Advent of the Archmage - 605: กุหลายแสงดาวของดาร์คเอลฟ์ 3
Chapter
ป่าทมิฬ,ท่าเรือธาราทมิฬ
“ไม่,ไม่, ไม่, พวกเรายอมรับเงื่อนไขพวกนี้ไม่ได้ อิริเดียมเป็นวัตถุดิบล้ำค่าจากเกาะรุ่งอรุณ มันคือทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ การส่งให้ 200 ปอนด์ต่อเดือนนี่มันมากเกินไปแล้ว พวกเราให้มากขนาดนั้นไม่ได้หรอก”
ที่โต๊ะ,เจ้าชายโมเดอร์น่าส่ายหัว ดูเหมือนว่าจะไม่มีพื้นที่ให้ต่อรองเลย
โมลิน่าหงุดหงิดตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้เธอเผชิญกับความเยอะของไฮเอลฟ์มาหลายครั้งแล้ว เขาจะคำนวนเงื่อนไขการร่วมมือแต่ละข้อซ้ำไปซ้ำมา; ไม่มีข้อไหนที่ผ่านไปได้อย่างราบรื่นเลย เธอจะไม่เสียเวลากับบทสนทนาที่วนไปวนมาแบบนี้ถ้าเขาไม่แสดงความจริงใจออกมาบ้าง
หลังจากพูดคุยกับลูกน้องของเธอ,โมลิน่าก็พูดออกมา “ฝ่าบาท, มานั่งหยั่งเชิงกันเองแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ บอกมาเถอะว่าให้มากสุดได้เท่าไหร่”
“อืมม,ข้าคิดว่า…” ทันใดนั้นเองโมเดอร์น่าก็ไอออกมาอย่างกระทันหัน ตอนแรก, มันเป็นเสียงไอเบาๆ, หลังจากนั้นสักพักมันก็ทวีความรุนแรงขึ้นมาก มันฟังเหมือนกับว่าปอดของเขากำลังจะพังเลย และจู่ๆ, เขาก็พ่นน้ำลายลงพื้น ซึ่งน้ำลายนั้นเป็นสีแดง, และมีกลิ่นโลหะลอยฟุ้งในอากาศ มันคือเลือดนั่นเอง
“ฝ่าบาท,เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” ไฮเอลฟ์ที่อยู่รอบๆกรูกันเข้ามาปกป้องโมเดอร์น่า พวกเขาจ้องไปที่นากากับปีศาจด้วยความระมัดระวังราวกับว่าพวกเขาทำอะไรบางอย่าง
โมลิน่าก็ตกใจเหมือนกันยังไงซะ, พวกเขาก็จริงจังเรื่องที่จะร่วมมือกับไฮเอลฟ์หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากเทพแห่งการทำลาย พวกเขาอยากจะช่วยให้ไฮเอลฟ์รวมภพได้สำเร็จ พวกเขาไม่เคยคิดจะเล่นตุกติกอะไรเลย, ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงการทำร้ายราชา “ฝ่าบาท,เป็นอะไรรึเปล่าคะ?” เธอเองก็ถามด้วยความเป็นห่วง เธอลืมเรื่องการต่อรองไปในทันที
โมเดอร์น่ายังคงไออยู่แต่เบาลงไปมากแล้วหลังจากผ่านไปครึ่งนาที, ในที่สุด, เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดอย่างอ่อนแรง “ช่วงไม่กี่วันมานี้มันหนักเกินไป อาการบาดเจ็บในอดีตของข้ามันกลับมาหน่ะ ดูเหมือนว่าข้าต้องไปพักผ่อนซักหน่อย ข้าเกรงว่าข้าคงไม่สามารถประชุมต่อได้แล้วหล่ะ”
ใบหน้าของเขาซีดเหมือนกับกระดาษในขณะที่พูดมีกองเลือดอันน่าตกใจอยู่บนพื้น แล้วเขาก็มีอาการซึมๆด้วย
โมลิน่าขมวดคิ้วเธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง, แต่โมเดอร์น่าก็พูดต่อ “เรื่องพันธมิตรจะปล่อยให้ช้าไปกว่านี้ไม่ได้เหมือนกัน เหล่าลูกน้องของข้าจะเป็นคนเจรจาแทนข้าเอง”
“โอเคค่ะ,ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร” โมลิน่าพยักหน้าแล้วจากนั้นก็ถามด้วยความเป็นห่วง “ฝ่าบาท, ข้ามีสกิลรักษาศักดิ์สิทธิ์ ท่านอยากให้ข้าช่วยไหม?”
โมเดอร์น่ายิ้มเจื่อนๆแล้วสะบัดมือ“ไม่ต้องหรอก อาการบาดเจ็บของข้าไม่ได้ง่ายแบบนั้น แม้กระทั่งต้นไม้โลกก็ยังทำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็นะมันไม่ได้เลวร้ายนักหรอก ปล่อยให้ข้าพักซักสองสามวันก็หายแล้ว”
พอพูดจบ,เขาก็พยักหน้าให้โมลิน่าเป็นการขอโทษแล้วพูดกับคนใช้ของเขา “ช่วยพาข้ากลับไปหน่อยนะ”
คนใช้เข้ามาช่วยพยุงโมเดอร์น่าออกไปจากห้องในตอนที่เขากลับมาถึงที่พัก, เขาก็ยืนตัวตรงแล้วพูดกับผู้ช่วยที่ตามเขามา “เวเดอร์, ที่เหลือฝากเจ้าจัดการด้วยนะ ถ้าเงื่อนไขมันมากเกินไปก็แย้งพวกนั้นซะ ถ้าเงื่อนไขโอเค, ก็จ้องจับผิดไป แต่ถ้าไม่มีอะไรให้จับผิดได้, ก็ตกลงไปซะ เจ้าจะทำยังไงก็ได้, ขอแค่ยืดเรื่องให้นานขึ้นก็พอ, เข้าใจไหม?”
นักรบเพลิงนรกทั้งสองคนยังไม่ส่งข่าวกลับมา,แต่ข้อมูลนี้สำคัญเกินไป มันจะส่งผลกับแผนการของพวกเขาโดยตรง ถ้าพวกเขาไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้,ไฮเอลฟ์ก็ไม่สามารถร่วมมือกับกองทัพแห่งการทำลายได้อย่างเต็มที่
“เข้าใจแล้วครับฝ่าบาท” เวเดอร์พยักหน้า เขารู้สิ่งที่ราชาตั้งใจจะทำ
ลอนเดลอยู่ที่ห้องประชุม“ท่านนักบวช” เขากระซิบเรียกโมลิน่า “ไฮเอลฟ์น่าจะพยายามยืดเรื่องออกไปนะครับ”
โมลิน่าตกใจแต่ก่อนที่เธอจะได้ตอบกลับ, เธอก็เห็นว่าไฮเอลฟ์ที่นั่งอยู่อีกฝั่งนึงของโต๊ะนั้นหูดี เขาเขม่นตา, แล้วพูดอย่างขุ่นเคือง “นักบวช, นี่คือทัศนคติของท่านต่อการร่วมมือของพวกเรางั้นหรอ? ในช่วงหลายวันมานี้พวกเราก็ตกลงเงื่อนไขกันไปได้ระดับนึงแล้ว มันไม่มีความหมายสำหรับท่านเลยรึไง? พวกเราไม่มีความคิดที่จะยื้อเรื่องนี้เลยซักนิด!”
นี่เป็นความจริงถึงข้อตกลงจะดำเนินไปอย่างช้าๆ, แต่ไฮเอลฟ์ก็ยังจริงใจ ในตอนที่พวกเขาตัดสินใจเรื่องอะไรได้แล้ว, พวกเขาก็จะทำตามในทันทีโดยไม่รีรอเลยซักนิด ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่การต่อรองไม่ได้ล้มเหลวหลังจากผ่านมาครึ่งเดือนนี้ และไฮเอลฟ์ก็จะปล่อยเงื่อนไขล่อตาล่อใจพวกเขาออกมาเป็นบางครั้งเพื่อดึงดูดพวกเขาเอาไว้
การท้วงติงของไอเอลฟ์ประสบผลสำเร็จความกังวลของโมลิน่าถูกลบออกไปในทันที เธอรู้ว่าเธอต้องถนอมความรู้สึกของอีกฝ่าย เธอหันไปหาลอนเดลแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ดาร์คเอลฟ์, ระวังคำพูดหน่อย ขอโทษเกาะรุ่งอรุณซะ!”
