Advent of the Archmage - 560 : กระบวนท่าต่อสู้ของมนุษย์สัตว์
”ไม่,ไม่, ไม่นะ!”
ด้วยความสับสน,อวตาร์พบว่าตัวเองอยู่กลางเมืองมาร่า เขาถูกล้อมด้วยมนุษย์สัตว์คลั่งที่ร่างของพวกเขามีหนองสีเขียวหยดติ๋งๆและถูกปกคลุมด้วยแผลเป็นที่แตกขนสีขาวออกมาท
พวกเขากำลังฉีกทึ้งเขา,มีไอสีเขียวฟุ้งออกมาจากปากในขณะที่พวกเขาคำราม พวกเขาดูดุร้ายกว่าสัตว์ป่าในทุ่งหญ้าเสียอีก
อวตาร์ฝืนใจใช้ดาบออบซิเดียนฟันพวกเขา,แต่จำนวนมีเยอะเกินไป พวกเขากำลังรุมทึ้งเขาและกินเขาทั้งเป็น
“ทำไมถึงมีเยอะขนาดนี้?เมืองมาร่าจบสิ้นแล้วหรอ? แล้วทุ่งหญ้าสีทองหล่ะ?”
ด้วยความตื่นตระหนก,อวตาร์เริ่มกรุยทางผ่านมนุษย์สัตว์คลั่งแล้วมุ่งหน้าไปยังประตูเมือง
มันเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวสำหรับเขา,เขาตระหนักได้ว่าพละกำลังของเขากำลังลดลงอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาฟันเพื่อนมนุษย์สัตว์ไปมากมาย เขาใช้กำลังไปจนหมดแล้วในตอนที่เขามาถึงกำแพงเมือง
ตอนนี้แขนของเขาอ่อนยวบยาบ,และขาของเขาก็รู้สึกหนักเหมือนตะกั่ว มันเหมือนกับการเดินลุยโคลน แต่ดูเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุดสำหรับฝูงมนุษย์สัตว์ติดเชื้อนี้ ถนนทุกซอกมุมเต็มไปด้วยพวกเขาเหมือนกับฝูงมดที่กำลังแห่ออกมาจากรัง มนุษย์สัตว์ถาโถมเข้าหาเขา, เตรียมพร้อมที่จะฝังเขี้ยวลงในเนื้อสดๆของเขา
ด้วยเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่,อวตาร์ก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงเมือง เขาพร้อมที่จะกระโดดลงมาและเป็นอิสระจากชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตาม, ในตอนที่ขึ้นมาบนกำแพง, สิ่งที่เขาเห็นก็ได้ฉุดเขาให้จมลงสู่งความสิ้นหวัง
มนุษย์สัตว์ติดเชื้อแบบนี้ได้กระจายไปทั่วทุ่งหญ้าแล้วพวกเขาจะไม่มีวันหมด
“นี่เป็นเรื่องจริงหรอเนี่ย?ทุ่งหญ้าแห่งนี้จบสิ้นแล้วหรอ? คนของข้าหมดหวังแล้วใช่ไหม?”
“55555!”
อวตาร์ได้ยินเสียงหัวเราะน่าขนลุกจากข้างหลังเขาเขาหันกลับมาแล้วเห็นเงานึงยืนอยู่ที่มุมถนนด้วยร่างกายที่ผอมเพรียวและหูที่ตั้งยาว
มันคือไฮเอลฟ์
พอรู้สึกได้ถึงสายตาของเขา,หนึ่งในไฮเอลฟ์ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน “555, พวกเจ้าทุกคนจะสูญพันธุ์ในเร็วๆนี้, เหล่ามนุษย์สัตว์เอ๋ย!”
