Advent of the Archmage - 578 ช่วยเหลือนากา 5
Chapter
หอคอยเวทมนตร์แกนกลางมานา
“ลิงค์อยู่ไหน?”เอเลียร์ดกำลังตามหาลิงค์อยู่ แต่ว่าเขากลับเจอเอวิเลน่าแทน
“เขาไปตรวจดูระเบิดและให้ข้าเป็นคนดูแลแกนกลางมานาแทนมีอะไรรึเปล่า?” เอวิเลน่าไม่ได้หันไปมองหน้าเขา เธอต้องคอยควบคุมแกนกลางมานาเอาไว้ “ก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรนักหรอก แต่เมื่อสักครู่นี้ฉันพึ่งเจออะไรบางอย่างที่น่าสนใจมากที่ใต้ดินชั้น 1” เอเลียร์ดพูด จากนั้นเขาก็เพิ่มเสียงขึ้นและออกคำสั่งกับวิญญาณหอคอยลิลลี่ “ลิลลี่ เปิดกระจกที่ 13 กับ 17ให้ดูหน่อย”
“รับคำสั่งค่ะ”ลิลลี่ตอบ เกิดเสียงดังขึ้น จากนั้น กระจก 2 ด้านก็ปรากฏขึ้นในอากาศข้างๆแกนกลางมานา
ใต้ดินชั้น1นั้นเป็นที่ตั้งของห้องเก็บของของหอคอยเวทมนตร์วัตถุดิบเวทมนตร์ทุกชนิด อาหารและไวน์ต่างก็ถูกเก็บเอาไว้ในนั้นมันมีเยอะมากพอที่จะทำให้คนพันคนมีชีวิตรอดไปได้อย่างน้อย 10 ปีเลยทีเดียว
กระจกเวทมนตร์แสดงให้เห็นมุมนึงของโกดังเก็บอาหารโดยฝั่งซ้ายแสดงให้เห็นกองมันฝรั่ง ในขณะที่กระจกฝั่งขวาแสดงให้เห็นถังโอ๊คเก็บไวน์ที่จัดวางอยู่เป็นแถว
เอวิเลน่ามองไปที่ภาพทั้งสองและเธอก็ยอมแพ้ในที่สุด เธอส่ายหัว “ข้าไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย”
เอเลียร์ดหัวเราะ“จากตรงนี้เธอไม่เห็นมันหรอก มันซ่อนอยู่ตรงจุดบอดระหว่างรูนตรวจจับทั้งสองอันนี้”
เอวิเลน่าถามด้วยความสงสัย“แล้วเจ้าหามันเจอได้ยังไง? เครือข่ายมานาของหอคอยตรวจจับหาความผิดปกติไม่ได้เลยนะ”
“ถ้าจะให้ฉันบอกวิธีที่ฉันหาเจอฉันคงต้องเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่หอคอยนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างเลยหล่ะ ในตอนนั้น ฉันได้เห็นกระบวนการก่อสร้างทั้งหมด ฉันอยู่ที่นั่นด้วยซ้ำในตอนที่พวกเขากำลังเริ่มสร้างรากฐานของหอคอย ซึ่งในใต้ดินชั้น 1 นั้นตรงกระจกหมายเลข 17 เธอจะเห็นจิตรกรรมฝาผนังตรงนั้นใช่มั้ยหล่ะ?”
เอวิเลน่ามองไปยังจุดที่เอเลียร์ดชี้แล้วพยักหน้า“ก็เห็นอยู่หรอก แต่ว่ามันดูหยาบไปหน่อยนะ ภาพวาดของไฮเอลฟ์เด็กที่เกาะรุ่งอรุณยังสวยกว่านี้อีก”
เอเลียร์ดโกรธขึ้นมา“นั่นผลงานของฉันเอง ฉันวาดตอนที่มีเวลาว่าง ในตอนที่ฉันกำลังฝึกเวทย์แปลงสภาพหินอยู่ มาสเตอร์เกรนซี่ก็บอกฉันว่าการวาดรูปจิตรกรรมฝาผนังนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจะเชี่ยวชาญเวทย์นี้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ ฉันได้ใช้เวลานานมากตรงดวงตาของรูปภาพ เธอสังเกตุเห็นรึเปล่าว่าที่ตาของราชาชาร์ลบนรูปวาดนั้นดูมีแสงอ่อนๆด้วย?”