โดยปกติแล้ว,ลอนเดลจะลุกขึ้นมาขอโทษโดยไม่ลังเล เขาจะให้ของชดเชยด้วยซ้ำ, แต่วันนี้, ด้วยเหตุผลบางประการ, เขาหัวแข็งขึ้น
ลอนเดลนั่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน,แล้วเขาก็พูดอย่างเย็นชา “ท่านนักบวช, ข้าพูดผิดตรงไหน? ท่านไม่เห็นหรอว่าในช่วงการประชุมที่ผ่านมานี้มันไม่ค่อยจะคืบหน้าเลย? สัญญาที่พวกเขาให้นั้นล้วนเป็นรายละเอียดที่ไม่สำคัญ ผลประโยชน์ที่ได้รับก็เล็กน้อยอย่างกับมด มันก็แค่การเอาใจเรา พวกเขามักจะหลีกเลี่ยงปัญหาหลักตลอดเลย”
ในขณะที่พูด,เขาก็ส่งเสียงฮึดฮัดใส่ไฮเอลฟ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา “กอเร่, ข้าคิดว่าเจ้ากำลังรอข่าวจากนักรบเพลิงนรกอยู่สินะ? เจ้าอยากจะยืนยันก่อนว่าลอร์ดเฟิร์ดได้รับชิ้นส่วนหนังสือแห่งการรังสรรค์จริงรึเปล่าเพราะมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของต้นไม้โลกกับเกาะรุ่งอรุณ ใช่ไหมหล่ะ?”
“เจ้าพะ…พูดอะไรไร้สาระ!”มีเหงื่อไหลบนหน้าผากของกอเร่
“ถ้างั้นก็บอกข้ามาสิว่านักรบเพลิงนรกไปไหน”ลอนเดลกดดัน
“นั่นมันเรื่องส่วนตัวของพวกเขาข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า” กอเร่สงบสติอารมณ์ของตัวเองเล็กน้อยแล้วหันไปหาโมลิน่า “นักบวช—”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ,ลอนเดลก็เริ่มอีกครั้ง เขาลุกขึ้นพรวดแล้วเอามือทุบโต๊ะ “มองข้าสิ,กอเร่” เขาตะคอก “ตอบคำถามของข้ามาซะ!” Aileen-novel
คำพูดนี้หนักแน่นและแฝงไปด้วยพลังทุกคนต่างก็พากันหวาดกลัว, โดยเฉพาะโมลิน่า เธอตัวแข็งทื่อแล้วจ้องลอนเดลอย่างไม่เชื่อสายตา ปีศาจที่อยู่ใกล้ๆเองก็งงเหมือนกัน จากนั้นเขาก็ชี้ลอนเดลแล้วหัวเราะ
“เจ้าสิ่งมีชีวิตน่าสมเพศ,นี่เจ้ายังเมาไม่สร่างรึไง? ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าตัวเองนอนอยู่ข้างผู้หญิงสินะ?”
ลอนเดลหันไปมองแล้วเยาะเย้ย“ไอ้โง่! สมองของแกมันมีแต่ขี้เรื่อย เอาจริงๆเถอะแกรู้อะไรบ้าง? ถ้าไม่รู้อะไรก็หุบปากไปซะก่อนที่จะทำให้กองทัพแห่งการทำลายต้องอับอาย”
“หา,วันนี้เจ้ากินขี้เข้าไปแล้วทำให้ตัวเองอับอายตอนนี้ก็เลยอยากตายขึ้นมาสินะ?” ปีศาจก็ไม่ได้จัดการง่ายๆเหมือนกัน เขาเหวี่ยงหมดของเขา
แต่ลอนเดลก็ไม่กลัวเขาจ้องปีศาจ, แล้วดูถูกหนักกว่าเดิม “ดูเหมือนวันนี้เจ้าจะไม่อยากหายใจแล้วสินะ”
ลอนเดลคว้าคทาของเขาแล้วใส่มานาเข้าไปมีหมอกหนาอยู่รอบอัญมณีสีดำที่ปลายคทาของเขา
พอเห็นว่าการต่อสู้กำลังจะปะทุขึ้น,โมลิน่าก็พูดออกมาในที่สุด “พอได้แล้ว!”
ปีศาจกลัวอกาธาร์นากา, โดยเฉพาะโมลิน่าที่สามารถติดต่อกับเทพแห่งการทำลายได้โดยตรง พอได้ยินเสียงตะโกนของเธอ, ปีศาจก็หยุดในทันที ลอนเดลเองก็คลายมานาของเขา
พอเห็นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้ว,โมลิน่าก็หันไปหาลอนเดล “ไฮเอลฟ์, วันนี้เจ้าทำตัวผิดปกตินะ” เธอพูดด้วยความแปลกใจ “อะไรทำให้เจ้ามีความกล้าขนาดนี้?”