“อวตาร์,เจ้าเองก็จะตายเหมือนกัน คนของเจ้าจะกินศพของเจ้าจนไม่เหลือกระดูกเลยซักชิ้น”
เหล่ามนุษย์สัตว์คลั่งกรูกันมาหาอวตาร์,ที่ตอนนี้เหนื่อยเกินกว่าจะสู้ต่อแล้ว และทันใดนั้นเอง, เขาก็จมอยู่ในกระแสเชี่ยวกรากของผู้ติดเชื้อ ท่ามกลางความบ้าคลั่งนี้, เขาทำได้แค่เหวี่ยงดาบไปมา, แต่ว่ามันก็เปล่าประโยชน์ เขาคำรามด้วยความเจ็บปวดในขณะที่หนึ่งในมนุษย์สัตว์กัดเข้าที่คอของเขา
“อ้ากก!”
เขาลุกขึ้นนั่งและตระหนักขึ้นมาได้ในทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่มีมนุษย์สัตว์หรือไฮเอลฟ์อยู่รอบตัวเขาเลย มีแค่ไฟอุ่นๆโบกสะบัดไปมาอยู่ใกล้ๆจุดที่เขานั่ง มีหม้อโลหะแขวนอยู่บนแท่งเล็กที่ติดตั้งอยู่เหนือไฟ, และมีคนๆนึงนั้งอยู่ใกล้ไฟนั้น คนๆนั้นดูเหมือนมนุษย์ เขากำลังถือไม้เสียบเนื้อกระต่ายที่ถูกปรุงรสมาแล้วอยู่เหนือไฟ ซึ่งตอนนี้, มีกินหอมของเนื้อปรุงรสโชยมาในอากาศแล้ว
ที่นี่มืดสนิทมีพระจันทร์เต็มดวงฉายลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน มีกอต้นกกหนาอยู่รอบตัวพวกเขา สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน, แต่ก็ต้องขอบคุณกองไฟนี้, อวตาร์ไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด มีบางอย่างนุ่มๆอยู่ใต้ตัวเขาด้วยอวตาร์มองลงไปแล้วเห็นหนังหมีหนากางอยู่ใต้ตัวเขาบนกอต้นกก แล้วก็มีผ้าห่มขนแกะหนาคลุมร่างของเขาเอาไว้; มันน่าจะเป็นฝีทอของมนุษย์
อวตาร์พยายามจะลุกขึ้น,แต่ในตอนที่ขยับตัว, เขาก็รู้สึกเจ็บแขนขึ้นมา ทั่วทั่งร่างของเขาโทรมมาก ทุกสิ่งที่เห็นในตอนนี้ดูเหมือนความฝันสำหรับเขา
เขาลองจับดูที่คอและรู้สึกโล่งใจที่พบว่าไม่มีแผลอยู่ตรงนั้น
ในขณะที่พยายามทำความเข้าใจสิ่งที่อยู่รอบๆ,เขาก็สังเกตเห็นว่ามนุษย์คนนั้นกำลังเข้ามาหาเขา ด้วยสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้, อวตาร์มองไม่เห็นเลยว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง, โดยเฉพาะในตอนที่คนๆนั้นอยู่หลังกองไฟ อวตาร์เห็นแค่กระต่ายปรุงรสที่อยู่ในมือของเขาเท่านั้น กลิ่นอาหารในตอนนี้ได้ตีขึ้นจมูกของเขา ทันใดนั้นเอง, ท้องของมนุษย์สัตว์ก็ส่งเสียงร้องโครกครากขึ้นมา เขากำลังหิวกระหาย “กินซะสิ”คนๆนั้นยื่นกระต่ายปรุงรสมาให้เขา
โดยไม่คิดซ้ำสอง,อวตาร์ก็รับมันและเริ่มยัดกระต่ายเข้าไปในท้อง มันอร่อยมาก หนังกระต่ายกรอบ, และเนื้อของมันก็นุ่มละมุนลิ้น แล้วก็มีรสชาติเผ็ดเพิ่มเข้ามาด้วย อวตาร์ไม่เคยลิ้มลองอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
ภายในสิบนาที,เขาสามารถเขมือบกระต่ายไปได้ทั้งหมด 20 ตัว ซากที่เหลืออยู่นั้นมีแค่กระดูกชิ้นหนาเท่านั้น เขาสวาปามกระดูกชิ้นเล็กๆพร้อมกับเนื้อลงไปทั้งหมด แต่ถึงกระนั้น, อวตาร์ก็ยังไม่อิ่มดี
ในตอนที่อาหารเข้ามาในท้องของเขา,อวตาร์ก็รู้สึกได้ถึงเรี่ยวแรงและพละกำลังที่ค่อยๆฟื้นกลับมา จากนั้นเขาก็หันไปหามนุษย์คนนั้นแล้วถาม “ท่านเป็นใคร? ท่านช่วยข้าทำไม?”
