Advent of the Archmage - 608: มีผู้บัญชาการคนใหม่งั้นหรอ?
Chapter
ดูเหมือนว่ากิลเดิร์นมีเรื่องสำคัญจะรายงานยังไงก็ตาม ลิงค์เข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้แล้ว เขาพูดอย่างใจเย็น “ไปคุยกันที่ห้องประชุม ฉันจะฟังรายงานที่นั่น”
“ครับลอร์ด”กิลเดิร์นตอบและรีบตรงเข้าไปยังหอคอยเวทมนตร์
จากนั้นลิงค์ก็พูดกับเซลีน“ที่รัก ฉันมีธุระต้องไปทำ อ่านนำไปได้เลยไม่ต้องรอนะ”
สายตาของเซลีนยังคงจดจ่ออยู่กับหนังสือเวทมนตร์ตรงหน้าเธอเธอกำลังแก้ปัญหาที่ยากมากๆของเวทย์วิญญาณอยู่ เธอโบกมือให้เขา
“ไปทำสิ่งที่ต้องทำเถอะตราบใดที่มันไม่เกี่ยวข้องกับการไปพอดรักกับยัยราชินีมังกรสุดสวยนั่นก็ไม่เป็นไรหรอก”
เขาหัวเราะแห้งและจับมือของเซลีนพร้อมกับเอามืออีกข้างสางผมที่นุ่มนวลและยาวสลวยของเธอก่อนที่จะโน้มตัวลงมาจูบที่หน้าผาก และจากนั้น, เขาก็เดินออกไปจากห้องสมุดอย่างเงียบๆและตรงไปทางห้องประชุม
ในระหว่างทางเขาเห็นกิลเดิร์นรีบตรงมาหาเขาจากอีกฝั่งของทางเดิน จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปด้วยกัน
กิลเดิร์นพูด“ท่านลอร์ด เกี่ยวกับปัญหาที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่นั้น”
เขาหยุดพูดในตอนที่เห็นว่ามีนักเวทย์เดินมาทางพวกเขา
พอเห็นระดับความระมัดระวังของกิลเดิร์นแล้วในตอนที่พวกเขาเข้ามาในห้องประชุม ลิงค์จึงปิดประตูและร่ายเวทย์กำแพงกันเสียงทั่วทั้งห้อง จากนั้นเขาก็พูด “โอเค ตอนนี้รายงานมาได้เลย”
กิลเดิร์นยื่นคัมภีร์ให้ลิงค์สองชุดมันเป็นสีดำทั้งสองชุด ซึ่งบ่งบอกว่าเนื้อหาข้างในนี้สำคัญมาก ลิงค์เปิดคัมภีร์แรกดูมันมาจากหน่วย MI3 ของอาณาจักรนอร์ตัน มันประกอบไปด้วยข้อมูลการเคลื่อนไหวของกองทัพแห่งการทำลายที่อยู่ทางเหนือ นอกจากนี้ยังมีความเห็นจากผู้เขียนคำภีร์ด้วย
ความเห็นที่ว่านั้นคือ:หัวหน้าหน่วยสอดแนมระดับผู้เชี่ยวชาญของป้อมโอริด้าบอกว่าช่วงนี้มีร่องรอยที่น่าสนใจเกิดขึ้นที่ป่าทมิฬ เขามั่นใจว่ามันคือร่องรอยของกองกำลังปีศาจจำนวน 300 คน และสมาชิกแต่ละคนก็มีเลเวลอย่างน้อย 8
กองกำลังโจมตีขนาดใหญ่ระดับนี้สามารถสร้างความวุ่นวายอย่างมหาศาลได้ทุกที่ในฟิรุแมน
ในทันทีที่เขารู้เรื่องนี้หัวหน้าหน่วยสอดแนมก็ตัดสินใจพาลูกน้องของเขาบางส่วนตามร่องรอยเข้าไปในป่าไปจนถึงส่วนลึกของเทือกเขาเฮงดวน
แต่ว่าในตอนนั้นเองร่องรอยของศัตรูที่อยู่ที่นั่นก็หายไปในทันที ด้วยความที่แผนการอันชั่วร้ายของศัตรูนั้นมักจะก่อให้เกิดความกังวลต่อคนหมู่มากดังนั้นข้อมูลใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจึงถูกนำมาส่งที่เฟิร์ดด้วยคัมภีร์ดำอย่างเร่งด่วน
ในตอนที่เขาอ่านคัมภีร์จบลิงค์ก็คิดเกี่ยวกับมันอยู่พักนึง หลังจากนั้นเขาก็ถามกิลเดิร์น “มีข่าวเกี่ยวกับมนุษย์สัตว์ที่ทุ่งหญ้าสีทองบ้างรึเปล่า?”
