Advent of the Archmage - 592: เจอชิ้นส่วนแล้ว
Chapter
“นี่ฉันเดินย้อนกลับมาอีกแล้วหรอ?”ลิงค์มองรอยเท้าบนพื้นอีกครั้งและรู้สึกตัวว่ามันเป็นสถานที่เดียวกับที่เขาเพิ่งจะผ่านมาเมื่อสักครู่นี้ แล้วมันก็ยังเป็นสถานที่ที่เอเลียร์ด, มิโรส, และนานะหายตัวไปด้วย
นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ลิงค์เดินกลับมาที่เดิมเขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในวังวนไร้สิ้นสุด ถ้าพูดให้ชัดกว่านี้, สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้นมันน่าจะเป็นวงวนปิดตายสี่มิติด้วยซ้ำ
ภายในทุ่งน้ำแข็งอันเวิ้งว้างทางตอนเหนือที่ห่างไกลนี้,ไม่ว่าเขาจะไปทางไหน, เขาก็มักจะกลับมายังจุดเริ่มต้นของวังวนเสมอ และเวลาในโลกภายนอกเองก็จะย้อนกลับมาในตอนที่เอเลียร์ดกับคนอื่นๆหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะหาจุดวังวนมิติแต่ในอีกด้านนึงนั้น, ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถสังเกตวังวนของเวลาได้, โดยเฉพาะในตอนที่เขาหรือเธอคนนั้นติดอยู่ในเมืองน้ำแข็งที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากหิมิที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา สายลมเงียบสงบ, และไม่มีอะไรที่เป็นจุดอ้างอิงให้ลิงค์ได้เลย
ลิงค์เองก็ไม่รู้สึกถึงวังวนของเวลาเช่นกัน,แม้ว่าในความเป็นจริงเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงนี้ไปกับการศึกษาหนังสือเวทย์กาลเวลา แต่เขาก็ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องเดิน, อย่างไรก็ตามการศึกษาของเขาก็ยังได้ประโยชน์กลับมาอยู่บ้าง, อย่างเช่นความจริงที่ว่าตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความหน่วงของเวลา
ลิงค์ตัดสินใจว่าจะไม่เดินวนอีกต่อไปเขานั่งลงบนพื้นหิมะ พร้อมกับเอามือข้างนึงมานวดขมับ, เขาพยายามนึกย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้, และหวังว่าจะเจอเงื่อนงำที่ทำให้เขาหลุดพ้นจากวังวนนี้ได้
แม้ว่าเขาจะนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน,แต่สมองของเขาก็ทำงานอย่างเต็มที่พยายามที่จะเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกันเพื่ออธิบายสถานการณ์ของเขา และเขาไม่เพียงแค่รวบรวมความคิดของตัวเองเท่านั้น, แต่เขายังนึกถึงเนื้อหายในหนังสือกาลเวลาเพื่อสนับสนุนทฤษฎีของตัวเองด้วย
หลังจากนั่งเงียบเป็นเวลาพักใหญ่ๆ,ลิงค์ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน ในที่สุดเขาก็ค้นพบความลับที่อยู่เบื้องหลังวังวนนี้แล้ว
มันอาจจะดูเหมือนวังวนไม่รู้จบ,แต่มันก็ยังมีจุดเริ่มต้นอยู่ ไม่อย่างนั้น, ฉันคงจะไม่มาจบลงที่จุดแรกแบบนี้หรอก จุดเริ่มต้นของวังวนก็คือจุดสิ้นสุดของมัน ที่นี่อาจจะเป็นทางออกของฉันก็ได้!