“จริงด้วยว่าแต่, มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เจ้ากำลังพูดอยู่หล่ะ? ที่ตาของรูปนั่นก็ดูไม่น่าจะมีเวทมนตร์อะไรทำงานอยู่เลยนะ” เอวิเลน่าพูด เธอยังสับสนอยู่ เอเลียร์ดยักไหล่จากนั้นก็พูดอย่างดูถูก “เอวิเลน่า ฉันเคยบอกแล้วใช้มั้ยว่าเธอจะต้องคิดอย่างรอบคอบอยู่ตลอดเวลา ฉันบอกใบ้เธอไปขนาดนี้ แต่เธอก็ยังไม่เห็นความลับเบื้องหลังภาพวาดนี้อีกหรอ ถ้าเกิดว่าลิงค์อยู่ที่นี่ เขาคงจะรู้ในทันทีว่ามันคืออะไร”
เอวิเลน่าพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเธอเคยได้ยินคำพูดลักษณะนี้มาจากเอเลียร์ดหลายรอบแล้วในตอนที่พวกเขาพูดคุยกัน ถ้าเกิดว่าเธอเก็บเอาคำพูดเหล่านี้มาใส่ใจ เธอก็คงจะเป็นบ้าเพราะเขาไปนานแล้ว
ยังไงก็ตามไม่ว่าเธอจะมองกระจกเวทมนตร์ละเอียดแค่ไหน เธอก็ยังไม่เห็นสิ่งที่เธอควรจะเห็น “ความลับที่เจ้าพูดถึงอยู่ตรงไหน?”
เอเลียร์ดพูดกับลิลลี่“ขยายภาพกระจกหมายเลข 17 โฟกัสไปที่ตาของรูปวาด”
“เพิ่มกำลังขยาย”
ภาพค่อยๆขยายขึ้นอย่างช้าๆตลอดกระบวนการขยายภาพนั้น ภาพของกระจกยังคงความชัดเอาไว้อยู่ ในตอนที่ภาพขยายออก 10 เท่า เอเลียร์ดก็ตะโกน “พอแล้ว อีวี่ ดูการสะท้อนที่ดวงตาของรูปวาดสิ ตรงนั้น เธอเห็นมันมั้ย? มีหนูตัวสีขาวแอบอยู่ด้วย”
เอวิเลน่าสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่ขยายภาพได้5 เท่าแล้ว ลึกๆในใจ เธอรู้สึกชื่นชมทักษะการสังเกตการณ์ของเอเลียร์ด แต่ว่าเธอจะไม่มีวันยอมรับมันและพูดออกมาตรงๆ เธอมองไปที่เขาและพูดด้วยความโกรธ “ก็ได้ ข้ายอมรับว่าเจ้าตาดีจริงๆ” ไอรีนโนเวล
“เอาเถอะ,ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอแล้ว” เอเลียร์ดพูดพร้อมกับชี้ไปที่ภาพสะท้อน “หนูตัวนี้เป็นสัตว์วิเศษ มันฉลาดมาก และไม่ได้อ่อนแอเหมือนอย่างที่เห็น เจ้าตัวน้อยนี่สามารถใช้เวลาอย่างน้อยสองวินาทีตั้งแต่ตอนที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ลอบเข้ามาในหอคอยเวทมนตร์นี้ได้ มันแอบเข้ามาจนถึงใต้ดินชั้น 1 โดยที่ไม่โดนผนึกเวทย์ตรวจจับระหว่างทางเลย แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ความเร็วกับพลังการสังเกตของมันสุดยอดมาก ฉันคิดว่าพลังของมันจะต้องสูงกว่าเลเวล 8 อย่างแน่นอน”
เอวิเลน่าฟังการวิเคราะห์สิ่งมีชีวิตตัวนี้ของเอเลียร์ดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมในตอนที่เขาทำการประเมิณพลังของสิ่งมีชีวิตตัวนี้ เธอก็พูดออกมาอย่างไม่เชื่อ “มันไม่เว่อร์ไปหน่อยหรอที่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กขนาดนี้จะมีเลเวล 8 หน่ะ?”