ตอนนี้หน่วยสอดแนมของเฟิร์ดได้ตั้งค่ายเอาไว้ทั้งทวีปฟิรุแมนแล้วโดยค่ายเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นเครือข่ายข้อมูลอักว้างขวาง ซึ่งส่วนประกอบของมันนั้นเป็นของ MI3 จากอาณาจักรนอร์ตัน และด้วยค่ายเหล่านี้เองเฟิร์ดจึงรู้ข้อมูลที่เกิดขึ้นในทวีปแทบทั้งหมด
กิลเดิร์นเอาคำภีร์ออกมาชุดนึงแล้วส่งให้ลิงค์ในทันที“ท่านลอร์ด ทางทุ่งหญ้าสีทองได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการปรากฏตัวของปีศาจมาให้ครับ พวกมันถูกพบในสถานที่ที่ต่างกัน 5 จุด ซึ่งข้าได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ให้ในแผนที่แล้วครับ”
ลิงค์รับคัมภีร์มาและเปิดดูแผนที่โดยละเอียดของทุ่งหญ้าสีทองได้แสดงเอาไว้ในคัมภีร์ พร้อมกับสัญลักษณ์สีแดง 5 จุดที่แสดงให้เห็นถึงสถานที่ล่าสุดที่พบเห็นปีศาจ สัญลักษณ์นี้เริ่มขึ้นที่มุมทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทุ่งหญ้าสีทอง ซึ่งเป็นส่วนที่ทุ่งหญ้าติดกับเทือกเขาเฮงดวน ยาวไปจนถึงเทือกเขาโคโรราโด้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ สถานที่ที่ปีศาจมุ่งไปนั้นชัดเจนมาก
ลิงค์อึ้งไปพักนึงในตอนที่เขารู้จุดหมายปลายทางของปีศาจนี่พวกมันกำลังมุ่งหน้าไปที่รอยแยกมิติงั้นหรอ? แต่ว่ากองทัพแห่งการทำลายรู้ตำแหน่งของมันได้ยังไง? ถ้าเกิดว่ากองทัพแห่งการทำลายรู้มานานแล้วว่ารอยแตกอยู่ที่ไหน พวกมันก็คงจะแห่ไปที่นั่นตั้งนานแล้วสิ พวกมันคงไม่รอให้เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้แล้วค่อยลงมือหรอก แถมเทพแห่งการทำลายเองก็น่าจะต้องส่งสัญญาณมากมายออกมาเพื่อพยายามข้ามรอยแยกมาจากอีกฝั่งด้วย
ทำไมตอนนี้จู่ๆพวกมันถึงตัดสินใจออกเดินทางมาเปิดรอยแยกหลังจากที่มันถูกผนึกและมิติรอบๆก็เสถียรดีแล้วหล่ะนี่คงเป็นไปได้แค่อย่างเดียว: พวกมันพึ่งจะรู้พิกัดที่อยู่ของรอยแยก
ไม่ว่าพวกมันจะได้ข้อมูลชิ้นนี้มายังไงเราก็ต้องหยุดพวกปีศาจให้ได้ก่อนที่พวกมันจะเปิดรอยแยก
“เจอพวกปีศาจตั้งแต่เมื่อไหร่?”ลิงค์ถาม
“ในส่วนของข่าวทั้งหมดที่มาจากโอริด้าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย3 วันก่อนที่จะมาถึงพวกเราครับ และสำหรับหน่วยสอดแนมของพวกเราที่มีหินรูนสำหรับสื่อสาร ข่าวจากทุ่งหญ้าสีทองน่าจะล่าช้าอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนที่จะมาถึงเฟิร์ด และอ้างอิงจากหน่วยสอดแนมที่ส่งข่าว เวลาได้ผ่านไป 1 ชั่วโมงแล้วหลังจากที่ได้รับข่าวการเคลื่อนไหวล่าสุดของพวกปีศาจจากด่านที่อยู่ใกล้กับทุ่งหญ้าสีทอง ดังนั้นมันน่าจะล่าช้าไปประมาณ 3ชั่วโมงก่อนที่พวกเราจะได้รับข่าวนี้ครับ” กิลเดิร์นตอบ
นี่ก็หมายความว่าข่าวการเคลื่อนไหวล่าสุดของปีศาจที่ลิงค์ได้มานั้นเก่าไป3 ชั่วโมงแล้ว เขามองไปที่แผนที่อีกครั้ง ซึ่งตรงสัญลักษณ์จุดสุดท้ายนั้นอยู่ห่างจากรอยแยกไม่ถึงพันไมล์ด้วยซ้ำ พวกปีศาจอาจจะเริ่มการทำลายผนึกไปแล้วก็ได้ถ้าเกิดว่าพวกมันเคลื่อนไหวเร็วพอ
“ดูเหมือนว่ากองกำลังปีศาจกลุ่มนี้จะมุ่งหน้าไปทำลายผนึกที่รอยแตกมิติสินะ”
ลิงค์เคาะคัมภีร์เขาค่อนข้างกังวล ยังไงก็ตาม เขาไม่ได้แสดงความแตกตื่นออกมาเลย
กองกำลังจู่โจมนั้นประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญเลเวล8, 300คน ในกลุ่มนั้นอาจจะมีปีศาจระดับตำนานปะปนอยู่ด้วย นี่คือกองกำลังที่ควรเฝ้าระวัง แต่ว่าการ์ดมังกรที่คอยคุ้มครองอยู่รอบๆรอยแยกนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนกัน พวกเขาคอยปกป้องรอยแยกมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่าผ่านเข้ามาในภพฟิรุแมน มีบาเรียเลเวล 18 อยู่รอบๆมันและส่วนใหญ่ลิงค์ก็เป็นคนออกแบบเองด้วย มันเป็นผลงานของอัจฉริยะที่จะไม่มีทางถูกคนอื่นทำลายง่ายๆอย่างแน่นอน
หรือพูดอีกนัยนึงก็คือบาเรียนั้นสามารถต้านทานการโจมตีทั้งหมดของศัตรูได้เป็นเวลาพักใหญ่ๆ
สีหน้าของกิลเดิร์นยังคงแย่อยู่เขาพูด “ท่านลอร์ด เรื่องทั้งหมดนี้มันดูง่ายเกินไป อันที่จริง ถ้าเกิดว่าศัตรูคิดจะข้ามทุ่งหญ้าไปโดยไม่ให้ใครพบเห็น พวกมันก็น่าจะเลือกเส้นทางที่คนน้อยๆโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ขนาดนี้ ข้าเกรงว่านี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการร้ายที่พวกปีศาจวางเอาไว้เพื่อล่อพวกเราก็ได้นะครับ”
เรื่องนี่ก็คาใจลิงค์เหมือนกันการกระทำมันชัดเจนมากว่าศัตรูต้องการให้ลิงค์รู้ตัว พวกปีศาจจะทำภารกิจของพวกมันต่อไป ไม่ว่าลิงค์จะตัดสินใจช่วยหุบเขามังกรหรือไม่ ถ้าเกิดเขาเลือกที่จะไม่ช่วย รอยแยกก็จะถูกเปิดออก และความน่ากลัวที่แอบซ่อนอยู่ข้างในนั้นก็จะหลั่งไหลเข้ามาในฟิรุแมน แต่ถ้าเกิดว่าลิงค์เลือกที่จะช่วย มันก็มีโอกาสสูงมากที่เขาจะถูกศัตรูลอบโจมตีในระหว่างทาง
เขาพยักหน้า“ที่นายพูดก็ถูก แผนการแบบนี้จะต้องมีคนฉลาดอยู่เบื้องหลังแน่ๆ ฉันคิดว่าตอนนี้กองทัพแห่งการทำลายน่าจะมีผู้บัญชาการคนใหม่นะ”
จากนั้นลิงค์ก็เปิดคัมภีร์สีดำชุดที่2 ออก
