Advent of the Archmage - 589 น้ำปาฏิหาริย์
Chapter
ในโลกฟิรุแมนไฮเอลฟ์นั้นเป็นพวกที่สร้างชีวิตเก่งที่สุด ด้วยการใช้ต้นไม้โลก พวกเขาสามารถสร้างเมล็ดต้นไม้เวทมนตร์ได้ และพวกเขายังสร้างวิญญาณต้นไม้, วิญญาณดอกไม้หรือแม้กระทั่งมนุษย์ต้นไม้ด้วย
แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพยายามมาหลายชั่วอายุคนพวกเขาก็สามารถสร้างกายเนื้อให้สัตว์ได้เท่านั้น พวกเขามีความสามารถมากมายในการสร้างชีวิตหรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา แต่ว่ามันยังอีกยาวไกลกว่าจะเรียกได้ว่าสำเร็จจริงๆ
ดังนั้นมิโรสจึงเดินมาหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ลิงค์พูดเขาอยากรู้ว่าลิงค์ทำอะไรได้
นานะเองก็หันมาดูลิงค์ปรุงยาด้วยความสงสัยเช่นกัน
ลิงค์ยุ่งมากในบางครั้ง จะมีแสงปริศนาเปล่งออกมา ในขณะเดียวกันเขาก็อธิบายไปด้วย “พวกนายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้สร้างชีวิตจริงๆขึ้นมาหรอก ฉันยังไม่ใกล้เคียงกับสิ่งนั้นด้วยซ้ำ เลเวลของนานะส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์ของเธอซึ่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ทั้งหมดที่ฉันทำก็คือการทำให้เธอสมบูรณ์ขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ว่าฉันยังไม่สามารถให้ชีวิตจริงๆกับเธอได้ ฉันพึ่งจะค้นพบวิธีการปรับปรุงเธอเมื่อไม่นานนี้เอง ฉันได้ผสานการปรุงยาและการเสริมพลังเข้าไป ฉันเรียกมันว่าน้ำยาเวทมนตร์ปรับปรุงอัตโนมัติ”
“ชื่อดูธรรมดาจังนะไม่เห็นเหมาะกับยาปาฏิหาริย์แบบนี้เลย” เอเลียร์ดต้องการจะต่อสู้เพื่อน้ำยา หลังจากที่คิดอยู่ซักพัก เขาก็พูดขึ้น “ฉันว่าพวกเราเรียกมันว่าน้ำปาฏิหาริย์น่าจะดีกว่านะ”
ลิงค์หัวเราะ“มันก็ไม่ใช่ปาฏิหาริย์อะไรหรอก แต่ชื่อนี้ก็เท่ดีนะ จะเรียกมันแบบนั้นก็ได้”
ในตอนที่เขาพูดมือของเขาก็หยุดลง มีขวดใบใหม่อยู่ที่มือของเขา น้ำยานั้นดูเหมือนกับหมอกสีขาว ถ้ามองดูใกล้ๆ จะพบว่ามันคือของเหลวชนิดหนึ่ง มีจุดแสงมากมายส่องสว่างอยู่ภายในสสารเหนียวๆเหล่านี้
พอสังเกตลึกเข้าไปอีกก็จะพบว่าแสงสว่างแต่ละจุดนั้นจริงๆแล้วเป็นแสงของรูน มีแรงลึกลับอยู่ระหว่างรูนแต่ละตัว, และคอยรักษาระยะห่างของพวกมันเอาไว้
“เสร็จแล้วหรอ?”เอเลียร์ดถาม
“ยังนี่เป็นแค่ฐานของตัวยานี้เฉยๆ ถ้าเปรียบน้ำปาฏิหาริย์เป็นเรือทั้งลำที่เต็มไปด้วยสินค้า น้ำยาขวดนี้ก็เป็นแค่เรือเปล่าๆ ต่อไป พวกเราจะต้องเติมสินค้าเข้าไปใน ‘เรือ’ ลำนี้”
หลังจากนั้นลิงค์ก็เอาวัตถุดิบเสริมพลังออกมาวางเรียงรายกันมากมาย,พวกมันมีประมาณ 100 ชนิด ”มาช่วยฉันจัดการของพวกนี้หน่อย” เขาพูด “มันเป็นงานใช้แรงเยอะ ถ้าฉันทำคนเดียวมันจะเสียเวลาเกินไป”
