Advent of the Archmage - 590: แขกจากภพอื่น
Chapter
“เพิ่งจะมีคนผ่านตรงนี้ไปสี่คนหนึ่งในนั้นเป็นมนุษย์, และอีกสองคนเป็นครึ่งเอลฟ์ แถมคนแปลกหน้าเหล่านี้ดูเหมือนกำลังจะมุ่งหน้าขึ้นเหนือด้วยนะ” มนุษย์ผู้ชายที่มีผมกระเซอะกระเซิงสีแดงเพลิงพูดขึ้นมา เขากำลังยืนอยู่หน้ากองขี้เถ้าที่เคยเป็นกองไฟในป่าทมิฬ ดวงตาสีแดงของเขาเขม่นอยู่ในขณะที่สังเกตพื้นที่รอบๆ
ข้างๆเขามีอีกคนยืนอยู่คนๆนี้ก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ความแตกต่างเดียวก็คือเธอเป็นผู้หญิง
ดวงตาของเธอมีประกายสีแดงเหมือนกันและเช่นเดียวกับชายข้างๆเธอ, ผู้หญิงคนนี้สวมชุดเกราะเวทมนตร์ที่งดงาม มีดาบโค้งคู่ห้อยอยู่ที่เอว ผมของเธอเองก็เป็นสีแดงสดใสและดูเรียบร้อยกว่าผู้ชาย ในแวบแรก, มันดูเหมือนกับว่าศรีษะของผู้หญิงคนนี้เป็นเปลวเพลิงที่โชติช่วง เธอนั่งยองๆและเอามือที่สวมถุงมือหนังสีแดงเข้มกวาดทั่วตอไม้ตอนึงจากนั้นเธอก็ยกนิ้วขึ้นมาอยู่ระดับสายตาหนึ่งนิ้ว, และสังเกตสิ่งที่เธอปาดจากต้นไม้อย่างละเอียด นอกจากนี้เธอยังดมมันด้วย ห้าวินาทีต่อมา, เธอก็กระซิบ “ฮามิลตัน, ข้าสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บที่คุ้นเคยในออร่าของหนึ่งในพวกมัน แล้วก็มีความอบอุ่นหน่อยๆด้วย…เจ้าคิดว่าใช่เธอรึเปล่า?”
“เป็นไปได้นะท่านนักบุญบอกพวกเราว่าเธอเป็นหุ่นเชิดเวทมนตร์ของลอร์ดเฟิร์ด เธอได้ข้ามภพกลับมาที่ฟิรุแมนแล้ว สิ่งแรกที่เธอทำก็คงเป็นการกลับไปหาลอร์ดเฟิร์ด โนอาห์, นับจากนี้ไปพวกเราต้องเพิ่มความระมัดระวังแล้วหล่ะ”
โนอาแสยะยิ้ม“ภัยคุกคามสำหรับพวกเรามีแค่เธอคนเดียว ส่วนพวกที่เหลือไม่มีค่าให้พวกเราเอาจริงหรอก เป็นไปตามที่ท่านนักบุญบอกจริงๆด้วยสินะ พลังของภพนี้อ่อนแอมาก” “อย่าดูถูกพวกนั้นสิ”ฮามิลตันพูด จากนั้นเขาก็เริ่มเดินไปทางเหนือในขณะที่พูดต่อ “ลืมที่ท่านนักบุญบอกให้จับเป็นไปซะ ถ้าเจอตัวให้ฆ่าพวกนั้นด้วยพลังทั้งหมดของพวกเราเลย พวกเราคงต้องมองว่าพวกนั้นโชคดีมากเลยหล่ะถ้ารอดจากการโจมตีของพวกเราได้”
โนอาตามเขาไปพร้อมหัวเราะคิกคัก“ข้าจะไม่แสดงความเมตตากับพวกมันอย่างแน่นอน แต่ข้าขอไม่รีบเจอพวกมันนะ ให้พวกมันหาหนังสือแห่งการรังสรรค์ให้เจอก่อนน่าจะดีกว่า จะได้ช่วยประหยัดเวลาของพวกเราด้วย”
ฮามิลตันยักไหล่“ถ้าได้แบบนั้นก็คงจะสบายพวกเราจริงๆนั่นแหล่ะ”
หลังจากที่เดินไปอีกไม่กี่ก้าว,โนอาก็พูดขึ้นมากระทันหัน “แต่เอาจริงๆนะ, ไอ้พวกไฮเอลฟ์นี่มันโง่กันจริงๆ, โดยเฉพาะยัยราชินีนั่น เธอคิดว่าเธอสามารถปกครองพวกเราได้และยังดูถูกสายเลือดของพวกเราแค่เพราะเธอเป็นแม่ของท่านนักบุญด้วย ข้าอยากจะเอาดาบสับกระบาลเธอจริงๆ!”
