Advent of the Archmage - 591: บททดสอบแรกที่ทุ่งน้ำแข็ง
Chapter
ลิงค์ยืนอยู่บนยอดภูเขาหิมะและถามกับวิญญาณดาบ”ทางนี้ถูกแล้วใช่มั้ย?”
ลมหนาวพัดอยู่รอบตัวเขาในขณะที่มีทุ่งน้ำแข็งกว้างสุดลูกหูลูกตาอยู่ด้านหน้าเขาอากาศนั้นสะอาดจนผิดปกติ ด้วยการมองลงมาจากยอดเขาผ่านสายตาอันสุดยอดของเขานั้นทำให้ลิงค์มองไปได้ไกลหลายร้อยไมล์
ดินแดนนี้ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ทุ่งหิมะสิ่งที่แตกต่างก็คือในระยะที่ไกลออกไปนั้น มันยิ่งมืดขึ้นไปอีก และที่ปลายทางก็เป็นเวลากลางคืน มันเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างกลางวันและกลางคืนของภาคเหนือและภาคใต้ และมันยิ่งมีเอกลักษณ์มากๆในตอนที่มาอยู่ทางเหนือสุดแบบนี้
ทิศทางถูกต้องแล้วแต่ว่ามันผ่านกาลเวลามานานแสนนาน ข้าไม่รู้ว่าดินแดนได้เปลี่ยนไปด้วยรึเปล่า
เสียงของวิญญาณดาบเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจลอร์ดพายุนั้นมาจากช่วงเวลาในอดีตและมันก็ผ่านมาหลายพันปีแล้ว ซึ่งมันเป็นระยะเวลาที่นานมากพอที่จะเปลี่ยนทะเลให้เป็นแผ่นดินได้
ลิงค์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตามหาในทิศทางเดิมต่อเขาจะพบชิ้นส่วนหนังสือแห่งการรังสรรค์หรือไม่นั้นมันขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆ
ฉันจะตามหาอย่างน้อย3 เดือน ถ้าเกิดว่าไม่ได้เบาะแสอะไรเลย ฉันจะยอมตัดใจ ลิงค์ขีดเส้นตายให้ตัวเอง เขายังคงมีอะไรให้ทำอีกเยอะจึงไม่สามารถเสียเวลากับที่นี่ได้นานนัก
เขาดึงเสื้อให้แน่นขึ้นและลิงค์ก็พูดกับอีกสามคนที่เหลือ “เอาหล่ะ ไปต่อกันเถอะ”
ทั้งสามพยักหน้านานะเป็นคนนำและกระโดดลงมาจากยอดเขา จากนั้นเธอก็วิ่งลงทางลาด ตอนนี้เธอดูเหมือนกับใบไม้ที่กำลังลอยโดยที่มีความสามารถในการควบคุมพลังของตัวเองอย่างสมบูรณ์
ในอดีตเธอไม่เคยทำแบบนี้ได้เลย นานะมีประสบการณ์การต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แต่ว่าทักษะการต่อสู้ของเธอนั้นขึ้นอยู่กับความเร็วสูงและพลัง ดังนั้นถ้าเกิดว่ามีคนที่รับมือกับสองสิ่งนี้ได้ เธอก็จะมีปัญหา
ตอนนี้เธออยู่ในสถานะใหม่อย่างสมบูรณ์ ทักษะของเธอได้ผสานเข้ากับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมและความคล่องตัวอันสุดยอด นี่เป็นผลลัพธ์เล็กๆของน้ำปาฏิหาริย์
เอเลียร์ดกับมิโรสร่ายเวทย์ลอยและค่อยๆร่อนลงมาจากยอดเขาแม้ว่าพวกเขาจะลอยอยู่ แต่พวกเขาก็ต้องใช้แรงทั้งหมดในการไล่ตามนานะ