คัมภีร์สีดำนี้มาจากหน่วยสอดแนมของเฟิร์ดเองข้างในนั้น หน่วยสอดแนมได้รายงานเรื่องการโจมตีของกองทัพแห่งการทำลายที่เกิดขึ้นที่ท่าเรือธาราทมิฬ ที่อยู่ทางตะวันตกของป่าทมิฬ
ฝ่ายที่ถูกโจมตีก็คือไฮเอลฟ์คนโจมตีก็คือนากา ปีศาจและดาร์คเอลฟ์ พวกมันฆ่าไฮเอลฟ์เกือบทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นในวันนั้น ไอรีนโนเวล
นกกระจอกวายุเงินของไฮเอลฟ์เองก็ถูกกองทัพแห่งการทำลายพังเละและเพื่อเป็นการดูถูก สมาชิกของกองทัพได้นำศพของไฮเอลฟ์ที่พวกเขาพบไปทำอาหารกินกันด้วย มันเป็นภาพที่น่ากลัวเกินกว่าจะดูได้
ในขณะที่อ่านรายงานลิงค์ก็พูดออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว “พวกไฮเอลฟ์ที่ถูกรายงานนี่กำลังจะไปคุยกับกองทัพแห่งการทำลายเรื่องการตั้งพันธมิตรไม่ใช่หรอ? ทำไมการต่อรองของพวกนั้นถึงล้มเหลวไม่เป็นท่าแบบนี้หล่ะ?”
เท่าที่เขารู้หัวหน้าของกองทัพแห่งการทำลายก็คือนากานักบวชที่มักจะจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยการทูต คนอย่างเธอไม่น่าจะทำเรื่องที่รุนแรงแบบนี้
กิลเดิร์นยักไหล่แสดงให้เห็นว่าเขาก็มีปัญหากับเรื่องนี้เหมือนกัน “ท่านลอร์ด ระหว่างการเจรจาต่อรอง กองทัพแห่งการทำลายได้ทำการปิดกั้นพื้นที่ 5,000 ฟุตรอบท่าเรือธาราทมิฬ นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่พวกเราสามารถหามาได้ในเหตุการณ์นี้ครับ” ลิงค์เคาะนิ้วบนโต๊ะ“แปลกจริงๆด้วย ขอฟังความคิดเห็นของนายหน่อยสิ นายคิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงระบบบริหารในกองทัพแห่งการทำลายรึเปล่า?”
กิลเดิร์นไม่สามารถให้คำตอบกับลิงค์ได้ในฐานะหน่วยข่าวกรอง เขาจะไม่มีทางคาดเดาส่งๆโดยที่มีข้อมูลไม่เพียงพอ จากที่เขาได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของเขา ความจริงนั้นมักจะแปลกเกินกว่าที่คนๆนึงจะจินตนาการได้เสมอ นอกจากนี้ เขาไม่ได้มีสัญชาติญาณในการทำนายระยะสั้นเหมือนนักเวทย์อย่างลิงค์ด้วย การคาดเดาของกิลเดิร์นนั้นไม่มีทางที่จะแม่นยำได้เท่ากับลอร์ดเฟิร์ดหรอก
ในอีกด้านนึงสัญชาติญาณของลิงค์นั้นมักจะแม่นยำมากๆ ซึ่งนี้ได้ถูกพิสูจน์มามากมายจากหลายเหตุการณ์ในอดีต
ก่อนที่กิลเดิร์นจะตอบลิงค์ก็พึมพำกับตัวเอง “ฉันว่าน่าจะมีผู้บัญชาการคนใหม่ที่เป็นคนกุมบังเหียนของกองทัพแห่งการทำลาย เขาหรือเธอคนนั้นต้องเป็นคนที่ฉลาดมากแต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการคุมกองทัพซักเท่าไหร่ ถ้าดูจากการลงมืออย่างรุนแรงและความจริงที่ว่าสามารถได้รับความภักดีได้ในทันทีก็หมายความว่าเขาจะต้องมีพลังมหาศาลอย่างแน่นอน และคนที่ชิงอำนาจไปก็ได้ทิ้งแผนการของโมลิน่าที่จะใช้พันธมิตรจากภายนอก นี่ก็หมายความว่าเขาน่าจะไม่ใช่นากา”