“ตอนนี้ช่างมันก่อนเถอะ,เจ้าเอาแต่พูดเรื่องนี้ตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงที่นี่แล้วนะ ตอนนี้ปล่อยเธอไปก่อน หลังจากนี้เธอจะได้รับสิ่งที่เธอสมควรได้รับเอง”
“ก็ข้าทนยัยแก่นั่นไม่ได้นี่!”
“แต่เจ้าปฏิเสธไม่ได้นะว่าต้นไม้โลกของเธอมีพลังที่ไม่สามารถต่อกรได้”
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองกำลังเดินทางขึ้นเหนือพวกเขาเดินผ่านป่าทมิฬโดยไม่มีความรู้สึกกังวลราวกับว่าพวกเขาแค่ออกมาเดินเล่นที่สวนหลังบ้าน
หลังจากเดินไปได้อีกสองชั่วโมง,ก็มีอีกกลุ่มนึงมาถึงซากกองไฟ ครั้งนี้, เป็นกลุ่มของราชินีมังกรแดง ในตอนที่พวกเขามาถึง, นักเวทย์แสงฮาลิโน่ก็เอาคทาชี้ไปที่กองขี้เถ้าแล้วร่ายเวทย์ตรวจจับระดับสูง: ย้อนเวลา แสงสีทองได้สาดส่องลงมาจากคทาของเขา, เกิดเป็นภาพเงาลางๆรอบกองขี้เถ้า และจากนั้นร่างเงาก็เริ่มเคลื่อนไหว มีเงาคนสี่คนนั่งอยู่รอบกองไฟมีเต็นท์ขนาดใหญ่ถูกติดตั้งเอาไว้ตรงมุม และมีหมูป่าที่ถูกถลกหนังแล้วกำลังถูกรมควันอยู่เหนือกองไฟ ผ่านเงาพวกนี้, พวกเขาเห็นน้ำมันหยดลงมาจากหมูป่าด้วย
เวทย์ของฮาลิโน่ได้แสดงภาพเงาของสามคนออกมาอย่างชัดเจนสองคนในนั้นดูเหมือนกับครึ่งเอลฟ์ หน้าตาของพวกเขาหล่อเหลา พวกเขากำลังนั่งอยู่รอบกองไฟ, และกำลังพูดคุยเรื่องบางอย่าง จากเครื่องแต่งกายและกริยาท่าทางของพวกเขา, พวกเขาน่าจะเป็นนักเวทย์
ร่างเงาอีกคนนั้นมีลักษณะเหมือนผู้หญิงที่สวมเกราะเต็มยศเธอดูน่าจะมีอายุประมาณสิบหกถึงสิบเจ็ดปี เธอกำลังนั่งอยู่ใกล้ๆกองไฟเหมือนกัน, และหมุนไม้เสียบที่ยืดหมูป่าเอาไว้เหนือไฟอย่างตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม,เงาที่สี่นั้นยืนห่างออกมาจากคนที่เหลือ ภาพทั้งตัวของเขานั้นเลือนลาง คนๆนี้แทบจะเหมือนกับแสงที่นั่งอยู่ข้างกองไฟอย่างเงียบๆ มันสามารถมองข้ามไปได้อย่างง่ายดายถ้าไม่ตั้งใจสังเกตให้ดี
ไม่มีใครเห็นว่าคนๆนี้หน้าตาเป็นยังไงหรือกำลังทำอะไรอยู่ณ ตอนนั้น Aileen-novel
และทันใดนั้นเอง,พวกเขาทั้งสี่ก็เห็นมนุษย์ที่ภาพเลือนลางคนนั้นสะบัดมือ และพริบตาต่อมา, ร่างเงาที่เกิดจากเวทย์ย้อนเวลาของฮาลิโน่ก็สั่นอย่างรุนแรง เขาพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว, แต่ฮาลิโน่ก็ไม่สามารถรักษาความเสถียรของร่างเงาได้อีก และในที่สุด, ร่างเงาเหล่านี้ก็เลือนหายกลับเข้าไปในแสงสีทอง
พอเห็นแบบนี้,นักเวทย์แห่งความมืดยูจินก็ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา “นั่นต้องเป็นลอร์ดเฟิร์ดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ไม่มีใครแล้วที่สามารถใช้เทคนิคแบบนี้ได้”
