป อวาตาร์ส่งเสียงครวญครางอยู่ในใจ เขาหลบการโจมตีได้ในจังหวะสุดท้ายแต่ก็ไม่สามารถหลบได้ทั้งหมด ด้วยเสียงดึงฉึก มันก็แทงทะลุแขนของเขา ความเจ็บปวดที่รุนแรงครอบคลุมจิตใจของเขา เขาอดส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกถึงพิษที่ไหลเข้ามาจากบาดแผลเขาคุ้นเคยกับพิษนี้มาก และเขารู้จักเถาวัลย์นี้ดี มันเป็นของพวกไฮเอลฟ์!
ในตอนนั้นเองก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัวของเขา ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมพาร์มีสถึงยืนยันขนาดนั้นว่าเขาไม่ใช่คนแพร่โรคระบาด คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นไฮเอลฟ์สินะ!
ในตอนที่เขาคิดเรื่องนี้ภาพเบื้องหน้าเขาก็เริ่มเลือนลาง และเขาก็รู้สึกมึนหัว
ในจังหวะสุดท้ายเขาเห็นแสงสีขาวปรากฏขึ้นรอบตัวเขา เขารู้ว่านี่คือเวทย์ประตูมิติ แต่เขารู้สึกว่ามันแปลก มีคนกำลังช่วยข้าอยู่หรอ? หรือว่าพวกไฮเอลฟ์กำลังจับข้าอยู่?
หลังจากนั้นเขาก็สลบไป