Advent of the Archmage - 561: การเริ่มต้นของเวทมนตร์ที่สมบูรณ์แบบ
พอรับหนังสือเทคนิคการต่อสู้มาจากอวาตาร์ลิงค์ก็เปิดอ่านด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย ครึ่งนาทีต่อมา เนื้อหาทั้งหมดก็ซึมซับเข้าไปในหัวของเขา
หลังจากที่อ่านจบเขาก็คืนหนังสือให้อวาตาร์ และแสดงความคิดเห็น “เป็นเทคนิคการต่อสู้ที่ดีมาก แต่ว่ามันมีข้อจำกัดสูงเกินไป แม้แต่มนุษย์สัตว์เองก็ยังต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆถึงจะสำเร็จวิชานี้ได้ถูกไหม?”
ภายในเกมผู้เล่นที่เป็นมนุษย์สัตว์ทุกคนต่างก็พยายามจะใช้หนังสือเทคนิคการต่อสู้, เตาเผาวิญญาณนี้ ยังไงก็ตาม แค่หนังสืออย่างเดียวมันไม่พอ พวกเขาต้องทำตามเงื่อนไขอันเข้มงวดอีกมากมาย มันเป็นชุดภารกิจที่เป็นไปไม่ได้และต้องทำให้สำเร็จด้วยตัวคนเดียวและมีสิทธิลองได้แค่คนละ 3 ครั้งเท่านั้น ถ้าผู้เล่นทำพลาดในครั้งที่3 หนังสือก็จะหายไป
อ้างอิงจากการคำนวณของนักรบมนุษย์สัตว์ผู้โชคดีที่ได้รับหนังสือเตาเผาวิญญาณมามีเพียงแค่ 20% เท่านั้นที่สามารถผ่านการทดสอบและได้รับเทคนิคนี้มา
ถ้าเกิดว่าเกมยังยากขนาดนั้นในชีวิตจริงคงเลวร้ายยิ่งกว่า
ตามที่คาดไว้อวาตาร์ดูภาคภูมิใจหลังจากที่ลิงค์พูด ลิงค์อ่านไวมาก ดังนั้นอวาตาร์เลยคิดว่าความเห็นของลิงค์ค่อนข้างใจร้อนไปหน่อย ยังไงก็ตาม ทุกคนต่างก็ชอบรับคำชม เขาพูดพลางหัวเราะ “เจ้าพูดถูกแล้ว ในเผ่าเรามีแค่สามคนเท่านั้นที่เรียนเทคนิคการต่อสู้นี้สำเร็จ ซึ่งก็คือ โฮลุน พามีส แล้วก็ข้า และตอนนี้ ข้าก็เป็นคนที่เก่งที่สุด”
ลิงค์ต้องยอมรับในจุดนี้
ในช่วงท้ายเกมราชามนุษย์สัตว์อวาตาร์เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง เขาเป็นตำนานในหมู่ตำนานที่สามารถทำให้จ้าวนรกโนโซม่าได้รับบาดเจ็บและทำให้เขาต้องถอยกลับไปที่ป้อมปราการปีศาจได้
การบอกว่าเขาเป็นคนที่เก่งที่สุดนั้นมันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย
ส่วนเรื่องเทคนิคต่อสู้เตาเผาวิญญาณลิงค์ได้อ่านมันแล้วและพิจารณาแล้วว่าเขาสามารถเรียนมันได้ แต่ว่าถ้าเขาอยากจะเรียนมันอย่างเต็มที่ มันคงจะเป็นเรื่องที่ยากมาก การจะไปถึงระดับเดียวกับอวาตาร์นั้นคงแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ไม่เพียงแค่ผู้ฝึกซ้อมจะต้องมีพลังสัตว์ป่าเท่านั้นแต่พวกเขาจะต้องมีจิตใจที่กล้าหาญและไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดด้วย พวกเขาจะต้องทำสิ่งต่างๆตามหัวใจของพวกเขา โดยไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งอื่น
นี่เป็นเส้นทางของนักรบบริสุทธิ์โดยแท้จริง
ซึ่งลิงค์นั้นเป็นนักเวทย์
นักเวทย์จะต้องยืดหยุ่นและปราดเปรียวนักเวทย์ที่แข็งแกร่งนั้นไม่สามารถลืมความตั้งใจเดิมของพวกเขาได้และควรใช้วิธีการอะไรก็ตามผ่านความเป็นไปได้ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของพวกเขา จะโกหกเล็กๆน้อยๆก็ไม่เป็นอะไร แม้ว่านั่นจะหมายถึงการทรยศหัวใจของพวกเขาก็ตาม ซึ่งมันตรงข้ามกับนักรบ ถ้าเกิดว่าลิงค์ฝืนเรียนวิชานี้ เขาก็น่าจะเรียนได้ไม่สมบูรณ์
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเรียนเทคนิคการต่อสู้นี้ได้มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะนำความรู้ที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้มาใช้ไม่ได้ สำหรับนักเวทย์ ทุกสิ่งล้วนมีรูปแบบที่สามารถนำไปศึกษาหรือใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งนั่นรวมถึงเทคนิคการต่อสู้นี้ด้วย