อีกฝ่ายต้องรบกวนกระแสเวลาเอาไว้อย่างแน่นอนซึ่งในฟิรุแมนนั้น, นอกจากไฮเอลฟ์คู่นึงที่ใช้เวลาอย่างยาวนานไปกับการเรียนรู้เวทมนตร์กาลเวลาแล้ว, ก็มีแค่ลอร์ดเฟิร์ดเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้
ปราชญ์แห่งขุนเขาฮีโรโตะถอนหายใจ,และลูบหนวดสีขาวของเขา “ข้าเคยเจอลอร์ดเฟิร์ดตอนที่อยู่ในหุบเขามังกร ตอนนั้นเขายังเป็นแค่เด็กหนุ่มใสซื่อ, เหมือนกับต้นกล้าที่พึ่งโผล่ออกมาจากดินอยู่เลย ใครจะไปคิดหล่ะว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ในเวลาไม่ถึงปี? นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ”
เกรเทลไม่ได้พูดอะไรเธอยังคงจ้องมองไปยังจุดที่ภาพเงาของลิงค์เคยอยู่อย่างเหม่อลอย
พอสังเกตเห็นสภาพของเกรเทลในตอนนี้,ยูจินก็พูดขึ้นมา “องค์ราชินี, ลิงค์น่าจะกำลังมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อไปค้นหาหนังสือแห่งการรังสรรค์เหมือนกับพวกเรา ดังนั้นพยายามอย่าปล่อยให้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งของพระองค์ถูกคำพูดไม่กี่คำของลิงค์ชักจูงในตอนที่เราไล่เขาทันนะ แต่ถ้าเรื่องแค่นี้ท่านยังทำไม่ได้, ข้าขอแนะนำให้ท่านกลับไปที่หุบเขามังกรตอนนี้เลยจะดีกว่า” เกรเทลถอนหายใจออกมาแล้วเหลือบมองยูจินด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น“ข้าไม่เป็นไรแล้วหล่ะ, ขอบคุณนะ แต่ว่าเจ้าไปห่วงเรื่องของตัวเองเถอะ เพราะถึงยังไงข้าก็ไม่ใช่คนที่ปล่อยให้อารมณ์ชักจูงจนทำคนอื่นลำบากอยู่แล้ว”
“ก็ได้,ก็ได้, ฟังดูมีเหตุผลอยู่” ยูจินยกมือขึ้นเป็นการยอมแพ้ จากนั้นเขาก็หันไปหาฮาลิโน่ “ดูเหมือนว่าตอนนี้ลิงค์จะเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยสินะ, แล้วพวกเราจะเอายังไงดีหล่ะ?”
ฮาลิโน่คิดอยู่พักนึง,จากนั้นก็พูดขึ้นมา “ข้าไม่คิดว่าพวกเราจำเป็นต้องห่วงเรื่องเขาซักเท่าไหร่หรอก ลอร์ดเฟิร์ดเป็นคนมีเหตุผล พวกเราจะลองทำข้อตกลงกับเขาดูถ้าเกิดว่าพวกเราไปเจอเขา บางทีเขาน่าจะยอมรับเงื่อนไขจากพวกเราตราบใดที่เฟิร์ดได้ประโยชน์จากเรื่องนี้”
ทันใดนั้นเอง,ฮีโรโตะก็พูดโพล่งขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง “ก็แน่หล่ะนะ, เขามันนักธุรกิจหน้าเลือดที่คิดแต่เรื่องฟันกำไรจากคนอื่นนี้ เหอะๆ, ตอนนี้เขาน่าจะเก็บสะสมทองทั้งหมดในฟิรุแมนเอาไว้ในเฟิร์ดเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองแล้วหล่ะ”
“พอซักทีเถอะ!นี่พวกเราตั้งใจจะเดินทางกันต่อรึเปล่า?” เกรเทลพูด
พวกเขาทั้งสี่ตกอยู่ในความเงียบจากนั้นพวกเขาก็เปิดใช้เวทย์ของตัวเองและมุ่งหน้าไปทางเหนือต่อ
สิบนาทีต่อมา,ฮาลิโน่ก็พูดขึ้นอย่างกระทันหัน “หยุดก่อน, มีบางอย่างไม่ถูกต้อง มีคนสองคนอยู่ข้างหน้า ข้าสัมผัสได้ว่าพวกนั้นแข็งแกร่งมาก!”