เขาลุกขึ้นแล้วชักดาบลำนำจันทร์เต็มดวงออกมาภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว, เขาก็แทงดาบลงไปในจุดที่แตกต่างกันรอบตัวเขา
มีวงล้อรูนปรากฎขึ้นจากปลายดาบในการแทงแต่ละครั้งและมีวงแหวนรูนเล็กๆนับไม่ถ้วนอยู่ในวงล้อรูนแต่ละจุด ถ้ามองผ่านๆ,มันจะดูเหมือนกับโครงสร้างข้างในนาฬิกา, เฟืองของมันจะหมุนกระทบกันอยู่ข้างในด้วยความรวดเร็ว
ในตอนที่ลิงค์จัดการเสร็จเรียบร้อย, ตอนนี้วงล้อรูนหกเหลี่ยมอันงดงามทั้งหกจุดก็ถูกวางเอาไว้รอบตัวเขา
ในขณะที่วงล้อหมุนเป็นเวลาสามวินาที,ลิงค์ก็ได้ยินเสียงน้ำแข็งแตก และไม่นานนัก, รอบตัวเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ทุ่งน้ำแข็งที่เงียบสงบและมืดมิดในตอนนี้กำลังหายไปเบื้องหน้าลิงค์อย่างรวดเร็วจากนั้นหิมะก็หมุนวนรอบตัวเขาควบคู่ไปกับสายลม, ที่ซึ่งส่งเสียงคำรามเข้ามาในหูของลิงค์เหมือนกับสัตว์ป่า อุณหภูมิรอบตัวเขาลดลงไปเป็นร้อยองศาจนต่ำกว่าจุดเยือกแข็งในทันที
ความหนาวเย็นในตอนนี้เกินกว่าที่จะทานทนได้แม้กระทั่งเสื้อคลุมเวทมนตร์ของลิงค์ก็ยังต้านทานลมหนาวนี้ไม่ได้เลย ดวงตาของเขาให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกแช่แข็งและหลุดออกมาจากเบ้า มันไม่มีทางเลยที่ร่างกายมนุษย์จะทนอุณหภูมิที่ต่ำขนาดนี้ได้ เขาจำเป็นต้องสร้างความอบอุ่นให้ตัวเองให้เร็วที่สุด
หนึ่งในวิธีการที่สะดวกที่สุดสำหรับนักเวทย์ในการสร้างความอบอุ่นให้ตัวเองก็คือการใช้เวทมนตร์ถ้าเป็นเมื่อก่อน, ลิงค์คงจะร่ายเวทมนตร์โดยไม่ลังเล อย่างไรก็ตาม, ในตอนนี้, เขาตัดสินใจที่จะไม่ใช้เวทมนตร์
เพื่อที่จะสร้างความอบอุ่นให้ตัวเอง,นักเวทย์จำเป็นต้องทุ่มสมาธิไปกับการรักษาผลของเวทมนตร์ที่มีต่อตนเอง ซึ่งนี่คงจะไม่เป็นปัญหาอะไรถ้าลิงค์อยู่ในสถานการณ์อื่น แต่ในสถานการณ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้แบบนี้, เขาคงจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันได้ไม่ทันเวลาถ้าเขาต้องใช้สมาธิกับทั้งสองสิ่งในเวลาเดียวกัน ซึ่งนี่เป็นความเสี่ยงที่เขายอมรับไม่ได้
ดังนั้นแทนที่จะใช้เวทมนตร์,ลิงค์จึงตัดสินใจใช้เทคนิคใหม่ที่เขาพึ่งได้รับมาหลังจากฝึกเทคนิคเตาเผาวิญญาณของราชามนุษย์สัตว์อวตาร์
พลังงานในร่างของลิงค์เริ่มหมุนเวียนด้วยความรวดเร็วตามความคิดของเขาซึ่งผลลัพธ์ก็ทำให้เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนในตัวเขาแผ่ออกมาจากเส้นเลือดทุกเส้นจนร่างของเขาร้อนขึ้นอย่างมาก