เตาเผาวิญญาณนั้นเหมือนกับตราประทับวิญญาณของระบบเกมซึ่งทั้งสองสิ่งนี้แตกต่างกันแต่ว่ามีรูปแบบการทำงานคล้ายกัน ทั้งสองสิ่งนี้ต่างก็ประทับพลังลงไปในวิญญาณของคนๆนึง ถ้าเกิดว่าฉันสามารถเข้าใจตราประทับวิญญาณได้อย่างแท้จริงความสามารถในการร่ายเวทย์ของฉันก็จะรวดเร็วดั่งใจคิด, ความเร็วของฉันจะเทียบเท่ากับเทคนิคการต่อสู้ และฉันก็จะแข็งแกร่งมากพอที่จะทำลายทุกอย่างได้ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องรีบทำความเข้าใจพลังนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้สินะ
พอคิดได้ลิงค์ก็ตื่นเต้นขึ้นมา
นักเวทย์ต้องรู้ว่ากระแสเวทมนตร์ทั้งหมดนั้น,ไม่ว่าพวกมันจะเป็นระดับทั่วไปหรือระดับตำนาน, นักเวทย์ก็จำเป็นต้องใช้พลังของตัวเองในการสร้างโครงสร้างและเปิดใช้พลังภายนอกด้วยการสั่นคลอนโครงสร้างเพื่อทำการโจมตี
ซึ่งนี่ทำให้เวทมนตร์แข็งแกร่งมากแต่ว่ามันขาดความเร็วจุดอ่อนนี้จะยิ่งชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเข้าสู่ระดับตำนาน
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้มีอยู่สองข้อข้อแรกคือโครงสร้างเวทมนตร์ระดับตำนานนั้นซับซ้อนมาก ต่อให้เป็นนักเวทย์ที่มีประสบการณ์สูง ความเร็วในการร่ายเวทย์ของเขาคนนั้นก็ยังโดนจำกัดอยู่ดี
ข้อที่สองก็คือพลังหลังจากการสั่นคลอนโครงสร้างเวทมนตร์ระดับตำนานนั้นแตกต่างจากเวทย์ธรรมดาโดยที่เวทย์ธรรมดาจะใช้พลังจากภพฟิรุแมน ในขณะที่เวทย์ระดับตำนานจะใช้พลังจากทะเลแห่งความว่างเปล่า ซึ่งเวทย์ระดับตำนานนั้นแตกต่างจากเวทย์ธรรมดาถึง 100 เท่าเลยทีเดียว
ฟิรุแมนเป็นแค่‘ฟองน้ำเล็กๆ’ ในทะเลแห่งความว่างเปล่า, อันที่จริงพวกมันทับซ้อนกันอยู่ ในทางเทคนิคนั้น มันไม่ควรจะเกิดความล่าช้า แต่เนื่องจาก, กฎฟิรุแมนได้ปฏิเสธทะเลแห่งความว่างเปล่ามันจึงทำให้เกิดความล่าช้าขึ้นมา
และด้วยเหตุผลทั้งสองข้อนี้เองความเร็วของนักเวทย์ระดับตำนานจึงช้ากว่านักรบระดับตำนานมาก ถ้าเกิดว่าถูกนักรบประชิดตัวได้ โดยเฉพาะในกรณีที่อีกฝ่ายเป็นนักฆ่า ผลลัพธ์ของมันก็คงจะโหดร้ายมาก นักเวทย์คงแทบไม่มีหนทางสู้กลับได้เลย ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมลิงค์ถึงฝึกศิลปะการต่อสู้เอาไว้ป้องกันตัว
แต่นี่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุถ้าลิงค์สามารถแก้ไขปัญหาการร่ายเวทมนตร์ได้ เขาก็คงจะทำแบบนั้น และตอนนี้ ลิงค์ก็เห็นความหวังที่จะแก้ไขข้อบกพร่องของมันได้ลางๆแล้วจากเทคนิคเตาเผาวิญญาณนี้
ความคิดพวกนี้แวบเข้ามาในหัวของลิงค์ในทันทีหลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอวาตาร์ถอนหายใจ “น่าเสียดายจริงๆที่ข้าต้องเสียดาบของตัวเองไป”
อวาตาร์รู้สึกเสียใจดาบออบซิเดียนของเขาไม่ได้เป็นดาบที่ดีที่สุด แต่ว่ามันอยู่กับเขามานานกว่า10ปีแล้ว เขาคุ้นชินกับมัน แต่ว่ามันถูกปัดออกจากมือของเขาในตอนที่ป้องกันเถาวัลย์ บางทีมันน่าจะถูกทิ้งไว้ที่เมืองมาร่า
จากนั้นโดยที่ไม่ได้คาดคิดลิงค์ก็ชี้ไปที่ถุงยาวๆที่วางอยู่ข้างกองไฟในตอนที่อวตาร์พูดจบ กระเป๋าลอยมาที่มือของลิงค์ และเขาก็ผลักมันไปหาอวาตาร์ “เปิดดูสิ” ในตอนที่อวาตาร์รับถุงเขาก็รู้สึกได้ถึงมันแล้ว “นี่ดาบของข้าหรอ?”