ออร่าของชายคนนี้แข็งแกร่ง,บางทีออร่าของเขาน่าจะแข็งแกร่งกว่าของอวตาร์ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม, มันอ่อนโยนกว่า, มันแทบจะไม่มีความคุกคามเลย อวตาร์ไม่เคยเจอพลังแบบนี้มาก่อน
ชายคนนั้นหัวเราะจากนั้นเขาก็เดินมาข้างหน้าเพื่อให้ไฟส่องมาที่ใบหน้าของเขา
“มาสเตอร์ลิงค์,นั่นท่านหรอ? ท่านมาที่นี่ทำไม? แล้วข้าหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?” อวตาร์ประหลาดใจกับการปรากฎตัวของลิงค์มากจนเขาอดรัวคำถามใส่ลิงค์ไม่ได้
ลิงค์ไม่ได้คิดจะปกปิดความจริงจากมนุษย์สัตว์คนนี้“นายหลับไปครึ่งวันแล้ว ส่วนฉัน, ฉันมาที่ทุ่งหญ้าสีทองเพื่อปรึกษาเรื่องกองทัพของเทพแห่งการทำลาย นายคงจะรู้อยู่แล้วสินะ, ว่าขุนศึกวายุเข้าร่วมกับกองทัพของเทพแห่งการทำลายแล้ว, ดังนั้นฉันก็เลยคิดว่าฉันน่าจะขอความช่วยเหลือนายในเรื่องนี้ได้ แต่ใครจะไปคิดกันหล่ะว่าจะมีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้นในเมืองมาร่าก่อนที่ฉันจะได้เจอนายซะอีก?”
อวตาร์ไม่ได้รังเกียจที่จะช่วยลิงค์เพราะถึงยังไงพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่แล้ว ในช่วงไม่กี่ปีมานี้, มนุษย์สัตว์กับเฟิร์ดได้ทำธุรกิจร่วมกัน คนของอวตาร์นำเข้าอาวุธเวทมนตร์ทุกรูปแบบมาจากเฟิร์ด ซึ่งพูดได้เลยว่าอาวุธที่นำเข้ามานั้นมีส่วนสำคัญในการทำให้อวตาร์รวมเผ่ามนุษย์สัตว์ทั้งหมดให้เป็นปึกแผ่นได้
พอได้ยินลิงค์พูดถึงเมืองมาร่า,อวตาร์ก็รีบถามขึ้นมา “มาสเตอร์, ท่านรู้เหตุการณ์ในเมืองมาร่ามากแค่ไหนครับ?”
