Advent of the Archmage - 574: ช่วยเหลือนากา1
Chapter
ล้อรถม้าที่ฝ่ายจัดการท่าเรือเตรียมไว้ให้ไบรอันท์กำลังมุ่งหน้าตรงไปที่เมืองมอดไหม้
ถนนยืดยาวที่ไบรอันท์อยู่นั้นมีความกว้างอย่างน้อย20 ฟุตและถูกทำให้เรียบผ่านการใช้เวทย์แข็งตัว ถนนข้างหน้ารถม้านั้นแทบจะเป็นเส้นตรง มีตึกสูงตั้งอยู่อย่างเป็นระเบียบทั้งสองข้างทาง, ตั้งแต่ท่าเรือไปจนถึงเทือกเขามอดไหม้
ในขณะที่มองออกไปนอกหน้าตาข้างหน้ารถม้าเขาก็เห็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างกำลังครอบคลุมซึ่งกันและกัน และจากถนนเบื้องหน้าไปไม่กี่ไมล์นั้น, ก็มีหอคอยเวทมนตร์สูงเสียดฟ้าตั้งตระหง่านอยู่ตรงเส้นขอบฟ้า
จากระยะไกล,จะมองเห็นเครือข่ายมานาที่กำลังตัดกันอยู่รอบหอคอยเวทมนตร์ได้อย่างชัดเจน ภายใต้แสงสีทองอ่อนๆที่แผ่ออกมาจากมานานี้, เมืองทั้งเมืองก็ดูสว่างไสวและอบอุ่นราวกับเป็นสถานที่ที่ตะวันไม่เคยลับขอบฟ้า
ไบรอันท์อดรู้สึกผ่อนคลายและปลื้มปิติกับภาพของเมืองอันงดงามที่อาบแสงอาทิตย์ไม่รู้จบนี้ไม่ได้
เขาเพิ่งจะออกมาจากป้อมโครงกระดูกทางตอนเหนือและรู้สึกสลดกับภาพของมันอย่างบอกไม่ถูกอย่างไรก็ตาม, แสงสีทองของเมืองนี้ก็ได้ขจัดอารมณ์ในแง่ลบของเขาไปในทันที
“ช่างเป็นเมืองที่งดงามจริงๆ”เขาอุทานขึ้นมา
จากแขนเสื้อของเขามีเสียงดังขึ้นมา“สวยเหมือนนรกหน่ะสิไม่ว่า! ข้าเกลียดที่นี่! มันสว่างเกินไปแล้วก็ร้อนเกินไปด้วย, แถมมันยังมีมนุษย์เพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมด นี่มันเป็นสถานที่ที่โคตรจะน่าสะอิดสะเอียนเลย! ถ้าท่านพ่อได้ปกครองที่นี่เมื่อไหร่, ข้าจะทำให้มั่นใจว่าเขาจะฉีกไอ้หอคอยที่อยู่ไกลๆนั่นให้เป็นชิ้นๆ!”
พอรู้สึกได้ว่าสิ่งที่อยู่ในแขนเสื้อของเขากำลังดิ้นไปมา,ไบรอันท์ก็เตือน “ข้าคิดว่าเจ้าสงบสติตัวเองหน่อยจะดีกว่านะ พวกเราใกล้จะถึงหอคอยเวทมนตร์แล้ว พวกเราไม่ควรถูกจับได้ตั้งแต่ตอนนี้ถูกไหม?”
“ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าพูดซ้ำสองหรอกหน่า!”มีเสียงบ่นในแขนเสื้อของเขา,แล้วจากนั้นมันก็เงียบไปตลอดการเดินทางที่เหลือ
รถม้าเดินทางต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งในที่สุดมันก็ไปถึงทางเข้าเทือกเขามอดไหม้ไบรอันท์รู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็นที่นี่ ในขณะที่มองออกไปข้างนอกรถม้า, เขาเห็นชายหนุ่มผมดำกลังยืนอยู่ที่ทางเข้า, แล้วยิ้มให้เขา
ชายหนุ่มคนนี้กำลังสวมเสื้อคลุมเวทมนตร์ธรรมดาๆและถือคทาที่ดูธรรมดาเอาไว้ในมือ เขาดูเหมือนกับนักเวทย์ฝึกหัดธรรมดาคนนึง แต่ไบรอันท์รู้ดีว่านี่เป็นแค่เวทย์ลวงตา ออร่าที่เขาสัมผัสได้จากชายหนุ่มคนนี้ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว
เขาคือลิงค์นั่นเอง “นักเวทย์ฝึกหัดคนนั้น”เดินมาทางรถม้า, เปิดประตูให้ไบรอันท์แล้วก็ทำความเคารพแบบนักเวทย์ให้เขา
“เชิญครับท่านจอมเวทย์”
ไบรอันท์รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัวกว่าเดิมการปรากฎตัวของลิงค์ทำให้เขาตกใจ นี่มันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย
แม้ว่าโนโซม่าจะขอให้เขาฆ่าลิงค์,แต่ไบรอันท์ก็ไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว เวทย์หยุดเวลามีผลแค่หนึ่งวินาทีเท่านั้น, ซึ่งมันสั้นเกินไป ถ้าเขาอยากฆ่าลิงค์, เขาจำเป็นต้องทำให้มั่นใจว่าลิงค์อยู่ใกล้เขามากพอในตอนที่เปิดใช้หินรูนหยุดเวลา
อย่างไรก็ตาม,ลิงค์เองก็สามารถจู่โจมเขาได้อย่างง่ายดายถ้าเขาพยายามจะเปิดใช้หินรูน ไบรอันท์อาจจะถูกฆ่าก่อนที่เขาจะได้เปิดใช้ด้วยซ้ำ ไม่ว่าหินรูนนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน, แต่ถ้าเปิดใช้ไม่ได้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
พอเห็นว่าลิงค์ออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง,ไบรอันท์ก็อดรู้สึกสงสัยกับเรื่องนี้ไม่ได้ และจู่ๆเขาก็รู้สึกอยากล้มเลิกภารกิจแล้วหันหลังกลับอย่างกระทันหัน
อย่างไรก็ตาม,เขาล้มเลิกไม่ได้แล้ว ไบรอันท์กระแอมแล้วพูดขึ้นมา “ข้าคิดไม่ถึงเลยนะว่าเจ้าจะออกมาต้อนรับด้วยตัวเองแบบนี้, ลิงค์”
พอพูดจบ,ไบรอันท์ก็เกร็งแขน, เตือนให้งูน้อยที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเขาระวังตัวไว้ ซึ่งเธอก็ดิ้นกลับเป็นการตอบสนอง ไบรอันท์รู้สึกได้ว่าเจ้างูน้อยตัวนี้ก็กังวลเหมือนกัน เธอไม่ได้ขยับกล้ามเนื้อเลยในตอนที่เธอเห็นลิงค์ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขา มันเหมือนกับว่าเธอเข้าสู่สภาวะจำศีลในแขนเสื้อของเขาเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่ไบรอันท์ไม่รู้ก็คือว่าลิงค์เห็นการแลกเปลี่ยนเล็กๆระหว่างเขากับงูนี้เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าไบรอันท์มีพิรุจน์ ในตอนที่เห็นไฮเอลฟ์คนนี้กับตัวที่ทางเข้า, ลิงค์ก็สามารถยืนยันความสงสัยของเขาเกี่ยวกับการประชุมนี้ด้วยแล้ว
