Advent of the Archmage - 568: ลอร์ดเฟิร์ด เตรียมชดใช้ได้เลย
Chapter
หนึ่งวันต่อมาลิงค์ก็พาอีโลแวน มิโรส และรูปปั้นคาทูช่ามาที่ชายแดนของเฟิร์ด ตอนนี้ ลักษณะภายนอกของอีโลแวนกับมิโรสเปลี่ยนไปอย่างมาก
จุดแรกสุดเลยก็คือหูแหลมๆของพวกเขาได้หายไปแล้ว ลิงค์ใช้เวทย์หุ่นเชิดเวทมนตร์มีเนื้อหนังเพื่อทำให้มันกลมและเปลี่ยนหน้าตาของพวกเขา
ไฮเอลฟ์ทุกคนนั้นต่างก็เป็นพวกที่ดูโดดเด่นสะดุดตาแม้กระแต่มิโรส ที่ดูหน้าตาพื้นๆที่สุดในหมู่ไฮเอลฟ์ก็ยังดูดีกว่าระดับพื้นๆของมนุษย์ ตอนนี้ พวกเขาดูเหมือนกับคนธรรมดาอย่างสมบูรณ์
ถ้าไม่ใช่เพราะออร่าเวทมนตร์ธรรมชาติของพวกเขาก็คงไม่มีใครบอกได้ว่าพวกเขาเป็นไฮเอลฟ์จากลักษณะภายนอกนี้
ในตอนที่พวกเขามาถึงชายแดนลิงค์ก็ใช้เวทย์เคลื่อนย้าย เพื่อหลบเลี่ยงไม่ให้พวกทหารแตกตื่น จากนั้นภายใต้แสงสีขาว ทั้งกลุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นที่หอคอยเวทมนตร์หลัก
ในตอนที่ไฮเอลฟ์ทั้งสองทรงตัวได้พวกเขาก็ตกใจ พวกเขาสัมผัสได้ถึงออร่าเวทมนตร์ที่ออกมาจากหอคอยเวทมนตร์ มันดูสูงส่ง นุ่มลึกและหนักหน่วง พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับภูเขาที่มั่นคง
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับหอคอยเวทมนตร์ของมนุษย์ด้วยความรู้ทางเวทมนตร์ของพวกเขา พวกเขาคิดว่าตัวเองจะเป็นระดับแนวหน้าอย่างแน่นอน ถึงพวกเขาจะไม่สามารถเทียบกับลิงค์ได้ แต่พวกเขาก็น่าจะอยู่อันดับ 2 หรือ 3
อย่างไรก็ตาม,ตอนนี้พวกเขาไม่ได้มั่นใจขนาดนั้นแล้ว
และที่น่าตกใจกว่านั้นมันไม่ใช่แค่หอคอยเวทมนตร์เท่านั้นที่ดูยิ่งใหญ่ เมืองมอดไหม้ทั้งเมืองเองก็น่าตะลึงเช่นกัน มันเต็มไปด้วยออร่าอันอบอุ่นเหมือนกับแสงอาทิตย์ มันเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ
‘แสงอาทิตย์’ที่ว่านี้มีอยู่ทั่วทั้งในหอคอยเวทมนตร์และที่ด้านนอกเมืองมอดไหม้ โดยเฉพาะตอนเหนือของเมืองที่มีออร่าแสงอาทิตย์หนาแน่นมากๆ จนสามารถรู้สึกถึงความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ได้เลย
แสงอาทิตย์นั้นอบอุ่นแต่ในตอนที่ความอบอุ่นนี้มารวมตัวกันมากๆ มันก็จะกลายเป็นดวงอาทิตย์ที่มีพลังไร้ขีดจำกัด มันเหมือนกับว่ามีดวงอาทิตย์กำลังเผาไหม้อยู่ทางตอนเหนือของเมืองเลย!
ความตกตะลึงแสดงอยู่บนหน้าของอีโลแวนเขาถามโดยที่ไม่คิดเลย “ลอร์ด ทางเหนือมีอะไรอยู่กันแน่?”
