Advent of the Archmage - 563: เป็นการพิพากษาของทวยเทพจริงๆหรอ?
ทุ่งหญ้าสีทอง,ตอนกลางคืน
แอเรียลจับตามองคาราวานพ่อค้าอยู่ไกลๆพอเห็นอะไรแปลกๆ, เธอก็ส่งสัญญาณให้คนอื่น ดูที่คาราวานสิ อากาศมันดูผิดปกตินะ
อีโลแวนกับคนอื่นสังเกตตามและพวกเขาก็เห็นจริงๆว่า, ภายใต้แสงจันทร์สีเงินนั้น, มีคลื่นแปลกๆอยู่ในอากาศรอบคาราวาน คลื่นพวกนี้บริสุทธิ์มาก และด้วยความที่กลุ่มคาราวานอยู่ใกล้กับผนึกเวทมนตร์, ถ้าไม่สังเกตดูดีๆก็คงจะเข้าใจผิดว่ามันมาจากผนึกเวทมนตร์ อย่างไรก็ตาม, พวกเขาก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติหลังจากที่แอเรียลเตือน
ในบรรดาบุคคลระดับตำนานหกคนนี้,มีไฮเอลฟ์สามคนที่นำโดยแอเรียลเป็นนักเวทย์ในขณะที่กลุ่มของคาทูช่าเป็นนักรบ
นักรบทั้งสามคนนั้นเห็นความผิดปกติแต่ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าศัตรูอยู่ตรงไหนจากความผิดปกตินี้,ดังนั้น, พวกเขาจึงหันไปหาไฮเอลฟ์นักเวทย์, และรอฟังข้อสรุปจากพวกเขา
แอเรียลพูดกับอีโลแวนและมิโรส“พวกเจ้าสองคนคอยคุ้มกันข้า อีกฝ่ายมีพลังแปลกๆ มันลึกลับมาก ข้าต้องใช้ความพยายามทั้งหมดในการสะกดรอยเขา”
เธอไม่เชื่อใจทั้งสามคนจากกองทัพของเทพแห่งการทำลายเธอเชื่อใจแค่คนในเผ่าของตัวเองเท่านั้น
อีโลแวนกับมิโรสลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างแอเรียลคนละฝั่งพลังธรรมชาติของพวกเขาไหลเข้าไปในคทาที่สร้างขึ้นมาจากต้นไม้โลกเพื่อเป็นการเตรียมตัวล่วงหน้า
พอเห็นว่าพวกเขาพร้อมแล้ว,แอเรียลก็ส่งสัญญาณให้คาทูช่า ถ้าข้าสะกดรอยอีกฝ่ายได้สำเร็จ ข้าจะบอกตำแหน่งให้ เตรียมตัวให้พร้อมลงมือตลอดเวลาหล่ะ!
คาทูช่าไม่ชอบไฮเอลฟ์สามคนนี้,แต่ถึงยังไงพวกเขาก็กำลังร่วมมือกันอยู่ แล้วพวกเขาก็รักษาบาดแผลให้เธอโดยไม่เล่นลูกไม้อะไรเลยด้วย เธอสามารถเชื่อใจพวกเขาได้ในครั้งนี้ เธอพยักหน้า, เป็นการบ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว
หลังจากเตรียมการเสร็จเรียบร้อย,แอเรียลก็ทำจิตใจของตัวเองให้สงบ เธอเอาเสียบโลกาออกมาแล้วใส่พลังธรรมชาติเข้าไปในดาบเวทมนตร์นี้ หลังจากผ่านไปครึ่งวินาที, ปลายดาบก็เปล่งแสงและฝังเข้าไปในอากาศ
พริบตาต่อมา,เสียบโลกาก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นใกล้คาราวาน หลังจากนั้น, ริ้วพลังธรรมชาติอันแผ่วก็แผ่ออกมาจากดาบหนึ่งเส้น มันหายเข้าไปในพื้น, และจากนั้นก็เข้าไปในพงหญ้ารอบคาราวาน
ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของพลังธรรมชาติก็คือการที่มันสามารถผสานเข้ากับพืชในฟิรุแมนได้อย่างสมบูรณ์แบบมันจะปิดบังตัวเองได้เยี่ยมที่สุดเมื่ออยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยพืช นี่คือสิ่งที่พลังของเผ่าอื่นไม่สามารถเทียบเคียงได้