“ไม่เลยซักนิดเธอเคยอ่านหนังสือเวทมนตร์ของโอเปลโล่รึเปล่าที่มีชื่อว่าเล็กแต่ใหญ่หน่ะ?” เอเลียร์ดถาม
“ไม่นะมันเกี่ยวกับอะไรหล่ะ?” เอวิเลน่ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย บางทีเธอก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เอเลียร์ดพูด และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย นี่เธอเริ่มแก่แล้วอย่างงั้นหรอ?
“เธอควรจะไปลองหาอ่านดูนะโอเปลโล่เป็นนักเวทย์เลเวล 5 ของหอคอยเวทมนตร์ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีจินตนาการ หนังสือที่ว่านี้เต็มไปด้วยความคิดและจินตนาการอันน่าอัศจรรย์ทั้งหมดของเขา ในหนังสือ โอเปลโล่ได้เสนอทฤษฏีที่บอกว่าขนาดของวัตถุนั้นใช้วัดค่าไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ด้วยการใช้เวทย์มิติ คนสามารถถูกย่อขนาดให้เหลือเท่ากับเม็ดถั่วได้ โดยที่ไม่ส่งผลต่อพลังของเขาเลยแม้แต่น้อย”
“ก็ได้ข้าเชื่อเจ้า ข้าจะอ่านมันในตอนที่มีเวลาว่าง แล้วตอนนี้ พวกเราควรทำยังไงดีหล่ะ?”
เอวิเลน่ารู้ว่ามีหนังสือใหม่ๆถูกเพิ่มเข้าในห้องสมุดของหอคอยเวทมนตร์ทุกวันก่อนหน้านี้ เธอไม่ได้คิดอะไรมากนัก เธอมักจะคิดเอาเองเสมอว่านักเวทย์ระดับต่ำพวกนี้ไม่สามารถให้อะไรกับเธอได้ เธอเก่งกว่าพวกเขาทั้งในด้านความรู้และพลัง แต่ตอนนี้ เธอเริ่มมองพวกเขาใหม่แล้ว
เอเลียร์ดคิดแผนเอาไว้แล้ว“เจ้าตัวเล็กนี่ยังไม่รู้ว่ามันถูกจับได้แล้ว มันไม่ได้ขยับออกมาจากที่ซ่อนเลย บางทีมันอาจจะรอให้พวกเราลดการป้องกันลงอยู่ มันจะต้องตรงไปที่ห้องทดลองที่จับตัวนากา, คาทูช่าเอาไว้แน่ๆและถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ควรวางกับดักเอาไว้ที่หน้าประตู ในตอนที่การป้องกันของหอคอยเวทมนตร์ลดลง และประตูเวทมนตร์เปิดออก มันก็จะเดินเข้ามาหากับดักของพวกเรา”
ก่อนที่เขาจะพูดจบแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นที่ห้องโถงหลัก หลังจากนั้นลิงค์ก็ปรากฏตัวขึ้นมา
เอเลียร์ดตบมือของเขาและพูด“ลิงค์ นายมาได้ถูกเวลาพอดีเลย ฉันเจอผู้บุกรุกที่แอบเข้ามาในหอคอยเวทมนตร์แล้ว”
ลิงค์พึ่งจะทำการตรวจสอบพื้นที่ที่โดนระเบิดเสร็จคนร้ายระมัดระวังตัวมาก เขาไม่ได้ข้อมูลจากที่เกิดเหตุซักเท่าไหร่ และตอนนี้เขาก็รู้แค่ว่าคนร้ายได้ใช้เวทมนตร์ที่แสดงผลช้า มันทำงานด้วยการใช้หินรูนเลเวล 9 เขาได้ใช้เวลาครึ่งวันในการหาเบาะแสอย่างอื่นด้วย แต่ว่าต่อให้มีความช่วยเหลือจากเวทย์โฟกัส เขาก็ยังไม่พบเงื่อนงำอื่นๆ
หลักฐานทุกอย่างได้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าวิธีการที่คนร้ายใช้นั้นมีระดับสูงมากและไม่ได้ด้อยไปกว่าลิงค์เลย
ในตอนที่เขาได้ยินสิ่งที่เอเลียร์ดพูดดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “ผู้บุกรุกหรอ? ผู้บุกรุกอะไร?”