“ก็เยอะอยู่นะฉันทำการสืบข้อมูลมานิดหน่อยหน่ะ ฉันพึ่งเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นก็ตอนที่เห็นไฮเอลฟ์โจมตีนายนั่นแหล่ะ” ลิงค์รู้ว่าอวตาร์จะถามเขาเรื่องเมืองมาร่า เขาก็เลยเตรียมงัดเรื่องนี้มากล่อมให้อวตาร์ยอมเป็นพันธมิตรด้วย
สีหน้าของอวตาร์หดหู่“ข้าอยากรู้เรื่องทั้งหมด” ไอลีนโนเวล
ลิงค์พยักหน้า,พร้อมที่จะแบ่งปันสิ่งที่เขารู้มา “ก่อนที่ฉันจะพูดอะไร, ฉันขอเตือนก่อนนะว่าฉันเพิ่งมาถึงเมืองมาร่าเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ทุกสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกนายนั้นเป็นแค่ข้อสันนิษฐานจากการสังเกตของฉัน, และอาจจะมีความคลาดเคลื่อนบางอย่างระหว่างข้อสันนิษฐานของฉันกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ พูดอีกอย่างนึงก็คือ, นายไม่จำเป็นต้องเชื่อทุกอย่างที่ฉันพูดก็ได้”
อวตาร์พยักหน้า,แต่เขาก็รู้สึกมั่นใจอย่างบอกไม่ถูกว่าสิ่งที่ลิงค์กำลังจะพูดนั้นเป็นความจริง
ลิงค์เริ่มเล่าสิ่งที่เขารู้มามีแค่นักเวทย์แห่งความมืดไร้นามคนเดียวเท่านั้นที่เป็นมนุษย์ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้, ซึ่งเขาคงจะไม่มีค่ามากพอที่จะจุดไฟความโกรธของอวตาร์ให้ไปลงที่เผ่ามนุษย์ทั้งหมดได้ จากนั้นลิงค์ก็บอกอวตาร์เกี่ยวกับไฮเอลฟ์และกองทัพของเทพแห่งการทำลาย, คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทุกอย่าง เขาเล่าละเอียดมากจนไฟพิโรธของอวตาร์พุ่งตรงไปยังทั้งสองฝ่าย
แล้วก็แน่นอนว่า,ลิงค์เลือกใช้คำพูดอย่างไม่ลำเอียง เขาไม่ได้ปล่อยให้อารมณ์พาไปในตอนที่พูดเลย
แม้ว่าอวตาร์จะไม่มีนิสัยชอบแสดงอารมณ์ออกมา,แต่ในตอนที่ลิงค์พูดจบ, เขาก็อดต่อยพื้นด้วยความโกรธไม่ได้ เขากัดฟันพูด “ทำไมไอ้พวกไฮเอลฟ์ถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้!”
คาทูช่า,เทวดาตกสวรรค์, และขุนศึกวายุพาร์มีสของกองทัพเทพแห่งการทำลายได้พุ่งเป้ามาที่อวตาร์ และด้วยความที่เขาเป็นนักรบ, เขาจึงไม่ยอมหันหลังให้กับการต่อสู้ แม้ว่าเขาจะแพ้ในการต่อสู้นั้น, แต่อวตาร์ก็ทำได้แค่โทษตัวเองที่เตรียมตัวมาไม่พร้อมและปล่อยให้ศัตรูใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเขา
อย่างไรก็ตาม,ไฮเอลฟ์นั้นพุ่งเป้ามาที่ประชาชนทั่วไปที่อยู่ในเมืองโดยใช้วิธีการอันร้ายกาจที่คุกคามความเป็นอยู่ของมนุษย์สัตว์ทุกคน ในตอนนี้, อวตาร์ไม่ต้องการอะไรแล้วนอกจากฉีกไฮเอลฟ์ทั้งสามคนให้เป็นชิ้นๆ
ในตอนนั้นเอง,กลิ่นหอมหวนก็ลอยมาจากในหม้อที่ยังห้อยอยู่เหนือไฟ ลิงค์เปิดใช้มือแห่งนักเวทย์แล้วตักซุปใส่ถ้วยเงินสองถ้วย ซึ่งถ้วยนึงลอยไปทางอวตาร์, และอีกถ้วยลอยมาหาเขา