ในเวลาชั่วเสี้ยววินาที,ความชาในร่างของเขาก็หายไป และลิงค์ก็ได้ความรู้สึกกลับคืนมา
อันที่จริง,เทคนิคที่ลิงค์เพิ่งใช้นั้นคล้ายกับวิธีการใช้ออร่าต่อสู้ของนักรบ ซึ่งนี่เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับนักรบ, แต่กับนักเวทย์นั้น, มันคงจะยากมากๆ
นักเวทย์มักจะเคยชินกับการดึงมานาออกมาจากข้างใน,และสร้างโครงสร้างเวทมนตร์ออกมานอกร่างกาย จากนั้นก็อัญเชิญธาตุที่อยู่รอบตัวมาใช้ในการต่อสู้, อันที่จริง, ไม่เคยมีนักเวทย์ที่มีความกล้าพอที่จะร่ายเวทย์ใส่ตัวเองเลย ต่อให้เป็นเวทย์สนับสนุนก็ยังมีข้อห้ามในตัวมันเอง ซึ่งนี่เป็นเพราะว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้เกิดความเสียหายกับร่างกายของตัวนักเวทย์เอง
แต่ตอนนี้,ลิงค์ได้เหนือกว่าความแตกต่างทางด้านพลังระหว่างนักเวทย์กับนักรบแล้วด้วยการใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับตำนานของมนุษย์สัตว์, เตาเผาวิญญาณ ซึ่งการที่เขาจะปกครองเหนือพลังของตัวเองได้ก็มีแค่ความเป็นไปได้นี้เท่านั้น
ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังอุ่นขึ้นลิงค์จ้องมองลมหนาวในขณะที่มุ่งหน้าขึ้นเหนือต่อไป
เสียงของวิญญาณดาบดังก้องในหัวของเขา,เสียงนั่นอีกแล้ว มันบอกว่านี่คือการทดสอบที่สอง
เข้าใจหล่ะลิงค์พูดในขณะที่เดินหน้าต่อ
หลังจากนั้นไม่นาน,ลิงค์ก็รู้สึกตัวว่าอากาศกำลังเย็นขึ้นทุกนาที ซึ่งผลก็คือ,ร่างกายของเขากำลังสูญเสียความร้อนไปอย่างรวดเร็ว เขาจำเป็นต้องเร่งความเร็วการไหลเวียนในร่างกายของเขาขึ้นอีกก่อนที่เขาจะแข็งตาย
หลังจากเดินหน้าไปได้อีกไม่กี่ร้อยฟุต,ข้อความก็ปรากฎขึ้นในทัศนวิสัยของลิงค์ เขาเหลือบไปดู, และเห็นว่ามันคือข้อความเตือนจากระบบเกมส์
เตือนภัย!เตือนภัย!
อัตราการฟื้นฟูแก่นภพในปัจจุบันของผู้เล่นอยู่ที่134 แต้มต่อวินาที, ในขณะที่อัตราการใช้พลังในปัจจุบันอยู่ที่ 135 แต้มต่อวินาที พลังสำรองของผู้เล่นเริ่มลดลงแล้ว!
พลังแก่นภพสูงสุดของลิงค์ในตอนนี้อยู่ที่10,365 แต้ม, ซึ่งมากกว่าราชินีมังกรแดง 30 เปอร์เซ็นต์ถ้าแปลงเป็นพลังมังกร แล้วอัตราการฟื้นฟูในปัจจุบันของเขาก็อยู่ที่ 134 แต้มต่อวินาที, ซึ่งหมายความว่าพลังของเขาแทบจะเรียกได้ว่าไร้ขีดจำกัด อย่างไรก็ตาม, เพื่อที่จะต้านทานความหนาว, อัตราฟื้นฟูพลังของเขาจึงได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล
การทดสอบแรกคือการดูว่าฉันเข้าใจมิติกับเวลามากแค่ไหนแล้วครั้งนี้มันคือการทดสอบอะไรหล่ะ? ทดสอบระดับการควบคุมพลังของฉันหรอ?