หลังจากที่ริ้วพลังเข้าไปในพงหญ้า,มันก็เริ่มเลื้อยไปเรื่อยๆ มีคลื่นที่บางมากแผ่ออกมาในระหว่างกระบวนการนี้, แต่พวกมันก็ถูกหญ้าดูดซับไป, ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้สึกตัว
ครู่ต่อมา,พลังธรรมชาตินี้ก็ไปถึงจุดที่ลิงค์กับอวตาร์ซ่อนอยู่
ในขณะที่ลิงค์กำลังจดจ่ออยู่กับการติดตั้งรูนป้องกันให้คาราวาน,อวตาร์ก็กำดาบออบซิเดียนของเขาแน่น เขาเบิกตากว้าง, และจ้องไปยังจุดที่ลิงค์บอกว่าให้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่
ศัตรูยังมาไม่ถึง,ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ทำอะไร อย่างไรก็ตาม, เขาไม่รู้ตัวเลยว่าพลังธรรมชาตินั้นกำลังเล็ดรอดเข้ามาหาเขา
ในขณะที่พลังธรรมชาติอยู่ห่างจากเขาไปสามฟุตและกำลังจะสัมผัสร่างของเขา,ลิงค์ก็ยื่นมือออกมาแล้วผลักอวตาร์ไปด้านข้างเล็กน้อย
ริ้วพลังที่เหมือนกับงูเลื้อยผ่านอวตาร์ไปหลักเซ็นติเมตรโดยไม่ได้สัมผัสอะไรเลย
อวตาร์ตกใจพลังธรรมชาตินั้นเบาบางมาก, และเขาก็ประหลาดใจที่มันขยายขอบเขตมาได้ถึงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้สึกถึงพลังที่อยู่รอบตัวเลย ในตอนที่ลิงค์สัมผัสตัวเขา, เขาก็ตอบสนองในทันที โดยไร้ซึ่งความลังเล, เขาก้าวไปด้านข้าง, ตามการผลักของลิงค์
ทักษะการต่อสู้ของเขานั้นไร้ที่ติจริงๆ,และเขาก็ควบคุมร่างกายของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วย แม้ว่าเขาจะตัวใหญ่, แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็พริ้วไหวเหมือนกับขนนก เขาไม่เสียการณ์ทรงตัวในขณะที่หลบเลยซักนิด
เขาเป็นเหมือนกับควายยักษ์ที่มีความคล่องแคล่วเหมือนกับแมวใครก็ตามที่เห็นคงอดทึ่งกับภาพนี้ไม่ได้
ไม่ถึงครึ่งวินาทีหลังจากที่ริ้วพลังธรรมชาติเส้นแรกเข้ามาหา,อีกเส้นก็เข้ามาต่อ ลิงค์ยังคงทำการติดตั้งรูนอยู่, แต่เขาก็แตะตัวอวตาร์ไปด้วยเบาๆ ซึ่งเขาก็รู้สึกได้ถึงมัน เขาขยับอย่างนุ่มนวล, ตามทิศทางที่ลิงค์ชี้นำ เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วและระยะทางที่หลบริ้วพลังได้อย่างพอดิบพอดี
หลังจากนั้น,ริ้วพลังก็เข้ามาหาเขาอีกสองสามเส้น ลิงค์เคลื่อนไหวอวตาร์ไปรอบๆราวกับว่าเขาเป็นหุ่นที่ถูกชักใยอยู่
เพื่อที่จะหลบริ้วพลังที่รุกล้ำเข้ามานี้,อวตาร์เองก็ต้องทำท่าแปลกๆอยู่หลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่น, เขากระโดดขึ้นไปกลางอากาศแล้วก็หมุนตัวสามครั้ง หลังจากที่ลงมาถึงพื้น, เขาก็ต้องเขย่งเท้า, ทำสะพานโค้ง, ใช้มือขยับสะโพกมาที่อุ้งเชิงกราน, และอื่นๆอีกมากมาย
อวตาร์รู้สึกหงุดหงิด,แต่เขาก็ต้องทำตามคำสั่งของลิงค์ มันเหมือนกับว่าเขากำลังเต้นท่าประหลาดๆอยู่ใต้แสงจันทร์
เขาต้องทำให้มั่นใจว่าลิงค์จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับถ้าคนของเขารู้ว่าราชามนุษย์สัตว์มาทำอะไรแปลกๆแบบนี้, พวกเขาก็คงจะหัวเราะจนกรามค้าง