เขาคิดอยู่ในใจดูเหมือนว่าฝันของเซลีนจะเป็นความจริงสินะ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าไฮเอลฟ์จะเข้าร่วมกับกองทัพแห่งการทำลาย
แต่ถึงอย่างนั้น,รอยยิ้มบนหน้าของลิงค์ก็ยังไม่หายไปไหน
“ช่วงนี้ฉันค่อนข้างว่างหน่ะพอได้ยินว่านายจะมาเยี่ยม, ฉันก็เลยคิดว่าน่าจะออกมาต้อนรับซักหน่อย นายบอกว่าจะมาปรึกษาเรื่องการเชื่อมภพอารากู่กลับมาใหม่นี่ เอาสิ, ฉันจะรับฟังทั้งหมดเอง”
การเชื่อมภพอารากู่กลับมาใหม่นั้นคือสิ่งที่ไบรอันท์อยากจะปรึกษาลิงค์,อย่างน้อยก็ที่เปลือกนอก
ไบรอันท์ไม่คิดเลยว่าลิงค์จะสนใจหัวข้อนี้ด้วยความตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก, เขาก็พูดด้วยรอยยิ้ม, “เข้าใจแล้ว เดินนำไปเลย”
ทั้งสองเริ่มเดินไปตามถนนของเทือกเขามอดไหม้ เมื่อเปรียบเทียบกับดินแดนส่วนนอกอย่างเมืองมอดไหม้นั้น,เทือกเขามอดไหม้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
สามัญชนคนธรรมดาจะอาศัยอยู่ที่ดินแดนชั้นนอกแม้ว่าบ้านของพวกเขาจะถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ, แต่เนื่องจากการรีบก่อสร้าง, บ้านบางหลังจึงดูเหมือนสร้างขึ้นมาอย่างลวกๆ แล้วก็มีบางส่วนที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างด้วย
ส่วนพวกที่อาศัยอยู่ในดินแดนชั้นในนั้นเป็นสังคมของชนชั้นสูง,รวมทั้งเจ้าหน้าที่กองทัพยศสูงๆและเหล่านักเวทย์ด้วย ที่พักอาศัยที่นี่จะถูกสร้างขึ้นอย่างเริศหรู อย่างไรก็ตาม, ท่ามกลางความงดงามนี้มันก็เงียบมาก มีผู้คนอยู่ตามถนนเพียงเล็กน้อย, และแต่ละคนก็สวมเสื้อผ้าเนื้อดี และยังมีเหล่านักเวทย์หนุ่มสาวที่กำลังเร่งรีบอยู่ด้วย
มีคนเดินถนนคนนึงกำลังก้มหัวเดินอยู่,เห็นได้ชัดว่าเขากำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรบางอย่าง และก็มีคนอีกกลุ่มนึงกำลังสนทนาเรื่องบางอย่างกันอย่างดุเดือดในขณะที่พวกเขาเดินผ่านไป ทุกคนที่อยู่บนถนนนั้นเดินอย่างรวดเร็ว, ราวกับว่าพวกเขาออกมาวิ่งจ๊อกกิ้งบนถนน ไอรีนโนเวล
แล้วไบรอันท์ก็เห็นนักเวทย์ฝึกหัดกลุ่มนึงกำลังหมกมุ่นอยู่กับหนังสือเวทมนตร์ของพวกเขาในขณะที่กินอะไรบางอย่าง
ความเร่งรีบแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะหาในเกาะรุ่งอรุณได้เลย
ช่วงชีวิตของไฮเอลฟ์นั้นยาวกว่ามนุษย์สามเท่าแล้วพวกเขาก็มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์มากกว่ามนุษย์ ไฮเอลฟ์มักจะชื่นชอบความสงบและความราบรื่น ถ้านักเวทย์หนุ่มสาวของไฮเอลฟ์คนไหนตั้งใจใช้เวลาแปดชั่วโมงในการเรียนเวทมนตร์ทุกวันมันก็ถือว่าเขาหรือเธอคนนั้นขยันมากแล้ว
ไบรอันท์เดินไปตามถนนด้วยความประหลาดใจกับภาพเบื้องหน้าเขา