ในตอนที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของลิงค์,เขาก็ได้ยินเสียงน้ำแข็งแตกอีกครั้งท่ามกลางเสียงหอนของลมหนาว ไอลีนโนเวล
เขาเขม่นตา,พยายามดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างหน้า, แต่พายุที่ฟุ้งอยู่รอบตัวเขาหนาเกินไปจนเขาไม่เห็นอะไรเลย ทันใดนั้นเอง, เขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรนูนๆที่ใต้เท้าของเขา เขาก้มลงไปดูและเห็นรอยแยกจำนวนมากปรากฎขึ้นบนพื้นที่เขากำลังยืนอยู่ ข้างในรอยแยกนั้นมืดสนิท ลิงค์ไม่เห็นเลยว่าพวกมันลึกแค่ไหน มีเศษน้ำแข็งหลุดออกจากขอบของแรกแยกจุดนึง เสียงปะทะกับกำแพงน้ำแข็งของมันดังสะท้อนมาจากข้างในหลุมลึกในขณะที่มันตกลงไป ลิงค์ไม่รู้เลยลว่ารอยแยกนี้ลึกแค่ไหน ครู่ต่อมา,น้ำแข็งใต้เท้าของลิงค์ก็เริ่มร่วงไปตามๆกัน
และด้วยความรวดเร็ว,ลิงค์ก็ใช้ปลายเท้าเดินผ่านชั้นน้ำแข็งที่ค่อยๆพังทลายลง ร่างกายของเขาลอยผ่านอากาศอย่างสง่างามและในที่สุดก็ลงมาที่หย่อมน้ำแข็งที่มุมหนึ่ง
ตลอดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เขาสามารถใช้เวทมนตร์ได้แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น, เพราะเขารู้สึกได้ว่ามีอันตรายที่มองไม่เห็นกำลังดักซุ่มอยู่ใต้ชั้นน้ำแข็ง ถ้าเขาร่ายเวทย์ช่วยเหลือตัวเองจากน้ำแข็งที่กำลังถล่ม, เขาก็คงจะไปดึงดูดอันตรายที่ว่าและนั่นก็จะทำให้ความซวยตามมาเยือนเขา
ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่ทำไมเขาถึงเลือกใช้ศิลปะการต่อสู้แทน
ก่อนที่เขาจะได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก,หย่อมน้ำแข็งที่เขากระโดดลงมาก็เริ่มพังทลายเช่นกัน ลิงค์ดีดตัวขึ้น, ลอยไปตามลมอย่างนุ่มนวลและไปลงที่หย่อมน้ำแข็งอีกจุดนึงที่ยังติดกันดีอยู่ และโดยไร้ซึ่งคำเตือน,หย่อมน้ำแข็งนี้ก็เริ่มแตก, และลิงค์ก็กระโดดขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งตลอดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ยังไม่มีอันตรายแบบไหนที่ทำให้ลิงค์สะดุดกลางอากาศเลย
ผู้สังเกตการณ์ภายนอกน่าจะสังเกตเห็นว่าลิงค์กำลังเดินอยู่บนน้ำแข็งที่พังทลายตลอดการทดสอบทั้งหมดชั้นน้ำแข็งที่เขาเหยียบจะพังลง, และลิงค์ก็จะกระโดดไปหาหย่อมอื่นในขณะที่เดินหน้าไปด้วย มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังเดินบนอากาศอยู่จริงๆ
เหตุการณ์นี้กินเวลาประมาณสิบนาทีซึ่ง ณ ตอนนี้, ลิงค์ก้าวไปทั้งหมด 1,329 ก้าวและเดินทางข้ามน้ำแข็งไปได้สิบไมล์โดยไม่มีการก้าวพลาดหรือช้าลงเลย มันเหมือนกับว่าเขาฝึกฝนมาเพื่อการทดสอบนี้โดยเฉพาะ
และในก้าวที่1,330 , ในที่สุดเท้าของเขาก็มาเหยียบลงบนน้ำแข็งที่ยึดติดกันแน่นซึ่งไม่พังทลายในทันทีแล้ว
หย่อมน้ำแข็งนี้เป็นทรงกลมที่มีขนาดประมาณหนึ่งร้อยตารางฟุตที่ตรงกลางนั้นมีชายคนนึงถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งทั้งตัว ก่อนที่ลิงค์จะมีเวลาวางสองเท้าลงบนพื้น, ชายคนนั้นก็เข้ามาหาเขา, และปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าลิงค์ในชั่วพริบตา มีดาบน้ำแข็งเล่มหนึ่งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในมือของเขาและอยู่ห่างจากหน้าอกของลิงค์ไม่ถึงหนึ่งฟุตแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นนักเวทย์หรือนักรบก็คงจะไม่สามารถตอบสนองกับการโจมตีแบบนี้ได้ทันเวลา,โดยเฉพาะหลังจากที่เจอกับสิ่งที่ลิงค์พึ่งเผชิญมา พวกเขาจะถูกดาบน้ำแข็งของชายคนนั้นแทงก่อนที่จะรู้ว่าอะไรโจมตีเขาด้วยซ้ำ
ไม่ว่าใครก็คงจะพบจุดจบที่เลวร้ายจากการโดนดาบเล่มนี้ฆ่าในทันที!