ในอีกด้านนึง,แอเรียลกำลังใช้ความคิดอย่างหนักหน่วงในขณะที่เธอจดจ่ออยู่กับการค้นหา เธอรู้สึกได้ว่าศัตรูอยู่ในระแวกนี้, ดังนั้นเธอก็เลยทำการตรวจสอบสถานที่ซ้ำไปซ้ำมา แต่มันก็น่าแปลกจริงๆ, เพราะเธอไม่เจอร่องรอยของอีกฝ่ายเลยไม่ว่าเธอจะลองตรวจสอบไปกี่ครั้งก็ตาม
หลังจากผ่านไปสิบนาทีเต็ม,เธอก็ยังคงไม่ได้ร่องรอยอะไร
ในครั้งนี้,เธอฝืนใจคลายพลังธรรมชาติของตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้น, เธอจะใช้พลังมากเกินไปและจะส่งผลกระทบกับการต่อสู้ในภายหลัง
ในตอนที่ดึงเสียบโลกากลับมา,อีโลแวนก็ถามด้วยการแสดงท่าทาง, เป็นยังไงบ้างครับ?
แอเรียลส่ายหัวหาไม่เจอ, แต่ข้ารู้สึกได้ว่าศัตรูอยู่ในระยะห่างออกไปไม่เกิน 2,000 ฟุตหรอก! ข้างๆเธอ,คาทูช่าเม้มริมฝีปากเป็นการดูถูกเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร และถามด้วยการแสดงท่าทาง, แล้วตอนนี้จะเอายังไงต่อ?
อีกฝ่ายวางรูนเอาไว้รอบคาราวานพ่อค้าเห็นได้ชัดว่า, พวกเขาพร้อมที่จะสู้แล้ว และในเมื่อแอเรียลหาไม่เจอว่าศัตรูอยู่ตรงไหน, ตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อ ไอลีนโนเวล
แอเรียลเงียบไปสองวินาทีในตอนที่เธอกำลังจะพูด, สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป
มีเสียงเบาๆในอากาศรอบคาราวานพ่อค้าจากนั้นความผิดปกติในอากาศก็หายไป นอกจากเสียงลมหอนและเสียงสวดภาวนาของพ่อค้าแล้ว, ทุ่งหญ้าก็เงียบจนผิดปกติ
ศัตรูวางผนึกเวทย์ป้องกันสำเร็จแล้ว
เขากำลังจะโจมตี!
แต่เขารู้ได้ยังไงกันว่าพวกเราอยู่ที่ไหน?
ทั้งหกส่งสัญญาณให้กันอย่างรวดเร็ว,พยายามที่จะหาทางออกจากสถานการณ์นี้
เวลาผ่านไปทีละวินาที,แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ และในที่สุดแอเรียลก็ทนไม่ไหวและพูดออกมาเสียงดัง “หยุดเถียงกันได้แล้ว นักเวทย์คนนี้แข็งแกร่ง เขารู้ว่าพวกเราอยู่ไหน! เตรียมตัวรับมือซะ!”
ทุกคนสะดุ้งแล้วเข้าสู่สภาพป้องกัน,รอให้ศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ทำการโจมตี
แต่ว่าหลังจากนั้นก็มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
ใกล้ๆกับคาราวาน,มีเสาแสงสีเงิน, เหมือนกับแสงจันทร์, ปรากฎขึ้น มันมีความกว้างกว่า 15 ฟุด, และสูงมากจนมองไม่เห็นยอด และที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือมันไม่ได้พุ่งขึ้นมาจากพื้น—แต่มันส่องลงมาจากฟากฟ้า
มันเหมือนกับมีรูถูกเปิดออกในความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุดและแสงระยิบระยับก็สองลงมายังทุ่งหญ้าสีทองจากที่ไหนก็ไม่รู้
พอเห็นภาพนี้,เหล่าพ่อค้าก็พากันตกใจและพริบตาต่อมา, พวกเขาก็ตกอยู่ในความปลื้มปิติ
แชลลี่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น“มีเทพแสงจันทร์อยู่จริงๆด้วย พระองค์ท่านทรงตอบสนองเราแล้ว!”