ยูจินเองก็สัมผัสได้เหมือนกันเขาพูดออกมาจากบอลหมอกสีดำ “แปลกจัง, ข้าไม่เคยเจอนักรบที่แข็งแกร่งขนาดนี้ในฟิรุแมนมาก่อนเลยนะ พวกนั้นดูน่าจะมีอายุไม่เกิน 30 ปีด้วยซ้ำ นี่โลกเรามันเปลี่ยนเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย?”
เขาตัวสั่นกับเรื่องนี้ตลอดเวลามานี้, ฮาลิโน่เป็นแค่คนๆเดียวที่ยืนเทียบเคียงกับเขาได้ในแง่ของพลัง แต่ตอนนี้คนรุ่นใหม่สองคนข้างหน้านั้นมีพลังก้าวข้ามเขาไปแล้วด้วยซ้ำ นี่มันไม่ควรจะเป็นไปได้
เกรเทลหยุดพร้อมกับเงี่ยหูจากนั้นก็ตั้งใจสัมผัสระดับพลังของสองคนข้างหน้าสิบวินาทีต่อมา, เธอก็พูดขึ้น “สองคนนั้นไม่ได้มาจากฟิรุแมน ข้าได้ยินพวกนั้นพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับนักบุญคนนึง, อาณาจักรอารากู่, แล้วก็กุหลาบโลหิตทมิฬ บางทีพวกนั้นน่าจะมาจากอารากู่ ลิงค์เคยเล่าถึงสถานที่แห่งนั้นให้ข้าฟังอยู่ครั้งนึง มานาที่นั่นหนาแน่นมากบางทีน่าจะมากกว่าฟิรุแมนถึง 5 เท่าเลยด้วยซ้ำ”
ยูจินตกตะลึงในตอนที่ได้ยินเรื่องนี้ตอนนี้เขายิ่งสงสัยกว่าเดิม “นั่นคือเหตุผลที่พวกนั้นแข็งแกร่งขนาดนั้นสินะ พวกนั้นใช้ชีวิตอยู่ในสวรรค์มานานี่เอง จากที่เห็น, ดูเหมือนว่าสองคนนั้นไม่ได้มาด้วยเจตนาดีแน่ๆ พวกเราควรจัดการตอนนี้เลยดีไหม?” “ทำไมเจ้าถึงอยากต่อสู้กับพวกมันตอนนี้เลยหล่ะ?”ปราชญ์แห่งขุนเขาฮีโรโตะไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำของยูจิน
ยูจินตอบกลับในทันที“ฮีโรโตะ, เจ้าจะว่าอะไรไหมถ้าข้าบุกเข้าไปในเมืองใต้ดินของคนแคระในซักวันนึงโดยไม่ทักทายเจ้าเลยซักนิดเดียว?”
ฮีโรโตะจ้องเขา“ข้าคงจะพาเจ้าออกจากเมืองด้วยโลงศพหล่ะนะถ้าเจ้าเฉียดเข้ามาใกล้เมืองของข้าขนาดนั้น!”
“5555,นั่นแหล่ะที่ข้าคิด ไอ้สองคนนั่นไม่ได้มาแนะนำตัวกับพวกเราด้วยซ้ำ, นี่คือสิทธิ์ของคนที่อาศัยอยู่ในภพนี้ ฮาลิโน่, เจ้าจะเอาด้วยไหมหรือยังไง?”
หลังจากที่คิดอยู่พักนึง,ฮาลิโน่ก็พูดขึ้น “เจ้าพูดมีประเด็นนะ อย่างน้อยพวกเราก็ต้องรู้ให้ได้ว่าพวกนั้นมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร มันก็แค่นักรบสองคนเอง ต่อให้พวกนั้นจะแข็งแกร่งกว่าเราหากวัดกันรายคน, แต่พวกเราก็สามารถวางกับดักหลอกล่อพวกนั้นได้การหลอกล่อไม่น่าจะเป็นงานยากอะไรนะ”
“หึหึ,ไม่ใช่ทุกวันนะที่เจ้าจะเห็นด้วยกับความคิดของข้า ถ้างันมาลงมือกันเถอะ”