เกาะรุ่งอรุณนั้นมักจะให้ความสนใจกับเฟิร์ดอยู่เสมอและพวกเขาก็คิดว่าพวกเขาเข้าใจสถานการณ์พื้นฐานของเฟิร์ดดี ยังไงก็ตาม พวกเขาไม่สามารถสัมผัสถึงออร่านี้ได้เลย จากภายนอก ไม่มีอะไรที่ดูพิเศษเกิดขึ้นนอกจาการที่มีอาคารใหม่ถูกก่อสร้าง
แต่ตอนนี้พอมาอยู่ในหอคอยเวทมนตร์พวกเขาก็มองเฟิร์ดต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
“ทางเหนือมีค่ายทหารอยู่”ลิงค์พูดพลางหัวเราะ พลังทั้งหมดของเฟิร์ดถูกหอคอยเวทมนตร์ปกปิดเอาไว้ สถานที่เดียวที่สามารถมองเห็นทั้งเมืองได้ก็คือภายในหอคอยเวทมนตร์
“ค่ายทหารหรอ?”อีโลแวนสะดุ้ง ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างและตกใจขึ้นมา พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่ปริมาณคนจำนวนมากในการสร้างพลังงานที่มหาศาลขนาดนี้ แต่พวกเขายังต้องการคนที่แข็งแกร่งหลายคนด้วย พวกเขาต้องการทหารอย่างน้อย 5,000 คนที่มีเลเวลมากกว่า 6 ในการสร้างภาพแบบนี้ขึ้นมา
ถ้าเกิดว่าพวกเขามีทหารเลเวล6 ห้าพันคน นั่นก็หมายความว่าตอนนี้เฟิร์ดคือขุมพลังใหม่เลยทีเดียว เขาเคยเจอเอเลียร์ดมาก่อนแล้วและรู้สึกได้ถึงพลังที่บริสุทธิ์และอบอุ่นจากภายในตัวเขา ในตอนนั้น เขาแค่คิดว่าเอเลียร์ดเป็นข้อยกเว้น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพลังของเฟิร์ดจะก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้แล้ว
ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาแค่จะคว้าโอกาสการเอาชีวิตรอดด้วยการเข้าร่วมกับเฟิร์ด แต่ตอนนี้ สิ่งต่างๆดูดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้เยอะเลย
ถ้าตัดสินจากพลังของเฟิร์ดในตอนนี้พวกเขายังคงเทียบกับเกาะรุ่งอรุณไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสเลย แถมมนุษย์นั้นมีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งนี่คือศักยภาพอันยิ่งใหญ่ หลังจากนี้อีกไม่กี่ปี พลังของเฟิร์ดจะสามารถไปถึงจุดที่ไม่มีใครคาดคิดได้
ในตอนแรกอีโลแวนเข้าร่วมกับเฟิร์ดเพราะถูกบังคับ แต่ตอนนี้ เขาได้เห็นความหวังลูกใหญ่ ด้วยความหวังนี้ เขาเริ่มมีความคิดที่จะภักดีด้วยแล้ว
จากนั้นเขาก็หันไปหาเพื่อนของเขามิโรสเห็นได้ชัดว่ามิโรสนั้นกำลังคิดแบบเดียวกันอยู่ในตอนที่เขาหันมา มิโรสเองก็หันมาหาเขา เขาเห็นความตกใจและความเคารพในดวงตาของมิโรส
ในระหว่างนี้ลิงค์ยังคงเดินนำหน้าอยู่ ทั้งสองคนเดินตามเขาไปจนลิงค์ไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูเวทมนตร์แห่งหนึ่ง
“ข้างหน้านี้เป็นหอคอยเวทมนตร์ของเอวิเลน่า”
เอวิเลน่านั้นเป็นไฮเอลฟ์คนแรกที่เข้าร่วมกับเฟิร์ดอีโลแวนกับมิโรสกำลังรู้สึกกลัวอยู่ แต่หลังจากที่ได้ยินชื่อของเอวิเลน่า พวกเขาก็ใจเย็นลง อย่างไรก็ตาม, ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็มีความรู้สึกที่ซับซ้อน
ลิงค์ไม่เคยยอมรับว่าเอวิเลน่าอยู่ที่เฟิร์ดแต่ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว ดังนั้นอีโลแวนกับมิโรสจึงไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตกใจ
หลังจากเปิดประตูมิติทั้งสามคนก็เดินเข้าไป ทัศนียภาพได้เปลี่ยนไปและพวกเขาก็มาปรากฏตัวขึ้นที่โถงทางเดินที่มีลักษณะต่างไปโดยสิ้นเชิง
กำแพงทั้งสองฝั่งนั้นถูกสร้างขึ้นจากไม้พร้อมกับมีเถาวัลย์พันอยู่มีกลิ่นของไม้และใบหญ้าลอยอยู่ในอากาศด้วย มีนกโรบิ้นเขียวหางยาวเกาะอยู่ที่แสงไฟดวงหนึ่งบนกำแพง หลังจากที่เห็นพวกเขา นกโรบิ้นก็พูดออกมาด้วยเสียงผู้หญิง “ยินดีต้อนรับค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”
อุปกรณ์ตกแต่งนั้นเป็นของเอลฟ์ทั้งหมด
อีโลแวนกับมิโรสรู้สึกอุ่นใจขึ้นกว่าเดิมลิงค์ได้นำทางพวกเขาไปที่ห้องของเอวิเลน่าต่อ จากนั้นเขาก็เคาะประตู “มาสเตอร์เอวิเลน่า อยู่รึเปล่า?”
มีเสียงตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว“อยู่, มีอะไรคะ ลอร์ด?”
ในเวลาเดียวกันนั้นเองประตูก็เปิดออก เอวิเลน่านั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะตัวใหญ่ มือของเธอกำลังเล่นกับคริสตัลไร้กายอยู่ และสร้างอุปกรณ์ไร้กายไปด้วย “ขอโทษที่รบกวนตอนกำลังยุ่งนะแต่ฉันพาผู้ช่วยมาให้สองคน” ลิงค์ขยับไปด้านข้าง ให้เธอเห็นอีโลแวนกับมิโรสที่อยู่ข้างหลังเขา
ในตอนที่เห็นพวกเขาเอวิเลน่าก็สัมผัสได้ถึงออร่าของพวกเขาและตกใจมาก “อีโลแวน มิโรส พวกเจ้าสองคนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ไฮเอลฟ์ทั้งสองคนรู้สึกอึดอัดพวกเขาไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
ลิงค์รู้สึกว่าเขาเป็นส่วนเกินที่นี่ก็เลยจากไปและปล่อยให้เอวิเลน่าจัดการเรื่องที่เหลือเอง“ฉันว่า” เขาพูด “ให้ทั้งสามคนคุยกันเองน่าจะดีกว่านะ ฉันขอตัวไปพักหล่ะ”
ในตอนที่พูดจบแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขาและเขาก็หายไปจากห้อง
เอวิเลน่าเก็บความตกใจของเธอเอาไว้และสบัดมือปิดประตูจากนั้นเธอก็ใช้มือแห่งนักเวทย์หยิบเก้าอี้ 2 ตัวมาวางไว้ที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ
“นั่งลงแล้วเล่ามาซะว่าเกิดอะไรขึ้น” มิโรสกับอีโลแวนเดินเข้ามามิโรสนั้นยังเป็นคนเงียบๆเหมือนเช่นเคยในขณะที่อีโลแวนมักจะเป็นผู้นำ ดังนั้นในครั้งนี้เขาก็เป็นคนพูดก่อนเช่นกัน
“ขะข้า” เขาเปิดปากขึ้นมาแต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เขามีความกังวลบางอย่าง เขากลัวว่าถ้าเขาพูดมากเกินไปและลิงค์ได้ยิน เขาจะมีปัญหา
เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยในเกาะรุ่งอรุณมันไม่มีการทรมานหรือการลงโทษ แต่ถ้าเกิดว่าคุณพูดเรื่องผิดๆ คุณก็จะถูกเนรเทศจากสังคม คุณจะไม่มีวันถูกเคารพอีกเลยตลอดชีวิตเพราะว่าเกาะรุ่งอรุณนั้นไม่ได้ขาดแคลนคนมีพรสวรรค์
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไปถึงระดับตำนานได้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะพวกเขานั้นมีคนหนุ่มสาวที่มีความสามารถพอๆกันอยู่อีกมากมายภายในเวลา 3 เดือน จะมีนักเวทย์อย่างน้อย 5 คนที่สามารถขึ้นไปถึงระดับตำนานได้ เอวิเลน่าอาศัยอยู่ในเกาะรุ่งอรุณมาหลายปีเธอจึงเข้าใจความกังวลของอีโลแวนดี เธอสบัดมือแล้วพูด “ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครมาแอบฟังหรอก เจ้าสามารถพูดกับข้าได้อย่างเต็มที่เลย”
มิโรสตกตะลึงแล้วเขาก็อดพูดออกมาไม่ได้ “นี่ลอร์ดเฟิร์ดเชื่อใจเจ้านั้นเลยหรอ? ถ้าเกิดว่าพวกเราวางแผนจะทรยศขึ้นมาหล่ะ?”