“พวกเราจะรอดแล้ว!”
หัวหน้าทหารรับจ้างมิโร่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนหน้านี้เขาคุกเข่าแค่ข้างเดียว, แต่ตอนนี้, เขาคุกเข่าลงทั้งสองข้างแล้ว ด้วยการวางมือเอาไว้บนพื้น, เขาก็พึมพำอยู่ในใจ, ท่านเทพ, ขอบคุณที่ยอมช่วยข้าอีกครั้ง นับจากนี้ไป, ข้าจะเป็นทาสที่ซื่อสัตย์ที่สุดของท่าน ข้าจะเป็นดาบของท่าน, และความปราถนาของท่านจะถือเป็นเกียรติสูงสุดของข้า!
ในอีกด้านนึง,กลุ่มของแอเรียลพากันอ้าปากค้างและสั่นไปทั้งตัว
พลังนี้บริสุทธิ์และอ่อนโยนมากเกินไปนอกจากแสงสีเงินแล้ว, ไม่มีออร่าแผ่ออกมาจากเสาแสงเลย ตอนนี้, ทั้งหกคนรู้สึกได้ถึงลำแสงนี้อย่างชัดเจน, แต่ว่ามันก็เหมือนกับมีตัวตนอยู่ในภพอื่น พวกเขาทำได้แค่มองโดยสัมผัสออร่าของมันไม่ได้เลย
“บัดซxนี่เป็นการพิพากษาของทวยเทพจริงๆหรอเนี่ย?” เทวดาตกสวรรค์อ้าปากค้างให้กับแสงจันทร์สีเงินอันเจิดจ้านี้ เขารู้สึกได้ว่ามือของเขากำลังสั่นอยู่ และบาดแผลที่พึ่งได้รับมาสดๆร้อนๆก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง
แอเรียลเองก็สับสนเหมือนกันเธอแค่กลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะไปทำให้คนที่น่าเกรงขามซักคนนึงโกรธเข้าซะแล้ว ก่อนที่เธอจะพูดออกมา, เธอก็ได้ยินคาทูช่าพูด “พวกเรารีบชิ่งกันก่อนจะดีกว่าไหม?”
เธอบอกได้จากภาพที่เห็นว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลย
ในฐานะข้ารับใช้ของเทพแห่งการทำลาย,คาทูช่าพอมีความรู้เกี่ยวกับการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง เทพแห่งการทำลายเคยใช้วิธีคล้ายๆกันนี้ในการถ่ายพลังให้เครื่องสังเวยหรือไม่ก็ร่างของผู้ส่งสาร
และจากกรณีนี้,มันน่าจะมีผู้ส่งสารของเทพคนนั้นอยู่แถวๆนี้ ซึ่งเทพไร้นามคนนี้น่าจะกำลังถ่ายพลังให้กับเขาอยู่
จากที่เห็นนั้น,มีความเป็นไปได้ว่าผู้ส่งสารของเทพผู้น่าเกรงขามน่าจะตามดูพวกเขาอยู่ซักพักนึงแล้ว ถ้าพวกเขาไม่หนีตอนนี้, พวกเขาก็คงจะไม่มีโอกาสอีก
“แต่พวกเรามีกันตั้งหกคนผู้ส่งสารอาจจะมีแค่คนเดียวก็ได้ ข้าว่าพวกเราน่าจะยังพอมีโอกาสชนะอยู่บ้างนะ” ขุนศึกวายุพาร์มีสไม่พอใจ
และทันใดนั้นเอง,แอเรียลก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ฉากที่เห็นดูน่ากลัวจริงๆ, แต่ว่าความรู้สึกมันไม่ใช่
การพิพากษาของเทพไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะ
เธอไม่รู้สึกถึงอันตรายของการอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเลยในฐานะนักเวทย์, ลางสังหรณ์เป็นสิ่งสำคัญอย่างนึง, แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายที่สัมพันธ์กัน…หรือนี่จะหมายความว่า ความคิดนึงผุดเข้ามาในหัวของเธอหรือว่านี่จะเป็นการทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเรา?