Advent of the Archmage - 600: หนังสือแห่งการเปิดเผย: หนังสือวิญญาณของรอซโซ่
Chapter
โครงสร้างภายในของถ้ำน้ำแข็งนี้ดูเหมือนกับห้องนั่งเล่น
มันมีความกว้างประมาณ100 ตารางฟุต และมีตู้หนังสือครึ่งวงกลมตั้งอยู่ที่กำแพงสองตู้ ที่มุมนึงของห้อง, มีห้องเล็กๆที่มีฉากปักขวางทางเข้าเอาไว้อยู่ ผ่านฉากนี้, จะมองเห็นเตียงขนาดใหญ่อยู่ในห้อง นี่ต้องเป็นห้องนอนอย่างแน่นอน
ข้างในห้องหลัก,มีโต๊ะกลมขนาดใหญ่อยู่ตัวนึง ที่ข้างโต๊ะตัวนั้นมีร่างของผู้ชายกับผู้หญิงนั่งอยู่ ศพของพวกเขาทั้งคู่ยังยึดติดกันดี, แม้ว่าในความเป็นจริงนั้นพวกเขาจะถูกผึ่งจนแห้งไปทั้งตัวและดูเหมือนกับกิ่งไม้แห้งมากกว่าก็ตาม
ลักษณะท่าทางของพวกเขายังคงเหมือนกับตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ผู้ชายกำลังอ่านหนังสือ, ในขณะที่ผู้หญิงกำลังยุ่งอยู่กับการสลักนกทองคำ สีหน้าของพวกเขาดูเงียบสงบ และผู้ชายก็ดูเหมือนกับกำลังพูดอยู่ด้วย
มีหนังสือเวทมนตร์เล่มนึงที่เปล่งแสงสีฟ้าอ่อนวางอยู่กลางโต๊ะกลมเสียงที่ลิงค์ได้ยินก่อนหน้านี้กำลังดังมาจากมัน
มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของลิงค์สองคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมพวกเขามาใช้ชีวิตอยู่ทางเหนือที่ห่างไกลแบบนี้? แล้วทำไมพวกเขาถึงทิ้งหนังสือเวทมนตร์เล่มนี้เอาไว้หล่ะ?
ด้วยแรงกระตุ้นจากความปราถนาที่จะไขปริศนาเหล่านี้,ลิงค์จึงเริ่มเดินเข้าไปในห้องน้ำแข็ง หลังจากที่เขาก้าวไปได้ไม่ถึงสามก้าวอยู่ๆก็มีกระแสพลังเวทย์เกิดขึ้นในอากาศอย่างกระทันหัน
ลิงค์หยุดเดินด้วยความตกใจแล้วเขาก็เลื่อนมือไปจับด้ามดาบลำนำจันทร์เต็มดวงตามสัญชาตญาณ
สองวินาทีต่อมา,ก็มีภาพเงาปรากฎขึ้นเบื้องหน้าเขา เงานี้หมุนไปรอบห้องก่อนที่จะเข้าไปประทับที่ศพทั้งสอง จากนั้นเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น,ในตอนที่เงาคลุมรอบพวกเขา, ศพทั้งสองก็เริ่มบวมขึ้น ลิงค์มองเห็นว่าผิวหนังของพวกเขากำลังค่อยๆกลับมาชุ่มชื้น, ในขณะที่ดวงตาไร้ชีวิตของพวกเขาสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด, ตอนนี้มันเหมือนกับว่าทั้งสองศพนี้ได้ถูกพากลับมาจากความตาย
ความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงนี้ได้กวาดไปทั่วห้องด้วยทุกสิ่งที่อยู่ในห้อง, ซึ่งตอนแรกเต็มไปด้วยฝุ่น, ตอนนี้มันดูสะอาดอย่างเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตาม,ลิงค์รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่ภาพลวงตา ในความเป็นจริงนั้น, ร่างยังคงไร้ชีวิตอยู่ พลังเวทย์ที่ลิงค์สัมผัสได้ในตอนนี้ก็เป็นแค่การหักเหของแสงด้วยวิธีการบางอย่างที่ทำให้ศพดูเหมือนกลับมามีชีวิต
ครู่ต่อมา,ผู้ชายก็เริ่มพูด
“ลูเซีย,ชีวิตของข้ากำลังจะสิ้นสุดลงในเร็วๆนี้” สายตาของผู้ชายไม่ได้ออกห่างจากหนังสือเวทมนตร์เลยในขณะที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเขายังคงไร้อารมณ์, ราวกับว่าความตายของตนนั้นเป็นเรื่องปกติเหมือนกับมีเพื่อนบ้านมาขอยืมน้ำตาลซักถ้วย
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเขาหัวเราะ,โดยไม่ตกใจกับสิ่งที่ผู้ชายพูดเลยซักนิด เธอไม่ได้หยุดแกะสลักนกทองคำในขณะที่พูด “รู้แล้วหล่ะ ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเราควรเริ่มเตรียมการได้แล้ว, ถูกไหม?”
ผู้ชายพยักหน้าเขาลุกขึ้น, แล้วเดินไปที่หนึ่งในตู้หนังสือและจากนั้นก็เอาหนังสือเวทมนตร์ออกมาเล่มนึง ลิงค์สังเกตดูและเห็นว่าหนังสือที่ชายคนนั้นกำลังถืออยู่คล้ายกับเล่มที่อยู่บนโต๊ะเลย, อย่างน้อย, ก็ที่ภายนอก ความแตกต่างเดียวก็คือมันไม่ได้เปล่งแสง, หรือส่งเสียงแปลกๆ
ชายคนนั้นกลับไปนั่งที่พร้อมกับหนังสือแล้วจากนั้นก็วางหนังสือเอาไว้ที่กลางโต๊ะ
ลิงค์สังเกตเห็นว่ามีรูนเวทมนตร์ที่เรียบง่ายสลักอยู่กลางโต๊ะในตอนที่หนังสือเวทมนตร์ถูกวางลงบนโต๊ะ, รูนที่อยู่บนโต๊ะก็เริ่มเปล่งแสง แล้วจากนั้นแสงก็ไหลจากโครงสร้างรูนเข้าไปในหนังสือเวทมนตร์
แล้วลิงค์ก็ตระหนักได้ว่าแสงพวกนี้จริงๆแล้วไม่ได้มาจากโครงสร้างรูนมันไหลออกมาจากมือของผู้ชาย แล้วหนังสือเวทมนตร์ก็สว่างขึ้นเรื่อยๆในขณะที่มันดูดซับแสงเข้าไปเรื่อยๆ จากนั้นมันก็เริ่มส่งเสียงแปลกๆออกมา
ผู้ชายกำลังตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัดตอนนี้เขาดูเหมือนกับคนอายุร้อยปีในตอนที่หยุดถ่ายแสงเข้าไปในหนังสือ
“ที่รัก,ด้วยพลังนี้พวกเราสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อีกเกือบพันปีเลยนะถ้าพวกเราต้องการ เจ้าโกรธข้ารึเปล่าที่ทำแบบนี้?” ชายคนนั้นพูดกับผู้หญิงที่นั่งข้างๆอย่างเศร้าโศก
“ไม่หรอก,รอซโซ่, ทุกชีวิตล้วนมีจุดเริ่มต้นและจุดจบ ชีวิตของพวกเราได้เดินทางมาถึงเส้นชัยแล้ว ถึงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกพันปีมันก็มีแต่จะทรมาณวิญญาณของพวกเรา” ผู้หญิงพูดพลางส่ายหัว
ลิงค์สังเกตเห็นว่าด้วยเหตุผลบางประการ,ใบหน้าของผู้หญิงเองก็เหี่ยวย่นเหมือนกับผู้ชาย
ในตอนนั้นเอง,ผู้ชาย, ที่แทบจะไม่เหลือพลังชีวิตแล้ว, ก็เอาดินสอออกมาและเริ่มเขียนลงบนหนังสือเวทมนตร์เบื้องหน้าเขาอย่างช้าๆ ส่วนผู้หญิง, เธอไม่ได้กังวลเรื่องความตายที่กำลังใกล้เข้ามาเลย, เธอยังคงสลักนกทองคำต่อไป
จากนั้นผู้ชายก็เริ่มอ่านสิ่งที่เขาเขียน“ข้าชื่อรอซโซ่ ชไนเดอร์ ข้าเริ่มศึกษาเวทมนตร์ตั้งแต่ตอนอายุ 28 ปี อย่างไรก็ตาม, สามปีแรกของการเรียนนั้นไม่ได้หวือหวาเลย แต่พอข้าอายุได้ 31 ปี ข้าก็บังเอิญพบหินวิญญาณเข้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม, มันเลือกข้า, และมอบศักยภาพอันน่าเหลือเชื่อในศาสตร์ลึกลับให้กับข้า สิบปีต่อมา, ข้าก็ได้รับฉายาอันทรงเกียรติ์ผู้ปกครองวิญญาณ และอีกสิบปีต่อมา, ข้าก็เริ่มศึกษาเวทมนตร์ทำนายเป็นเวลาห้าปี, แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรที่สังเกตได้ ในคืนหนึ่ง, ในตอนที่ข้ากำลังเหม่อมองดวงดาวอยู่, ข้าก็ตระหนักขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน ในตอนนั้นข้ารู้ว่าคนเราจำเป็นต้องได้รับพรจากภพถึงจะสามารถเชี่ยวชาญเวทย์ทำนายได้ การฝึกอย่างเข้มงวดนั้นไม่ได้ช่วยให้ข้าประสบความสำเร็จในด้านนี้…”
ชายคนนั้นกำลังเขียนเรื่องราวชีวิตลงในหนังสือลิงค์ฟังอยู่ที่มุมนึงอย่างอดทน, ด้วยความที่อยากรู้ว่าเรื่องราวของชายคนนี้จะจบลงยังไง สิบนาทีต่อมา, ผู้ชายก็หยุดเขียน เขาเหลือบมองหนังสือเวทมนตร์ที่กำลังเปล่งแสงสีฟ้าออกมาเป็นเวลาสามวินาที จากนั้นสายตาของเขาก็กลับมาที่หนังสือที่อยู่ตรงหน้า หลังจากมองอยู่สิบวินาที เขาก็เขียนต่อ
“พรสวรรค์ด้านการทำนายนี้ทำให้ข้ามองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมันเป็นทั้งพรและคำสาปที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ภพนี้จะให้ได้ ข้าสูญเสียความหวังในชีวิตไปทั้งหมด เพื่อที่จะได้รับความหวังที่ข้าสูญเสียไปกลับคืนมา, ข้าได้ดิ้นรนฝืนกระแสเวลา, และมองเข้าไปในอนาคต จนกระทั่งในที่สุด, ข้าก็เห็นจุดเปลี่ยน, มันคืออนาคตในอีก 120,000 ปีข้างหน้า ไอรีนโนเวล
“120,000ปีข้างหน้านั้น, เส้นเวลาของภพจะแตกแขนงเป็นหลายสาขา มันเหมือนกับต้นไม้ที่เริ่มแตกกิ่งก้านออก, และสร้างความเป็นไปได้มากมายในอนาคต ในบรรดาอนาคตเหล่านี้ข้าเห็นความหนาวเหน็บ, และเห็นแม้กระทั่งการทำลายล้างอย่างสิ้นซาก อย่างไรก็ตาม, มันยังมีแสงสว่างและความหวังอยู่ ความเป็นได้นั้นมีไม่รู้จบ 120,000 ปีเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเกินไป ต่อให้ข้าขึ้นเป็นพระเจ้า, ข้าก็คงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานจนเห็นอนาคตข้างหน้าได้…ข้าเห็นจุดจบของตัวเองแล้ว ข้าได้รับพรจากภพ, จากนั้นข้าก็จะปลีกตัวออกไปอย่างเงียบๆเหมือนกับตอนที่ข้าเข้ามา และด้วยเหตุนี้เอง, ข้าจึงตัดสินใจที่จะทิ้งหนังสือแห่งวิญญาณนี้เอาไว้ให้คนรุ่นหลัง”
ผู้ชายวางดินสอลงในที่สุดเขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองมาที่ลิงค์ จากนั้นก็พูดต่อ, สายตาของเขาดูเหมือนไม่ได้เพ่งมาที่ไหนเลย “สำหรับผู้ครอบครองหนังสือเล่มนี้ในอนาคต, ตัวตนของเจ้าอาจเป็นเผ่าไหนก็ได้, ไม่ว่าจะเป็นปีศาจ, มนุษย์สัตว์, ทาสของเทพแห่งการทำลาย, เอลฟ์, หรือแม้กระทั่งมนุษย์ก็ตาม แต่ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร, ความจริงที่ว่าเจ้ามาถึงจุดนี้ได้ก็หมายความว่าเจ้าผ่านการทดสอบของผู้พิทักษ์ ตอนนี้เจ้ามีสิทธิ์ที่จะครอบครองหนังสือเล่มนี้ รับไปสิ ในที่สุด, ความรู้ที่ข้าสั่งสมมาตลอดชั่วชีวิตก็จะได้มีผู้สืบทอดสักที”
ในตอนที่เขาพูดจบ,ภาพเงาก็หายไป ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เหลือแค่หนังสือเวทมนตร์เท่านั้นที่ยังส่งเสียงหึ่งอยู่บนโต๊ะราวกับกำลังรอให้ลิงค์เข้ามาหยิบ
ลิงค์ไม่ได้รีบเข้ามาหยิบหนังสือของนักพยากรเขายืนอยู่ตรงทางเข้าแล้วโค้งคำนับศพของนักพยากรยุคโบราณทั้งสองคน หลังจากที่เขาเคารพศพเสร็จเรียบร้อยเขาถึงเดินเข้ามาหยิบหนังสือวิญญาณขึ้นจากโต๊ะ ในตอนที่หนังสือวิญญาณถูกหยิบขึ้นจากโต๊ะ,ห้องก็เริ่มสั่นเล็กน้อย มีรอยแตกปรากฎขึ้นที่โต๊ะ, ศพแห้งๆทั้งสอง, ชั้นหนังสือ, และแม้กระทั่งห้องนอนเล็กๆ พวกมันเริ่มพังทลายไปทีละนิด
ในชั่วพริบตา,ห้องน้ำแข็งทั้งห้องก็พังทลายเป็นเศษซาก มีแค่หนังสือเวทมนตร์ในมือของลิงค์เท่านั้นที่ยังอยู่ในสภาพไร้รอยขีดข่วน
กำแพงรอบๆถ้ำน้ำแข็งเองก็เริ่มแตกร้าว,และมีทีท่าว่าจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ ในช่วงเวลานี้เอง, ลิงค์ก็ร่ายเวทย์เพื่อคงสภาพให้กำแพงเชื่อมติดกันนานที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
ในตอนนั้นเอง,เสียงของวิญญาณดาบก็ดังเข้ามาในหัวของลิงค์
เขาคือผู้ปกครองวิญญาณเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยมีตัวตนอยู่ในสมัยโบราณ เขาเป็นบรรพบุรุษของเซลีน ฟลังดร์และยังเป็นเพื่อนสนิทของลอร์ดพายุด้วย เขานั่นแหล่ะที่เป็นคนบอกให้ลอร์ดพายุหัดควบคุมอารมณ์ของตัวเองบ้าง, ไม่อย่างนั้นมันจะมีผลลัพธ์ตามมา แต่ว่า, มันก็เหมือนกับการพูดให้คนหูหนวกฟัง หลังจากนั้นไม่นาน, ผู้ปกครองวิญญาณก็หยุดเตือนเพื่อนของเขา, ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็นำไปสู่ความพินาศของลอร์ดพายุ
ลิงค์หวั่นไหวกับเรื่องเล่าของวิญญาณดาบเขานึกย้อนไปถึงเรื่องราวชีวิตของรอซโซ่และรู้สึกสิ้นหวังที่นักพญากรต้องจมอยู่ในภาพนิมิตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ลิงค์นึกภาพออกเลยว่ามันต้องเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับการแบกรับคำสาปไปตลอดชีวิตแน่ๆ
เขาโค้งให้ศพของผู้ปกครองวิญญาณอีกครั้งก่อนที่จะออกจากห้องไปในตอนที่เขาเดินออกมา, ห้องก็สูญเสียการสนับสนุนจากเวทย์ของลิงค์และพังทลายในทันที
ข้างนอกถ้ำ,หนังสือวิญญาณในมือของลิงค์หยุดเปล่งแสง ลิงค์พยายามเก็บหนังสือเวทมนตร์เข้าไปในแหวนมิติแต่ก็ล้มเหลว ดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้จะมีเวทย์ยับยั้งมิติอยู่
ปกหนังสือทำมาจากหนังที่ผ่านการปรุงยามาเป็นพิเศษลิงค์ตัดสินใจที่จะห้อยหนังสือเอาไว้ที่เอวของเขาอย่างแน่นหนา
ทันใดนั้นเอง,ก็มีแสงวาบขึ้นมาในทัศนวิสัยของเขา ระบบเกมส์ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเวทมนตร์ที่ลิงค์พึ่งได้รับมา
ผู้เล่นได้รับหนังสือเวทมนตร์ชื่อหนังสือวิญญาณของรอซโซ่
หนังสือแห่งการเปิดเผย:หนังสือวิญญาณของรอซโซ่
อุปกรณ์ระดับพระเจ้าไร้ตำหนิเลเวล19
ผลพิเศษ1: มีเนื้อหาความรู้ด้านเวทมนตร์ทั้งหมดที่รอซโซ่สั่งสมมาตลอดชีวิตของเขา
ผลพิเศษ2: ผู้ร่ายจะสามารถเปิดใช้เวทย์ทำนายเลเวล 19 , ทำนายโชคชะตาได้, ด้วยการส่งพลังที่มากพอเข้าไปในหนังสือ เวทย์นี้จะทำให้ผู้ร่ายทำนายโชคชะตาของทุกสิ่งที่มีตัวตนอยู่ในภพฟิรุแมนได้ ยิ่งอีกฝ่ายมีเลเวลสูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งใช้พลังเวทย์มากเท่านั้น (เวทย์นี้สามารถร่ายใส่เป้าหมายใดก็ได้, โดยไม่สนเลเวลของมัน)
ระยะเวลาคลูดาวน์:หนึ่งปี
(หมายเหตุ:โลกนี้ปกปิดความลับจากข้าไม่ได้)
พออ่านรายละเอียดจบแล้ว,ลิงค์ก็ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะพูดขึ้น “ช่างเป็นเวทย์ที่น่ากลัวจริงๆ สมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเลเวล 19”
ด้วยการสงบสติอารมณ์ของตัวเอง,ลิงค์ก็มุ่งหน้าลงไปที่ตีนภูเขาน้ำแข็ง เกรเทลยังคงตัวแข็งทื่อเนื่องจากเวทย์มิติของเขา บาดแผลของเธอร้ายแรง และการรักษาเธอภายใต้สถานาการณ์เช่นนี้คงจะไม่ใช่งานง่ายๆ, แม้ว่าคนรักษาจะเป็นลิงค์ก็ตาม
“ฉันควรทำยังไงดีนะ?”ลิงค์พูดในขณะที่เริ่มคิดหาวิธีรักษาบาดแผลของเกรเทล