อย่างไรก็ตาม,ลิงค์ไม่ใช่แค่นักเวทย์ธรรมดา ในตอนที่เขากระโดดออกจากน้ำแข็งพังทลายหย่อมสุดท้าย, เขาก็เห็นชายคนนั้นอยู่ไกลๆแล้ว พลังของเขาไหลเข้าไปในดาบ ในตอนที่มนุษย์น้ำแข็งคนนั้นเทเลพอร์ทมาอยู่หน้าเขา, แล้วลิงค์ก็เอาดาบลำนำจันทร์เต็มดวงแทงเขาในทันที จากนั้นเขาก็เปิดใช้เทคนิคดาบกาลเวลา,ซึ่งส่งผลให้เวลา 1,000 ปีถูกบีบเหลือแค่หนึ่งวินาที
ในตอนที่ดาบลำนำจันทร์เต็มดวงสัมผัสกับปลายดาบน้ำแข็ง,รอยแตกก็ปรากฎขึ้นที่ใบดาบของมัน และในชั่วพริบตา, ดาบน้ำแข็งทั้งเล่มก็สลายกลายเป็นผง
ในภพนี้,ไม่มีอะไรที่ทนกับพลังทำลายจากการเร่งเวลาได้
หลังจากที่ดาบน้ำแข็งสลายไปแล้ว,ลิงค์ก็เหวี่ยงดาบต่อและแทงทะลุหน้าผากของมนุษย์น้ำแข็งด้วยการเคลื่อนไหวเดียว จากนั้นพลังก็ไหลเข้าไปที่ปลายดาบของเขา, และเปิดใช้เวทย์เพลิงที่มีพลังทำลายอย่างน่าเหลือเชื่อซึ่งเป็นของเผ่ามังกร: บอลแห่งการทำลาย
แสงสีม่วงเปล่งออกมาจากหน้าผากของมนุษย์น้ำแข็งจากนั้น, ร่างกายของเขาก็ละลายเป็นแอ่งน้ำ ซึ่งแอ่งน้ำนี้ก็กลายเป็นน้ำแข็งในทันทีเนื่องจากอากาศที่หนาวจัด ในตอนที่แอ่งน้ำเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งแผ่นใหม่,รอบตัวลิงค์ก็เริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ลมหนาวนรกหายไปแล้ว,และกลายเป็นอากาศหนาวแค่เล็กน้อย มีพระจันทร์เต็มดวงปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า และที่ข้างหน้าก็มีภูเขาน้ำแข็งตั้งตระหง่านอยู่ ที่ยอดน้ำแข็งนั้นมีลักษณะเป็นแท่น, ที่เปล่งแสงอ่อนๆ พอสังเกตดูดีๆ, ลิงค์ก็ตระหนักได้ว่ามีชิ้นส่วนหินที่เสียหายเป็นแหล่งกำเนิดของแสงนั้น
นั่นมันชิ้นส่วนหนังสือแห่งการรังสรรค์นี่!ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจากการค้นพบของเขา, ลิงค์ก็รีบปีนขึ้นเขาไปรับรางวัลของเขา
แต่ทันใดนั้นเอง,วิญญาณดาบก็พูดขึ้น, การทดสอบที่สามเริ่มขึ้นแล้ว
มีแสงวาบห้าแสงปรากฎขึ้นต่อเนื่องกันอยู่ไม่ห่างจากลิงค์แล้วก็มีเงาคนยืนอยู่ในแสงนั้น ในบรรดาเงาเหล่านั้นมีคนนึงอยู่ห่างจากเขาไม่ถึง 300 ฟุต
ลิงค์เขม่นตาดู“ยูจิน” ยูจินดูโทรมมากเสื้อคลุมสีดำของเขาขาดหลุดรุ่ย ผมของเขากระเซอะกระเซิง, และมีแม้กระทั่งบาดแผลลึกบนใบหน้าของเขาด้วย ความประหลาดใจปรากฎขึ้นบนหน้าของเขาในตอนที่เห็นลิงค์, แต่เขาก็รีบสงบความรู้สึกตัวเองและหัวเราะออกมาเสียงดัง “5555, นั่นลอร์ดเฟิร์ดนี่หน่า ไม่นึกเลยนะว่าข้าจะได้มาเจอท่านในสถานที่แบบนี้”