ลิงค์ยิ้มเป็นการตอบกลับ
อวาตาร์เปิดผ้าออกอย่างตื่นเต้นใบดาบสีดำแดงค่อยๆเผยออกมาอย่างช้าๆ มันเป็นสีเดียวกับดาบออบซิเดียนของเขา แต่ว่ามันดูเรียบกว่า ตัวดาบนั้นดูแข็งแกร่งและโบราณ ในขณะที่ใบดาบคมกริบและเปล่งประกาย มันส่องแสงแวววับในตอนที่อวาตาร์ขยับมัน รอยบิ่นที่ดาบก็หายไปแล้วเหมือนกัน
ในตอนที่ตรวจสอบดูอย่างละเอียดอวาตาร์ก็เห็นรูนสีทองอ่อนอยู่ที่ตัวดาบ แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่ามันมีไว้ทำอะไร แต่ว่าพวกมันละเอียดอ่อนมาก และพวกมันก็ดูเข้ากับรูปลักษณ์ของดาบด้วย ในตอนที่เขาดึงผ้าออกจนหมด และเห็นตัวดาบเต็มๆ อวาตาร์ก็ถึงกลับลืมหายใจเลยทีเดียว Aileen-novel
มันคือดาบออบซิเดียนสีดำเล่มเดิมแต่ว่ารูปร่างเก่าของมันนั้นเหมือนกับไม้คทาน่าเกลียดๆเมื่อนำมาเทียบกับอันนี้ พอลองจับดาบดู เขาก็ยิ่งตกใจ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับดาบได้เชื่อมต่อกับเลือดของเขา มันเหมือนกับว่าดาบคือส่วนที่ยื่นออกมาจากแขน เขาเหวี่ยงมันดูสองสามรอบและพบว่าน้ำหนักของดาบกำลังพอดีมือ มันส่งเสียงในตอนที่ตัดผ่านอากาศ ซึ่งฟังดูน่าประทับใจเหมือนกับเสียงคำรามเบาๆของมังกร
“ทำไมมันถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้?”อวาตาร์ไม่อยากจะวางดาบลงเลย
ลิงค์ยิ้ม“มันเป็นดาบเก่าของนาย แต่ว่าฉันเอามาปรับแต่งนิดๆหน่อยๆ ในตอนที่นายหมดสติ แขนของนายยังมีเลือดไหลอยู่ ฉันก็เลยกลั่นเลือดของนายมาผสานกับดาบ ฉันมั่นใจเลยว่าตอนนี้นายคงรู้สึกเหมือนกับว่าดาบเข้าใจนายได้ ใช่มั้ยหล่ะ?”
“ใช่เลยครับ”อวาตาร์จ้องดาบโดยไม่กระพริบตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว จากนั้นเขาก็ลูบดาบอย่างอ่อนโยนราวกับว่ามันเป็นคนรักของเขา
ด้วยดาบเล่มนี้เขารู้สึกมั่นใจว่าเขาจะสามารถใช้ท่าที่ไม่เคยใช้มาก่อนได้ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 เท่า
หลังจากที่ตรวจสอบอยู่พักใหญ่ๆอวาตาร์ก็พูดขึ้นมาอย่างกระทันหัน “ข้ารู้สึกว่ามันยังมีพลังพิเศษอย่างอื่นอีก”
“นายนี่ความรู้สึกไวจริงๆใช่แล้ว มันสามารถตัดผ่านวงแหวนเวทมนตร์ธรรมดาได้…แล้วก็ มันสามารถสู้กับหอกแห่งชัยชนะ, อาวุธของนากาคนนั้นได้ด้วย ฉันคิดว่านายคงจะรู้แล้วสินะว่ามันอันตรายยังไง ใช่มั้ยหล่ะ?”