ลิงค์ตามพวกเขาไปอย่างช้าๆและคอยลบร่องรอยให้พวกเขาพวกเขาอาจจะไม่ค่อยระวังตัวนักในป่าทมิฬ แต่ว่านี่เป็นเขตเหนือสุด พวกเขาเข้าใกล้ชิ้นส่วนแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ซ่อนตัวให้ดี มันก็อาจจะมีเรื่องน่ารำคาญเกิดขึ้นได้ถ้ามีคนตามมาสร้างปัญหาให้พวกเขา
ทั้งสี่คนเดินทางในลักษณะนี้ไปอีก150 ไมล์ ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปอีก 50 ไมล์ มันก็กลายเป็นกลางคืนอย่างสมบูรณ์
แต่ก็ต้องขอบคุณท้องฟ้าที่ยังคงเต็มไปด้วยดวงดาวและยังมีน้ำแข็งกับหิมะอยู่ทั่วทุกที่ ดังนั้นทัศนวิสัยของพวกเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไร
สถานที่แห่งนี้ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ดังนั้นในช่วงพันปีมานี้จึงมีผู้คนน้อยมากที่เข้ามาในโลกน้ำแข็งแห่งนี้แม้กระทั่งนักผจญภัยที่กล้าหาญก็ยังไม่กล้ามาที่นี่ ในตำนานหลายๆตำนานว่ากันว่าที่นี่เป็นที่รู้จักในชื่อสุดขอบโลก
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะเจออะไรดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ลิงค์กับคนอื่นๆจึงลดความเร็วลง และเพื่อหลบเลี่ยงการเจอกับสิ่งที่ไม่รู้จักอย่างกระทันหัน พวกเขาจึงไม่ได้ใช้เวทมนตร์ด้วยซ้ำและเดินด้วยเท้าเปล่า แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักเวทย์ แต่ร่างกายของพวกเขาทั้งสามก็แข็งแรงดี นานะเดินไปโดยไม่พูดอะไร มันค่อนข้างหนาว แต่ว่าพวกเขาสามารถทนได้ หลังจากผ่านไปซักพักลมหนาวก็หยุดลง
ครืดครืด นอกจากเสียงเดินบนหิมะ โลกก็เงียบสงบ
“ที่นี่มันเงียบอย่างกับสุสานเลย”เอเลียร์ดกอดตัวเองด้วยความกังวลเล็กน้อย
มิโรสมองซ้ายมองขวามือของเขาจับคทาเอาไว้แน่นเพื่อเป็นการเตรียมพร้อม “ข้ารู้สึกแปลกๆ มันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างกำลังจ้องเราอยู่”
นานะยังคงเดินหน้าต่อเหมือนเช่นเคยเธอไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติเลย
ลิงค์เองก็รู้สึกแปลกเหมือนกันที่นี่เงียบเกินไป สัญชาตญาณนักเวทย์บอกกับเขาว่าถ้าเขายังเดินต่อไปแบบนี้ จะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ยังไงก็ตาม ความรู้สึกนี้มันคลุมเครือมาก เหมือนกับใยแมงมุมที่โดนลมพัด มันยากที่จะจับได้ ดังนั้นทั้งหมดที่ลิงค์ทำได้ก็คือเตรียมพร้อมเอาไว้และเดินไปด้วยสภาพตื่นตัวอย่างเต็มที่ ในตอนที่เขาเดินอยู่ๆหัวใจของเขาก็เต้นแรง และรอบข้างก็ตกลงสู่ความเงียบอย่างกระทันหัน เขาไม่ได้ยินเสียงก้าวเดินอีกแล้ว เขาหันกลับไปอย่างรวดเร็ว และเห็นว่า เอเลียร์ด มิโรส และนานะได้หายไปจากทุ่งน้ำแข็งที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตานี้ นอกจากหิมะสีขาวแล้ว เขาไม่เห็นอะไรรอบตัวเลย