เผ่าดาร์คเอลฟ์ในตอนนี้ไม่มีบุคคลระดับตำนานคนที่แข็งแกร่งที่สุดมีเลเวลแค่ 9 แถมทั้งเผ่าก็เหลืออยู่แค่ประมาณหนึ่งล้านคน มีนักรบไม่ถึง 5,000 คนที่สามารถสู้ได้ และด้วยพลังเพียงเท่านี้, พวกเขาจึงเป็นได้แค่ฝ่ายสนับสนุนเท่านั้น
แต่วันนี้,จู่ๆพวกเขาก็เกิดฮึดขึ้นมาอย่างกระทันหัน มันเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ
ลอนเดลยิ้มเขาลุกขึ้นเดินไปที่ประตูแล้วคุกเข่าลง “ยินดีต้อนรับครับ, องค์หญิง” เขาพูดอย่างเคารพ
“องค์หญิงหรอ?”โมลิน่าสับสน ดาร์คเอลฟ์มีตระกูลราชวงศ์, แต่พวกเขาก็เหลืออยู่แค่ชื่อเท่านั้น อำนาจทั้งหมดได้อยู่กับสภาซิลเวอร์มูนแล้ว คนที่ถูกเรียกว่าองค์หญิงก็เป็นแค่หุ่นเชิดของเผ่าพันธุ์ที่ตกต่ำนี้ เธอมีความสำคัญแค่เชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
ปีศาจก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันพวกเขามองหน้ากัน
“ดาร์คเอลฟ์มีเจ้าหญิงคนใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“เด็กสาวเพียงคนเดียวสามารถทำให้ลอนเดลแข็งแกร่งได้ขนาดนี้เลยหรอ?นี่เขาหัวไปกระแทกอะไรมารึเปล่า?” “ข้าคิดว่าเข้าเป็นบ้าไปแล้วนะ”
ไฮเอลฟ์ไม่ได้พูดอะไรเลยพวกเขาแค่ดูการแสดงเฉยๆ ในตอนที่ลอนเดลให้การต้อนรับเจ้าหญิง, พวกเขาก็มองไปที่ประตู พวกเขาอยากจะดูว่าเจ้าหญิงคนนี้มีหน้าตายังไง
ภายใต้ความคาดหวังของพวกเขา,ก็มีคนปรากฎตัวที่ทางเข้า
พอเห็นคนๆนี้,โมลิน่าก็ตกใจ เธอรู้สึกได้ถึงออร่าแห่งความมืดที่มืดมัวมากๆ มีแค่บุคคลระดับตำนานเท่านั้นที่จะมีพลังนี้ได้ และมันต้องมีเลเวลอย่างน้อย 12 ด้วย
จริงหรอเนี่ย?โมลิน่านึกถึงการกระทำของลอนเดลเมื่อก่อนหน้านี้, แล้วความกลัวก็ปรากฎขึ้น
ในตอนนี้เอง,คนๆนี้ก็ยกมือขึ้นแล้วถอดฮู้ดออกอย่างช้าๆ เส้นผมสีทองอ่อนสยายลงมาเหมือนกับน้ำตก ตอนนี้ใบหน้าอันละเอียอ่อนได้ขโมยลมหายใจของทุกคน ดวงตาสีดำบริสุทธิ์ของเธอนั้นได้แสดงอำนาจที่ไม่สามารถอธิบายได้ออกมา
ในตอนที่เธอปรากฎตัวขึ้น,สิ่งรอบตัวก็ดูขาดสีสันไปเลย ทุกสิ่งได้กลายเป็นฉากหลังเพื่อให้เธอได้โดดเด่น มันเหมือนกับว่าแสงทั้งหมดในโลกนี้ได้หายไปเพื่อเธอ เธอสวยไร้ที่ติ; สูงส่งและทรงอำนาจ, เหมือนกับนางฟ้าที่อยู่ในกลีบเมฆ
ทั้งห้องเงียบสนิทไม่มีใครพูดอะไรออกมา
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ,ไฮเอลฟ์ที่อยู่ข้างหลังกอเร่ก็ลงไปคุกเข่าเหมือนกับลอนเดล เขาพึมพำออกมาเหมือนถูกสะกดจิต “กุหลาบที่ถูกอาบด้วยแสงดาว, ลูกสาวของดวงจันทร์ก็ยังเทียบไม่ติด ความปราถนาเดียวของข้าก็คือการติดตามท่านไปชั่วนิรันดร์”
เสน่ห์ของเธอช่างน่าตกใจจริงๆ