ลิงค์จิบซุปไปเล็กน้อยมันมีรสชาติเข้มข้นมาก พอเข้ามาในท้อง, ความรู้สึกอบอุ่นก็กระจายไปทั่วทั้งร่างของเขา เขาถอนหายใจออกมาแล้วพูดกับอวตาร์ “ไม่ต้องคิดมากหรอกหน่า ร่างกายของนายยังอ่อนแออยู่ อย่าปล่อยให้ความเกลียดชังและความต้องการจะแก้แค้นครอบงำสิ สิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้ก็คือการฟื้นพลังให้นาย ลองซุปงูที่ฉันทำจากเนื้องูเห่าซักหน่อย ฉันเรียนวิธีทำมาจากผู้เชี่ยวชาญคนนึง มันช่วยฟื้นพลังให้นายได้ดีมากเลยนะ, โดยเฉพาะในตอนที่นายเพิ่งไปเจอกับพิษมา”
อวตาร์พยักหน้าแล้วจิบซุปเข้าไปเล็กน้อยจากนั้นสายตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา แม้ว่าซุปจะยังร้อนอยู่, แต่เขาก็ซดเข้าไปรวดเดียวหมด, รวมทั้งกระดูกงูที่เหลืออยู่ในซุปด้วย ในเวลาแค่ชั่วพริบตา, เขาก็กลืนเนื้องูที่อยู่ในซุปจนไม่เหลือซาก
ลิงค์ส่ายหัวในขณะที่เฝ้ามองมนุษย์สัตว์คนนี้สวาปามทุกอย่างปัญหาทั้งหมดที่เขาเผชิญมาเพื่อทำซุปงูหม้อนี้ได้ถูกสูบไปทั้งแบบนั้น
ในตอนที่เขากินเสร็จ,อวตาร์ก็วางถ้วยเงินเอาไว้ข้างๆ แล้วพยายามลุกขึ้นมาเริ่มฝึกท่าต่อสู้
ลิงค์รู้ว่าอวตาร์พยายามฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเองอยู่,ดังนั้นเขาจึงไม่ขัดขวางในสิ่งที่อวตาร์กำลังจะทำ ลิงค์จัดการเก็บทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเพื่อสร้างพื้นที่ว่างสำหรับให้อวตาร์ได้ฝึกท่าร่างของเขา
หลังจากนั้นลิงค์ก็สังเกตดูการเคลื่อนไหวของอวตาร์
ในตอนแรก,อวตาร์เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า, เนื่องจากบาดแผลที่แขนนั้นส่งผลกับการเคลื่อนไหวของเขา ต่อมาแสงสีแดงสลัวก็เริ่มแผ่ออกมาจากร่างของเขา, โดยเฉพาะจากแผลที่แขน ซึ่งแสงสีแดงค่อยๆสว่างขึ้น, และการเคลื่อนไหวของเขาก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ
อวตาร์ค่อยๆหมกมุ่นอยู่กับการเคลื่อนไหวของเขาแม้ว่าเขาจะลืมตาอยู่, แต่เขาก็ไม่ได้เพ่งความสนใจไปที่ไหนเลย การเคลื่อนไหวของเขาถูกชี้นำโดยสัญชาตญาณล้วนๆ, และพริ้วไหวเหมือนกับสายน้ำ
ลิงค์ตั้งใจสังเกตการเคลื่อนไหวของมนุษย์สัตว์คนนี้เขาเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้, และสัมผัสของเขาก็เฉียบแหลมเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้คนอื่นๆ แม้ว่าอวตาร์จะฝึกท่าร่างแค่กระบวนท่าเดียว, แต่ลิงค์ก็รู้สึกได้ถึงอัตราการหายใจของเขา, การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อทุกส่วนและกระแสพลังอันดุร้ายในร่างของอวตาร์
ลิงค์รู้ท่าร่างที่อวตาร์กำลังทำอยู่—มันเรียกว่าเตาหลอมวิญญาณ,มันคือกระบวนท่าต่อสู้อันล้ำค่าของมนุษย์สัตว์ แนวคิดของมันคือการเปลี่ยนร่างกายให้เป็นเตาหลอมและเปลี่ยนวิญญาณให้เป็นเชื้อไฟ ในระหว่างที่ใช้เตาหลอมวิญญาณนั้น, ร่างกายของมนุษย์สัตว์จะสามารถฟื้นฟูบาดแผลทั้งหมดได้ด้วยความเร็วเพิ่มขึ้นอีกสองเท่ารวมทั้งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของพวกเขาในเวลาเดียวกันด้วย นอกจากนั้น, การผสานงานร่วมกันระหว่างวิญญาณกับร่างกายจะพัฒนาขึ้นอย่างมหาศาล และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยเพิ่มสัญชาตญาณในการต่อสู้ได้ด้วย