“เข้าใจแล้ว”
นักเวทย์ทั้งสองคนก้าวเข้ามาในขณะที่ลิงค์แนะนำพวกเขา “อันนี้ใช้วิธีเสริมพลังทองบดมันให้เป็นผงด้วยวิธีการบดของกรินซ์ เอเลียร์ด นายน่าจะคุ้นเคยกับมันอยู่แล้ว อันนี้นายจัดการก็แล้วกัน”
เอเลียร์ดพยักหน้าเขาเอาเหล็กมีค่าที่ปกคลุมด้วยหมอกสีม่วงอ่อนไป และเดินไปที่โต๊ะเสริมพลังที่อยู่ข้างๆ จากนั้นเขาก็เริ่มทำงานอย่างระมัดระวัง
“อันนี้ใช้วิธีสกัดไม้เงินฉันต้องการให้มันกลายเป็นของเหลว ในตอนที่อนุภาคอยู่ตำแหน่งตามธรรมชาติ มันจะมีผลของกระจกระดับ 3 มันเป็นไม้ ดังนั้นมิโรส นายจัดการด้วยวิธีการของจอมพลแฟรคตอลนะ”
“ครับลอร์ด”
มิโรสหยิบเหล็กสีเข้มที่ดูเหมือนกับรากไม้เหี่ยวๆไปแสงสีเขียวอ่อนไหลออกมาจากมือของเขา และไม้ก็ค่อยๆเปลี่ยนรูปร่าง
ส่วนลิงค์นั้นเขาหยิบชิ้นส่วนเหล็กที่มีสีแดงอ่อนและเริ่มฟอกมันแถมเขายังบดให้เป็นผงด้วยเพราะต้องการใช้เป็นจำนวนมาก ห้องเสริมพลังเงียบลงในทันทีนักเวทย์ทั้งสามคนต่างก็ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง ทุกครั้งที่เอเลียร์ดกับมิโรสทำงานของตัวเองเสร็จ ลิงค์ก็จะเอาวัตถุดิบใหม่มาให้พวกเขา เขาไม่ปล่อยให้พวกเขาได้พักเลย และแน่นอนว่า ตัวเขาเองก็เช่นกัน เขาไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับนักเวทย์ระดับตำนาน การทำงานแบบนี้ทำให้พวกเขาเหนื่อยได้แค่เล็กน้อย พวกเขาสามารถฟื้นฟูได้หลังจากพักผ่อนเพียงชั่วครู่ โดยเฉพาะลิงค์กับเอเลียร์ดที่เป็นพวกความอดทนสูง พวกเขาแทบไม่ได้รับผลกระทบเลย
ในช่วงเวลาเหล่านี้ลิงค์ได้เอาวัตถุดิบออกมาทั้งหมด 125 ชนิดและใช้วิธีการเสริมพลังมากมายเพื่อเปลี่ยนมันให้กลายเป็นวัตถุดิบ 210 ชิ้นที่มีลักษณะทางกายภาพต่างกัน
แต่ว่าหนทางยังอีกยาวไกลนี่เป็นแค่ขั้นเตรียมการเท่านั้น หลังจากทั้งหมดนี้ในที่สุดลิงค์ก็จะได้ใช้เทคนิคเสริมพลังของเขาจริงๆซักที เขาหยิบวัตถุดิบแต่ละชิ้นขึ้นมาและใช้เวทย์เสริมพลังฟอกมัน แสงของเวทมนตร์ไม่เคยหยุดส่องสว่างที่มือเขาเลย วัตถุดิบมากมายได้เปลี่ยนไปในมือของเขา มีทั้งการผสม แยกส่วนหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนรูปร่าง
ในบางครั้งเขาก็จะให้งานอย่างกับเอเลียร์ดและมิโรส แต่โดยส่วนใหญ่นั้น เขาจะจัดการด้วยตัวเองซะมากกว่าในขณะที่อีกสองคนคอยมองเขาจากข้างหลัง
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆมิโรสก็กระซิบกับเอเลียร์ด“มานาของลอร์ดไม่เห็นลดเลยซักนิดเดียว นี่มันผ่านมาตั้ง 5 ชั่วโมงแล้วนะ แถมมานาที่เขาใช้ทุก 3 วินาทีก็พอๆกับเวทย์เลเวล 7 เลย เขามีพลังมากขนาดนี้ได้ยังไง?”