เขานึกย้อนไปถึงตอนสมัยหนุ่มในตอนนั้น, เขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการคลี่คลายความลึกลับของเวทมนตร์ อย่างไรก็ตาม, ในตอนที่แทบไม่มีอะไรที่เขาสามารถเรียนรู้ได้จากเวทย์ของมนุษย์, ไบรอันท์ก็ตัดสินใจออกเดินทางไปดูโลกภายนอก
เขาทิ้งร่องรอยของตัวเองเอาไว้ทั่วฟิรุแมนเขาปีนเขาและข้ามทะเลเพื่อไปเรียนเวทมนตร์จากคนแคระ, ชาวยับบ้า, ไฮเอลฟ์แล้วก็มังกร อย่างไรก็ตาม, ช่วงเวลาที่เขาได้เรียนเวทมนตร์ในอันวาร์นั้นได้ทิ้งเจตคติบางอย่างเอาไว้ในตัวเขา
เพื่อที่จะเรียนเวทมนตร์ในเกาะรุ่งอรุณ,เขาได้จ่ายเงินไป 200,000 เหรียญทอง และในระหว่างที่อยู่ที่นั่น, เขายังช่วยไฮเอลฟ์ทำเรื่องที่น่าสงสัยมากมาย และในท้ายที่สุด, หนังสือเวทมนตร์ที่เขาได้มาจากความพยายามของเขานั้นก็มีเลเวลไม่เกิน 8
ในตอนที่เขาเดินอยู่ตามถนนของอันวาร์,ไฮเอลฟ์จะตีตัวออกห่างจากเขาเหมือนกับเชื้อโรคแล้วจากนั้นก็จะนินทาลับหลังเขา พวกไฮเอลฟ์จะมองเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นลิงในสวนสัตว์
เวทมนตร์ของเขาอาจจะพัฒนาขึ้นอย่างมหาศาลในระหว่างที่อยู่ที่นั่น,แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่อัปยศที่สุดในชีวิตของเขา
พอมองสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาอีกครั้ง,ไบรอันท์ก็พูดกับลิงค์ “ลอร์ด, เจ้าสร้างหอคอยเวทมนตร์ขึ้นมา และเหล่านักเวทย์หนุ่มสาวในตอนนี้ก็กำลังเติบโตขึ้นในเมืองของเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเดินทางรอบโลกเพียงเพื่อไปเสาะหาความรู้ด้านเวทมนตร์ตรงนั้นทีตรงนี้ทีเลยสินะ”
ลิงค์ส่ายหัวแต่ก็ยังยิ้มอยู่“ไม่ว่าที่นี่จะประสบความสำเร็จในวันพรุ่งนี้, หรือวันต่อๆไป, แต่อนาคตมันไม่แน่นอนหรอก ฉันอาจจะสร้างหอคอยเวทมนตร์ของตัวเองขึ้นมาได้, แต่ฉันก็ถูกหลายๆคนเกลียดเหมือนกัน เมืองอาจจะดูยิ่งใหญ่ในตอนนี้, แต่มันก็อาจจะกลายเป็นเศษซากในวันพรุ่งนี้ก็ได้ ขอฉันยกตัวอย่างให้ฟังนะ ฉันอาจจะเป็นคนที่น่าชื่นชมและเป็นที่อิจฉาของคนอื่นในวันนี้, แต่หนึ่งในศัตรูของฉันอาจจะเจอโอกาสทำลายร่างกายของฉันในวันพรุ่งนี้แล้วเก็บวิญญาณของฉันไปทรมานตามวิธีการอะไรก็ตามที่พวกเขาคิดว่ามันน่ากลัวก็ได้ ใครจะบอกได้หล่ะว่าโชคชะตาของพวกเราทุกคนถูกวางเอาไว้ยังไง?
คำพูดของลิงค์ดูเหมือนกำลังจะสื่อถึงอะไรบางอย่างพอได้ยินแบบนี้, ไบรอันท์ก็สะดุ้งแล้วหัวเราะแห้งๆ “เจ้ากำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม, ลอร์ด?”
ลิงค์ยิ้มอย่างมีเลศนัยในตอนนั้นเองพวกเขาทั้งคู่ก็มาถึงสวนแห่งนึง ลิงค์ผายมือออก, เชิญให้ไบรอันท์เข้าไปในสวนก่อน “เชิญเลย ไม่ว่านายอยากจะพูดเรื่องอะไร, พวกเราจะคุยกันที่นี่”
ไบรอันท์ยักคิ้วด้วยความประหลาดใจในขณะที่มองหอคอยเวทมนตร์ที่อยู่ไม่ไกลมาก, เขาก็ถาม “ปกติแล้วในการปรึกษาเรื่องต่างๆมันมีธรรมเนียมต้องคุยกันในหอคอยเวทมนตร์ไม่ใช่หรอ?”