แปลกจังพวกนั้นหายไปได้ยังไง? ลิงค์ขมวดคิ้ว เขาไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงรอบตัวเลย มันไม่มีคลื่นมานาหรือคลื่นมิติใดๆทั้งนั้น พวกเขาแค่หายไปเฉยๆ
ลิงค์ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็นเขาเดินไปที่รอยเท้าของพรรคพวกที่หายไปเพื่อทำการตรวจสอบ เขาได้ร่ายเวทย์ตรวจสอบไปหลายบทแต่มันเปล่าประโยชน์
นี่มันค่อนข้างแปลกนะ
ลิงค์ยืนอยู่กับที่และใช้ความคิดไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ตัดสินใจถอย ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม, แต่มันอยู่เกินขอบเขตพลังของเขา ดังหน้าการเดินหน้าต่อจึงไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเลย
เขาหันหลังเตรียมที่จะเดินกลับจากนั้นมันก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติมากกว่าเดิม
ณเขตเหนือสุดนี้มีหิมะสีขาวปกคลุมทั่วทุกที่ รวมไปถึงความจริงที่ว่าตอนนี้เป็นตอนกลางคืนและลมก็หยุดพัดด้วย มันยากมากที่จะจับทิศทาง อย่างไรก็ตาม, ลิงค์ยังพอบอกทิศเหนือทิศใต้ได้ ท้องฟ้าทางใต้นั้นสว่างกว่าทางเหนือเล็กน้อย และเขาก็ยังมีเข็มทิศด้วย
ด้วยการใช้สนามแม่เหล็กเขาสามารถแยกทิศเหนือทิศใต้ได้อย่างแม่นยำ
แต่ว่าตอนนี้ลิงค์พบว่าท้องฟ้าที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังของเขานั้นไม่ต่างกันเลย เขามองลงมาดูที่เข็มทิศ มันหยุดนิ่ง และไม่สามารถบอกทิศทางได้เลย ไอรีนโนเวล
ลิงค์หันไปรอบๆและพบกับอะไรที่น่าตกใจกว่า
ทั้งสี่ทิศเหมือนกันหมดทุกทางต่างก็มุ่งหน้าตรงไปทางเหนือ ไม่ว่าฉันจะขยับยังไงฉันก็จะเข้าใกล้ทางเหนือมากขึ้น มิตินี้จะต้องถูกบิดเบือนอยู่แน่ๆ แต่ว่าฉันไม่เคยเห็นเทคนิคแบบนี้มาก่อนเลย
ในตอนนั้นเองวิญญาณดาบก็พูดขึ้น “ลิงค์ ดูเหมือนว่าอยู่ๆข้าจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้หล่ะ”
ลิงค์อยากจะดึงวิญญาณดาบออกมาจากดาบและอัดมันจริงๆทำไมมันถึงต้องรอให้มีเรื่องเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยบอกนะ? นี่มันกำลังเล่นสนุกกับเขาอยู่หรอ?
เขาถอนหายใจและถาม“มีอะไร? ว่ามาซิ”
ข้านึกถึงคนๆนั้นคนที่ห้ามลอร์ดพายุไม่ให้โยนชิ้นส่วนทิ้งอย่างไม่ระมัดระวัง อยู่ๆข้าก็นึกคำพูดของเขาขึ้นมาได้ ไม่สิ ข้าจำไม่ได้ อยู่ๆมันก็ผุดขึ้นมาเอง
พอได้ยินแบบนี้ลิงค์ก็ใจเต้น เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิดเอาไว้ มันจะต้องมีบางสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของวิญญาณดาบ “เขาพูดว่ายังไงบ้าง?”