อวาตาร์พยักหน้าเขามีความรู้สึกว่าถ้านากาใช้หอกของเธอ เขาก็คงจะตายไปแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงทุ่มกำลังทั้งหมดในการทำให้นากาไม่มีโอกาสตอบโต้
ลิงค์หัวเราะ“ตอนนี้นายไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแล้วหล่ะ”
“ขอบคุณมากครับตอนนี้ข้าติดหนี้ท่านทั้งเรื่องชีวิตและอาวุธชิ้นนี้แต่ว่าข้าอยากจะขออะไรท่านอีกซักเรื่องนึง” อวาตาร์ก้มหัว มันเป็นเรื่องที่พูดยากเพราะเขาติดหนี้บุญคุณเยอะเกินไป
โดยที่ไม่ได้พูดอะไรขวดคริสตัลก็ปรากฏขึ้นที่มือลิงค์ มันมีของเหลวสีแดงเข้มอยู่ข้างใน
“มันคืออะไรหรอครับ?”
“ยาแก้พิษฉันขโมยมาจากนักเวทย์แห่งความมืดและใช้เวลาศึกษามันทั้งคืนและสร้างมันขึ้นมาใหม่ ด้วยยานี้เพียงหยดเดียวก็จะสามารถรักษาคนธรรมดาได้”
อวาตาร์อ้าปากค้างเขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา “หลังจากจบเรื่องนี้ข้าจะนำทัพนักรบระดับสูงของเผ่าข้าไปที่ป้อมโอริด้าด้วยตัวเองครับ!”
ลิงค์ช่วยเหลือเผ่าของเขามามากเกินพอแล้วและเพื่อเป็นการตอบแทน มันจึงไม่มีเหตุผลที่มนุษย์สัตว์จะปฏิเสธการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรนี้ การตอบแทนด้วยความกตัญญูนั้นถือว่าเป็นเกียรติยศของพวกมนุษย์สัตว์! ลิงค์รู้สึกดีใจที่เป้าหมายของเขาลุล่วงไปได้ด้วยดีแต่ว่าเขาแสดงมันออกมาไม่ได้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เรื่องพันธมิตรเอาไว้ค่อยคุยกันก็ได้ ตอนนี้ พวกเรายังมีเรื่องท้าทายอีกเรื่องที่ต้องเผชิญ นายต้องรีบฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ”
“เรื่องอะไรหรอครับ?”อวาตาร์ตกใจ
ลิงค์ยิ้ม“พวกไฮเอลฟ์ไง พวกนั้นแสดงตัวออกมาแล้วและตอนนี้ก็เป็นศัตรูอันดับต้นๆของนายด้วย หลังจากที่ฉันช่วยนาย พวกนั้นก็ใช้ผนึกเวทมนตร์ปิดกั้นพื้นที่นี้เอาไว้”
หลังจากนั้นลิงค์ก็ชี้ไปที่พระจันทร์“เงยหน้าดูพระจันทร์สิ มันไม่ได้ขยับไปไหนเลยใช่มั้ยล่ะ?” อวาตาร์เงยหน้ามองและพบว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่เพียงแค่มันจะไม่ขยับเท่านั้น แต่อากาศรอบๆยังเป็นคลื่นเหมือนกับน้ำด้วย
“นั่นคือผนึกเวทมนตร์มันมีระยะ 30 ไมล์ และพวกเราก็อยู่ข้างในผนึก ถ้าพวกเราออกไป พวกนั้นก็จะใช้ประตูมิติมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเราภายในเวลา 3 วินาที”
อวาตาร์ตัวสั่น“พวกมันจะทำให้พวกเราตายไปพร้อมกับความลับเลยหรอ?”
ลิงค์พยักหน้า“ไม่ใช่แค่นั้นนะ พวกนั้นยังเข้าร่วมกับกองทัพของเทพแห่งการทำลายเป็นการชั่วคราวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแผนการด้วย”
ก่อนหน้านี้แวนซ์กับเอลินบอกว่าพวกไฮเอลฟ์อาจจะล้ำเส้นที่พวกเขาขีดเอาไว้ แต่เขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะทำถึงขนาดนี้
ตอนนี้พวกเขามีศัตรูอยู่6 คน แม้ว่าอวาตาร์จะทำให้ 3 คนจากกองทัพของเทพแห่งการทำลายบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว แต่ไฮเอลฟ์ยังมีเทคนิคการรักษาที่สุดยอดมาก ตอนนี้พวกเขาอาจจะฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงดีแล้วก็ได้
ลิงค์เทียบพวกเขาไม่ได้เลยต่อให้เขาสามารถฆ่าไปได้คนนึง เขาก็จะจบลงที่ตรงนั้น ยังไงก็ตาม ถ้าเขาเพิ่มอวาตาร์และดาบใหม่ของเขาเข้าไป ลิงค์ก็มีความมั่นใจประมาณ 80% ว่าจะกวาดล้างศัตรูได้
ความโกรธของอวตาร์กลับมาอีกครั้งเขาจับดาบแน่นและกัดฟันพูดออกมา “ดีเลย ช่างดีจริงๆ ได้เวลาที่ข้าจะทำให้พวกมันเจอปัญหาแล้ว!”