“นายไม่รู้สินะแต่ว่าพลังแสงอรุณของเฟิร์ดเด่นด้านอัตราฟื้นฟูที่สุด” เอเลียร์ดตอบเบาๆ “มันเหนือกว่าพลังมังกรซะอีก ซึ่งลิงค์เป็นผู้สร้างหลัก ดังนั้นอัตราการฟื้นฟูของเขาจะบอกว่าไม่มีวันหมดก็ว่าได้”
“หรอ”มิโรสพูด หลังจากผ่านไปซักพักเขาก็ถามอีก “แล้วเจ้าเข้าใจเทคนิคของลอร์ดรึเปล่า? มันดูเหมือนกับการเสริมพลังของเกาะรุ่งอรุณ แต่พอดูดีๆแล้ว มันก็ไม่ใช่ และในบางครั้งมันก็มีเทคนิคของมังกรด้วย แถมข้ายังเห็นเทคนิคการหลอมเหลวของพวกคนแคระด้วยนะ นี่มันแปลกมากเลย”
“ฉันเข้าใจได้บางส่วน,ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก” เอเลียร์ดไม่เคยละสายตาจากมือของลิงค์ สายตาของเขากำลังเป็นประกาย “ลิงค์สร้างเทคนิคเสริมพลังที่ซับซ้อนขึ้นมามากมาย หลังจากนี้อีกไม่นาน เขาน่าจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับพวกมัน ถ้าเกิดว่านายมีอำนาจและแต้มเวทมนตร์มากพอ นายก็จะสามารถอ่านมันได้”
“จริงหรอ?เขาจะแบ่งความรู้ให้คนอื่นหรอ?” มิโรสไม่อยากจะเชื่อ ในความคิดของเขา เทคนิคพวกนี้น่าจะเป็นความลับที่สุดของลิงค์ เขาควรเก็บมันเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น ในเกาะรุ่งอรุณ หลายๆตระกูลได้เก็บเทคนิคเวทมนตร์ของพวกเขาเอาไว้เสมือนกับสมบัติชิ้นหนึ่ง เหมือนกับที่พวกราชวงศ์ไม่ได้ส่งต่อเวทย์ที่ทรงพลังให้กับพวกที่ไม่ใช่ราชวงศ์ หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่ได้สืบเชื้อสายตรงจากราชวงศ์
เอเลียร์ดเข้าใจความคิดของมิโรสและยิ้มออกมาเล็กน้อย“ความคิดใหม่ๆก็เหมือนกับอิฐ หลังจากที่เวลาผ่านไป อิฐจะก่อกลายเป็นบ้านเวทมนตร์หลังเล็กๆ และบ้านหลังเล็กก็จะใหญ่ขึ้น จากนั้นก็จะเป็นหอคอย และกลายเป็นวัง หลังจากผ่านไป 100 ปี บางทีเฟิร์ดอาจจะกลายเป็นวิหารเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฟิรุแมนก็ได้ เกาะรุ่งอรุณอาจจะแข็งแกร่งในตอนนี้ แต่ว่าในอนาคตใครจะไปรู้หล่ะ ถูกไหม?”
“แต่ว่าถ้าผู้คนเรียนรู้เทคนิคของลอร์ดหล่ะก็”มิโรสพึมพำ เขาเข้าใจเหตุผลดี แต่ว่าเขาก็ยังคงรู้สึกขัดแย้งในเรื่องการแบ่งปัน ถ้าเกิดว่ามีใครบางคนเรียนเทคนิคของเขาและก้าวข้ามเขาไปได้หล่ะก็ เขาก็จะไม่เหลืออะไรเลย
เอเลียร์ดถอนหายใจและมองมิโรสด้วยความสมเพศ“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่านายอยากจะเป็นคนยังไง ถ้าเกิดว่านายอยากจะหยุดพัฒนาตัวเอง ก็เก็บเอาของดีๆทุกอย่างเอาไว้กับตัวเถอะ แต่ถ้านายอยากจะพัฒนา นายก็ควรแบ่งปันความสำเร็จทั้งหมด เพราะถ้านายทำอย่างนั้น นายก็จะได้รับผลผลิตจากคนอื่นเหมือนกัน และนายจะสามารถพัฒนาได้เมื่อผสมความคิดที่แตกต่างเข้าด้วยกัน นายก็น่าจะรู้นะว่าที่เฟิร์ด รางวัลแต้มเวทมนตร์สำหรับการแบ่งปันเวทย์เฉพาะนั้นได้มากกว่าการสร้างยาที่มีเลเวลเดียวกันถึง 1,000 เท่า และการซื้อความรู้ของคนอื่นเองก็ใช้มากกว่าซื้ออุปกรณ์เวทมนตร์เลเวลเดียวกันถึง 1,000 เท่าเหมือนกัน นี่แหล่ะคือรางวัลของความรู้”