“เขาบอกว่าขั้นแรกคือการท้าทายแบบเดี่ยว”
“หืม?”ลิงค์ตกลงสู่ห้วงความคิดและคิดออกมาได้สองเรื่อง เรื่องแรกคือ ทุกคนที่มาที่นี่น่าจะต้องเจอกับบททดสอบแบบนี้คนเดียว เพราะเอเลียร์ด มิโรส และนานะต่างก็ถูกจับแยกกับเขา เรื่องที่สอง เขาไม่ใช่แค่คนเดียวที่จะผ่านบททอดสอบนี้ได้ ดังนั้นมันจะต้องมีขั้นที่สองและสามไปจนกว่าจะได้ผู้ชนะคนสุดท้าย
พอมาถึงจุดนี้ลิงค์ก็หยุดคิดเขาเดินต่อไปในทุ่งน้ำแข็ง
ไม่นานหลังจากที่เขาเข้าสู่บททดสอบเงาสีแดงเพลิงทั้งสองก็มาถึง พวกเขาคือฮามิลตันกับโนอา นักรบเพลิงนรกจากอารากู่
ตั้งแต่มาถึงที่นี่พวกเขาไม่ได้เดินทางอย่างสงบเลยพวกเขาตื่นกลัวเหมือนกับมีสัตว์ป่าไล่ตามพวกเขาอยู่ ชุดเกราะหนังที่สวยงามของพวกเขาขาดรุ่งริ่ง และพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บด้วย โดยเฉพาะฮามิลตันที่ยังมีแผลเลือดไหลอยู่ที่ใต้ซี่โครงของเขา ดวงตาของเขาซีดเผือด และการเดินของเขาก็ไม่มั่นคง
โนอาที่อยู่ข้างเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันซักเท่าไหร่เธอเคยมีดาบโค้งเพลิง 2 เล่ม แต่ตอนนี้เหลือเล่มเดียวแล้ว และมีบาดแผลน่ากลัวที่แขนขวาของเธอ ซึ่งเลือดแข็งไปแล้ว แต่ว่ายังมีเลือดไหลซึมออกมาจากน้ำแข็งอยู่ แขนของเธอสั่นอย่างรุนแรง
“บ้าจริงพวกมันยังตามมาอยู่เลย!” ฮามิลตันตะโกน การพูดทำให้เขาเจ็บแผล เขารีบจับหน้าอกของตัวเองและส่งเสียงร้องโอดครวญในทันที
“คิดไม่ถึงเลยว่านักเวทย์ที่โลกนี้จะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้”ดวงตาของโนอาเต็มไปด้วยความกลัว คนพวกนี้น่ากลัวเกินไป พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมาก แต่ไม่ว่าพวกเขาจะสู้ยังไง พวกเขาก็โจมตีศัตรูไม่โดนเลย ดูเหมือนว่าศัตรูจะคาดเดาการเคลื่อนไหวของพวกเขาออกหมด พวกเขามักจะโดนลงมือก่อนเสมอ ถ้าไม่ใช่เพราะระดับพลังของพวกเขาและความกลัวพวกเขาก็คงไม่สามารถรอดออกมาได้
ฮามิลตันยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้“หนอย พวกมันมีสี่คนและลอบโจมตีพวกเรา เจอแบบนี้พวกเราสู้กับพวกมันไม่ได้หรอก ถ้าเกิดว่าเป็น 1 ต่อ 1 ข้าจะผ่าครึ่งพวกมันในทีเดียวเลย!”
โนอาไม่ได้พูดเธอรู้ว่านี่เป็นการพูดด้วยอีโก้ของฮามิลตัน ในความเป็นจริงนั้น ต่อให้เป็นการต่อสู้ 1 ต่อ 1 พวกเขาก็คงสู้ไม่ได้หรอก โดยเฉพาะนักเวทย์แสงและความมืดที่น่ากลัวเป็นพิเศษ!
ทั้งสองคนวิ่งไปต่อโดยที่ไม่สนใจอย่างอื่นและโดยที่ไม่รู้สึกตัว ลมก็หยุดลง ฮามิลตันรู้สึกว่ารอบข้างเขาว่างเปล่า เขาหันไปรอบๆ แต่ว่าโนอาหายไปแล้ว
“โนอา?โนอา?” เขาเรียก แต่ว่าไม่มีเสียงตอบกลับ
ครืดครืด ครืด กลุ่มราชินีมังกรแดงเองก็มาถึงแล้วเหมือนกัน ยูจินสูดอากาศและหัวเราะออกมา “สองคนนั้นอยู่ไม่ไกลจากพวกเราหรอก ไปกันเถอะ พวกเราใกล้จะจับพวกมันได้แล้ว”
คนอื่นๆก็สัมผัสได้เหมือนกันและเริ่มทำการไล่ตามหลังจากผ่านไปซักพัก ทั้งสี่คนก็เข้ามาอยู่ในพื้นที่แปลกๆ และถูกพลังประหลาดจับแยก
อยู่ๆทุ่งหญ้าน้ำแข็งก็จับตัวบุคคลระดับตำนานได้ 9 คนรวมทั้งเอเลียร์ดด้วย ทั้ง 10 คนนี้นั้นกำลังเข้ารับการทดสอบจากบุคคลในอดีตกาล