เอเลียร์ดเริ่มเล่าการค้นพบของเขาให้ลิงค์ฟังอย่างละเอียดในตอนที่เขามาถึงส่วนดวงตาของภาพวาด ลิงค์ก็พูดออกมาในทันที “นายสามารถเห็นมันได้จากแสงสะท้อนที่ตาของรูปวาดสินะ? ไม่เลวเลยนี่ ไม่เลวเลย”
เอเลียร์ดดูภูมิใจในตัวเองจากนั้นเขาก็แสดงท่าทางอวดเบ่งให้เอวิเลน่า “เห็นมั้ยหล่ะ ฉันบอกแล้วว่าลิงค์จะเข้าใจในทันที เธอยังต้องเรียนรู้อีกเยอะนะ”
เอวิเลน่าเบ้ปาก
ในตอนที่ลิงค์ฟังแผนของเอเลียร์ดเขาก็คิดอยู่พักนึงก่อนที่จะพูดออกมา “ฉันไม่เห็นข้อเสียในแผนของนายนะ แต่ว่ามันดูเสี่ยงเกินไปหน่อย นายอาจจะไปทำให้เจ้าของสัตว์วิเศษรู้ตัวได้ มันยังมีจุดที่ต้องแก้ไขอีกเยอะ” “หืมขอฉันลองคิดดูอีกทีนะ” เอเลียร์ดขมวดคิ้ว และตกอยู่ในห้วงความคิด
ลิงค์ยิ้มเขามีแผนอยู่เรียบร้อยแล้ว “เอางี้เป็นไง? ไม่ต้องไปพยายามจับตัวสัตว์วิเศษหรอก กลับกัน พวกเราจะใช้กลอุบายกับมัน”
“กลอุบายหรอ?”เอเลียร์ดเงียบไปพักนึง หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อในทันที “นายกำลังบอกให้พวกเราปล่อยมันไปพบกับเป้าหมายแล้วติดต่อกับเจ้าของเพื่อให้เขาหรือเธอออกมาจากที่ซ่อนอย่างงั้นหรอ?”
ลิงค์พยักหน้า“การให้มันไปพบเป้าหมายนั้นยังคงเป็นแผนการที่เสี่ยงอยู่ดี พวกเราอาจจะมีปัญหาได้ถ้าเกิดว่าเจ้าของของมันมีเทคนิคที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย พวกเราจะใช้ภาพลวงตาเพื่อหลอกสัตว์วิเศษว่ามันได้เจอเป้าหมายของมันแล้ว และเมื่อถึงตอนนั้น มันจะต้องติดต่อกับเจ้าของแน่ๆ แล้วพวกเราก็จะสามารถแกะรอยกลับไปหาคนร้ายตัวจริงที่ซ่อนอยู่ในเงามืดได้!”
สายตาของเอเลียร์ดเป็นประกายในตอนที่เขาฟังแผนเขาพยักหน้าอย่างรุนแรง “แผนนี้ดีกว่าของฉันอีก ถ้างั้นจะมัวรออะไรอยู่หล่ะ? มาเริ่มกันเลยเถอะ! ชายคนนี้จะต้องฉลาดมากแน่ๆ ถึงสร้างปัญหาให้เฟิร์ดได้ขนาดนี้! เขาจะต้องชดใช้ให้กับการกระทำของเขาอย่างสาสม!”