รูนศักดิ์สิทธิ์แห่งการทำลายที่เขาพกเอาไว้กับตัวนั้นกำลังบอกเขาว่าตอนนี้คาทูช่าถูกขังอยู่ในหอคอยเวทมนตร์แต่ตอนนี้, มันไม่มีทางเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้เลย, การระบุสถานที่ที่เธอถูกคุมขังเอาไว้เป็นเรื่องที่เกินความสามารถ
ลิงค์ยิ้ม“ตอนนี้หอคอยเวทมนตร์ไม่เปิดรับแขกอีกต่อไปแล้ว มันเป็นกฏใหม่ที่ฉันบัญญัติขึ้นมาหน่ะ”
“เข้าใจหล่ะถ้างั้นเราคุยกันที่นี่ก็ได้” ไบรอันท์รู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก นี่มันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย, แต่ก็สามารถเข้าใจได้, เพราะว่ามีการปะทะระหว่างเฟิร์ดกับเกาะรุ่งอรุณในเงามืดอยู่หลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม,เขามีแผนสำรอง
ในตอนที่เขามาในสวน,หุ่นเชิดเวทมนตร์คนใช้หน้าตาน่ารักก็เดินเข้ามาดูแลที่โต๊ะ พอนั่งประจำที่ของตัวเองอย่างสบายๆ, ลิงค์ก็พูดขึ้น “ฉันได้อ่านเอกสารที่นายส่งมาให้แล้ว เกาะรุ่งอรุณได้เตรียมเชื่อมต่อภพอารากู่กลับมาใหม่แล้วสินะ?” ไบรอันท์พยักหน้า“ใช่, พวกเราเริ่มสร้างประตูวาร์ปขนาดเล็กแล้ว เจ้าหญิงแอเรียลหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย, แต่เชื้อสายราชวงศ์ต้องสืบทอดต่อไป ดังนั้น, พวกเราก็เลยเริ่มการเชื่อมต่อภพอารากู่กลับมาใหม่และจะเอาตัวเจ้าหญิงมิลด้ากลับมา ซึ่งในระหว่างกระบวนการนี้, การสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยก็จะรู้สึกได้ในภพนี้ แต่ไม่ต้องกังวลนะ, เพราะทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องปกติ และพวกเราก็หวังว่าเฟิร์ดจะไม่เข้ามาแทรกแซงกับเรื่องนี้”
“เข้าใจหล่ะ”ลิงค์พูดพร้อมพยักหน้า มันฟังดูเหมือนกับว่าไบรอันท์กลัวว่าลิงค์จะเริ่มด่วนสรุปในตอนที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น, ดังนั้นก็เลยตัดสินใจให้รู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อน
หลังจากเงียบไปสักพัก,ลิงค์ก็ถาม “มีอะไรอีกไหม?”
“มีอีกเรื่องนึงการเปิดประตูข้ามภพนั้นเป็นงานที่ซับซ้อนและอันตราย พวกเราไม่มั่นใจรายละเอียดของปฏิบัติการนี้ทั้งหมด,ซึ่งก็แน่นอนว่า, ต้องไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าหญิงมิลด้าในระหว่างกระบวนการนี้ และด้วยเหตุนั้นเอง, ข้าก็เลยเอาวงเวทย์ที่พวกเราออกแบบสำหรับประตูข้ามภพนี้มาด้วย ราชินีของพวกเราอยากให้เจ้าช่วยดูให้หน่อยว่ามีจุดไหนที่ยังสามารถพัฒนาได้อีกไหม และแน่นอนว่าเจ้าจะได้รับค่าตอบแทนสำหรับงานของเจ้าอย่างเหมาะสม”
“เข้าใจหล่ะแล้วรีบไหม?” ลิงค์ถาม
“ยิ่งเร็วก็ยิ่งดีข้าจะรออยู่ที่นี่ซักสองสามวัน ในตอนที่เจ้าจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว, ข้าจะเอาแผนกลับไปพร้อมกับข้า” ไบรอันท์ส่งแบบแปลนประตูข้ามภพให้ลิงค์ด้วย
ลิงค์รับมาดูแบบแปลนนี้ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ, แต่มันก็คล้ายกับวงเวทย์ประตูข้ามภพจริงๆ เขาพยักหน้าแล้วพูด “ฉันจะเตรียมพร้อมให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ขอเวลาไม่เกินสามวัน”
“ขอบใจนะถ้างั้นข้าจะรออยู่ที่ดินแดนชั้นนอกก็แล้วกัน” ไบรอันท์พูด “ไม่จำเป็นหรอกนายสามารถอยู่ที่สวนแห่งนี้ได้ ที่นี่เงียบสงบกว่าเยอะนะ”
ไบรอันท์พยักหน้า,ยอมรับข้อเสนอของลิงค์
และโดยไม่พูดอะไรอีก,ลิงค์ก็เดินจากไป หลังจากที่เห็นว่าลิงค์ออกไปจากทางเข้าสวนแล้ว, ไบรอันท์ก็กลับเข้าไปในสวน
“เอาหล่ะ,ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดต้องฝากเธอแล้วนะ, เมอร์น่า ระวังตัวด้วยหล่ะ ลิงค์ทำตัวแปลกๆ ฉันคิดว่าเขาน่าจะจับตาดูเราอยู่”
“เข้าใจแล้ว”เมอร์น่าคือชื่อของงู เธอเลื้อยออกมาจากแขนเสื้อของไบรอันท์, ตรงไปที่กลางสวนและในที่สุดก็เลื้อยลงไปในท่อที่อยู่ตรงถนน