มิโรสได้รับผลกระทบจากสายตาของเอเลียร์ดเขาต้องการจะปฏิเสธแต่ว่าเขาก็หาอะไรมาเถียงไม่ได้และยอมแพ้ไปในที่สุด เขายังไม่เชื่อจนหมดใจ แต่ว่าความคิดในการแบ่งปันความรู้นั้นได้ซึมเข้าไปในจิตวิญญาณของเขาแล้ว
ในตอนนั้นเองลิงค์ก็หยุดลงพอดี
เขาใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ที่ฟอกแล้วไปจนหมดตอนนี้มีลูกบอลขนาดเท่ากำปั้นอยู่ที่มือเขา มันมีสีน้ำตาลและดูทื่อมากๆ ไม่มีออร่าเวทมนตร์จากมันเลย ถ้าเกิดว่าเขาวางเอาไว้บนพื้น มันก็คงจะดูเหมือนกับหินก้อนเล็กๆก้อนหนึ่ง
“เสร็จแล้วหรอ?”เอเลียร์ดมองไปที่ ‘หิน’ เขารู้ว่ามันเต็มไปด้วยความรู้มากมาย ดังนั้นสายตาของเขาจึงเต็มไปด้วยความเคารพ
“ใกล้แล้ว”
มีความล้าเล็กน้อยในดวงตาของเขาและแขนของเขาก็กระตุก ของเหลวที่คล้ายหมอกสีขาวไหลออกมาจากขวดและกระจายออกไปทั่วอากาศ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ‘หิน’ สีน้ำตาลที่อยู่ในมือลิงค์ก็แตกออกเป็นหมอกด้วยเสียงเบาๆ หมอกและของเหลวได้ผสมกันภายใต้พลังงานเวทมนตร์ปริศนา
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงหมอกสีน้ำตาลก็หายไป และของเหลวที่เคยเป็นสีขาวตอนนี้ก็มีสีแดงเข้ม มันดูเหมือนกับเลือดเล็กน้อย
ของเหลวก่อรูปเป็นทรงกลมแม้ว่ามันจะมีหมอกสีน้ำตาลอยู่ภายใน แต่ขนาดของมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไป มันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางแค่ประมาณ 2 เซนติเมตร มันลอยอยู่กลางอากาศ และไปหานานะ
“อ้าปากแล้วกลืนลงไปซะมันจะซ่อมแซมข้อบกพร่องสุดท้ายของเธอ” ลิงค์พูด นานะกลืนโดยไม่ลังเล ของเหลวทรงกลมเข้าไปในปากของเธอและ ‘ไหล’ ลงไปในคอของเธอโดยอัตโนมัติ ประมาณ 3 วินาทีต่อมา ร่างกายของนานะก็สั่น เธอจับโต๊ะเสริมพลังเอาไว้ และโต๊ะอันทนทานก็พังกลายเป็นผง
แต่หลังจากนั้นนานะก็ยืนขึ้นด้วยสีหน้างุนงง เธอกำหมัดและจากนั้นก็จับใบหน้าของตัวเอง แล้วสีหน้าของเธอก็ยิ่งสับสนกว่าเดิม“นายท่าน นานะไม่เห็นรู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย” ลิงค์ยิ้ม “นั่นแหละถูกแล้ว ชีวิตนั้นเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนที่สุดในโลก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจะค่อยๆเกิดขึ้น รอไปเรื่อยๆไม่ต้องรีบร้อน แล้วเธอจะรู้สึกถึงพลังของน้ำปาฏิหาริย์เอง” ไอลีนโนเวล
“หรอคะ”นานะยังคงสับสน แต่เธอก็ยอมรับคำอธิบายของลิงค์
เอเลียร์ดก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันเขาคิดว่าน้ำยาระดับนี้น่าจะส่งผลบางอย่างเช่นเกิดแสงสว่างขนาดใหญ่หรือพลังของนานะเพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่ผลลัพธ์ของมันช่างไร้พลัง เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไป
“มันดูธรรมดาเกินไปแล้ว”เอเลียร์ดพูด
ลิงค์หัวเราะ“ตอนนี้อย่ามองแค่ตัวนานะสิ นายจะต้องดูว่ามีอะไรกำลังเติบโตอยู่ในตัวเธอ ณ ตอนนี้ รอดูไปเถอะหน่า”
“ก็ได้แล้วตอนนี้พวกเราจะเอายังไงกันต่อหล่ะ?” เอเลียร์ดถาม ลิงค์ถามนานะ“ตอนนี้บาดแผลของเธอไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ย?”