อีโลแวนเองก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกันในความคิดของเขา การที่ลิงค์พูดว่าจะไป นั่นหมายความว่าเขาจะต้องแอบไปซ่อนตัวอยู่ในเงาแน่ๆ เขาจะแอบฟังพวกเขาและดูว่าพวกเขาซื่อสัตย์รึเปล่า นี่เป็นเรื่องปกติในเกาะรุ่งอรุณ
เอวิลน่าปิดปากหัวเราะ“ทรยศหรอ? พวกเจ้ากล้ารึไง?” เธอถามกลับ
“ข้าแค่พูดเฉยๆอย่าคิดจริงจังสิ” มิโรสรีบแก้ตัว เขาเองก็กลัวเหมือนกัน จากนั้นเอวิเลน่าก็ส่ายหัว “ไม่ต้องห่วงหรอก ที่นี่ไม่ใช่เกาะรุ่งอรุณ ที่นี่ ไม่มีใครมีเวลาว่างมาแอบฟังคนอื่นหรอก ส่วนเรื่องการรวมกลุ่มกันทรยศนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะระบบภายในหอคอยเวทมนตร์นี้จะทำให้มันเป็นไปไม่ได้”
“หืมหมายความว่ายังไง?” อีโลแวนรู้สึกสนใจ Aileen-novel
เอวิเลน่ายิ้มและเพิ่มเสียงขึ้นเล็กน้อย“ลิลลี่ อธิบายให้พวกบ้านนอกฟังหน่อยซิ” ลิลลี่นั้นเป็นวิญญาณของหอคอยเวทมนตร์แห่งนี้ หลังจากที่เอวิเลน่าพูดจบ เสียงของผู้หญิงใจดีก็ดังขึ้นมา “มีระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดมากอยู่ภายในหอคอยเวทมนตร์ อุปกรณ์เวทมนตร์ทุกชนิดจะต้องถูกจดบันทึก นักเวทย์ทุกคน ผู้จัดการรวมทั้งมาสเตอร์ลิงค์ ไม่ว่าใครก็ตามที่ใช้อุปกรณ์เวทมนตร์จะถูกบันทึกทั้งหมด ด้วยการตรวจสอบการใช้อุปกรณ์ เราจะสามารถคาดเดาความตั้งใจของผู้ใช้ได้ ถ้าเกิดว่ามีคนใช้อุปกรณ์อันตรายมากเกินไป นักเวทย์คนนั้นก็จะถูกระบุว่าเป็น “บุคคลอันตราย” และจะถูกตรวจสอบละเอียดขึ้น ถ้าเกิด…” การอธิบายของลิลลี่นั้นละเอียดมากระบบนี้เข้มงวดและไม่มีช่องว่างเลย มันซับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด แต่ด้วยความที่ขั้นตอนส่วนใหญ่นั้นถูกดำเนินการโดยวิญญาณประจำหอคอย มันจึงดูเรียบง่ายมากในความเป็นจริง
ในตอนที่ลิลลี่พูดจบนักเวทย์ทั้งสองก็เข้าใจแทบทั้งหมด
เอวิเลน่าพูดด้วยรอยยิ้ม“เข้าใจรึยังหล่ะ? ระบบเป็นตัวรับรองว่าพวกเจ้าจะไม่สามารถทำการใหญ่ได้ ต่อให้พวกเจ้าคุยกันทั้งชีวิต พวกเจ้าก็จะไม่มีวันได้อาวุธหรอก”
ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากอุปกรณ์เวทมนตร์ต่อให้เป็นนักเวทย์ระดับตำนานก็อาจจะไม่สามารถสู้กับนักเวทย์เลเวล 9 ที่มีอุปกรณ์ครบมือได้ พวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“แต่ว่าข้าก็ยังสามารถแทงข้างหลังลอร์ดในตอนที่พวกเราทำงานด้วยกันได้นี้เขาคงไม่สามารถป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดแบบนั้นได้หรอกมั้ง” มิโรสถาม
เอวิเลน่าพยักหน้า“ก็จริงอยู่ที่เขาไม่สามารถป้องกันตรงนั้นได้ แต่ข้าขอถามอีกครั้ง พวกเจ้ากล้าหรอ?”