พูดอีกนัยนึงก็คือ,กระบวนท่านี้เป็นไพ่ตายของมนุษย์สัตว์, เหมือนกับต้นไม้โลกของไฮเอลฟ์และพลังแสงอรุณของเฟิร์ด
คนที่ฝึกเทคนิคนี้จะสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งทางกายภาพและจิตวิญญาณควบคู่กันได้อย่างไรก็ตาม, แม้ว่าลิงค์จะเข้าใจการเคลื่อนไหวของท่า, แต่เขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าจะนำความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของเขาออกมาผ่านการเคลื่อนไหวพวกนี้ได้ยังไง ลิงค์ทำได้แค่ดูอวตาร์ฝึกเท่านั้น
สองชั่วโมงต่อมา,อวตาร์ก็หยุดเคลื่อนไหว เขาปล่อยแขนลงและหายใจออกมายาวๆ หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยหยดเหงื่อสีเขียวมันคือพิษตกค้างที่ลิงค์ไม่ได้จัดการเอาออกจากร่างของเขา อวตาร์ลองเหวี่ยงแขนดู ตอนนี้เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างปกติแล้ว
เขาหันไปพูดกับลิงค์“บาดแผลของข้าเกือบจะหายดีแล้ว, และความแข็งแกร่งของข้าก็ฟื้นกลับมาเกือบหมดแล้วด้วย ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจท่าร่างที่ข้าพึ่งฝึกไปเมื่อสักครู่นี้ใช่ไหมหล่ะ, มาสเตอร์ลิงค์?”
ลิงค์พยักหน้า“มันก็ไม่ได้สังเกตยากขนาดนั้นนะ”
อวตาร์หัวเราะหลังจากนั้นเขาก็เอาหนังสือที่ปกทำมาจากหนังแกะออกมาเล่มนึงแล้วพูด “ท่าร่างนี้ใช้ได้แค่กับคนที่มีพลังดุร้ายเท่านั้น เอาจริงๆมันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรขนาดนั้นหรอก ทุกสิ่งที่ท่านจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการปล่อยพลังวิญญาณให้ไหลในร่างของท่านในขณะฝึกอยู่ในหนังสือเล่มนี้ทั้งหมดแล้ว ท่านสามารถดูได้นะถ้าสนใจ” พอเห็นสีหน้าอยากรู้ของลิงค์ในตอนที่จับตาดูเขา,อวตาร์ก็ไม่ได้ติดใจที่จะแบ่งปันความรู้นี้กับเขา เพราะถึงยังไงลิงค์ก็ไม่สามารถทำท่าร่างนี้ได้อยู่แล้ว
ลิงค์รับหนังสือมาในตอนที่เขาเปิดอ่าน, ข้อความก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าเขา
เตาหลอมวิญญาณ
เทคนิคต่อสู้ของมนุษย์สัตว์
เลเวล19
รายละเอียด:ผสานร่างกาย, ความนึกคิด, และวิญญาณรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเส้นทางนำไปสู่การเป็นยอดขุนศึก
(หมายเหตุ:เส้นทางแห่งเทพสงคราม!)
ลิงค์สะดุ้งขึ้นมาด้วยความประหลาดใจก่อนหน้านี้, เขาอาจจะเรียนรู้กระบวนท่านี้ไม่ได้, แต่ตอนนี้, แก่นภพในร่างของเขาทำให้เขาไม่ต้องสนใจขีดจำกัดเผ่าพันธุ์ทั้งหมดที่อยู่กับเทคนิคแบบนี้ ตอนนี้เขาสามารถเชี่ยวชาญเทคนิคการต่อสู้อันล้ำค่าของมนุษย์สัตว์ได้แล้ว!