นานะขยับมือกับเท้าเพื่อรู้สึกถึงร่างกายของเธอทันใดนั้นเอง เธอก็พูดออกมาอย่างสับสน “แปลกจังเลย ทำไมนานะไม่รู้สึกขัดแล้วหล่ะ?”
ก่อนหน้านี้บาดแผลของเธอดูไม่เป็นอะไรที่ภายนอกแต่มันส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเธอ ตอนนี้ มันเหมือนกับว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บเลย เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามันอยู่ตรงไหน
เอเลียร์ดหัวเราะและปรบมือให้“ยอดเยี่ยม นี่จะต้องเป็นผลแรกของน้ำยาปาฏิหาริย์แน่ๆ มันทำให้ฉันนึกถึงต้นไม้ที่กำลังโตตอนฤดูใบไม้ผลิเลย มันไม่มีเสียงแต่ว่ามันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และในวันหนึ่ง มันก็จะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่”
ลิงค์เองก็ยิ้มออกมา“ในเมื่อไม่เป็นไรแล้ว พวกเราก็ขึ้นเหนือกันต่อได้ อ้ะ เกือบลืมเลย ขอฉันดูดาบของเธอหน่อย บางที ฉันน่าจะเสริมพลังให้มันได้นะ”
นานะส่งดาบกับฝักดาบให้กับลิงค์
ลิงค์ค่อยๆดึงดาบออกมาในตอนที่เขาทำอย่างนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงออร่าไฟผลาญที่แผ่ออกมาจากดาบ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หัวใจของเขาก็เย็นชืดราวกับว่ามีใครบางคนมาแทงเขา
“อ้าก!”เสียงร้องดังมาจากมิโรส เขากำลังมองไปที่ดาบในมือของลิงค์ ในตอนที่เขาดึงมันออก เขาก็สะดุดไปข้างหลังและเปิดใช้บาเรียป้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
เอเลียร์ดเองก็ตกใจเหมือนกันเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลออกมาที่หน้าผากของเขา เขาเช็ดเหงื่อ และอุทานออกมา “นี่คือฝันร้ายสิ้นสุดหรอ? เป็นดาบที่ดีอะไรอย่างนี้!”
ครืด!ลิงค์เก็บดาบเข้าฝักอีกครั้งและคืนมันให้กับนานะ “ดาบเปลี่ยนไปมากเลยนะ เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ?นานะใช้มันมาโดยตลอด แต่โชคไม่ดีเลยที่เสียงเพรียกแห่งป่าพังไปแล้ว” นานะรู้สึกแปลกใจ เธอหยิบดาบและดึงมันออกมาตามปกติ น่าแปลกที่ตอนเธอทำอย่างนั้นแล้วมันแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างมาก มันไม่มีแสงเลยแม้แต่นิด และพื้นผิวของมันก็เต็มไปด้วยร่องรอย และมีรอยบิ่นมากมายบนใบดาบ มันดูเก่าและโทรมมากๆ
ในตอนนั้นเองวิญญาณดาบลำนำจันทร์เต็มดวงก็พูดกับลิงค์ในใจ
ดาบเล่มนี้ฆ่าบุคคลระดับตำนานไปอย่างน้อย1000 คนแล้ว ชิ้นส่วนวิญญาณของเหยื่อแต่ละคนได้ปกคลุมดาบเล่มนี้เอาไว้ วิญญาณนั้นเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง คนที่ควบคุมมันได้มีเพียงแค่นานะคนเดียวเท่านั้น ดังนั้น มีแค่นานะเท่านั้นที่ใช้ดาบเล่มนี้ได้
1000เลยหรอ? ไม่แปลกใจเลย ดาบเล่มนี้มันหายนะแห่งการทำลายชัดๆ! ลิงค์ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
เขาเดินมาพร้อมกับวัตถุดิบเวทมนตร์ในมือ“นานะ ถือเอาไว้นะ ฉันจะซ่อมให้เอง”
“ค่ะนายท่าน”
มันเป็นการซ่อมอย่างรวดเร็วลิงค์ทำมันเสร็จภายใน 1 ชั่วโมง และเขายังใส่รูนความทนทานขั้นสูงและอัพเกรดดาบอีกด้วย ตอนนี้มันมีเลเวล 11 และถูกนับเป็นอาวุธระดับตำนานแล้ว
“โอเคเสร็จแล้ว ทีนี้พวกเราก็สามารถขึ้นเหนือได้แล้ว”