อีโลแวนกับมิโรสมองหน้ากันและส่ายหัว
การตอบสนองของอีโลแวนนั้นชัดเจนยิ่งกว่าในตอนที่เอวิเลน่าถาม เขาตัวสั่นเล็กน้อย เขาคิดถึงตอนโดนทรมานที่ทุ่งหญ้าขึ้นมา เขาไม่ต้องการจะนึกถึงประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดนั่นอีกแล้ว
พวกเขาไม่กล้าทำจริงๆ
ยิ่งพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับลิงค์มากเท่าไหร่พวกเขายิ่งกลัวมากเท่านั้น มันดูเหมือนกับว่าเวทมนตร์ของเขานั้นจะพัฒนาขึ้นทุกครั้งที่เจอกัน พวกเขาไม่รู้เลยว่าเขาจะมีพลังหรือกลยุทธ์อะไรบ้าง
แค่คิดว่าจะต้องสู้กับเขาขึ้นมามันก็ทำให้อีโลแวนรู้สึกกลัวแล้วไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาจะทำอย่างนั้นจริงๆเลย เอวิเลน่าดันคริสตัลไร้กายไปที่ข้างของโต๊ะและเอาแก้วชาน้ำผึ้งของเอลฟ์มาให้เพื่อนเก่าของเธอ“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าสองคนจะถูกบังคับให้เข้าร่วมกับเฟิร์ดสินะ” เธอพูด “ข้าอยากจะรู้จริงๆว่ามาสเตอร์ลิงค์ทำยังไงพวกเจ้าถึงยอมเชื่อฟังขนาดนี้”
อีโลแวนกับมิโรสตกลงสู่ความเงียบหลังจากผ่านไปซักพัก พวกเขาก็เริ่มส่งเสียงออกมาพร้อมกันและเงียบลงอีกครั้ง และในที่สุด อีโลแวนก็พึมพำออกมา “เขาบังคับให้พวกเราฆ่าเจ้าหญิงแอเรียล”
“อะไรนะ?แอเรียลตายแล้วหรอ?” เอวิเลน่าตกตะลึง
ทั้งสองคนพยักหน้าและยังเงียบต่อไป
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆเอวิเลน่าก็ถอนหายใจออกมา“ตอนนี้ ฟิรุแมนจะมีปัญหาอีกแล้วสินะ”
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเองที่พระราชวังของเกาะรุ่งอรุณ ผู้ส่งสารไฮเอลฟก็นำจดหมายกลับมาให้ราชินี เธอเปิดมันออกและสีหน้าก็ซีดเผือดจนแทบจะจับกระดาษเอาไว้ไม่อยู่ เธอยืนอย่างไม่มั่นคงและถอยไปพิงกับกำแพง
“ไม่นะลูกรัก!”เธอพึมพำ น้ำตาไหลอาบแก้มที่ส่องสว่างของเธอ
เธอมีลูก3 คน ลูกสาว 2 คนและลูกชาย 1 คน มิลด้านั้นเป็นคนที่แก่ที่สุด แอเรียลเป็นคนที่สอง ตอนนี้มิลด้าอยู่ที่ไหนซักแห่งในอารากู่ ในขณะที่แอเรียลตายแล้ว ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะลิงค์
ลอร์ดเฟิร์ดเตรียมตัวชดใช้ได้เลย! เธอหันไปและรีบวิ่งไปเปิดสภาผู้อาวุโสของไฮเอลฟ์