ลิงค์คิดไปเรื่อยๆพยายามตั้งข้อสันนิษฐานเพื่อระบุตัวตนของผู้บัญชาการคนใหม่ และสุดท้ายแล้วคนที่มีความเป็นไปได้ก็ปรากฏขึ้นในใจลิงค์อยู่สองคน
“ถ้าสมมุติว่ากองทัพแห่งการทำลายมีการเปลี่ยนผู้นำจริงๆก็คงมีแค่ 2 คนเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ คนแรกก็คือยูจิน คนระมัดระวังตัวแบบเขาจะต้องเตรียมแผนฉุกเฉินเอาไว้ในกรณีที่ร่างกายภาพถูกทำลายอย่างแน่นอนและตอนนี้ก็คงจะฟื้นฟูพลังกลับมาทั้งหมดแล้ว ส่วนอีกคนก็คือซาโรวินี่ ไม่ ไม่น่าจะเป็นเธอนะ เธอยังคงอยู่ที่อีกภพนึงและไปถึงเลเวล 16 แล้ว ตาแห่งภพจะต้องตรวจจับได้อย่างแน่นอนถ้าเกิดคนที่แข็งแกร่งระดับนั้นพยายามจะข้ามภพมา และเธอจะต้องยอมทิ้งเกียรติของเธอให้กับพวกนากาด้วย นี่ก็หมายความว่ายูจินจะต้องเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างแน่ๆ”
พอเขาได้ข้อสรุปลิงค์ก็มองไปที่คัมภีร์สีดำทั้งสองชุดที่อยู่ในมือและเริ่มอ่านรายละเอียดการโจมตีที่ท่าเรือธาราทมิฬ อ้างอิงจากความทรงจำเกี่ยวกับนักเวทย์แห่งความมืด ลิงค์พบว่าหัวหน้าคนใหม่ของกองทัพแห่งการทำลายกับยูจินนั้นมีนิสัยคล้ายกันมาก
ยังไงก็ตามลิงค์ไม่มีทางพิสูจน์ความกลัวของเขาได้ในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนึ้ก็คือแผนการเปิดรอยแยกของศัตรู ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง มันก็ไม่ควรมีอะไรเกิดขึ้นกับรอยแตกอย่างเด็ดขาด
รอยแยกนั้นไม่ใช่ปัญหาของเฟิร์ดเพียงฝ่ายเดียวพวกมังกรเองก็จะได้รับผลกระทบจากมันเหมือนกัน ในฐานะที่ตอนนี้พวกเขาเป็นพันธมิตรกันแล้ว นี่หมายความว่ามันเป็นปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญด้วยกัน
จากนั้นลิงค์ก็พูดกับกิลเดิร์น“ฟังให้ดีนะ”
กิลเดิร์นยืนตัวตรงในทันที
“ส่งหน่วยสอดแนมไปที่ป่าทมิฬฉันต้องการรู้ให้เร็วที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้นภายในกองทัพแห่งการทำลาย และจงยึดเรื่องนี้เป็นความสำคัญอันดับหนึ่งของนายซะ”
“รับทรายครับลอร์ด”
“เอาหล่ะไปได้แล้ว”
กิลเดิร์นออกไปจากห้องและเริ่มดำเนินการตามคำสั่งในทันที
ลิงค์นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่เขาครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่างเป็นเวลาหลายนาที จากนั้นเขาก็หยิบคัมภีร์ทั้งสองที่อยู่บนโต๊ะออกจากห้องไปเพื่อไปหาผู้อาวุโสมังกรแดง เพทตาลอง